ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 359 ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 359 ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 359

ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่

หลังจากที่องค์หญิงเดินออกมาได้ยังไม่ไกลนัก เท้าของเธอก็อ่อนแรงและทรุดลงไปกับพื้น เสี่ยวหงที่ตามเธอมาติดๆแต่ก็รับองค์หญิงไว้ไม่ทัน ในตอนนี้องค์หญิงไม่มีภาพลักษณ์อะไรเหลืออยู่เลย

หัวใจเธอเต้นรัว ก่อนหน้านี้เธอมองดินแดนดำมืดว่าเป็นอะไรที่น่าขำ ก่อนหน้านี้เธอมองไม่ออกเลยจริงๆ

แม้แต่ทหารที่อยู่รอบๆก็ยังมีสายตาที่ประหลาดใจอย่างไม่ต้องสืบเลย

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านลอร์ดของเมืองถึงไม่เคยสนใจเธอเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงสั่งให้เธอเฝ้าจับตาท่านลอร์ดของดินแดนดำมืด

ถ้าวันนี้เธอไม่ได้เข้าไปที่ห้องทำงานเขา เธอก็คงจะยังพ่ายแพ้ต่อไปหลังจากการปราบปรามแน่ๆ

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?” เสี่ยวหงถามด้วยความกังวลเพราะเธอพยายามที่จะดึงองค์หญิงขึ้นมาหลายครั้งแต่องค์หญิงก็ยังยืนไม่ได้อยู่ดี

ตั้งแต่เด็กคนโต เธอไม่เคยเห็นองค์หญิงหน้าซีดขนาดนี้มาก่อนเลย

องค์หญิงไม่ได้ยินสิ่งที่คนรอบข้างกำลังพูดเลย มือเธอกำกระดาษไว้แน่น ภาพแบบมากมายและสัญลักษณ์ที่ไม่รู้จักพวกนี้กำลังกลืนกินความรู้สึกของเธอทั้งหมดราวกับปีศาจร้าย ไม่ได้แล้ว! ยังพอมีเวลา!

ตราบใดที่เธอไปบอกเขาตอนนี้ เขาจะต้องมีวิธีแน่ๆ องค์หญิงลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่หลินหยางเห็นเธอหยิบภาพร่างนี้ออกมาแต่กลับไม่มีทีท่าอะไรเลย เธอรู้สึกเครียดขึ้นมาอีกครั้ง หรือนี่จะเป็นแผนที่อีกฝ่ายคิดไว้แล้ว

ถ้าเธอรู้แล้ว งั้นเขาจะไม่เตรียมพร้อมได้ยังไง

สุดท้ายเธอก็ช่างไม่รู้อะไรเลย

ที่ดินแดนของเธอ เธอกลายเป็นองค์หญิงที่โด่งดัง เธอถึงขนาดเคยคิดว่าคงไม่มีดินแดนไหนในโลกนี้ที่จะมาเทียบกับดินแดนสายลมได้และคนที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกนี้ก็ควรที่จะเป็นองค์จักรพรรดิพี่ชายของเธอ เธอมีความคิดที่ไร้สาระแบบนั้นได้ยังไงกัน

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ? ลุกขึ้นก่อนเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวหงจับองค์หญิงและพยายามที่จะดึงเธอลุกขึ้น

ภาพลักษณ์ขององค์หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นางจะมานั่งบนพื้นในที่สาธารณะได้ยังไงกัน

ทันใดนั้นองค์หญิงก็ลุกขึ้น โบกมือให้เสี่ยวหงที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกห่าง แล้ววิ่งกลับไปที่พักของเธอ

ตราบใดที่ยังมีความหวัง ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่เธอก็จะยอมแพ้ไม่ได้ ใช่ อย่างน้อยเธอก็ต้องบอกเขาก่อน

หลังจากกลับมาถึงที่พัก องค์หญิงก็สั่งออกมาทันที “เก็บของ เราจะไปจากดินแดนของท่านลอร์ดกัน”

“เจ้าค่ะองค์หญิง” ถึงแม้สาวใช้ในบ้านจะรู้สึกแปลกๆแต่ก็พวกนางก็ไม่กล้าที่จะถามอะไร แต่เสี่ยวหงกลับหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที “องค์หญิง ท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยข้า แล้วตอนนี้ข้าจะเจอท่านเฟิงได้ยังไงกัน?”

