ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 241 โชคชะตา

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 241 โชคชะตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 241

โชคชะตา

“ยังไงซะเธอก็ควรที่จะเช็ดเลือดที่หน้าซะก่อนนะ…” ชางกวนหลินหยิบผ้าก๊อซออกมาและค่อยๆช่วยเธอเช็ด พร้อมกันนั้นก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยตะลึงแล้วก็นึกได้ว่าตัวเองลืมแผลที่หน้าผากไปเลย เพราะเท้าที่บาดเจ็บมันเจ็บอย่างมาเหมือนกัน เธอจึงจำได้แต่แผลที่เท้า ไอ้ลูกหมานั้นไม่เตือนให้เธอใส่ยาเลยด้วยซ้ำ จู่ๆเมื่อมู่หรงเสวี่ยนึกถึงไอ้เย็นชาเฉียนฉีเธอก็กลายเป็นไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เป็นอะไรเหรอ? ฉันทำให้เธอเจ็บเหรอ?” ชางกวนหลินสังเกตเห็นท่าทางของเธอจึงถามออกมา

“เปล่า ไม่ได้เจ็บ อีกอย่างนะชางกวนหลิน ฉันเจอท่านอาจารย์ได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยถาม

ชางกวนหลินหยุดการทายาและถามออกมา “เรียกฉันว่าศิษย์พี่ เธออยากที่จะเจอท่านอาจารย์งั้นเหรอ? ทำไมเหรอ?”

“มีเรื่องนิดหน่อย…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรมาก

“ถ้าเธออยากที่จะเจอท่านอาจารย์ งั้นก็ไปเจอตอนนี้เลย เดี๋ยวท่านอาจารย์ก็จะปิดด่านฝึกตนแล้ว…”

ชางกวนหลินทายาต่อและพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจและลุกขึ้นมาทัน “งั้นฉันจะไปหาท่านตอนนี้เลย…”

ชางกวนหลินมองไปที่ขี้ผึ้งในมืออย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงพูดออกมา “ไม่ต้องห่วง มาทายาก่อนเถอะ เธออยากไปเจอท่านอาจารย์ในสภาพแบบนี้งั้นเหรอ แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดก่อนด้วยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่สภาพของเธอและก็ยิ้มออกมาอย่างอายๆ พร้อมทั้งนั่งลงอีกครั้ง “งั้นก็รีบๆทายาสิ…”

ชางกวนหลินไม่ได้พูดอะไรมากแต่รีบทายาและทำแผลให้เธอ มันดูดีขึ้นมากแล้วเขาก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของมู่หรงเสวี่ยออกมาจากกระเป๋ามิติลับและส่งให้เธอ

มู่หรงเสวี่ยกล่าวขอบคุณ แล้วก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในถ้ำ เธอปิดประตูและเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เธอดูสดใสขึ้นมาก หลังจากที่เธอเดินออกมา ชางกวนหลินก็ยังยืนรอเธออยู่ที่สนาม “ไปกันเถอะ ฉันพาเธอไปจะเร็วกว่า…”

มู่หรงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ไม่ค่ะ ฉันจะไปเอง”

“ถ้าให้เธอไปเองกว่าจะถึงก็ดึกกันพอดี เร็วเข้า!” ชางกวนหลินยื่นมือออกไป

มู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่กลางแสงแดดนึกขึ้นมาได้ว่า หลิวหยุนจุงอยู่ห่างจากที่พำนักของท่านอาจารย์ใหญ่มากและการบ่มเพาะของเธอก็ยังด้อยเกินกว่าที่จะรู้วิธีบินได้ด้วย เธอวางมือตัวเองลงที่มือของชางกวนหลินแล้วทั้งสองก็ลอยขึ้นไปในอากาศและบินด้วยความเร็วไปที่ยอดเขาของท่านผู้นำ

“ถ้าเธอไม่เข้าใจการฝึกก็มาถามฉันได้ แล้วต่อไปก็ค่อยเรียกฉันว่าศิษย์พี่…” ชางกวนหลินที่อยู่อีกด้านพูดเสียงเบา

“งั้นศิษย์พี่ ต่อไปฉันคงต้องขอรบกวนด้วยนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยพูด

“ได้เลย!…”

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ ทำไมรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งเธออยู่เลยล่ะ

หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็มาถึงขั้นบันไดหยก มู่หรงเสวี่ยกำลังที่จะอ้าปากบอกว่าเธออยากที่จะเข้าไปคนเดียว แต่ชางกวนหลินดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงชิงพูดขึ้นมาก่อน “เธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ที่ประตูนี่แหละ…”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและเดินเข้าไป สาวกสองคนที่หน้าประตูหยุดเธอไว้และเดินเข้าไปรายงานก่อน

หลังจากที่ได้รับคำอนุญาตแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็เดินเข้าไปข้างในด้วยเท้าของตัวเอง เธอเห็นท่านอาจารย์กำลังนั่งอยู่ที่ด้านบนของรูปปั้น เขาดูเหมือนจะกำลังจ้องตรงมาที่เธออย่างไม่วางตา

เมื่อเธอได้เห็นท่านอาจารย์เป็นครั้งแรก เธอคิดว่าเขาดูจะอายุพอๆกับชางกวนหลินเพราะใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความแก่อยู่เลย ถึงแม้ใบหน้าโดยรวมจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก แต่ก็มีร่องรอยของความเป็นอมตะอยู่ด้วยซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวได้

“ท่านอาจารย์…” มู่หรงเสวี่ยเรียกออกมาอย่างเคารพ

ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยลำแสง สีหน้าเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พร้อมทั้งพยักหน้าเบาๆ

“ท่านอาจารย์ ฉันมีเรื่องที่จะถามค่ะ” มู่หรงพูด

“พูดมา”

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้วิธีท่องห้วงเวลาและมิติลับหรือเปล่าคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

สายตาเย็นชาของหลิวฮวงมองมาที่เธอและถามออกมา “ทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้?”

มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากและพูดออกมา “ท่านอาจารย์ อีกไม่นานฉันก็จะต้องไปเพื่อไปตามหาพ่อแม่…”

“ถึงแม้เธอจะกลับมาไม่ได้งั้นเหรอ?” หลิวฮวงที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างถามออกมาด้วยประโยคธรรมดาๆ

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ฉันจะกลับมาไม่ได้ ฉันก็จะไปค่ะ!”

หลิวฮวงมองไปที่สายตาหนักแน่นของเธอแล้วถอนหายใจ “ไปเถอะ นี่เป็นโชคชะตาของเธอ…”

มู่หรงเบิกตากว้างในทันที “ท่านอาจารย์ ท่านรู้อะไรเหรอคะ?” เธอเกือบที่จะลืมมารยาทว่าเธอกำลังอยู่เบื้องหน้าท่านอาจารย์ไปเลย เรื่องนี้สำคัญกับเธออย่างมากจริงๆ

อย่างไรก็ตามหลิวฮวงกวักมือให้เธอเดินเข้ามา หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไป เธอก็เห็นว่าหลิวฮวงหยิบหนังสือออกมาหลายเล่มจากด้านข้างและวางลงในมือของเธอ “ไม่จำเป็นที่จะต้องถามถึงเรื่องอื่น ทุกอย่างมีจังหวะของมันเอง เอาหนังสือพวกนี้กลับไปด้วย มันจะช่วยเจ้า…”

“ท่านอาจารย์ ฉัน…”

มู่หรงเสวี่ยยังอยากที่จะถามต่อแต่หลิวฮวงโบกมือราวกับว่าไม่อยากที่จะพูดต่อแล้ว “ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก กลับไปได้แล้ว…”

เธอทำได้เพียงรับคำและเดินออกมา

เมื่อกี้เหมือนกับว่าท่านอาจารย์ได้ตอบคำถามของเธอแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่จะพูดอีก เธอมองไปที่หนังสือที่อยู่ในมือซึ่งเขียนว่า “การบ่มเพาะทักษะการฝึกตนแห่งฟีนิกซ์!”

ฟีนิกซ์งั้นเหรอ?! มันเป็นเทคนิคการใช้เข็มฟีนิกซ์ทั้งชุดในมิติลับของเธอ เธอยังไม่รู้แต่ก็รู้สึกว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไรที่จะมานั่งอ่านตอนนี้ เธอกอดหนังสือไว้ในอ้อมแขนและเดินลงไปที่บันได ไม่ห่างนั้น ชางกวนหลินยังยืนรอเธออยู่

“เป็นไงบ้าง? ได้ถามหรือเปล่า?” ชางกวนหลินถาม

มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้า ท่าทางบนสีหน้าของเขาดูซับซ้อน ราวกับว่าท่านอาจารย์รู้เหตุผลแต่เขาไม่ยอมที่จะบอก

