ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 323 การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 323 การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 323
การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” มู่หรงกระโดดลงมาจากรถม้าและพูดออกมาเสียงเรียบ

เป็นเรื่องน่าแปลกมากที่โรงเตี๊ยมที่ห่างไกลขนาดนี้แต่ก็ยังมีคนมากมาย เป็นเรื่องยากสำหรับคนขับรถมากที่จะหาโรงเตี๊ยมแบบนี้เจอ

เถ้าแก่นั่งตบแมลงวันแก้เบื่อ เหตุผลที่โรงเตี๊ยมนี้ยังเปิดอยู่ได้ก็เพราะเจ้าของสร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ของตัวเอง ถึงแม้ธุรกิจจะแย่มากแต่ก็ไม่ได้เสียเงินอะไร เจ้าของจึงรู้สึกพอใจอย่างมาก

โชคดีที่เจ้าของเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากและยังสามารถดึงดูดแขกที่คุ้นเคยได้อีกด้วยเพื่อที่จะยังได้พอเลี้ยงตัวเองได้บ้าง

อย่างไรก็ตามทันทีที่มู่หรงเสวี่ยปรากฏตัว เธอก็ทำให้พนักงานและคนดูแลโรงเตี๊ยมประหลาดใจได้ในทันที คนดูแลโรงเตี๊ยมก็คือเจ้าของ เวลาที่กิจการไม่ดี เขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นพนักงานด้วย แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังเป็นคนทำอาหารเองด้วย

ของที่อยู่ในมือร่วงลงมาที่พื้นในทันทีและเขาก็เอาแต่จ้องมาที่เธอ เขาคิดว่าตัวเองเพียงแค่ตาฝาดไปเอง

ถึงแม้ที่นี่จะยังอยู่ในเขตเมืองหลวง แต่มันก็อยู่ห่างออกมาไกลมาก แล้วจะได้เจอสาวสวยขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ

“ห้องพักห้องหนึ่ง” เสียงหวานราวนกน้อยดังขึ้นมาท่ามกลางโรงเตี๊ยมที่เปิดโล่งและออกจะโทรมอยู่นิดหน่อย

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้สติกลับมาในทันที

“แม่หนู อยากได้ห้องงั้นเหรอ?” เจ้าของโรงเตี๊ยมร้องถาม

“เอ่อ ห้องที่ดีที่สุด” มู่หรงเสวี่ยพูดซ้ำ

“ขอรับแม่นาง รอสักครู่ ข้าจะเลือกห้องที่ดีที่สุดให้ท่านเลย” พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าสาวสวยขนาดนี้มาอยู่ผิดที่ผิดทางในโรงเตี๊ยมโทรมๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

ในตอนนี้ ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ได้ยินเสียงพนักงานจากด้านนอกของโรงเตี๊ยม

“ค้นให้ทั่วทุกห้อง”

“อย่าปล่อยให้หนีไปได้”

จู่ๆสีหน้าของมู่หรงก็เปลี่ยนไปในทันที พร้อมทั้งรีบร้อนพูดออกมา “เร็วเข้า เจ้าของ” แล้วเธอก็รีบหยิบธรตั๋วเงินสีเงินออกมาจากแขนและวางลงบนโต๊ะ

“ขอรับ นี่ขอรับ นี่คือกุญแจ ห้องแรกจากบันไดทางขวา” เจ้าของโรงเตี๊ยมหยิบกุญแจออกมาและส่งให้มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยรับมาและเดินขึ้นบันไดไป

“โอ้ แม่หนู ข้ายังไม่ได้ทอนเงินให้เจ้าเลย” นี่เป็นตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง

มู่หรงเสวี่ยหยุดและหันกลับไปมองอีกครั้ง เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้ามีใครมาถามเรื่องข้า ช่วยบอกทีว่าไม่เห็นข้า ข้ารับปากได้เลยว่าโรงเตี๊ยมของท่านจะไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรอีก” เมื่อพูดจบโดยไม่รอคำตอบรับของเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปทันที

เสียงฝีเท้าจากระยะไกลค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าหวังฉิงจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้

อีกอย่างเรื่องคำสั่งที่ให้ตามจับเธอ เขาทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่

มู่หรงรีบเปิดประตู วิ่งเข้าไปข้างในทันทีแล้วจึงล็อกประตูและแวบเข้าไปในมิติลับ

เธออยากที่จะหาโรงเตี๊ยมที่ห่างไกลเพื่อจะปลอมตัวแล้วค่อยหนี แต่ไม่คิดว่าเขาจะหาเธอเจอเร็วขนาดนี้ ไม่นานหลังจากที่มู่หรงเข้าไปในมิติลับ พวกทหารที่ประตูก็รีบเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยความเร็ว