องค์หญิงมองมาที่เสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชา นี่กำลังจะตายกันอยู่แล้วยังจะมีหน้ามีพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่อีก

“องค์หญิง ข้าไม่กลับ” เสี่ยวหงร้องไห้ออกมา

ในตอนนี้องค์หญิงเหลืออดกับสาวใช้คนนี้แล้ว “ถ้าไม่กลับ งั้นก็อยู่ที่นี่ไป” เมื่อพวกเธอได้เจอกันอีก พวกเธอก็จะเป็นศัตรูกัน

เสี่ยวหงมองไปที่องค์หญิงด้วยท่าทางประหลาดใจ ที่สีหน้าของเธอตอนนี้มีความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ได้

เธอกัดริมฝีปากและรู้สึกว่าต้องเลือกระหว่างผู้ชายกับความอยู่รอด องค์หญิงจะทิ้งเธองั้นเหรอ?! เสี่ยวหงตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะยอมแพ้ในทันทีเพราะมิตรภาพอันยาวนานของเธอและความรุ่งโรจน์ที่เธอมี

ภาพของท่านเฟิงจะยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอแต่ตำแหน่งข้างกายเขามีสาวที่ทรงเสน่ห์อยู่ด้วยแล้ว

ถ้าไม่มีองค์หญิง เธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าเธอฉลาดพอ เธอก็ไม่ควรที่จะทิ้งองค์หญิง

แต่นั่นเป็นผู้ชายคนเดียวในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้อยากให้องค์หญิงจัดงานแต่งงานให้เธอด้วยซ้ำ

“องค์หญิง…” เสี่ยวหงพึมพำ สายตาขององค์หญิงเย็นเป็นน้ำแข็งพร้อมทั้งสะบัดมือเธอที่จับแขนเสื้อนางอยู่ออกด้วย “ไปกันได้แล้ว” เธอไม่หันกลับมามองเสี่ยวหงที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยซ้ำ

สิ่งที่เธอกังวลอยู่ตอนนี้คือท่านลอร์ดของเมืองจะยอมให้เธอออกหรือเปล่า?!

เสี่ยวหงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นและมองไปที่องค์หญิงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ความตื่นตระหนกเข้าโจมตีเธอ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นเรื่อยๆแล้วว่าองค์หญิงไม่ได้ต้องการเธอด้วยซ้ำ องค์หญิงก็ยังเป็นองค์หญิงวันยังค่ำ

ความคิดของเสี่ยวหงยังสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นและวิ่งตามนางไป

“องค์หญิง อย่าทิ้งข้าไว้ ข้าอยากที่จะไปกับท่านด้วย” เสี่ยวหงเดินตามองค์หญิงไปพร้อมน้ำตา

ฉลาดมาก ถ้าเสี่ยวหงอยากจะอยู่จริงๆ เธอก็คงจะผิดหวังอย่างมาก “ลุกขึ้นแล้วตามมา” องค์หญิงพูดอย่างเย็นชา

เสี่ยวหงลุกขึ้น ไม่กล้าที่จะเถียงอะไรองค์หญิงที่เคยเลี้ยงดูเธอมา เธอเดินไปยืนข้างๆองค์หญิงอย่างเชื่อฟัง แม้แต่ลมหายใจก็ยังให้มีเสียงเบาที่สุด

ก่อนหน้านี้เธอตามืดบอดเพราะความรักคนบดบังเหตุผลไปจนหมด แต่ตอนนี้เธอได้สติแล้ว

ไม่ว่าท่านเฟิงจะดีมากแค่ไหน เขาก็คงจะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอ แล้วเธอจะขัดขืนได้ยังไง

ตอนนี้องค์หญิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเดาว่าสาวใช้ตัวน้อยของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ข้างหลัง ตอนที่นางวิ่งตามมา อย่างน้อยเธอก็มีคำตอบในหัวใจแล้ว

ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังเหนื่อยอ่อน มีเพียงกระดาษสีขาวธรรมดาที่เธอกอดไว้แน่นราวกับเป็นของมีค่า เธอไม่อยากที่จะคิดถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นรัว

ยิ่งเธอเข้าใกล้ห้องทำงานของหลินหยางมากขึ้นเท่าไร องค์หญิงก็ยิ่งเดินช้ามากขึ้นเท่านั้น

การที่องค์หญิงไปแล้วเดินกลับมาใหม่ไม่ได้ทำให้สีหน้าของเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่เปลี่ยนไปเลย

องค์หญิงลดความสูงศักดิ์ของเธอลงเป็นครั้งแรกและพูดกับทหารว่า “กรุณาแจ้งท่านลอร์ดด้วยว่าองค์หญิงแห่งดินแดนสายลมมาเพื่อกล่าวลา”

