ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 96 ความรู้สึกที่พูดไม่ได้

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 96 ความรู้สึกที่พูดไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 96
ความรู้สึกที่พูดไม่ได้
“งั้นฉันจะรอเจอเธอทีหลังแล้วกันนะคะ” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้ม
“แล้วแต่แล้วกัน!”
พวกเขากินข้าวกลางวันด้วยกันในบรรยากาศแปลกๆ ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่มันก็สนุกดีที่ได้รู้ว่าอย่างน้อยก็มีเรื่องดีอยู่บ้าง

หลังจากนั้นชางกวนโม่ก็กลับไปที่บริษัท ในขณะที่ไป๋เสวี่ยหลี่ขับรถตรงไปที่วิลล่าของชางกวนโม่

ในวิลล่า มู่หรงเสวี่ยกำลังอ่านข้อมูลของเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า มู่หรงเสวี่ยหันกลับไปมองอย่างมีความสุขแต่ก็ได้พบว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่แทน รอยยิ้มที่ใบหน้าของเธอจางลงแล้วเธอก็เผยรอยยิ้มสุภาพ “เสวี่ยหลี่ไม่เจอกันนานเลยนะ…”

“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย” เสวี่ยหลี่เองก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับที่มู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่

“ลมอะไรหอบเธอมาถึงที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า ฉันรู้สึกเบื่อก็เลยแวะมาหาพี่โม่ที่นี่ ว่าแต่ มู่หรงเสวี่ยไม่ไปเรียนเหรอ? เธอมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”

“ฉันมาเมืองหลวงพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกับทางมหาวิทยาลัยน่ะ ฉันมาถึงได้สองวันแล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น มู่หรงเสวี่ยก็เรียนเก่งมากเลยสิ?! ถึงได้เป็นตัวแทนของวิทยาลัยได้…” เธอไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะมีความสามารถขนาดนี้

“ฉันไม่ได้แข่งคนเดียวหรอก ว่าแต่เธอกินข้าวมาหรือยังล่ะ? ฉันจะให้ป้าหลินเตรียมอาหารให้เอาไหม?” นี่ก็เที่ยงแล้ว มู่หรงเสวี่ยจึงถามออกไป

“ฉันมาที่นี่หลังจากเพิ่งกินข้าวกับพี่โม่น่ะ พี่โม่ดูแปลกๆ ฉันบอกให้โทรชวนเธอมากินด้วยกันแต่เขาก็บอกว่าไม่อยากชวน ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยให้เสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่นี่คนเดียวก็เลยแวะมาอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างน้อยเธอก็ไม่รู้จักใครในเมืองหลวง…” ไป๋เสวี่ยหลี่พูดอย่างรู้สึกพอใจ ราวกับว่าไม่ได้เจอเธอมานานเลยอยากที่จะมาคุยเล่นกับเธอ

หัวใจของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกตกใจ พี่โม่ เขา…เมื่อวานก็ไม่ได้กลับมา เขากับเสวี่ยหลี่อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?! เมื่อวานเช้าเขาก็ไม่สนใจเธอ หัวใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวด…ถึงแม้เธอจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่หัวใจเธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอยู่ดี เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะทน หัวใจเธอเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นมาบีบไว้จนหายใจไม่ออก

ไป๋เสวี่ยหลี่ยังคงพูดถึงเรื่องเธอกับชางกวนโม่ไปเรื่อยๆ มองดูมู่หรงที่ตัวแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆและมันทำให้เธอยิ่งพอใจมากขึ้นไปอีก

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยซีดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องทำเป็นยิ้มเข้มแข็งไว้ หลังจากเรื่องทั้งหมดเธอจะหนีจากโชคชะตาไม่ได้เลยใช่ไหม?!! ในชีวิตที่แล้ว พวกเขาเป็นคู่รักกัน
เพราะจุดจบที่น่าเศร้าของชีวิตที่แล้ว ถึงแม้จะเป็นห่วงเรื่องความรักแต่เธอก็ระวังเรื่องนี้