ผู้นำถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีรูปวาดของมู่หรงเสวี่ยอยู่ด้วย

“บอกมา ว่าพวกเจ้าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้บ้างไหม?” หัวหน้าทหารหยิบมีดออกมาจากเอวและแทงไปที่โต๊ะ

“ปัง!” เสียงดังจนทำให้เจ้าของโรงเตี๊ยมและพนักงานร่างเล็กอีกสองคนถึงกับตัวสั่นเทิ้ม

เจ้าของโรงเตี๊ยมหยิบรูปขึ้นมาดูด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

เมื่อเขาเห็นรูป สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด พร้อมร่างกายที่สั่นและรูปวาดที่อยู่ในมือเขาก็สั่นไปด้วย

ดวงตาของหัวหน้าทหารจ้องเขม็ง “บอกมานะว่าคนในรูปอยู่ที่ไหน?” เขารีบดึงคอเสื้อของเจ้าของโรงเตี๊ยมมาทันทีและดึงเขามาข้างหน้า
“ไม่…ข้าไม่รู้…” เขาอยากที่จะบอกว่าชั้นบนแต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาก็นึกถึงประโยคสุดท้ายของเด็กสาวขึ้นมาได้

สายตาแหลมคมที่มองตรงมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน “รีบพูดความจริงมา ไม่งั้นเจ้าจะได้เห็นดีแน่ถ้าปิดบังไว้!”

เสียงของเจ้าของโรงเตี๊ยมสั่นและเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากลัวมาก “ท่าน…ท่าน พวกเราไม่รู้จริงๆ”

“อื่ม!”

หัวหน้าทหารปล่อยเจ้าของโรงเตี๊ยม โบกมือและพูดกับทหารที่อยู่ข้างหลังเขา

“ค้นให้ทั่ว อย่าให้พลาดสักจุด”

หลังจากที่ได้ยินคำสั่ง เหล่าทหารก็รีบกระจายตัวไปทั่วทิศทางและแม้แต่สนามด้านหลังก็ถูกค้นไปด้วย

ที่อีกด้าน หัวหน้าทหารนั่งลงที่โต๊ะและเก้าอี้ตรงประตูเพื่อเฝ้าประตูไว้ เจ้าของโรงเตี๊ยมรู้สึกกลัวมากจนเขาหยุดที่จะมองไปที่ชั้นบนไม่ได้

หลังจากที่ผ่านไปนาน เจ้าของโรงเตี๊ยมก็พยายามรวบรวมสติและเดินออกไปนอกโต๊ะ “นายท่าน นี่เป็นเหล้าแดงที่ดีที่สุดของเรา ท่านลองชิมหน่อยไหม?” เจ้าของโรงเตี๊ยมยกไหเหล้าออกมาจากโต๊ะด้านหลัง

หัวหน้าทหารเหล่มองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ยังคงแหลมคม “อย่าพยายามมาหลอกข้าด้วยเหล้าเลย ถ้าข้าหาคนเจอ เจ้าก็อย่าเพิ่งหนีไปซะก่อนล่ะ”

เจ้าของโรงเตี๊ยมเงยหน้าขึ้นและรู้สึกได้ถึงรังสีอํามหิต ดวงตาทั้งคู่มีความเยือกเย็นจนทำให้ขนลุกไปได้ทั้งตัวจนเขาแทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว

โชคดีที่ยังเหลือเหตุผลสุดท้ายอยู่ ต่อให้เขาสารภาพออกไปตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์ เขาหวังว่าเด็กสาวจะไม่หลอกเขา
อันที่จริงเขารู้สึกกลัวมาก นี่เป็นทีมค้นหานะ

“ไปทำอาหารอร่อยๆมาหน่อยสิ” เจ้าของโรงเตี๊ยมตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่ยืนกลัวไม่กล้าพูดอะไรอยู่ที่มุมห้อง

ชายคนหนุ่มเมื่อได้ยินคำสั่งของเถ้าแก่ก็รีบวิ่งไปทันที

“มาลองชิมเหล้าก่อนนะขอรับ แต่มันถูกเก็บมาเป็น 10 ปีแล้ว เป็นเหล้าที่หายากมากๆ” ยังไงซะเถ้าแก่ก็มีประสบการณ์มาหลายปี ถึงแม้เขาจะยังรู้สึกกลัวแต่ก็พยายามที่จะเก็บกดมันไว้