“รอสักครู่” หนึ่งในการ์ดเดินเข้าไปข้างใน

ส่วนองค์หญิงที่อยู่ข้างหลังกำมือแน่นแต่ไม่ใช่เพราะความกลัว

เป็นไปได้ว่าท่านลอร์ดของเมืองสั่งให้พวกทหารมาเฝ้าขนาดนี้เพราะต้องการที่จะซ่อนสิ่งที่อันตรายไว้ภายใน

เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่รอแต่สำหรับองค์หญิงแล้วนี่เหมือนกับเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษ

คนที่เดินออกมาคือหลินหยางเอง ไม่ใช่ทหาร

องค์หญิงตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง คงจะเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเธอไม่กลัวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีความเป็นองค์หญิงที่ถูกสั่งสอนมายาวนาน เธอก็คงจะคุกเข่าลงไปกับพื้นแล้ว

“ทำไมองค์หญิงถึงรีบกลับขนาดนี้ล่ะ? ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ?” หลินหยางดูเหมือนจะอารมณ์ดี

ท่าทางขององค์หญิงไม่ค่อยจะดีเท่าไร ถึงแม้สีหน้าของหลินหยางจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในสายตาเธอเขาก็ยังเหมือนกับปีศาจอยู่ดี

ช่างเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานของจิ้งจอกจริงๆ

“ไม่ ไม่ล่ะ ข้าเป็นห่วงเรื่องจดหมายของท่าน งั้นข้าจะกลับบ้าน” จะบอกไม่ได้ว่าทางพระราชวังเรียกตัวเธอ

“งั้นข้ายกให้เจ้าแล้วกัน” หลินหยางพูด เขาจะมีปฏิกิริยาได้ยังไง อาวุธต่างๆก็ถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว

ให้องค์หญิงกลับไปก่อน พวกเขาจะได้วางใจ

“ไม่ล่ะ งั้นข้าไม่รบกวนท่านลอร์ดแล้ว” องค์หญิงถอยหลังมาสองสามก้าวเพราะกลัวว่าเขาจะออกคำสั่งแล้วพวกเธอจะไม่รอดกันหมด

“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ขอให้เดินทางโดยสันติภาพนะ” ยังไงซะอยู่ตรงนี้มันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไรด้วย ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ มีคนนอกอยู่ด้วยมันคงไม่ดีเท่าไร

“งั้นก็ลาก่อน” หลังจากที่องค์หญิงพูดจบ เจอก็แทบจะวิ่งไปสุดฝีเท้าเลย

หลินหยางถึงกับตะลึงงง

ก้าวต่อไปก็คือการสู้ศึกใหญ่

องค์หญิงไม่กล้าที่จะหยุดนอกประตูเมือง เธอสั่งให้คนขับรถตรงไปที่ค่ายสายลมนอกเมืองทันที มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้หัวใจเธอกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง

“เร็วเข้า รีบหน่อย รีบพาข้ากลับไปที่ดินแดนสายลมโดยเร็วที่สุดแล้วส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือขององค์จักรพรรดิด้วย” องค์หญิงกล่าว

หลินหยางที่อยู่ในคฤหาสน์เผยรอยยิ้มออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินรายงานจากทหารชุดดำ

เขาจะสร้างโลกที่สงบสุข

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยกำลังปวดหัว

ในหัวของเธอเอาแต่ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งขึ้นมาซ้ำๆ หัวใจเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าเธอได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่

สีหน้าของเธอซีดเผือดและเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เฟิงจือหลิงเคาะประตูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

เสี่ยวฉิงก็ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน

สีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที

มู่หรงกำลังนอนอยู่ที่เตียง มือกุมไปที่หัวด้วยความเจ็บปวด ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“เสี่ยวเสวี่ยเจ้าเป็นอะไร?” เขารีบอุ้มมู่หรงเสวี่ยขึ้นมาทันทีและรีบใช้พลังแห่งจิตวิญญาณตรวจอาการของร่างกายเพื่อหาว่ามีการบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าทันที

“เจ็บ ปวดหัว…” มู่หรงเสวี่ยมองเห็นเฟิงจือหลิงที่อยู่ข้างเธอเพียงเท่านั้น แต่เธอไม่มีแรงพอจะตอบเขา

อาการปวดหัวกลายเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอแทบจะทนไม่ไหวและสลบไปในทันที

เขารู้สึกตกใจกลัวอย่างมาก

เขาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ตัวเองและทำการตรวจมู่หรงเสวี่ยแต่ก็ไม่เจออะไรที่ผิดปกติในร่างกายของเธอ มีเพียงแค่สีหน้าที่ซีดเผือดของเธอที่บ่งบอกว่าเธอทรมานจากความเจ็บปวดอย่างมาก

