ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 54 การหายตัวไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 54 การหายตัวไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54
การหายตัวไป
มันก็แค่อาหารมื้อเดียว “โอเคค่ะ! ไปกันเถอะ!” เมื่อ มู่หรงเสวี่ยเดินออกไป เขาก็หันมองไปในตำแหน่งที่ฟางฉีฮัวเคยยืนอยู่และพบว่าเขาหายไปแล้ว

ชางกวนหลินบอกให้คนของเขาเก็บหยกที่เพิ่งผ่าออกด้วยแล้วไปที่ร้านอาหารพร้อมกับมู่หรงเสวี่ย

หลังจากนั้นสักพักเธอก็พบว่าชางกวนหลินที่เพิ่งเดินผ่านร้านอาหารและกำลังเดินไปที่ห้องพักโดยไม่หยุด สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไป “ชางกวนหลิน คุณบอกว่ามาทานอาหารไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณจะไปที่ไหน?”

ชางกวนหลินเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอและหัวเราะออกมา ช่างเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจริงๆถึงได้แสดงสีหน้าออกมาหมดแบบนั้น “เธอคิดว่าไงล่ะ? เธอชวนฉันมากินอาหารค่ำไม่ใช่เหรอ? นี่เธอคงไม่ได้จะให้ฉันกินอาหารขยะตามร้านอาหารหรอกใช่ไหม?”

หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกอายกับความคิดของตัวเอง จึงถามเขาออกไปอย่างโง่ๆ “แล้วคุณอยากจะกินที่ไหนล่ะ?”

“แน่นอน เธอจะต้องเป็นคนที่ทำอาหารให้ฉันเอง เธอคงไม่รังเกียจนะ” ชางกวนหลินถามออกมาอย่างจริงจัง

เขารู้ได้ยังไงว่าเธอทำอาหารได้และก็นึกถึงชางกวนโม่ขึ้นมาทันทีซึ่งคนที่บอกก็น่าจะเป็นชางกวนโม่ “แต่ที่นี่มีอาหารเหรอคะ?”

“ฉันมีเตรียมไว้แล้ว ไปกันเถอะ! ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กินเธอหรอก!” เขาพูดออกมา

อ่า!? เธอมองง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?! แต่คงไม่มีอะไรหรอก เขาเป็นน้องชายของชางกวนโม่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะทำอะไรเธอ ห้องพักแขกที่นี่เพียบพร้อมทุกอย่างราวกับเป็นวิลล่า ภายในห้องถูกแยกออกเป็นห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและห้องครัว เพื่อที่จะได้ทำอาหารไว้ทานเองได้

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องของชางกวนหลินและพบว่าห้องนี้อยู่ใกล้กับห้องของชางกวนโม่ ซึ่งห่างไปเพียงสองห้อง ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้!

แตกต่างจากห้องสวีทของชางกวนโม่ที่ห้องครัวไม่มีอะไรเลย แต่ของชางกวนหลินกลับมีพร้อมทุกอย่าง มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจอยู่นาน

“แปลกงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีหลายอย่างที่ฉันหากินข้างนอกไม่ได้ ส่วนใหญ่ฉันเลยทำกินเองที่บ้าน” ชางกวนหลินอธิบายง่ายๆ เขาไม่ได้โกหก บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับความสามารถในการมองเห็นของเขา บ่อยครั้งที่เขาพบว่ารสชาติอาหารในร้านอาหารไม่ถูกปากเขา หลังจากนั้นเขาจึงทำกินเองซะเลย ถึงแม้ส่วนผสมบางอย่างจะไม่ได้ดีมากนักแต่มันก็ดีกว่าไปกินข้างนอก
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงบอกให้เธอทำอาหารให้เขา เขาไม่รู้ว่าเธอทำอาหารได้แต่เขากินอาหารข้างนอกไม่ได้ต่างหาก “งั้นรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปทำให้ทานค่ะ!”