ทันทีที่เหล้าถูกรินออกมา กลิ่นหอมของเหล้าก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดวงตาของหัวหน้าทหารเปล่งประกายและสีหน้าที่จริงจังของเขาก็เริ่มที่จะอ่อนลงเล็กน้อย “เป็นเหล้าที่ดีนะ” เขาพูด

เมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมได้ยิน สีหน้าของเขาเองก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถ้าท่านชอบงั้นก็ดื่มอีกนะขอรับ”
เสี่ยวเอ้อที่เพิ่งวิ่งเข้าไปในครัว ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมอาหารหน้าตาน่าอร่อยหลายจาน ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหิวขึ้นมาในทันที

“ท่านเจ้าหน้าที่ ที่โรงเตี๊ยมของเราไม่มีอะไรเด่นดัง แต่พวกท่านลองชิมอาหารดูก่อนเถอะขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมยื่นตะเกียบให้ด้วยความเคารพ

หัวหน้าทหารที่เพิ่งดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่และสีหน้าของเขาก็เริ่มที่จะอ่อนโยนลงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เมื่อเขาได้เห็นอาหารที่น่ากินมากมายก็อดไม่ได้ที่จะหยิบตะเกียบมาและเริ่มที่จะกิน

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองไปที่สีหน้าของหัวหน้าทหารและถามอย่างระวัง

“ท่านเจ้าหน้าที่ แม่นางคนนั้นทำความผิดอะไรหรือขอรับ? ถึงต้องมีการค้นหากันขนาดนี้”

หัวหน้าทหารที่ยุ่งมาทั้งวันและก็หิวมาก ตอนนี้เขาได้กินอาหารและได้ดื่มเหล้าดีๆ นอกจากนี้ท่าทางของเจ้าของโรงเตี๊ยมก็มีมารยาทด้วย เขาจึงไม่ได้ปิดบังอะไร จึงตอบออกไปตรงๆ

“นางไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นท่านผู้นำที่ต้องการจะตามหาตัวนาง! ว่ากันว่าเราต้องทำตามที่ท่านสั่งเท่านั้นแต่เราก็ยังหากันไม่เจอ”

เมื่อได้ยินว่านางไม่ใช่นักโทษ เจ้าของโรงเตี๊ยมก็รู้สึกดีขึ้น เขาไม่อยากที่จะปิดบังให้อาชญากร ถึงแม้เด็กสาวจะดูไม่เหมือนแบบนั้นก็ตาม “ทำไมเด็กสาวคนนี้ต้องหลบหนีด้วย?” เจ้าของโรงเตี๊ยมถามต่อ

“พวกเราเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ เราเพียงแค่ทำตามคำสั่ง” หัวหน้าทหารพูดโดยไม่ได้ปิดบัง

ในหัวใจของเจ้าของโรงเตี๊ยมมีข้อโต้แย้งทันที อย่างไรก็ตาม มีผู้หญิงกี่คนกันที่ฝันถึงองค์ชายฉิงกัน? เดาว่าแม่นางคนนี้คงไม่อยากที่จะองค์หญิง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทหารทั้งหมดที่ออกไปค้นหาก็กลับมา “ขอรายงานขอรับหัวหน้า ไม่เจอผู้ต้องสงสัยเลยขอรับ”

เดิมทีในโรงเตี๊ยมนี้จะมีคนอยู่แค่ไม่กี่คน และวันนี้ก็ไม่มีแขกด้วย ห้องทุกห้องจึงว่างเปล่าและไม่เสียเวลาที่จะค้นหา

หลังจากที่ได้ฟัง เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เด็กสาวไม่ได้หลอกเขา

หัวหน้าทหารวางตะเกียบลงและจิบเหล้าเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมทั้งพูดออกมา “ไป”

แล้วกลุ่มของเหล่าทหารก็ออกไปจากโรงเตี๊ยม

เจ้าของโรงเตี๊ยมทรุดลงแทบจะในทันที เขาเหงื่อโทรมกาย

เขาคิดว่าตัวเองเกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว

ในตอนนี้มู่หรงเองก็กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ด้านนอกมิติลับอย่างต่อเนื่อง ตอนที่ทหารพังประตูและเข้ามาในห้อง โชคดีที่เธอเข้าไปหลบในมิติลับก่อนไม่อย่างนั้นเธอคงต้องลำบากแน่ๆ

เมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ประตูเมืองก็ถูกปิดและเธอจะออกไปข้างนอกอย่างที่ต้องการไม่ได้

หลังจากที่มู่หรงเข้ามาข้างใน เฟิงจือหลิงก็รีบมาอยู่ข้างกายมู่หรงทันทีแต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเธอ เขาก็ไม่กล้าที่จะรบกวนเธอ

หลังจากที่สีหน้าของเจ้าของโรงเตี๊ยมเริ่มที่จะผ่อนคลาย เขาก็รีบวิ่งขึ้นมาชั้นบนทันทีและเหล่าเสี่ยวเอ้อเองก็รีบตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน

หลังจากที่เปิดประตูเข้ามา เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ไม่เจอเด็กสาวคนเมื่อครู่แล้ว

“เด็กสาวแปลกๆคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?” เจ้าของโรงเตี๊ยมพึมพำด้วยเสียงต่ำ

“นายท่าน ท่านเข้าห้องผิดหรือเปล่าขอรับ?” เสี่ยวเอ้อรีบพูดออกมาทันที

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองไปที่พนักงานคนที่สองอย่างระวัง “จำไว้ อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ ไม่งั้นพวกเราต้องเจอดีแน่ๆ”

เสี่ยวเอ้อรีบพยักหน้าทันที “ขอรับ ขอรับ ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น”

เจ้าของโรงเตี๊ยมดูแลเขาอย่างดีแล้วเขาจะพูดอะไรออกมาได้อย่างไร นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ย่าของเขาป่วยอยู่ที่บ้านและเขาก็ไม่มีเงินเลย แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมจ่ายค่าหมอให้ เขาเป็นหนี้บุญคุณอย่างมาก

“ไป ลองดูว่าห้องอื่นมีหรือเปล่า?” เจ้าของโรงเตี๊ยมพูด ปิดประตูลง
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ออกมา เธอคิดว่าจะรออีกสองสามวันแล้วค่อยออกมา ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองคงจะมีทหารอยู่ทั่วและการออกไปก็มีแต่จะรนหาที่ตาย

หวังฉิงเป็นคนที่มีอำนาจ เขาคงไม่เอากำลังทั้งหมดมาทุ่มกับการตามหาตัวเธอหรอก เดาว่าอีกไม่กี่วันทุกอย่างน่าจะคลี่คลายขึ้นมาก

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เฟิงจือหลิงถามอย่างกังวล

“ข้าหนีมา ตอนนี้หวังฉิงกำลังตามหาเราไปทั่วทั้งเมือง” มู่หรงพูดเสียงเรียบ โชคดีที่ยังมีห้อง ไม่งั้นเธอก็คงจะหนีไม่ได้

ที่อีกด้าน ในตำหนักของฉิง

เหล่านางสนมทุกคนต่างก็กำลังก้มหัวอยู่เบื้องหน้าหวังฉิง แม้แต่เสียงเดิน, เสียงฝีเท้า, เสียงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวอย่างกังวลก็ดังก้องชัดเจนในบรรยากาศที่เงียบงันและน่ากลัวแบบนี้

ด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์ชาย เทพเจ้าแห่งสงครามไม่พอใจ

หลินฟางเฟ่ยที่นอนกองอยู่กับพื้นพร้อมด้วยรอยแผลมากมาย เนื้อตัวสั่นไปด้วยความกลัวและเอาแต่ถอยหลังไปเรื่อยๆ สีหน้าของเธอซีดเผือดและริมฝีปากก็สั่นเทิ้ม

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ ฝ่าบาท…” หลินฟางเฟ่ยร้องบอก

สีหน้าของหวังฉิงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เคร่งเครียดอย่างมาก ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ดีไปกว่าเขา ถ้ามู่หรงเสวี่ยหนีไปได้ มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหานางเจออีกครั้ง ยังไงซะนางก็สามารถที่จะหายตัวไปในอากาศได้โดยที่ไม่รู้เลยว่าหายไปไหน

“เฆี่ยนต่อไปจนกว่านางจะยอมพูด” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา

ทหารทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ด้านซ้าย อีกคนอยู่ด้านขวา หวดแส้ที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดลงไปที่หลินฟางเฟ่ยที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างไร้ความปรานี

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 323 การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 323 การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 323
การปิดล้อมทั่วทั้งเมือง

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว” มู่หรงกระโดดลงมาจากรถม้าและพูดออกมาเสียงเรียบ

เป็นเรื่องน่าแปลกมากที่โรงเตี๊ยมที่ห่างไกลขนาดนี้แต่ก็ยังมีคนมากมาย เป็นเรื่องยากสำหรับคนขับรถมากที่จะหาโรงเตี๊ยมแบบนี้เจอ