เขาซับเหงื่อบนใบหน้าของเธอและพร้อมกันนั้นเขาก็ตรวจสอบสถานการณ์ด้านจิตใจของเธอด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างระวัง แต่ก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรเลย

กว่าที่มู่หรงเสวี่ยจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็ค่ำแล้ว

เธอมองไปที่เฟิงจือหลิงที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง ที่ใต้ตาของเขามีรอยคล้ำ เกิดเป็นความรู้สึกอบอุ่นแผ่ทั่วหัวใจเธอ

เธอค่อยๆหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่ร่างของเฟิงจือหลิง

อย่างไรก็ตามเฟิงจือหลิงตื่นขึ้นมาทันที “เสี่ยวเสวี่ยเจ้าเป็นไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เฟิงจือหลิงลุกขึ้นและถามออกมา

มู่หรงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร”

เฟิงจือหลิงของอย่างไม่วางใจ เมื่อวานเขาเห็นท่าทางเจ็บปวดของเธอด้วยตาตัวเอง บ่งบอกให้รู้ว่าอาจจะมีอันตรายอะไรที่ซ่อนอยู่ “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

มู่หรงส่ายหัวและตอบออกมาเสียงเบา “ดูเหมือนข้าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ มีร่างของคนคนหนึ่งแต่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไร” เธอคิดว่าสักวันความทรงจำของเธอก็อาจจะกลับมาได้

อย่างไรก็ตาม เฟิงจือหลิงดูจะผิดปกติไปนิดหน่อย แต่ มู่หรงก้มหัวลงและพยายามที่จะนึกถึงร่างที่เห็นเมื่อวานในความคิด

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” เฟิงจือหลิงถามออกมาเสียงเบาอย่างระวัง เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?!

ความกลัวที่จะต้องสูญเสียทำให้เฟิงจือหลิงรู้สึกยอมรับไม่ได้อยู่นิดหน่อย

“ก็แค่นึกถึงร่างของผู้ชายที่เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร” ดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญกับเธอมาก เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวของเธอแน่ แต่เขาจะเป็นใครไปได้นะ?!

ทำไมเวลาที่เธอนึกถึงแล้วจะต้องปวดหัวใจด้วยนะ

สีหน้าของเฟิงจือหลิงซีดเผือดและร่างกายเขาก็เริ่มที่จะสั่นเล็กน้อย ความสุขที่ขโมยมาไม่มียั่งยืนหรอก

เขาไม่น่าที่จะทำแบบนี้เลย เฟิงจือหลิงอดไม่ได้ที่จะกอดมู่หรงเสวี่ยไว้แน่น

“เสี่ยวเสวี่ย เจ้าจะเกลียดข้าไหม?” เกลียดที่ข้าไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า ว่าเจ้ามีคนที่สำคัญมากอยู่ในหัวใจแล้ว

“บ้าน่า ข้าไม่มีอะไรที่จะต้องเกลียดเจ้านิ” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม

เฟิงจือหลิง

ฟังที่เธอพูดแล้วทำได้เพียงกอดมู่หรงไว้แน่น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 359 ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 359 ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 359

ถ้าไม่ไป งั้นก็อยู่ที่นี่

หลังจากที่องค์หญิงเดินออกมาได้ยังไม่ไกลนัก เท้าของเธอก็อ่อนแรงและทรุดลงไปกับพื้น เสี่ยวหงที่ตามเธอมาติดๆแต่ก็รับองค์หญิงไว้ไม่ทัน ในตอนนี้องค์หญิงไม่มีภาพลักษณ์อะไรเหลืออยู่เลย

หัวใจเธอเต้นรัว ก่อนหน้านี้เธอมองดินแดนดำมืดว่าเป็นอะไรที่น่าขำ ก่อนหน้านี้เธอมองไม่ออกเลยจริงๆ

แม้แต่ทหารที่อยู่รอบๆก็ยังมีสายตาที่ประหลาดใจอย่างไม่ต้องสืบเลย

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านลอร์ดของเมืองถึงไม่เคยสนใจเธอเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์จักรพรรดิถึงสั่งให้เธอเฝ้าจับตาท่านลอร์ดของดินแดนดำมืด

ถ้าวันนี้เธอไม่ได้เข้าไปที่ห้องทำงานเขา เธอก็คงจะยังพ่ายแพ้ต่อไปหลังจากการปราบปรามแน่ๆ