หัวใจของเธอทนรับการถูกทำลายอีกไม่ได้แล้ว หัวใจเธอเหน็ดเหนื่อยเกินไป มันคงจะดีกว่าถ้าเธอจะกลับเข้าไปในเกราะของตัวเองและไม่เปิดให้ใครเข้ามา เพื่อที่คนอื่นจะได้ทำร้ายเธอไม่ได้อีก

“มู่หรงเสวี่ย ฟังอยู่หรือเปล่า?” เสวี่ยหลี่โบกมือตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ได้สติกลับมา “ฟังอยู่สิ…”

“ฉันกำลังบอกกับเธอว่าพี่โม่เป็นคนโปรดของฉันเลยนะ…” เธอจะค่อยๆเข้ามาแทรกและสักวันรอยแยกระหว่างพวกเขาสองคนก็จะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ…ก่อนหน้านั้นเธอโง่เกินไปที่ไปช่วยเพิ่มความรักของพวกเขาให้มากขึ้น

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ชางกวนโม่ก็กลับมาที่วิลล่า
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่อยากที่จะกล่าวทักทายแต่ไป๋เสวี่ยหลี่รีบเดินเข้าไปก่อน เธอเกาะแขนชางกวนโม่ไว้แน่น “พี่โม่กลับมาแล้ว ฉันนั่งรอพี่อยู่ตั้งนาน…”

ชางกวนโม่มองมาที่มู่หรงเสวี่ยที่ยังนั่งอยู่กับที่ ไม่พูดอะไรทั้งๆที่เขาไม่ได้กลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อวาน เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?!! เขาได้ยินที่ชูอี้เสิ่นพูด ว่าเขาจะตั้งตารอ รออะไรงั้นเหรอ?! เขาทนมองเธอไม่ได้อีกจึงหันหน้ากลับมามองเสวี่ยหลี่ “อื่ม เพิ่งทำงานเสร็จ”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่เห็นตรงหน้า ผู้หญิงทั้งมีเสน่ห์และก็น่ารัก ส่วนผู้ชายก็ทั้งหล่อทั้งสูง เธอมองไปที่ตาของไป๋เสวี่ยหลี่ด้วยความรู้สึกยอมแพ้ซึ่งทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธออยากที่จะถามแต่คำพูดมันจุกอยู่ที่คอและหาช่องว่างที่จะอ้าปากพูดออกมาไม่ได้ คนสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเอาแต่คุยเรื่องอะไรบางอย่างกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาดูเหมือนราวกับว่าอยู่คนละโลกกับเธอเลย เธอไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินขนาดนี้เลย เธอเหมือนบุคคลที่สามที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขา
เธอถอยหลังกลับไปนั่ง ตอนนี้เขาไม่เห็นหัวเธอแล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรจะเหลือศักดิ์ศรีไว้บ้าง

ดวงตาของชาวกวนโม่ไม่ละจากมู่หรงเสวี่ยเลย เมื่อได้เห็นว่าท่าทางของเธอดูไม่ดีใจเมื่อเขากลับมาเลย เธอนั่งอยู่ที่โซฟาอย่างผ่อนคลาย แม้แต่สายตาเธอเดิมที่จับจ้องมาที่เขาก็เปลี่ยนเป็นหันกลับไปอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าแทน

ไป๋เสวี่ยหลี่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางเหมอลอยของชางกวนโม่ เธอจึงดึงแขนเสื้อเขา “พี่โม่ เย็นนี้ฉันทำอาหารอร่อยๆให้พี่กินดีไหม พี่คิดว่าไง?!! ฉันไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว ฉันยังจำได้นะว่าพี่โม่เคยช่วยฉันลองทำอาหาร…”

เมื่อพูดถึงอดีต ชางกวนโม่ยังจำเรื่องเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้จึงพูดตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เธอโชคดีนะที่นั่นเป็นการทำอาหารครั้งแรก เธอเกือบจะทำครัวไหม้ไปหมด…”