ชางกวนหลินรู้ตั้งแต่ที่เห็นท่าทางหงอยๆของเธอแล้ว ท่านอาจารย์เป็นคนที่เย็นชา ถึงแม้เขาจะเป็นลูกศิษย์ของท่าน แต่ท่านก็ยังไม่อ่อนโยนด้วยเลย

“อย่าไปสนใจท่านอาจารย์เลยถึงแม้ท่านดูเย็นชาแต่ท่านก็ดีกับพวกเรามากๆเลยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องนั้น “ฉันอยากที่จะกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด…” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาในเมื่อท่านอาจารย์บอกว่ามันเป็นโชคชะตาของเธอ งั้นเธอก็ควรที่จะลองดูหน่อย ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ปล่อยให้พ่อแม่อยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักไม่ได้

เมื่อคิดว่าเธออาจจะกลับมาไม่ได้ เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง คุณปู่คุณย่าและฮวงฟูอี้ยังอยู่ที่นี่

ไม่ เธอจะต้องหาทางกลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม…”ทำไมถึงกลับเร็วขนาดนี้ล่ะ?! รู้ไหมว่าฝึกที่นี่มันจะเร็วกว่านะ แสงออร่าที่โลกเทียบไม่ได้กับที่นี่เลยนะ…” ชางกวนหลินคิดว่าเธอไม่เข้าใจ เขาจึงรีบอธิบายออกมา

มุ่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ฉันรู้ แต่ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องทำ มันสำคัญมากจริงๆ ท่านอาจารย์เองก็รู้เรื่องนี้แล้ว…”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะพูด งั้นคืนนี้ก็พักที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง…”

“อันที่จริง ฉันกลับเองได้ พี่ช่วยบอกทางมาก็พอ…”

“เธอยังไม่เก่งพอที่จะเปิดช่องทางเคลื่อนย้าย”

“ขอโทษนะศิษย์พี่…” มู่หรงเสวี่ยเอ่ยขอโทษ

ชางกวนหลินพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร มาเถอะ กลับกันเถอะ”

ระหว่างทางที่กลับไปที่ถ้ำ พวกเขาก็ผ่านทางเข้าถ้ำด้วย

เหลงเฉียนฉีที่ยืนมองพวกเขาอยู่ที่ประตู ดวงตามีประกายแวบขึ้นมาแต่ใบหน้ากลับมองไม่เห็น

วันต่อมา ชางกวนหลินแวะมาหามู่หรงเสวี่ยและพวกเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ

ชางกวนหลินคิดว่าตัวเองจะอยู่นานอีกหน่อยได้ แต่เขาทำได้เพียงไปๆมาๆทุกสองหรือสามวัน พื้นฐานแล้วเขาจะอยู่ที่โลกซะมากกว่า ตอนที่เขาถามเสี่ยวเสวี่ยว่าเธอต้องไปจัดการเรื่องอะไร เสี่ยวเสวี่ยไม่ตอบ เธอบอกเพียงแค่ว่าเธอจะไม่อยู่นานเลย ท่านอาจารย์รู้เรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้ยิ่งทำให้ชางกวนหลินสงสัยมากขึ้นไปอีก และรู้สึกมาตลอดว่ามู่หรงเสวี่ยมีความลับ

หลังจากกลับมาที่วิลล่า มู่หรงเสวี่ยก็เข้าไปในมิติลับและได้รู้ว่าพี่โม่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับสีเหลืองแล้ว เธอถอนหายใจให้ความอัจฉริยะของพี่โม่

“พี่โม่ ฉันพร้อมที่จะไปแล้วค่ะ พี่จำภาพทั้งหมดบนกำแพงหินได้หรือยัง?” มู่หรงถาม แต่ในหัวใจก็ยังมีความรำคาญอยู่เล็กๆ เธอถึงขนาดลืมที่จะพูดถึงพี่โม่กับท่านอาจารย์ด้วยถ้าเธอเป็นพี่โม่ ก็คงจะดี

“ฉันจดไว้แล้ว มู่หรงเธอจะต้องกลับมานะ!” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาอย่างจริงจัง

มู่หรงพยักหน้า “แน่นอนค่ะ!”

แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องยาขึ้นมาได้ มู่หรงเสวี่ยจึงพูดออกมา “พี่โม่ พี่จำเรื่องคนที่มีหน้าสีเทาดำที่ฉันเคยพูดกับคุณปู่โม่ได้หรือเปล่า?”