เถ้าแก่นั่งตบแมลงวันแก้เบื่อ เหตุผลที่โรงเตี๊ยมนี้ยังเปิดอยู่ได้ก็เพราะเจ้าของสร้างขึ้นใหม่ในพื้นที่ของตัวเอง ถึงแม้ธุรกิจจะแย่มากแต่ก็ไม่ได้เสียเงินอะไร เจ้าของจึงรู้สึกพอใจอย่างมาก

โชคดีที่เจ้าของเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากและยังสามารถดึงดูดแขกที่คุ้นเคยได้อีกด้วยเพื่อที่จะยังได้พอเลี้ยงตัวเองได้บ้าง

อย่างไรก็ตามทันทีที่มู่หรงเสวี่ยปรากฏตัว เธอก็ทำให้พนักงานและคนดูแลโรงเตี๊ยมประหลาดใจได้ในทันที คนดูแลโรงเตี๊ยมก็คือเจ้าของ เวลาที่กิจการไม่ดี เขาก็จะเปลี่ยนมาเป็นพนักงานด้วย แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังเป็นคนทำอาหารเองด้วย

ของที่อยู่ในมือร่วงลงมาที่พื้นในทันทีและเขาก็เอาแต่จ้องมาที่เธอ เขาคิดว่าตัวเองเพียงแค่ตาฝาดไปเอง

ถึงแม้ที่นี่จะยังอยู่ในเขตเมืองหลวง แต่มันก็อยู่ห่างออกมาไกลมาก แล้วจะได้เจอสาวสวยขนาดนี้ได้ยังไงล่ะ

“ห้องพักห้องหนึ่ง” เสียงหวานราวนกน้อยดังขึ้นมาท่ามกลางโรงเตี๊ยมที่เปิดโล่งและออกจะโทรมอยู่นิดหน่อย

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้สติกลับมาในทันที

“แม่หนู อยากได้ห้องงั้นเหรอ?” เจ้าของโรงเตี๊ยมร้องถาม

“เอ่อ ห้องที่ดีที่สุด” มู่หรงเสวี่ยพูดซ้ำ

“ขอรับแม่นาง รอสักครู่ ข้าจะเลือกห้องที่ดีที่สุดให้ท่านเลย” พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าสาวสวยขนาดนี้มาอยู่ผิดที่ผิดทางในโรงเตี๊ยมโทรมๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

ในตอนนี้ ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ได้ยินเสียงพนักงานจากด้านนอกของโรงเตี๊ยม

“ค้นให้ทั่วทุกห้อง”

“อย่าปล่อยให้หนีไปได้”

จู่ๆสีหน้าของมู่หรงก็เปลี่ยนไปในทันที พร้อมทั้งรีบร้อนพูดออกมา “เร็วเข้า เจ้าของ” แล้วเธอก็รีบหยิบธรตั๋วเงินสีเงินออกมาจากแขนและวางลงบนโต๊ะ

“ขอรับ นี่ขอรับ นี่คือกุญแจ ห้องแรกจากบันไดทางขวา” เจ้าของโรงเตี๊ยมหยิบกุญแจออกมาและส่งให้มู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยรับมาและเดินขึ้นบันไดไป

“โอ้ แม่หนู ข้ายังไม่ได้ทอนเงินให้เจ้าเลย” นี่เป็นตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง

มู่หรงเสวี่ยหยุดและหันกลับไปมองอีกครั้ง เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้ามีใครมาถามเรื่องข้า ช่วยบอกทีว่าไม่เห็นข้า ข้ารับปากได้เลยว่าโรงเตี๊ยมของท่านจะไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรอีก” เมื่อพูดจบโดยไม่รอคำตอบรับของเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วรีบเดินขึ้นบันไดไปทันที

เสียงฝีเท้าจากระยะไกลค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าหวังฉิงจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้

อีกอย่างเรื่องคำสั่งที่ให้ตามจับเธอ เขาทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่

มู่หรงรีบเปิดประตู วิ่งเข้าไปข้างในทันทีแล้วจึงล็อกประตูและแวบเข้าไปในมิติลับ

เธออยากที่จะหาโรงเตี๊ยมที่ห่างไกลเพื่อจะปลอมตัวแล้วค่อยหนี แต่ไม่คิดว่าเขาจะหาเธอเจอเร็วขนาดนี้ ไม่นานหลังจากที่มู่หรงเข้าไปในมิติลับ พวกทหารที่ประตูก็รีบเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยความเร็ว