“ฉันไม่ชอบเรื่องนี้เลยนะพี่โม่ ฉันถึงกับต้องยกเลิกนัดคนอื่นเลย แต่ตอนนี้ฉันทำอาหารอร่อยแล้วนะ…” เธอเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่าถ้าอยากจะให้ผู้ชายคนไหนรัก ต้องทำอาหารอร่อยๆให้เขากินจนอิ่มท้องก่อน ในตอนนั้นเธอเชื่อว่าตัวเองอยากจะเรียนทำอาหารจริงๆแต่กลายเป็นว่าสร้างเรื่องน่าขำไว้เยอะแยะเลย
“ใช่ พี่ไม่เข้าใจเลย ถ้าในบ้านมีแม่ครัวอยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำอาหารให้เหนื่อยด้วย…ทำไมเธอไม่นั่งสบายๆแล้วดูแลตัวเองล่ะ พี่จะได้สบายใจ…” ชางกวนโม่พูดออกมา

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อแต่ไม่มีใครเห็น ครั้งหนึ่งเธอก็เคยทำอาหารให้ชางกวนโม่แต่เขาไม่เห็นพูดแบบนี้กับเธอบ้างเลย มันเป็นสิ่งที่ควรจะพูดกับคนที่ทำอาหารในเมื่อเธอต้องเหนื่อยทำอาหารให้เขากิน อย่างที่คิดไว้เลยว่าไป๋เสวี่ยหลี่เป็นคนพิเศษในหัวใจของเขา

เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอไม่อยากที่จะนั่งดูคนสองคนพูดคุยและหัวเราะกัน เธอไม่อยากที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ราวกับคนโง่

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินขึ้นไปข้างบน เธออยากจะไปจากตรงนี้เร็วๆ…เธออยากที่จะออกไปจากที่นี่…ไม่งั้นเธอจะต้องบ้าแน่ๆ
ชางกวนโม่เห็นมู่หรงเสวี่ยรีบเดินขึ้นไปข้างบน ใจจริงเขาอยากที่จะเดินตามเธอไป แต่ไป๋เสวี่ยหลี่รีบดึงแขนเขาไว้ “พี่โม่ เสี่ยวเสวี่ยดูเหนื่อยๆ ปล่อยให้เธอไปพักดีกว่าไหมคะ?!”

ชางกวนโม่ถามอย่างสงสัย “วันนี้เธอทำอะไร? ทำไมถึงเหนื่อย?”
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวเสวี่ยกำลังจะต้องเข้าแข่งขันวิชาการของทางวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนานาชาตินี่แหละมั้งคะ? วันนี้ตอนที่ฉันคุยกับเธอ เธอก็ดูเหม่อลอย บางทีเธออาจจะเหนื่อยจากการเตรียมการแข่งขัน เธอไม่ชอบให้ฉันพูดเรื่องพี่โม่ ฉันรู้สึกแปลกๆ พี่โม่ พวกพี่มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า…” ไป๋เสวี่ยหลี่อธิบายออกมาช้าๆ

ไม่อยากให้พูดถึงเขางั้นเหรอ?! ดวงตาของชางกวนโม่เข้มขึ้น “ไม่มีอะไร…” สำหรับพวกเขาไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหัวใจที่เป็นกังวลของเขาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
“งั้นก็ปล่อยให้เสี่ยวเสวี่ยได้พักเถอะ พี่โม่นั่งกับฉันต่ออีกหน่อยนะคะ เราไม่ได้คุยด้วยกันมานานแล้ว ฉันมีหลายเรื่องเลยที่อยากจะถามพี่” ไป๋เสวี่ยหลี่รีบดึงชางกวนโม่ให้ไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอเองรีบเข้าไปนั่งใกล้ๆชางกวนโม่ เธอจะปล่อยโอกาสเล็กๆน้อยๆที่จะได้ใกล้ชิดกับพี่โม่ไปได้ยังไง

ชางกวนโม่นั่งลงที่โซฟาและถามออกมา “มีอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไร?”