“จำได้สิ มีอะไรเหรอ?” โม่หลิวเฟิงถามด้วยความสงสัย

“ฉันขอยกเรื่องนี้ให้พี่ดูแลแทนนะพี่โม่ พี่สำเร็จถึงขั้นแล้วและพี่ก็สามารถที่จะสกัดยาได้แล้วด้วย ฉันจะเขียนสูตรและวิธีการปรุงยาให้กับพี่เอง ทักษะของฉันยังไม่ถึงขั้นดังนั้นฉันเลยปรุงยาเองไม่ได้…”

“แต่ฉันไม่รู้เรื่องเภสัชวิทยาเลยนะ?” โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้วและพูดออกมา

“การเล่นแร่แปรธาตุไม่เหมือนกับยา ถึงแม้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องยาก็สามารถที่จะปรุงยาได้ ลองดูนะคะพี่โม่ ถ้าพี่ทำไม่ได้ พี่ไปหาชางกวนหลินและบอกเขาว่าฉันแนะนำพี่มาได้ ลองถามเขาดูว่าพอจะมีหนทางไหม ฉันจะเตรียมสมุนไพรไว้ให้พี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าสมุนไพรอาจจะไม่พอ น่าจะเป็นเพราะศิษย์พี่ยังไม่ได้รับการล้างพิษจนถึงตอนนี้

เดิมทีเธออยากที่จะมอบสมุนไพรให้เขาไปเลยแต่เขาอาจจะดูแลได้ไม่ดี

เธออยากที่จะกลับบ้านแต่ก็ยังพูดกับโม่หลิวเฟิง “แล้วช่วยฉันส่งสมุนไพร 10 อย่างให้ชางกวนหลินทีนะคะ บอกเขาว่านี่สำหรับศิษย์พี่…”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 241 โชคชะตา

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 241 โชคชะตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 241

โชคชะตา

“ยังไงซะเธอก็ควรที่จะเช็ดเลือดที่หน้าซะก่อนนะ…” ชางกวนหลินหยิบผ้าก๊อซออกมาและค่อยๆช่วยเธอเช็ด พร้อมกันนั้นก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

มู่หรงเสวี่ยตะลึงแล้วก็นึกได้ว่าตัวเองลืมแผลที่หน้าผากไปเลย เพราะเท้าที่บาดเจ็บมันเจ็บอย่างมาเหมือนกัน เธอจึงจำได้แต่แผลที่เท้า ไอ้ลูกหมานั้นไม่เตือนให้เธอใส่ยาเลยด้วยซ้ำ จู่ๆเมื่อมู่หรงเสวี่ยนึกถึงไอ้เย็นชาเฉียนฉีเธอก็กลายเป็นไม่พอใจขึ้นมาทันที

“เป็นอะไรเหรอ? ฉันทำให้เธอเจ็บเหรอ?” ชางกวนหลินสังเกตเห็นท่าทางของเธอจึงถามออกมา

“เปล่า ไม่ได้เจ็บ อีกอย่างนะชางกวนหลิน ฉันเจอท่านอาจารย์ได้ไหม?” มู่หรงเสวี่ยถาม

ชางกวนหลินหยุดการทายาและถามออกมา “เรียกฉันว่าศิษย์พี่ เธออยากที่จะเจอท่านอาจารย์งั้นเหรอ? ทำไมเหรอ?”

“มีเรื่องนิดหน่อย…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรมาก

“ถ้าเธออยากที่จะเจอท่านอาจารย์ งั้นก็ไปเจอตอนนี้เลย เดี๋ยวท่านอาจารย์ก็จะปิดด่านฝึกตนแล้ว…”

ชางกวนหลินทายาต่อและพูดออกมา

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจและลุกขึ้นมาทัน “งั้นฉันจะไปหาท่านตอนนี้เลย…”

ชางกวนหลินมองไปที่ขี้ผึ้งในมืออย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงพูดออกมา “ไม่ต้องห่วง มาทายาก่อนเถอะ เธออยากไปเจอท่านอาจารย์ในสภาพแบบนี้งั้นเหรอ แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดก่อนด้วยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่สภาพของเธอและก็ยิ้มออกมาอย่างอายๆ พร้อมทั้งนั่งลงอีกครั้ง “งั้นก็รีบๆทายาสิ…”