ผู้นำถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีรูปวาดของมู่หรงเสวี่ยอยู่ด้วย

“บอกมา ว่าพวกเจ้าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้บ้างไหม?” หัวหน้าทหารหยิบมีดออกมาจากเอวและแทงไปที่โต๊ะ

“ปัง!” เสียงดังจนทำให้เจ้าของโรงเตี๊ยมและพนักงานร่างเล็กอีกสองคนถึงกับตัวสั่นเทิ้ม

เจ้าของโรงเตี๊ยมหยิบรูปขึ้นมาดูด้วยมือที่สั่นเทิ้ม

เมื่อเขาเห็นรูป สีหน้าของเขาก็ซีดเผือด พร้อมร่างกายที่สั่นและรูปวาดที่อยู่ในมือเขาก็สั่นไปด้วย

ดวงตาของหัวหน้าทหารจ้องเขม็ง “บอกมานะว่าคนในรูปอยู่ที่ไหน?” เขารีบดึงคอเสื้อของเจ้าของโรงเตี๊ยมมาทันทีและดึงเขามาข้างหน้า
“ไม่…ข้าไม่รู้…” เขาอยากที่จะบอกว่าชั้นบนแต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาก็นึกถึงประโยคสุดท้ายของเด็กสาวขึ้นมาได้

สายตาแหลมคมที่มองตรงมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน “รีบพูดความจริงมา ไม่งั้นเจ้าจะได้เห็นดีแน่ถ้าปิดบังไว้!”

เสียงของเจ้าของโรงเตี๊ยมสั่นและเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากลัวมาก “ท่าน…ท่าน พวกเราไม่รู้จริงๆ”

“อื่ม!”

หัวหน้าทหารปล่อยเจ้าของโรงเตี๊ยม โบกมือและพูดกับทหารที่อยู่ข้างหลังเขา

“ค้นให้ทั่ว อย่าให้พลาดสักจุด”

หลังจากที่ได้ยินคำสั่ง เหล่าทหารก็รีบกระจายตัวไปทั่วทิศทางและแม้แต่สนามด้านหลังก็ถูกค้นไปด้วย

ที่อีกด้าน หัวหน้าทหารนั่งลงที่โต๊ะและเก้าอี้ตรงประตูเพื่อเฝ้าประตูไว้ เจ้าของโรงเตี๊ยมรู้สึกกลัวมากจนเขาหยุดที่จะมองไปที่ชั้นบนไม่ได้

หลังจากที่ผ่านไปนาน เจ้าของโรงเตี๊ยมก็พยายามรวบรวมสติและเดินออกไปนอกโต๊ะ “นายท่าน นี่เป็นเหล้าแดงที่ดีที่สุดของเรา ท่านลองชิมหน่อยไหม?” เจ้าของโรงเตี๊ยมยกไหเหล้าออกมาจากโต๊ะด้านหลัง

หัวหน้าทหารเหล่มองไปที่เขา ด้วยสายตาที่ยังคงแหลมคม “อย่าพยายามมาหลอกข้าด้วยเหล้าเลย ถ้าข้าหาคนเจอ เจ้าก็อย่าเพิ่งหนีไปซะก่อนล่ะ”

เจ้าของโรงเตี๊ยมเงยหน้าขึ้นและรู้สึกได้ถึงรังสีอํามหิต ดวงตาทั้งคู่มีความเยือกเย็นจนทำให้ขนลุกไปได้ทั้งตัวจนเขาแทบจะอ้วกออกมาอยู่แล้ว

โชคดีที่ยังเหลือเหตุผลสุดท้ายอยู่ ต่อให้เขาสารภาพออกไปตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์ เขาหวังว่าเด็กสาวจะไม่หลอกเขา
อันที่จริงเขารู้สึกกลัวมาก นี่เป็นทีมค้นหานะ

“ไปทำอาหารอร่อยๆมาหน่อยสิ” เจ้าของโรงเตี๊ยมตะโกนบอกเด็กหนุ่มที่ยืนกลัวไม่กล้าพูดอะไรอยู่ที่มุมห้อง

ชายคนหนุ่มเมื่อได้ยินคำสั่งของเถ้าแก่ก็รีบวิ่งไปทันที

“มาลองชิมเหล้าก่อนนะขอรับ แต่มันถูกเก็บมาเป็น 10 ปีแล้ว เป็นเหล้าที่หายากมากๆ” ยังไงซะเถ้าแก่ก็มีประสบการณ์มาหลายปี ถึงแม้เขาจะยังรู้สึกกลัวแต่ก็พยายามที่จะเก็บกดมันไว้