“พี่โม่ ฉันอยากจะหาอะไรทำสักหน่อย พี่จะว่ายังไงถ้าฉันจะตั้งบริษัทเครื่องสำอาง? ยังไงซะฉันก็เบื่อที่จะอยู่เฉยๆด้วย…” นอกจากนี้เธอก็เพิ่งรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยเพิ่งเปิดบริษัทที่ชื่ออ้ายเสวี่ยซึ่งสินค้าหลักก็คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เธอทนเห็นมู่หรงเสวี่ยรุ่งเรืองไม่ได้ แต่ก่อนเธอไม่เคยอยากที่จะเปิดบริษัทเลย ยังไงซะแค่ส่วนแบ่งจากตระกูลชางกวนก็เพียงพอให้เธอใช้จ่ายได้อย่างสบายแล้ว แต่ในตอนนี้อยู่ดีๆเธอก็มีแรงกระตุ้น เธอจะต้องทำได้ดีกว่ามู่หรงเสวี่ยแน่นอน ดีกว่าแน่ๆ

“เธออยากที่จะเปิดบริษัทงั้นเหรอ?! เปิดให้ยุ่งยากทำไม? ในเครือบริษัทของชางกวนโม่ก็มีบริษัทเครื่องสำอางตั้งมากมาย ถ้าเธออยากได้พี่จะยกบริษัทหนึ่งให้เธอดูแลก็ได้…”

“พี่หมายความว่ายังไง? ฉันอยากที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง ไม่อยากจะอยู่ภายใต้บริษัทของชางกวน อีกอย่างมันจะแตกต่างอะไรถ้าพี่จะยกบริษัทให้ฉัน…แล้วพี่โม่ก็ทรงอำนาจขนาดนี้ ฉันอยากที่จะพยายามเองเพื่อที่จะได้คู่ควรกับการเป็นน้องสาวของพี่โม่”

“ก็ได้ๆ ถ้าเธออยากที่จะเปิดใหม่ พี่จะโอนเงินเข้าบัญชีเธอจะได้ใช้เงินนี้ไปเปิดบริษัท ถ้ายังไม่มีพนักงาน พี่จะโอนบางส่วนไปให้เธอเอง คำถามคือเธออยากจะเปิดบริษัทเครื่องสำอางหรืออยากจะพัฒนาสินค้าของตัวเองขึ้นมาใหม่?” ถึงแม้ชางกวนโม่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของตระกูลชางกวน แต่เขาก็จะเปิดเผยสูตรลับของบริษัทตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะงี้เขาถึงถามออกไป

“ต้องเป็นการพัฒนาสูตรด้วยตัวเอง พี่โม่รู้จักใครที่มีความสามารถด้านนี้บ้างไหมคะ? ถ้ามีก็ช่วยบอกฉันทีนะคะ?” แน่นอนว่าเธอรู้อำนาจของชางกวนกรุ๊ปดี พี่โม่จะทำให้เธอขายหน้าได้ยังไง
“ได้ พี่จะหาคนให้แล้วให้เขาติดต่อเธอในอีกสองวัน…” ชางกวนโม่เริ่มนึกถึงคนมีความสามารถที่เขาเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเขาจะยังว่างอยู่หรือเปล่า ไม่ว่ายังไงตราบใดที่เขาชดเชยให้ไป๋เสวี่ยหลี่ได้ เขาก็ยินดีที่จะทำ

“ดีเลยค่ะ พี่โม่ เมื่อฉันเริ่มตั้งบริษัท ฉันอาจจะมีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ พี่ช่วยแนะนำฉันด้วยนะคะ พี่โม่อย่ารำคาญฉันนะคะ…”
“จะรำคาญได้ยังไงล่ะ?!! ขอให้บอก ถ้าพี่ช่วยเธอหาผู้ช่วยได้ พี่ก็ช่วยเธอแก้ปัญหาได้มากมายนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 96 ความรู้สึกที่พูดไม่ได้

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 96 ความรู้สึกที่พูดไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 96
ความรู้สึกที่พูดไม่ได้
“งั้นฉันจะรอเจอเธอทีหลังแล้วกันนะคะ” ไป๋เสวี่ยหลี่ยิ้ม
“แล้วแต่แล้วกัน!”
พวกเขากินข้าวกลางวันด้วยกันในบรรยากาศแปลกๆ ถึงแม้เธอจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่มันก็สนุกดีที่ได้รู้ว่าอย่างน้อยก็มีเรื่องดีอยู่บ้าง