ชางกวนหลินไม่ได้พูดอะไรมากแต่รีบทายาและทำแผลให้เธอ มันดูดีขึ้นมากแล้วเขาก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของมู่หรงเสวี่ยออกมาจากกระเป๋ามิติลับและส่งให้เธอ

มู่หรงเสวี่ยกล่าวขอบคุณ แล้วก็หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในถ้ำ เธอปิดประตูและเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง เธอดูสดใสขึ้นมาก หลังจากที่เธอเดินออกมา ชางกวนหลินก็ยังยืนรอเธออยู่ที่สนาม “ไปกันเถอะ ฉันพาเธอไปจะเร็วกว่า…”

มู่หรงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ไม่ค่ะ ฉันจะไปเอง”

“ถ้าให้เธอไปเองกว่าจะถึงก็ดึกกันพอดี เร็วเข้า!” ชางกวนหลินยื่นมือออกไป

มู่หรงเสวี่ยที่ยืนอยู่กลางแสงแดดนึกขึ้นมาได้ว่า หลิวหยุนจุงอยู่ห่างจากที่พำนักของท่านอาจารย์ใหญ่มากและการบ่มเพาะของเธอก็ยังด้อยเกินกว่าที่จะรู้วิธีบินได้ด้วย เธอวางมือตัวเองลงที่มือของชางกวนหลินแล้วทั้งสองก็ลอยขึ้นไปในอากาศและบินด้วยความเร็วไปที่ยอดเขาของท่านผู้นำ

“ถ้าเธอไม่เข้าใจการฝึกก็มาถามฉันได้ แล้วต่อไปก็ค่อยเรียกฉันว่าศิษย์พี่…” ชางกวนหลินที่อยู่อีกด้านพูดเสียงเบา

“งั้นศิษย์พี่ ต่อไปฉันคงต้องขอรบกวนด้วยนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยพูด

“ได้เลย!…”

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ ทำไมรู้สึกเหมือนเขากำลังแกล้งเธออยู่เลยล่ะ

หลังจากนั้นสักพัก พวกเขาก็มาถึงขั้นบันไดหยก มู่หรงเสวี่ยกำลังที่จะอ้าปากบอกว่าเธออยากที่จะเข้าไปคนเดียว แต่ชางกวนหลินดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงชิงพูดขึ้นมาก่อน “เธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ที่ประตูนี่แหละ…”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและเดินเข้าไป สาวกสองคนที่หน้าประตูหยุดเธอไว้และเดินเข้าไปรายงานก่อน

หลังจากที่ได้รับคำอนุญาตแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็เดินเข้าไปข้างในด้วยเท้าของตัวเอง เธอเห็นท่านอาจารย์กำลังนั่งอยู่ที่ด้านบนของรูปปั้น เขาดูเหมือนจะกำลังจ้องตรงมาที่เธออย่างไม่วางตา

เมื่อเธอได้เห็นท่านอาจารย์เป็นครั้งแรก เธอคิดว่าเขาดูจะอายุพอๆกับชางกวนหลินเพราะใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของความแก่อยู่เลย ถึงแม้ใบหน้าโดยรวมจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก แต่ก็มีร่องรอยของความเป็นอมตะอยู่ด้วยซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวได้

“ท่านอาจารย์…” มู่หรงเสวี่ยเรียกออกมาอย่างเคารพ

ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยลำแสง สีหน้าเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พร้อมทั้งพยักหน้าเบาๆ

“ท่านอาจารย์ ฉันมีเรื่องที่จะถามค่ะ” มู่หรงพูด

“พูดมา”

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้วิธีท่องห้วงเวลาและมิติลับหรือเปล่าคะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

สายตาเย็นชาของหลิวฮวงมองมาที่เธอและถามออกมา “ทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้?”

มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากและพูดออกมา “ท่านอาจารย์ อีกไม่นานฉันก็จะต้องไปเพื่อไปตามหาพ่อแม่…”

“ถึงแม้เธอจะกลับมาไม่ได้งั้นเหรอ?” หลิวฮวงที่ดูเหมือนจะรู้ทุกอย่างถามออกมาด้วยประโยคธรรมดาๆ

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ฉันจะกลับมาไม่ได้ ฉันก็จะไปค่ะ!”