“อยากให้ฉันช่วยด้วยไหม?” ชางกวนหลินถาม อันที่จริงเขาไม่ได้คิดว่าจะให้เธอทำอาหารตั้งแต่แรก เขาเพียงแค่อยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นอีกหน่อยและเขาก็พร้อมที่จะทำอาหารเองด้วย

“ไม่ต้องค่ะ คุณนั่งเถอะ” มู่หรงเสวี่ยที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวตอบกลับมา

ชางกวนหลินยิ้ม ถึงแม้ถ้าเธอจะทำไม่อร่อยแต่มันก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีที่เขามีตอนนี้ไม่ได้

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในกระเป๋าในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น ชางกวนหลินมองไปที่มู่หรงเสวี่ย อยู่ดีๆเขาก็ไม่อยากที่จะบอกเธอจึงทำเป็นไม่สนใจโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังไม่หยุดราวกับว่าอีกฝ่ายกดโทรอย่างไม่ยอมแพ้
ชางกวนหลินค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของมู่หรงเสวี่ย เมื่อเห็นชื่อที่แสดงว่าเป็นชางกวนโม่ เขาก็กดปุ่มปิดเครื่องและใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเบามือ

หลังจากที่ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ซุปของมู่หรงเสวี่ยก็เสร็จเรียบร้อย

อ่า!? เด็กโง่คนนี้ทำได้จริงๆด้วยเหรอเนี่ย?! ยิ่งพวกเขาคุยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น

“ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำอาหารได้! ทำอร่อยกว่าฉันอีกนะเนี่ย” ชางกวนหลินพูดชมออกมาระหว่างที่กำลังกิน

อ่า?! “คุณไม่รู้เหรอ?”
“ฉันไม่รู้” เขาตอบออกมาง่ายๆ
มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงง “ไม่รู้แล้วคุณเรียกให้ฉันมาทำอาหารให้กินได้ยังไง?”
“ฉันคิดว่าฉันจะทำเอง แต่เห็นเธอกระตือรือร้นขนาดนั้นแล้วฉันจะปฏิเสธได้ยังไง?” โง่จริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า!
มู่หรงเสวี่ย “…”
หลังจากทานอาหารเสร็จ เธอยิ้มให้กลับชางกวนหลินเล็กน้อย เมื่อไม่มีอะไรพูดเธอจึงเดินกลับมาที่ห้อง

มู่หรงเสวี่ยเปิดไฟแล้วก็ต้องตัวแข็ง ห้องมืดไปหมดจนเธอไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ เธอไม่คิดว่าชางกวนโม่จะนั่งอยู่ที่เตียงพร้อมดวงตาสีดำที่อ่านอารมณ์ไม่ได้เลย

“ทำไมไม่เปิดไฟล่ะคะ?” เธอถามออกไป
“เธอหายไปไหนมา?” ในดวงตาสีดำมีคลื่นของความปั่นป่วนอยู่ด้วย

มู่หรงเสวี่ยตกใจที่ได้เห็นปีศาจจอมสังหารที่กำลังจะบ้าอีกครั้ง!!!
“ฉันเพิ่งไปทานอาหารค่ะกับน้องชายคุณมา มีเรื่องอะไรเหรอ? มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?” น้ำเสียงกลายเป็นนุ่มลง
“น้องชายงั้นเหรอ?! เธอพูดเรื่องอะไร?” เสียงตะโกนดังไปทั่ว
ตกตะลึง?! อะไรนะ? ชางกวนหลินหลอกเธองั้นเหรอ?!! ไม่มีทางอ่ะ? พวกเขาหน้าเหมือนกันจะตาย ต้องเป็นน้องชายของชางกวนโม่สิ
“ชางกวนหลิน น้องชายของคุณไม่ใช่เหรอ?”
“เขาเหรอ!!! วันนี้เธอไปเจอเขามางั้นเหรอ?! ฉันคิดว่าฉันใจดีกับเธอแล้วนะจนยอมปล่อยให้เธออวดดีแบบนี้” ชางกวนโม่ดึงมู่หรงเสวี่ยด้วยกำลังยืนตัวแข็ง

สามหรือสี่? เธอทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?! “เธอ…เธอ…” เขาโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออกพร้อมด้วยดวงตาที่เริ่มแดง