หลังจากนั้นชางกวนโม่ก็กลับไปที่บริษัท ในขณะที่ไป๋เสวี่ยหลี่ขับรถตรงไปที่วิลล่าของชางกวนโม่

ในวิลล่า มู่หรงเสวี่ยกำลังอ่านข้อมูลของเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้า มู่หรงเสวี่ยหันกลับไปมองอย่างมีความสุขแต่ก็ได้พบว่าเป็นไป๋เสวี่ยหลี่แทน รอยยิ้มที่ใบหน้าของเธอจางลงแล้วเธอก็เผยรอยยิ้มสุภาพ “เสวี่ยหลี่ไม่เจอกันนานเลยนะ…”

“ใช่ ไม่เจอกันนานเลย” เสวี่ยหลี่เองก็เผยรอยยิ้มออกมาแล้วก็เดินไปนั่งตรงข้ามกับที่มู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่

“ลมอะไรหอบเธอมาถึงที่นี่ได้ล่ะ?”
“ฮ่าฮ่า ฉันรู้สึกเบื่อก็เลยแวะมาหาพี่โม่ที่นี่ ว่าแต่ มู่หรงเสวี่ยไม่ไปเรียนเหรอ? เธอมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”

“ฉันมาเมืองหลวงพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกับทางมหาวิทยาลัยน่ะ ฉันมาถึงได้สองวันแล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น มู่หรงเสวี่ยก็เรียนเก่งมากเลยสิ?! ถึงได้เป็นตัวแทนของวิทยาลัยได้…” เธอไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะมีความสามารถขนาดนี้

“ฉันไม่ได้แข่งคนเดียวหรอก ว่าแต่เธอกินข้าวมาหรือยังล่ะ? ฉันจะให้ป้าหลินเตรียมอาหารให้เอาไหม?” นี่ก็เที่ยงแล้ว มู่หรงเสวี่ยจึงถามออกไป

“ฉันมาที่นี่หลังจากเพิ่งกินข้าวกับพี่โม่น่ะ พี่โม่ดูแปลกๆ ฉันบอกให้โทรชวนเธอมากินด้วยกันแต่เขาก็บอกว่าไม่อยากชวน ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยให้เสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่นี่คนเดียวก็เลยแวะมาอยู่เป็นเพื่อนเธออย่างน้อยเธอก็ไม่รู้จักใครในเมืองหลวง…” ไป๋เสวี่ยหลี่พูดอย่างรู้สึกพอใจ ราวกับว่าไม่ได้เจอเธอมานานเลยอยากที่จะมาคุยเล่นกับเธอ

หัวใจของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกตกใจ พี่โม่ เขา…เมื่อวานก็ไม่ได้กลับมา เขากับเสวี่ยหลี่อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?! เมื่อวานเช้าเขาก็ไม่สนใจเธอ หัวใจเธอก็รู้สึกเจ็บปวด…ถึงแม้เธอจะรู้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่หัวใจเธอก็ยังรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอยู่ดี เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะทน หัวใจเธอเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นมาบีบไว้จนหายใจไม่ออก

ไป๋เสวี่ยหลี่ยังคงพูดถึงเรื่องเธอกับชางกวนโม่ไปเรื่อยๆ มองดูมู่หรงที่ตัวแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆและมันทำให้เธอยิ่งพอใจมากขึ้นไปอีก

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยซีดขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังต้องทำเป็นยิ้มเข้มแข็งไว้ หลังจากเรื่องทั้งหมดเธอจะหนีจากโชคชะตาไม่ได้เลยใช่ไหม?!! ในชีวิตที่แล้ว พวกเขาเป็นคู่รักกัน
เพราะจุดจบที่น่าเศร้าของชีวิตที่แล้ว ถึงแม้จะเป็นห่วงเรื่องความรักแต่เธอก็ระวังเรื่องนี้