ทันทีที่เหล้าถูกรินออกมา กลิ่นหอมของเหล้าก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว

ดวงตาของหัวหน้าทหารเปล่งประกายและสีหน้าที่จริงจังของเขาก็เริ่มที่จะอ่อนลงเล็กน้อย “เป็นเหล้าที่ดีนะ” เขาพูด

เมื่อเจ้าของโรงเตี๊ยมได้ยิน สีหน้าของเขาเองก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถ้าท่านชอบงั้นก็ดื่มอีกนะขอรับ”
เสี่ยวเอ้อที่เพิ่งวิ่งเข้าไปในครัว ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมอาหารหน้าตาน่าอร่อยหลายจาน ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหิวขึ้นมาในทันที

“ท่านเจ้าหน้าที่ ที่โรงเตี๊ยมของเราไม่มีอะไรเด่นดัง แต่พวกท่านลองชิมอาหารดูก่อนเถอะขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมยื่นตะเกียบให้ด้วยความเคารพ

หัวหน้าทหารที่เพิ่งดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่และสีหน้าของเขาก็เริ่มที่จะอ่อนโยนลงมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เมื่อเขาได้เห็นอาหารที่น่ากินมากมายก็อดไม่ได้ที่จะหยิบตะเกียบมาและเริ่มที่จะกิน

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองไปที่สีหน้าของหัวหน้าทหารและถามอย่างระวัง

“ท่านเจ้าหน้าที่ แม่นางคนนั้นทำความผิดอะไรหรือขอรับ? ถึงต้องมีการค้นหากันขนาดนี้”

หัวหน้าทหารที่ยุ่งมาทั้งวันและก็หิวมาก ตอนนี้เขาได้กินอาหารและได้ดื่มเหล้าดีๆ นอกจากนี้ท่าทางของเจ้าของโรงเตี๊ยมก็มีมารยาทด้วย เขาจึงไม่ได้ปิดบังอะไร จึงตอบออกไปตรงๆ

“นางไม่ใช่นักโทษ แต่เป็นท่านผู้นำที่ต้องการจะตามหาตัวนาง! ว่ากันว่าเราต้องทำตามที่ท่านสั่งเท่านั้นแต่เราก็ยังหากันไม่เจอ”

เมื่อได้ยินว่านางไม่ใช่นักโทษ เจ้าของโรงเตี๊ยมก็รู้สึกดีขึ้น เขาไม่อยากที่จะปิดบังให้อาชญากร ถึงแม้เด็กสาวจะดูไม่เหมือนแบบนั้นก็ตาม “ทำไมเด็กสาวคนนี้ต้องหลบหนีด้วย?” เจ้าของโรงเตี๊ยมถามต่อ

“พวกเราเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ เราเพียงแค่ทำตามคำสั่ง” หัวหน้าทหารพูดโดยไม่ได้ปิดบัง

ในหัวใจของเจ้าของโรงเตี๊ยมมีข้อโต้แย้งทันที อย่างไรก็ตาม มีผู้หญิงกี่คนกันที่ฝันถึงองค์ชายฉิงกัน? เดาว่าแม่นางคนนี้คงไม่อยากที่จะองค์หญิง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทหารทั้งหมดที่ออกไปค้นหาก็กลับมา “ขอรายงานขอรับหัวหน้า ไม่เจอผู้ต้องสงสัยเลยขอรับ”

เดิมทีในโรงเตี๊ยมนี้จะมีคนอยู่แค่ไม่กี่คน และวันนี้ก็ไม่มีแขกด้วย ห้องทุกห้องจึงว่างเปล่าและไม่เสียเวลาที่จะค้นหา

หลังจากที่ได้ฟัง เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เด็กสาวไม่ได้หลอกเขา

หัวหน้าทหารวางตะเกียบลงและจิบเหล้าเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมทั้งพูดออกมา “ไป”

แล้วกลุ่มของเหล่าทหารก็ออกไปจากโรงเตี๊ยม

เจ้าของโรงเตี๊ยมทรุดลงแทบจะในทันที เขาเหงื่อโทรมกาย

เขาคิดว่าตัวเองเกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว

ในตอนนี้มู่หรงเองก็กำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ด้านนอกมิติลับอย่างต่อเนื่อง ตอนที่ทหารพังประตูและเข้ามาในห้อง โชคดีที่เธอเข้าไปหลบในมิติลับก่อนไม่อย่างนั้นเธอคงต้องลำบากแน่ๆ

เมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ประตูเมืองก็ถูกปิดและเธอจะออกไปข้างนอกอย่างที่ต้องการไม่ได้

หลังจากที่มู่หรงเข้ามาข้างใน เฟิงจือหลิงก็รีบมาอยู่ข้างกายมู่หรงทันทีแต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของเธอ เขาก็ไม่กล้าที่จะรบกวนเธอ

หลังจากที่สีหน้าของเจ้าของโรงเตี๊ยมเริ่มที่จะผ่อนคลาย เขาก็รีบวิ่งขึ้นมาชั้นบนทันทีและเหล่าเสี่ยวเอ้อเองก็รีบตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน

หลังจากที่เปิดประตูเข้ามา เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ไม่เจอเด็กสาวคนเมื่อครู่แล้ว

“เด็กสาวแปลกๆคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ?” เจ้าของโรงเตี๊ยมพึมพำด้วยเสียงต่ำ

“นายท่าน ท่านเข้าห้องผิดหรือเปล่าขอรับ?” เสี่ยวเอ้อรีบพูดออกมาทันที

เจ้าของโรงเตี๊ยมมองไปที่พนักงานคนที่สองอย่างระวัง “จำไว้ อย่าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ ไม่งั้นพวกเราต้องเจอดีแน่ๆ”

เสี่ยวเอ้อรีบพยักหน้าทันที “ขอรับ ขอรับ ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น”

เจ้าของโรงเตี๊ยมดูแลเขาอย่างดีแล้วเขาจะพูดอะไรออกมาได้อย่างไร นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ย่าของเขาป่วยอยู่ที่บ้านและเขาก็ไม่มีเงินเลย แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมจ่ายค่าหมอให้ เขาเป็นหนี้บุญคุณอย่างมาก

“ไป ลองดูว่าห้องอื่นมีหรือเปล่า?” เจ้าของโรงเตี๊ยมพูด ปิดประตูลง
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ออกมา เธอคิดว่าจะรออีกสองสามวันแล้วค่อยออกมา ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองคงจะมีทหารอยู่ทั่วและการออกไปก็มีแต่จะรนหาที่ตาย

หวังฉิงเป็นคนที่มีอำนาจ เขาคงไม่เอากำลังทั้งหมดมาทุ่มกับการตามหาตัวเธอหรอก เดาว่าอีกไม่กี่วันทุกอย่างน่าจะคลี่คลายขึ้นมาก

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” เฟิงจือหลิงถามอย่างกังวล

“ข้าหนีมา ตอนนี้หวังฉิงกำลังตามหาเราไปทั่วทั้งเมือง” มู่หรงพูดเสียงเรียบ โชคดีที่ยังมีห้อง ไม่งั้นเธอก็คงจะหนีไม่ได้

ที่อีกด้าน ในตำหนักของฉิง

เหล่านางสนมทุกคนต่างก็กำลังก้มหัวอยู่เบื้องหน้าหวังฉิง แม้แต่เสียงเดิน, เสียงฝีเท้า, เสียงจังหวะหัวใจที่เต้นรัวอย่างกังวลก็ดังก้องชัดเจนในบรรยากาศที่เงียบงันและน่ากลัวแบบนี้

ด้วยเกรงว่าจะทำให้องค์ชาย เทพเจ้าแห่งสงครามไม่พอใจ

หลินฟางเฟ่ยที่นอนกองอยู่กับพื้นพร้อมด้วยรอยแผลมากมาย เนื้อตัวสั่นไปด้วยความกลัวและเอาแต่ถอยหลังไปเรื่อยๆ สีหน้าของเธอซีดเผือดและริมฝีปากก็สั่นเทิ้ม

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ ฝ่าบาท…” หลินฟางเฟ่ยร้องบอก

สีหน้าของหวังฉิงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้เคร่งเครียดอย่างมาก ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ดีไปกว่าเขา ถ้ามู่หรงเสวี่ยหนีไปได้ มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหานางเจออีกครั้ง ยังไงซะนางก็สามารถที่จะหายตัวไปในอากาศได้โดยที่ไม่รู้เลยว่าหายไปไหน

“เฆี่ยนต่อไปจนกว่านางจะยอมพูด” หวังฉิงพูดอย่างเย็นชา

ทหารทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ด้านซ้าย อีกคนอยู่ด้านขวา หวดแส้ที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดลงไปที่หลินฟางเฟ่ยที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างไร้ความปรานี

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+