อย่างไรก็ตามชื่อสามพยางค์ของชางกวนหลินเป็นเหมือนดั่งเวทมนตร์ที่ทำให้ชางกวนโม่ขาดสติ “เธอมักจะใช้ความน่าสงสารของตัวเองเพื่อหลอกล่อคนอื่น! ไร้ยางอายจริงๆ!” แล้วเขาก็กระชากชุดเธอออก

มู่หรงเสวี่ยกัดปากและหยุดพูด ความเสียใจของเธอมาพร้อมกับร่องรอยของความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น เธอไม่อยากที่จะพูดกับเขา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจเท่าไรแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาเหมือนปีศาจที่มาจากนรก
ชางกวนโม่มองหน้าเธอที่แสดงสีหน้ารังเกียจ จนถึงวินาทีสุดท้ายก็ยังคงปฏิเสธ เธอเกลียดเขา! เขาไม่ดีตรงไหน? เขาไม่เคยคลั่งใคล้ผู้หญิงคนไหนเลย เขาถึงขนาดยอมโดนดูหมิ่นด้วยซ้ำ ในตอนนี้ถึงแม้เธอจะเกลียดเขาแต่เขาก็ยังต้องการเธอ

เขาจูบริมฝีปากแดงระเรือของเธออย่างบ้าคลั่ง เปิดปากของเธอด้วยปลายลิ้น พร้อมมือทั้งสองข้างที่ปลดเข็มขัดเธออย่างต่อเนื่อง ลมหายใจถี่ทำให้ภาพที่ดูคลุมเครือในเวลานี้รุนแรงขึ้น

มู่หรงเสวี่ยที่ตัวสั่นไปทั้งร่างและพยายามที่จะเก็บเสียงไม่ให้ครางออกมา ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวและกดเธอให้อยู่เบื้องล่างตัวเขา เขารีบถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ของทั้งสองคนออกและเริ่มลูบไหล่ผิวละเอียดของเธออย่างบ้าคลั่งมากขึ้น

“เอ่อ…อย่า…” มู่หรงอยากที่จะหยุดการทรมานของเขา จึงพยายามที่จะเปล่งเสียงร้องออกมา

เธอเกือบจะถูกบดขยี้และกลืนกินโดยชางกวนโม่
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยที่รู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของเธอถูกล่วงล้ำก็เริ่มดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรง “อ่า…อย่าทำแบบนี้…ปล่อยนะ…เอิ่ม…” การขัดขืนของเธอเสียเวลาเปล่า บั้นท้ายของชางกวนโม่ยังถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนลึกของชางกวนโม่ระเบิดอารมณ์ ในเวลานี้เขามองไม่เห็นการขัดขืนของมู่หรงเสวี่ยเลย เขาเห็นแต่เพียงแสงสีขาวที่เบลอบดบังสายตาเขาอยู่

มู่หรงเสวี่ยหวาดกลัวอย่างที่สุด สายตาที่ดำมืดของชางกวนโม่ดูน่ากลัวราวกับหมาป่าร้าย

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะข้ามเส้นสุดท้าย มู่หรงเสวี่ยโยนยาอันทรงพลังจากมิติลับใส่เขาไปเต็มกำมือ ภายในเสี้ยววินาทีชางกวนโม่ก็ล้มลงไปกองที่พื้น เธอมองชางกวนโม่ที่นอนอยู่ที่พื้นและรู้สึกกลัว เธอไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ

แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี? ถ้าเขาตื่นมาเขาจะต้องไปปล่อยเธอไปแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยช่วยพาชางกวนโม่ไปที่เตียง ตอนที่เธอกำลังจะใส่เสื้อผ้าให้เขา เธอบังเอิญไปโดนเสาด้านในของเตียง ข่วนขาเธอและทำให้หยดเลือดหลายหยดลงไปที่เตียง

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็แอบเข้าไปในมิติลับ เธออยากที่จะหลบไปสัก 2-3 วัน