หลิวฮวงมองไปที่สายตาหนักแน่นของเธอแล้วถอนหายใจ “ไปเถอะ นี่เป็นโชคชะตาของเธอ…”

มู่หรงเบิกตากว้างในทันที “ท่านอาจารย์ ท่านรู้อะไรเหรอคะ?” เธอเกือบที่จะลืมมารยาทว่าเธอกำลังอยู่เบื้องหน้าท่านอาจารย์ไปเลย เรื่องนี้สำคัญกับเธออย่างมากจริงๆ

อย่างไรก็ตามหลิวฮวงกวักมือให้เธอเดินเข้ามา หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไป เธอก็เห็นว่าหลิวฮวงหยิบหนังสือออกมาหลายเล่มจากด้านข้างและวางลงในมือของเธอ “ไม่จำเป็นที่จะต้องถามถึงเรื่องอื่น ทุกอย่างมีจังหวะของมันเอง เอาหนังสือพวกนี้กลับไปด้วย มันจะช่วยเจ้า…”

“ท่านอาจารย์ ฉัน…”

มู่หรงเสวี่ยยังอยากที่จะถามต่อแต่หลิวฮวงโบกมือราวกับว่าไม่อยากที่จะพูดต่อแล้ว “ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก กลับไปได้แล้ว…”

เธอทำได้เพียงรับคำและเดินออกมา

เมื่อกี้เหมือนกับว่าท่านอาจารย์ได้ตอบคำถามของเธอแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่จะพูดอีก เธอมองไปที่หนังสือที่อยู่ในมือซึ่งเขียนว่า “การบ่มเพาะทักษะการฝึกตนแห่งฟีนิกซ์!”

ฟีนิกซ์งั้นเหรอ?! มันเป็นเทคนิคการใช้เข็มฟีนิกซ์ทั้งชุดในมิติลับของเธอ เธอยังไม่รู้แต่ก็รู้สึกว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไรที่จะมานั่งอ่านตอนนี้ เธอกอดหนังสือไว้ในอ้อมแขนและเดินลงไปที่บันได ไม่ห่างนั้น ชางกวนหลินยังยืนรอเธออยู่

“เป็นไงบ้าง? ได้ถามหรือเปล่า?” ชางกวนหลินถาม

มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้า ท่าทางบนสีหน้าของเขาดูซับซ้อน ราวกับว่าท่านอาจารย์รู้เหตุผลแต่เขาไม่ยอมที่จะบอก

ชางกวนหลินรู้ตั้งแต่ที่เห็นท่าทางหงอยๆของเธอแล้ว ท่านอาจารย์เป็นคนที่เย็นชา ถึงแม้เขาจะเป็นลูกศิษย์ของท่าน แต่ท่านก็ยังไม่อ่อนโยนด้วยเลย

“อย่าไปสนใจท่านอาจารย์เลยถึงแม้ท่านดูเย็นชาแต่ท่านก็ดีกับพวกเรามากๆเลยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องนั้น “ฉันอยากที่จะกลับไปที่เมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด…” จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาในเมื่อท่านอาจารย์บอกว่ามันเป็นโชคชะตาของเธอ งั้นเธอก็ควรที่จะลองดูหน่อย ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ปล่อยให้พ่อแม่อยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักไม่ได้

เมื่อคิดว่าเธออาจจะกลับมาไม่ได้ เธอก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง คุณปู่คุณย่าและฮวงฟูอี้ยังอยู่ที่นี่

ไม่ เธอจะต้องหาทางกลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม…”ทำไมถึงกลับเร็วขนาดนี้ล่ะ?! รู้ไหมว่าฝึกที่นี่มันจะเร็วกว่านะ แสงออร่าที่โลกเทียบไม่ได้กับที่นี่เลยนะ…” ชางกวนหลินคิดว่าเธอไม่เข้าใจ เขาจึงรีบอธิบายออกมา

มุ่หรงเสวี่ยพยักหน้า “ฉันรู้ แต่ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องทำ มันสำคัญมากจริงๆ ท่านอาจารย์เองก็รู้เรื่องนี้แล้ว…”

“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรที่จะพูด งั้นคืนนี้ก็พักที่นี่ก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปส่ง…”

“อันที่จริง ฉันกลับเองได้ พี่ช่วยบอกทางมาก็พอ…”

“เธอยังไม่เก่งพอที่จะเปิดช่องทางเคลื่อนย้าย”