หัวใจของเธอทนรับการถูกทำลายอีกไม่ได้แล้ว หัวใจเธอเหน็ดเหนื่อยเกินไป มันคงจะดีกว่าถ้าเธอจะกลับเข้าไปในเกราะของตัวเองและไม่เปิดให้ใครเข้ามา เพื่อที่คนอื่นจะได้ทำร้ายเธอไม่ได้อีก

“มู่หรงเสวี่ย ฟังอยู่หรือเปล่า?” เสวี่ยหลี่โบกมือตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ได้สติกลับมา “ฟังอยู่สิ…”

“ฉันกำลังบอกกับเธอว่าพี่โม่เป็นคนโปรดของฉันเลยนะ…” เธอจะค่อยๆเข้ามาแทรกและสักวันรอยแยกระหว่างพวกเขาสองคนก็จะเริ่มใหญ่ขึ้นๆ…ก่อนหน้านั้นเธอโง่เกินไปที่ไปช่วยเพิ่มความรักของพวกเขาให้มากขึ้น

หลังจากเวลาผ่านไปนาน ชางกวนโม่ก็กลับมาที่วิลล่า
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่อยากที่จะกล่าวทักทายแต่ไป๋เสวี่ยหลี่รีบเดินเข้าไปก่อน เธอเกาะแขนชางกวนโม่ไว้แน่น “พี่โม่กลับมาแล้ว ฉันนั่งรอพี่อยู่ตั้งนาน…”

ชางกวนโม่มองมาที่มู่หรงเสวี่ยที่ยังนั่งอยู่กับที่ ไม่พูดอะไรทั้งๆที่เขาไม่ได้กลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อวาน เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?!! เขาได้ยินที่ชูอี้เสิ่นพูด ว่าเขาจะตั้งตารอ รออะไรงั้นเหรอ?! เขาทนมองเธอไม่ได้อีกจึงหันหน้ากลับมามองเสวี่ยหลี่ “อื่ม เพิ่งทำงานเสร็จ”

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่เห็นตรงหน้า ผู้หญิงทั้งมีเสน่ห์และก็น่ารัก ส่วนผู้ชายก็ทั้งหล่อทั้งสูง เธอมองไปที่ตาของไป๋เสวี่ยหลี่ด้วยความรู้สึกยอมแพ้ซึ่งทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธออยากที่จะถามแต่คำพูดมันจุกอยู่ที่คอและหาช่องว่างที่จะอ้าปากพูดออกมาไม่ได้ คนสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเอาแต่คุยเรื่องอะไรบางอย่างกัน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาดูเหมือนราวกับว่าอยู่คนละโลกกับเธอเลย เธอไม่เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินขนาดนี้เลย เธอเหมือนบุคคลที่สามที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขา
เธอถอยหลังกลับไปนั่ง ตอนนี้เขาไม่เห็นหัวเธอแล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรจะเหลือศักดิ์ศรีไว้บ้าง

ดวงตาของชาวกวนโม่ไม่ละจากมู่หรงเสวี่ยเลย เมื่อได้เห็นว่าท่าทางของเธอดูไม่ดีใจเมื่อเขากลับมาเลย เธอนั่งอยู่ที่โซฟาอย่างผ่อนคลาย แม้แต่สายตาเธอเดิมที่จับจ้องมาที่เขาก็เปลี่ยนเป็นหันกลับไปอ่านเอกสารที่อยู่ตรงหน้าแทน

ไป๋เสวี่ยหลี่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นท่าทางเหมอลอยของชางกวนโม่ เธอจึงดึงแขนเสื้อเขา “พี่โม่ เย็นนี้ฉันทำอาหารอร่อยๆให้พี่กินดีไหม พี่คิดว่าไง?!! ฉันไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว ฉันยังจำได้นะว่าพี่โม่เคยช่วยฉันลองทำอาหาร…”

เมื่อพูดถึงอดีต ชางกวนโม่ยังจำเรื่องเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้จึงพูดตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เธอโชคดีนะที่นั่นเป็นการทำอาหารครั้งแรก เธอเกือบจะทำครัวไหม้ไปหมด…”