ในระหว่างนี้ถึงแม้เธอจะยังกังวลเรื่องความโหดร้ายของเขาอยู่ แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ งั้นเธอก็สบายใจได้ว่าเขาจะไม่ไปสร้างปัญหาให้ตระกูลมู่หรง นอกจากนี้ในระหว่างนี้ถึงแม้ในบางเวลาชางกวนโม่เย็นชาแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายเธอเลย ยกเว้นก็แต่อารมณ์ที่ตื่นเต้นในคืนนี้

เมื่อก้าวเข้าไปในมิติลับ มู่หรงเสวี่ยก็ทำให้ตัวเองลืมด้วยการศึกษาเรื่องการแพทย์, การรักษาและพยายามที่จะพัฒนายาต่างๆเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับร่างกายมนุษย์ ยาส่วนใหญ่ที่อยู่ในท้องตลาดจะมีพิษผสมอยู่ด้วยสามส่วน เมื่อนึกถึงภาพเด็กน่ารักอย่างโม่จื่อหลิน เธอก็คิดว่าตัวเองอยากที่จะทำอะไรสักอย่างที่มีความหมายเพื่อช่วยทุกๆคนไม่งั้นเธอคงรู้สึกเสียเปล่ามากที่ได้มิติลับนี้มา

หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในอีกวันทันใดนั้นชางกวนโม่ก็จำความโกรธของเมื่อวานได้แต่แล้วอยู่ดีๆหลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
ชางกวนโม่ลุกขึ้นและเห็นหยดเลือดบนเตียง หน้าของเขาเปลี่ยนสีในทันที เมื่อวานเขาหุนหันอย่างมาก

ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรได้บางอย่าง เขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและเดินหาไปทั่ว “มู่หรงเสวี่ย! เธออยู่ไหน?”

ด้วยความตกใจ ชางกวนโม่หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรเข้าเครื่องของมู่หรงเสวี่ย “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…” บ้าเอ๊ย

เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แล้วออกไปสั่งเย่เฟิงและเย่หลิวทันที “หาให้เจอว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้!”

เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจ เมื่อคืนดูเหมือนมู่หรงเสวี่ยจะไม่ได้ออกจากประตูห้องเลยแต่ก็ยังตอบออกไปว่า “ครับ!”

สามวันต่อมา ชางกวนโม่นั่งอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ยังหาไม่เจออีกเหรอ?”

เย่เฟิงและเย่หลิวรู้สึกผิด มู่หรงเสวี่ยดูเหมือนจะหายไปในอากาศโดยไม่มีร่องรอยเลย ห้องทั้งห้องถูกค้นจนทั่วและไม่มีประตูลับอะไรที่จะออกไปได้เลย “ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกส่งมาแล้วและมีการเช็กเรียบร้อย ภาพสุดท้ายของนายหญิงน้อยคือภาพที่เธอเดินเข้าห้องมาเมื่อคืน หลังจากนั้นเราก็ไม่เห็นเธอเดินออกจากห้องและไม่มีใครกระโดดลงมาจากหลังคาด้านนอกด้วย มันเหมือนกับว่าเธอหายไปแบบไม่มีสาเหตุเลย”

ชางกวนโม่โบกมือ “พวกนายไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
เสี่ยวเสวี่ย เธออยู่ที่ไหน?! เขารู้ว่าตัวเองผิด เขาไม่น่าโมโหใส่เธอเลย กลับมาเถอะ! เขาใช้เส้นสายทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย มันเป็นไปได้ยังไง?!

เขาแทบที่จะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหามู่หรงเสวี่ย แม้แต่ตระกูลมู่หรงก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธอ แน่นอน เขาไม่ได้บอกตระกูลมู่หรงเรื่องการหายตัวไปของมู่หรงเสวี่ย ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอแค่โกรธเขาแต่ตอนนี้เขากลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย ในตอนนี้เขาก็รู้ได้เลยว่าตัวเองถูกมู่หรงเสวี่ยวางยาและไม่มีวิธีรักษาด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 54 การหายตัวไป