“ขอโทษนะศิษย์พี่…” มู่หรงเสวี่ยเอ่ยขอโทษ

ชางกวนหลินพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร มาเถอะ กลับกันเถอะ”

ระหว่างทางที่กลับไปที่ถ้ำ พวกเขาก็ผ่านทางเข้าถ้ำด้วย

เหลงเฉียนฉีที่ยืนมองพวกเขาอยู่ที่ประตู ดวงตามีประกายแวบขึ้นมาแต่ใบหน้ากลับมองไม่เห็น

วันต่อมา ชางกวนหลินแวะมาหามู่หรงเสวี่ยและพวกเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ

ชางกวนหลินคิดว่าตัวเองจะอยู่นานอีกหน่อยได้ แต่เขาทำได้เพียงไปๆมาๆทุกสองหรือสามวัน พื้นฐานแล้วเขาจะอยู่ที่โลกซะมากกว่า ตอนที่เขาถามเสี่ยวเสวี่ยว่าเธอต้องไปจัดการเรื่องอะไร เสี่ยวเสวี่ยไม่ตอบ เธอบอกเพียงแค่ว่าเธอจะไม่อยู่นานเลย ท่านอาจารย์รู้เรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้ยิ่งทำให้ชางกวนหลินสงสัยมากขึ้นไปอีก และรู้สึกมาตลอดว่ามู่หรงเสวี่ยมีความลับ

หลังจากกลับมาที่วิลล่า มู่หรงเสวี่ยก็เข้าไปในมิติลับและได้รู้ว่าพี่โม่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับสีเหลืองแล้ว เธอถอนหายใจให้ความอัจฉริยะของพี่โม่

“พี่โม่ ฉันพร้อมที่จะไปแล้วค่ะ พี่จำภาพทั้งหมดบนกำแพงหินได้หรือยัง?” มู่หรงถาม แต่ในหัวใจก็ยังมีความรำคาญอยู่เล็กๆ เธอถึงขนาดลืมที่จะพูดถึงพี่โม่กับท่านอาจารย์ด้วยถ้าเธอเป็นพี่โม่ ก็คงจะดี

“ฉันจดไว้แล้ว มู่หรงเธอจะต้องกลับมานะ!” โม่หลิวเฟิงพูดออกมาอย่างจริงจัง

มู่หรงพยักหน้า “แน่นอนค่ะ!”

แล้วเธอก็นึกถึงเรื่องยาขึ้นมาได้ มู่หรงเสวี่ยจึงพูดออกมา “พี่โม่ พี่จำเรื่องคนที่มีหน้าสีเทาดำที่ฉันเคยพูดกับคุณปู่โม่ได้หรือเปล่า?”

“จำได้สิ มีอะไรเหรอ?” โม่หลิวเฟิงถามด้วยความสงสัย

“ฉันขอยกเรื่องนี้ให้พี่ดูแลแทนนะพี่โม่ พี่สำเร็จถึงขั้นแล้วและพี่ก็สามารถที่จะสกัดยาได้แล้วด้วย ฉันจะเขียนสูตรและวิธีการปรุงยาให้กับพี่เอง ทักษะของฉันยังไม่ถึงขั้นดังนั้นฉันเลยปรุงยาเองไม่ได้…”

“แต่ฉันไม่รู้เรื่องเภสัชวิทยาเลยนะ?” โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้วและพูดออกมา

“การเล่นแร่แปรธาตุไม่เหมือนกับยา ถึงแม้คนที่ไม่เข้าใจเรื่องยาก็สามารถที่จะปรุงยาได้ ลองดูนะคะพี่โม่ ถ้าพี่ทำไม่ได้ พี่ไปหาชางกวนหลินและบอกเขาว่าฉันแนะนำพี่มาได้ ลองถามเขาดูว่าพอจะมีหนทางไหม ฉันจะเตรียมสมุนไพรไว้ให้พี่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าสมุนไพรอาจจะไม่พอ น่าจะเป็นเพราะศิษย์พี่ยังไม่ได้รับการล้างพิษจนถึงตอนนี้

เดิมทีเธออยากที่จะมอบสมุนไพรให้เขาไปเลยแต่เขาอาจจะดูแลได้ไม่ดี

เธออยากที่จะกลับบ้านแต่ก็ยังพูดกับโม่หลิวเฟิง “แล้วช่วยฉันส่งสมุนไพร 10 อย่างให้ชางกวนหลินทีนะคะ บอกเขาว่านี่สำหรับศิษย์พี่…”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+