“ฉันไม่ชอบเรื่องนี้เลยนะพี่โม่ ฉันถึงกับต้องยกเลิกนัดคนอื่นเลย แต่ตอนนี้ฉันทำอาหารอร่อยแล้วนะ…” เธอเคยได้ยินคนเขาพูดกันว่าถ้าอยากจะให้ผู้ชายคนไหนรัก ต้องทำอาหารอร่อยๆให้เขากินจนอิ่มท้องก่อน ในตอนนั้นเธอเชื่อว่าตัวเองอยากจะเรียนทำอาหารจริงๆแต่กลายเป็นว่าสร้างเรื่องน่าขำไว้เยอะแยะเลย
“ใช่ พี่ไม่เข้าใจเลย ถ้าในบ้านมีแม่ครัวอยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำอาหารให้เหนื่อยด้วย…ทำไมเธอไม่นั่งสบายๆแล้วดูแลตัวเองล่ะ พี่จะได้สบายใจ…” ชางกวนโม่พูดออกมา

ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อแต่ไม่มีใครเห็น ครั้งหนึ่งเธอก็เคยทำอาหารให้ชางกวนโม่แต่เขาไม่เห็นพูดแบบนี้กับเธอบ้างเลย มันเป็นสิ่งที่ควรจะพูดกับคนที่ทำอาหารในเมื่อเธอต้องเหนื่อยทำอาหารให้เขากิน อย่างที่คิดไว้เลยว่าไป๋เสวี่ยหลี่เป็นคนพิเศษในหัวใจของเขา

เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว เธอไม่อยากที่จะนั่งดูคนสองคนพูดคุยและหัวเราะกัน เธอไม่อยากที่จะนั่งอยู่ตรงนี้ราวกับคนโง่

ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินขึ้นไปข้างบน เธออยากจะไปจากตรงนี้เร็วๆ…เธออยากที่จะออกไปจากที่นี่…ไม่งั้นเธอจะต้องบ้าแน่ๆ
ชางกวนโม่เห็นมู่หรงเสวี่ยรีบเดินขึ้นไปข้างบน ใจจริงเขาอยากที่จะเดินตามเธอไป แต่ไป๋เสวี่ยหลี่รีบดึงแขนเขาไว้ “พี่โม่ เสี่ยวเสวี่ยดูเหนื่อยๆ ปล่อยให้เธอไปพักดีกว่าไหมคะ?!”

ชางกวนโม่ถามอย่างสงสัย “วันนี้เธอทำอะไร? ทำไมถึงเหนื่อย?”
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวเสวี่ยกำลังจะต้องเข้าแข่งขันวิชาการของทางวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยนานาชาตินี่แหละมั้งคะ? วันนี้ตอนที่ฉันคุยกับเธอ เธอก็ดูเหม่อลอย บางทีเธออาจจะเหนื่อยจากการเตรียมการแข่งขัน เธอไม่ชอบให้ฉันพูดเรื่องพี่โม่ ฉันรู้สึกแปลกๆ พี่โม่ พวกพี่มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า…” ไป๋เสวี่ยหลี่อธิบายออกมาช้าๆ

ไม่อยากให้พูดถึงเขางั้นเหรอ?! ดวงตาของชางกวนโม่เข้มขึ้น “ไม่มีอะไร…” สำหรับพวกเขาไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหัวใจที่เป็นกังวลของเขาเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
“งั้นก็ปล่อยให้เสี่ยวเสวี่ยได้พักเถอะ พี่โม่นั่งกับฉันต่ออีกหน่อยนะคะ เราไม่ได้คุยด้วยกันมานานแล้ว ฉันมีหลายเรื่องเลยที่อยากจะถามพี่” ไป๋เสวี่ยหลี่รีบดึงชางกวนโม่ให้ไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอเองรีบเข้าไปนั่งใกล้ๆชางกวนโม่ เธอจะปล่อยโอกาสเล็กๆน้อยๆที่จะได้ใกล้ชิดกับพี่โม่ไปได้ยังไง

ชางกวนโม่นั่งลงที่โซฟาและถามออกมา “มีอะไรเหรอ? มีเรื่องอะไร?”