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 54 การหายตัวไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 54
การหายตัวไป
มันก็แค่อาหารมื้อเดียว “โอเคค่ะ! ไปกันเถอะ!” เมื่อ มู่หรงเสวี่ยเดินออกไป เขาก็หันมองไปในตำแหน่งที่ฟางฉีฮัวเคยยืนอยู่และพบว่าเขาหายไปแล้ว

ชางกวนหลินบอกให้คนของเขาเก็บหยกที่เพิ่งผ่าออกด้วยแล้วไปที่ร้านอาหารพร้อมกับมู่หรงเสวี่ย

หลังจากนั้นสักพักเธอก็พบว่าชางกวนหลินที่เพิ่งเดินผ่านร้านอาหารและกำลังเดินไปที่ห้องพักโดยไม่หยุด สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไป “ชางกวนหลิน คุณบอกว่ามาทานอาหารไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณจะไปที่ไหน?”

ชางกวนหลินเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอและหัวเราะออกมา ช่างเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสาจริงๆถึงได้แสดงสีหน้าออกมาหมดแบบนั้น “เธอคิดว่าไงล่ะ? เธอชวนฉันมากินอาหารค่ำไม่ใช่เหรอ? นี่เธอคงไม่ได้จะให้ฉันกินอาหารขยะตามร้านอาหารหรอกใช่ไหม?”

หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกอายกับความคิดของตัวเอง จึงถามเขาออกไปอย่างโง่ๆ “แล้วคุณอยากจะกินที่ไหนล่ะ?”

“แน่นอน เธอจะต้องเป็นคนที่ทำอาหารให้ฉันเอง เธอคงไม่รังเกียจนะ” ชางกวนหลินถามออกมาอย่างจริงจัง

เขารู้ได้ยังไงว่าเธอทำอาหารได้และก็นึกถึงชางกวนโม่ขึ้นมาทันทีซึ่งคนที่บอกก็น่าจะเป็นชางกวนโม่ “แต่ที่นี่มีอาหารเหรอคะ?”

“ฉันมีเตรียมไว้แล้ว ไปกันเถอะ! ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กินเธอหรอก!” เขาพูดออกมา

อ่า!? เธอมองง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?! แต่คงไม่มีอะไรหรอก เขาเป็นน้องชายของชางกวนโม่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะทำอะไรเธอ ห้องพักแขกที่นี่เพียบพร้อมทุกอย่างราวกับเป็นวิลล่า ภายในห้องถูกแยกออกเป็นห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและห้องครัว เพื่อที่จะได้ทำอาหารไว้ทานเองได้

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงห้องของชางกวนหลินและพบว่าห้องนี้อยู่ใกล้กับห้องของชางกวนโม่ ซึ่งห่างไปเพียงสองห้อง ช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้!

แตกต่างจากห้องสวีทของชางกวนโม่ที่ห้องครัวไม่มีอะไรเลย แต่ของชางกวนหลินกลับมีพร้อมทุกอย่าง มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจอยู่นาน

“แปลกงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า ด้วยเหตุผลส่วนตัว มีหลายอย่างที่ฉันหากินข้างนอกไม่ได้ ส่วนใหญ่ฉันเลยทำกินเองที่บ้าน” ชางกวนหลินอธิบายง่ายๆ เขาไม่ได้โกหก บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับความสามารถในการมองเห็นของเขา บ่อยครั้งที่เขาพบว่ารสชาติอาหารในร้านอาหารไม่ถูกปากเขา หลังจากนั้นเขาจึงทำกินเองซะเลย ถึงแม้ส่วนผสมบางอย่างจะไม่ได้ดีมากนักแต่มันก็ดีกว่าไปกินข้างนอก
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงบอกให้เธอทำอาหารให้เขา เขาไม่รู้ว่าเธอทำอาหารได้แต่เขากินอาหารข้างนอกไม่ได้ต่างหาก “งั้นรอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปทำให้ทานค่ะ!”

“อยากให้ฉันช่วยด้วยไหม?” ชางกวนหลินถาม อันที่จริงเขาไม่ได้คิดว่าจะให้เธอทำอาหารตั้งแต่แรก เขาเพียงแค่อยากจะทำความรู้จักเธอให้มากขึ้นอีกหน่อยและเขาก็พร้อมที่จะทำอาหารเองด้วย

“ไม่ต้องค่ะ คุณนั่งเถอะ” มู่หรงเสวี่ยที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวตอบกลับมา

ชางกวนหลินยิ้ม ถึงแม้ถ้าเธอจะทำไม่อร่อยแต่มันก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีที่เขามีตอนนี้ไม่ได้

ทันใดนั้นโทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในกระเป๋าในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น ชางกวนหลินมองไปที่มู่หรงเสวี่ย อยู่ดีๆเขาก็ไม่อยากที่จะบอกเธอจึงทำเป็นไม่สนใจโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังไม่หยุดราวกับว่าอีกฝ่ายกดโทรอย่างไม่ยอมแพ้
ชางกวนหลินค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของมู่หรงเสวี่ย เมื่อเห็นชื่อที่แสดงว่าเป็นชางกวนโม่ เขาก็กดปุ่มปิดเครื่องและใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเบามือ

หลังจากที่ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ซุปของมู่หรงเสวี่ยก็เสร็จเรียบร้อย

อ่า!? เด็กโง่คนนี้ทำได้จริงๆด้วยเหรอเนี่ย?! ยิ่งพวกเขาคุยกันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น

“ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะทำอาหารได้! ทำอร่อยกว่าฉันอีกนะเนี่ย” ชางกวนหลินพูดชมออกมาระหว่างที่กำลังกิน

อ่า?! “คุณไม่รู้เหรอ?”
“ฉันไม่รู้” เขาตอบออกมาง่ายๆ
มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงง “ไม่รู้แล้วคุณเรียกให้ฉันมาทำอาหารให้กินได้ยังไง?”
“ฉันคิดว่าฉันจะทำเอง แต่เห็นเธอกระตือรือร้นขนาดนั้นแล้วฉันจะปฏิเสธได้ยังไง?” โง่จริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า!
มู่หรงเสวี่ย “…”
หลังจากทานอาหารเสร็จ เธอยิ้มให้กลับชางกวนหลินเล็กน้อย เมื่อไม่มีอะไรพูดเธอจึงเดินกลับมาที่ห้อง

มู่หรงเสวี่ยเปิดไฟแล้วก็ต้องตัวแข็ง ห้องมืดไปหมดจนเธอไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ เธอไม่คิดว่าชางกวนโม่จะนั่งอยู่ที่เตียงพร้อมดวงตาสีดำที่อ่านอารมณ์ไม่ได้เลย

“ทำไมไม่เปิดไฟล่ะคะ?” เธอถามออกไป
“เธอหายไปไหนมา?” ในดวงตาสีดำมีคลื่นของความปั่นป่วนอยู่ด้วย

มู่หรงเสวี่ยตกใจที่ได้เห็นปีศาจจอมสังหารที่กำลังจะบ้าอีกครั้ง!!!
“ฉันเพิ่งไปทานอาหารค่ะกับน้องชายคุณมา มีเรื่องอะไรเหรอ? มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?” น้ำเสียงกลายเป็นนุ่มลง
“น้องชายงั้นเหรอ?! เธอพูดเรื่องอะไร?” เสียงตะโกนดังไปทั่ว
ตกตะลึง?! อะไรนะ? ชางกวนหลินหลอกเธองั้นเหรอ?!! ไม่มีทางอ่ะ? พวกเขาหน้าเหมือนกันจะตาย ต้องเป็นน้องชายของชางกวนโม่สิ
“ชางกวนหลิน น้องชายของคุณไม่ใช่เหรอ?”
“เขาเหรอ!!! วันนี้เธอไปเจอเขามางั้นเหรอ?! ฉันคิดว่าฉันใจดีกับเธอแล้วนะจนยอมปล่อยให้เธออวดดีแบบนี้” ชางกวนโม่ดึงมู่หรงเสวี่ยด้วยกำลังยืนตัวแข็ง

สามหรือสี่? เธอทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?! “เธอ…เธอ…” เขาโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออกพร้อมด้วยดวงตาที่เริ่มแดง