“พี่โม่ ฉันอยากจะหาอะไรทำสักหน่อย พี่จะว่ายังไงถ้าฉันจะตั้งบริษัทเครื่องสำอาง? ยังไงซะฉันก็เบื่อที่จะอยู่เฉยๆด้วย…” นอกจากนี้เธอก็เพิ่งรู้ว่ามู่หรงเสวี่ยเพิ่งเปิดบริษัทที่ชื่ออ้ายเสวี่ยซึ่งสินค้าหลักก็คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เธอทนเห็นมู่หรงเสวี่ยรุ่งเรืองไม่ได้ แต่ก่อนเธอไม่เคยอยากที่จะเปิดบริษัทเลย ยังไงซะแค่ส่วนแบ่งจากตระกูลชางกวนก็เพียงพอให้เธอใช้จ่ายได้อย่างสบายแล้ว แต่ในตอนนี้อยู่ดีๆเธอก็มีแรงกระตุ้น เธอจะต้องทำได้ดีกว่ามู่หรงเสวี่ยแน่นอน ดีกว่าแน่ๆ

“เธออยากที่จะเปิดบริษัทงั้นเหรอ?! เปิดให้ยุ่งยากทำไม? ในเครือบริษัทของชางกวนโม่ก็มีบริษัทเครื่องสำอางตั้งมากมาย ถ้าเธออยากได้พี่จะยกบริษัทหนึ่งให้เธอดูแลก็ได้…”

“พี่หมายความว่ายังไง? ฉันอยากที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง ไม่อยากจะอยู่ภายใต้บริษัทของชางกวน อีกอย่างมันจะแตกต่างอะไรถ้าพี่จะยกบริษัทให้ฉัน…แล้วพี่โม่ก็ทรงอำนาจขนาดนี้ ฉันอยากที่จะพยายามเองเพื่อที่จะได้คู่ควรกับการเป็นน้องสาวของพี่โม่”

“ก็ได้ๆ ถ้าเธออยากที่จะเปิดใหม่ พี่จะโอนเงินเข้าบัญชีเธอจะได้ใช้เงินนี้ไปเปิดบริษัท ถ้ายังไม่มีพนักงาน พี่จะโอนบางส่วนไปให้เธอเอง คำถามคือเธออยากจะเปิดบริษัทเครื่องสำอางหรืออยากจะพัฒนาสินค้าของตัวเองขึ้นมาใหม่?” ถึงแม้ชางกวนโม่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของตระกูลชางกวน แต่เขาก็จะเปิดเผยสูตรลับของบริษัทตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะงี้เขาถึงถามออกไป

“ต้องเป็นการพัฒนาสูตรด้วยตัวเอง พี่โม่รู้จักใครที่มีความสามารถด้านนี้บ้างไหมคะ? ถ้ามีก็ช่วยบอกฉันทีนะคะ?” แน่นอนว่าเธอรู้อำนาจของชางกวนกรุ๊ปดี พี่โม่จะทำให้เธอขายหน้าได้ยังไง
“ได้ พี่จะหาคนให้แล้วให้เขาติดต่อเธอในอีกสองวัน…” ชางกวนโม่เริ่มนึกถึงคนมีความสามารถที่เขาเคยแนะนำไปก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเขาจะยังว่างอยู่หรือเปล่า ไม่ว่ายังไงตราบใดที่เขาชดเชยให้ไป๋เสวี่ยหลี่ได้ เขาก็ยินดีที่จะทำ

“ดีเลยค่ะ พี่โม่ เมื่อฉันเริ่มตั้งบริษัท ฉันอาจจะมีหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ พี่ช่วยแนะนำฉันด้วยนะคะ พี่โม่อย่ารำคาญฉันนะคะ…”
“จะรำคาญได้ยังไงล่ะ?!! ขอให้บอก ถ้าพี่ช่วยเธอหาผู้ช่วยได้ พี่ก็ช่วยเธอแก้ปัญหาได้มากมายนะ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+