อย่างไรก็ตามชื่อสามพยางค์ของชางกวนหลินเป็นเหมือนดั่งเวทมนตร์ที่ทำให้ชางกวนโม่ขาดสติ “เธอมักจะใช้ความน่าสงสารของตัวเองเพื่อหลอกล่อคนอื่น! ไร้ยางอายจริงๆ!” แล้วเขาก็กระชากชุดเธอออก

มู่หรงเสวี่ยกัดปากและหยุดพูด ความเสียใจของเธอมาพร้อมกับร่องรอยของความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น เธอไม่อยากที่จะพูดกับเขา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่น่ารังเกียจเท่าไรแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเขาเหมือนปีศาจที่มาจากนรก
ชางกวนโม่มองหน้าเธอที่แสดงสีหน้ารังเกียจ จนถึงวินาทีสุดท้ายก็ยังคงปฏิเสธ เธอเกลียดเขา! เขาไม่ดีตรงไหน? เขาไม่เคยคลั่งใคล้ผู้หญิงคนไหนเลย เขาถึงขนาดยอมโดนดูหมิ่นด้วยซ้ำ ในตอนนี้ถึงแม้เธอจะเกลียดเขาแต่เขาก็ยังต้องการเธอ

เขาจูบริมฝีปากแดงระเรือของเธออย่างบ้าคลั่ง เปิดปากของเธอด้วยปลายลิ้น พร้อมมือทั้งสองข้างที่ปลดเข็มขัดเธออย่างต่อเนื่อง ลมหายใจถี่ทำให้ภาพที่ดูคลุมเครือในเวลานี้รุนแรงขึ้น

มู่หรงเสวี่ยที่ตัวสั่นไปทั้งร่างและพยายามที่จะเก็บเสียงไม่ให้ครางออกมา ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะพลิกตัวและกดเธอให้อยู่เบื้องล่างตัวเขา เขารีบถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่ของทั้งสองคนออกและเริ่มลูบไหล่ผิวละเอียดของเธออย่างบ้าคลั่งมากขึ้น

“เอ่อ…อย่า…” มู่หรงอยากที่จะหยุดการทรมานของเขา จึงพยายามที่จะเปล่งเสียงร้องออกมา

เธอเกือบจะถูกบดขยี้และกลืนกินโดยชางกวนโม่
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยที่รู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของเธอถูกล่วงล้ำก็เริ่มดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรง “อ่า…อย่าทำแบบนี้…ปล่อยนะ…เอิ่ม…” การขัดขืนของเธอเสียเวลาเปล่า บั้นท้ายของชางกวนโม่ยังถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนลึกของชางกวนโม่ระเบิดอารมณ์ ในเวลานี้เขามองไม่เห็นการขัดขืนของมู่หรงเสวี่ยเลย เขาเห็นแต่เพียงแสงสีขาวที่เบลอบดบังสายตาเขาอยู่

มู่หรงเสวี่ยหวาดกลัวอย่างที่สุด สายตาที่ดำมืดของชางกวนโม่ดูน่ากลัวราวกับหมาป่าร้าย

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะข้ามเส้นสุดท้าย มู่หรงเสวี่ยโยนยาอันทรงพลังจากมิติลับใส่เขาไปเต็มกำมือ ภายในเสี้ยววินาทีชางกวนโม่ก็ล้มลงไปกองที่พื้น เธอมองชางกวนโม่ที่นอนอยู่ที่พื้นและรู้สึกกลัว เธอไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ

แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี? ถ้าเขาตื่นมาเขาจะต้องไปปล่อยเธอไปแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยช่วยพาชางกวนโม่ไปที่เตียง ตอนที่เธอกำลังจะใส่เสื้อผ้าให้เขา เธอบังเอิญไปโดนเสาด้านในของเตียง ข่วนขาเธอและทำให้หยดเลือดหลายหยดลงไปที่เตียง

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็แอบเข้าไปในมิติลับ เธออยากที่จะหลบไปสัก 2-3 วัน

ในระหว่างนี้ถึงแม้เธอจะยังกังวลเรื่องความโหดร้ายของเขาอยู่ แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์ งั้นเธอก็สบายใจได้ว่าเขาจะไม่ไปสร้างปัญหาให้ตระกูลมู่หรง นอกจากนี้ในระหว่างนี้ถึงแม้ในบางเวลาชางกวนโม่เย็นชาแต่เขาก็ไม่เคยทำร้ายเธอเลย ยกเว้นก็แต่อารมณ์ที่ตื่นเต้นในคืนนี้

เมื่อก้าวเข้าไปในมิติลับ มู่หรงเสวี่ยก็ทำให้ตัวเองลืมด้วยการศึกษาเรื่องการแพทย์, การรักษาและพยายามที่จะพัฒนายาต่างๆเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับร่างกายมนุษย์ ยาส่วนใหญ่ที่อยู่ในท้องตลาดจะมีพิษผสมอยู่ด้วยสามส่วน เมื่อนึกถึงภาพเด็กน่ารักอย่างโม่จื่อหลิน เธอก็คิดว่าตัวเองอยากที่จะทำอะไรสักอย่างที่มีความหมายเพื่อช่วยทุกๆคนไม่งั้นเธอคงรู้สึกเสียเปล่ามากที่ได้มิติลับนี้มา

หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในอีกวันทันใดนั้นชางกวนโม่ก็จำความโกรธของเมื่อวานได้แต่แล้วอยู่ดีๆหลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
ชางกวนโม่ลุกขึ้นและเห็นหยดเลือดบนเตียง หน้าของเขาเปลี่ยนสีในทันที เมื่อวานเขาหุนหันอย่างมาก

ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรได้บางอย่าง เขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและเดินหาไปทั่ว “มู่หรงเสวี่ย! เธออยู่ไหน?”

ด้วยความตกใจ ชางกวนโม่หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรเข้าเครื่องของมู่หรงเสวี่ย “หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…” บ้าเอ๊ย

เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แล้วออกไปสั่งเย่เฟิงและเย่หลิวทันที “หาให้เจอว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ที่ไหนเดี๋ยวนี้!”

เย่เฟิงรู้สึกแปลกใจ เมื่อคืนดูเหมือนมู่หรงเสวี่ยจะไม่ได้ออกจากประตูห้องเลยแต่ก็ยังตอบออกไปว่า “ครับ!”

สามวันต่อมา ชางกวนโม่นั่งอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ยังหาไม่เจออีกเหรอ?”

เย่เฟิงและเย่หลิวรู้สึกผิด มู่หรงเสวี่ยดูเหมือนจะหายไปในอากาศโดยไม่มีร่องรอยเลย ห้องทั้งห้องถูกค้นจนทั่วและไม่มีประตูลับอะไรที่จะออกไปได้เลย “ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกส่งมาแล้วและมีการเช็กเรียบร้อย ภาพสุดท้ายของนายหญิงน้อยคือภาพที่เธอเดินเข้าห้องมาเมื่อคืน หลังจากนั้นเราก็ไม่เห็นเธอเดินออกจากห้องและไม่มีใครกระโดดลงมาจากหลังคาด้านนอกด้วย มันเหมือนกับว่าเธอหายไปแบบไม่มีสาเหตุเลย”

ชางกวนโม่โบกมือ “พวกนายไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
เสี่ยวเสวี่ย เธออยู่ที่ไหน?! เขารู้ว่าตัวเองผิด เขาไม่น่าโมโหใส่เธอเลย กลับมาเถอะ! เขาใช้เส้นสายทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย มันเป็นไปได้ยังไง?!

เขาแทบที่จะพลิกแผ่นดินเพื่อตามหามู่หรงเสวี่ย แม้แต่ตระกูลมู่หรงก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธอ แน่นอน เขาไม่ได้บอกตระกูลมู่หรงเรื่องการหายตัวไปของมู่หรงเสวี่ย ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอแค่โกรธเขาแต่ตอนนี้เขากลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย ในตอนนี้เขาก็รู้ได้เลยว่าตัวเองถูกมู่หรงเสวี่ยวางยาและไม่มีวิธีรักษาด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+