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?” เสี่ยวหงถามด้วยความกังวลเพราะเธอพยายามที่จะดึงองค์หญิงขึ้นมาหลายครั้งแต่องค์หญิงก็ยังยืนไม่ได้อยู่ดี

ตั้งแต่เด็กคนโต เธอไม่เคยเห็นองค์หญิงหน้าซีดขนาดนี้มาก่อนเลย

องค์หญิงไม่ได้ยินสิ่งที่คนรอบข้างกำลังพูดเลย มือเธอกำกระดาษไว้แน่น ภาพแบบมากมายและสัญลักษณ์ที่ไม่รู้จักพวกนี้กำลังกลืนกินความรู้สึกของเธอทั้งหมดราวกับปีศาจร้าย ไม่ได้แล้ว! ยังพอมีเวลา!

ตราบใดที่เธอไปบอกเขาตอนนี้ เขาจะต้องมีวิธีแน่ๆ องค์หญิงลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่หลินหยางเห็นเธอหยิบภาพร่างนี้ออกมาแต่กลับไม่มีทีท่าอะไรเลย เธอรู้สึกเครียดขึ้นมาอีกครั้ง หรือนี่จะเป็นแผนที่อีกฝ่ายคิดไว้แล้ว

ถ้าเธอรู้แล้ว งั้นเขาจะไม่เตรียมพร้อมได้ยังไง

สุดท้ายเธอก็ช่างไม่รู้อะไรเลย

ที่ดินแดนของเธอ เธอกลายเป็นองค์หญิงที่โด่งดัง เธอถึงขนาดเคยคิดว่าคงไม่มีดินแดนไหนในโลกนี้ที่จะมาเทียบกับดินแดนสายลมได้และคนที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกนี้ก็ควรที่จะเป็นองค์จักรพรรดิพี่ชายของเธอ เธอมีความคิดที่ไร้สาระแบบนั้นได้ยังไงกัน

“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ? ลุกขึ้นก่อนเถอะเจ้าค่ะ” เสี่ยวหงจับองค์หญิงและพยายามที่จะดึงเธอลุกขึ้น

ภาพลักษณ์ขององค์หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นางจะมานั่งบนพื้นในที่สาธารณะได้ยังไงกัน

ทันใดนั้นองค์หญิงก็ลุกขึ้น โบกมือให้เสี่ยวหงที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกห่าง แล้ววิ่งกลับไปที่พักของเธอ

ตราบใดที่ยังมีความหวัง ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่เธอก็จะยอมแพ้ไม่ได้ ใช่ อย่างน้อยเธอก็ต้องบอกเขาก่อน

หลังจากกลับมาถึงที่พัก องค์หญิงก็สั่งออกมาทันที “เก็บของ เราจะไปจากดินแดนของท่านลอร์ดกัน”

“เจ้าค่ะองค์หญิง” ถึงแม้สาวใช้ในบ้านจะรู้สึกแปลกๆแต่ก็พวกนางก็ไม่กล้าที่จะถามอะไร แต่เสี่ยวหงกลับหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที “องค์หญิง ท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยข้า แล้วตอนนี้ข้าจะเจอท่านเฟิงได้ยังไงกัน?”

องค์หญิงมองมาที่เสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชา นี่กำลังจะตายกันอยู่แล้วยังจะมีหน้ามีพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่อีก

“องค์หญิง ข้าไม่กลับ” เสี่ยวหงร้องไห้ออกมา

ในตอนนี้องค์หญิงเหลืออดกับสาวใช้คนนี้แล้ว “ถ้าไม่กลับ งั้นก็อยู่ที่นี่ไป” เมื่อพวกเธอได้เจอกันอีก พวกเธอก็จะเป็นศัตรูกัน

เสี่ยวหงมองไปที่องค์หญิงด้วยท่าทางประหลาดใจ ที่สีหน้าของเธอตอนนี้มีความหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ได้

เธอกัดริมฝีปากและรู้สึกว่าต้องเลือกระหว่างผู้ชายกับความอยู่รอด องค์หญิงจะทิ้งเธองั้นเหรอ?! เสี่ยวหงตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะยอมแพ้ในทันทีเพราะมิตรภาพอันยาวนานของเธอและความรุ่งโรจน์ที่เธอมี

ภาพของท่านเฟิงจะยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอแต่ตำแหน่งข้างกายเขามีสาวที่ทรงเสน่ห์อยู่ด้วยแล้ว

ถ้าไม่มีองค์หญิง เธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าเธอฉลาดพอ เธอก็ไม่ควรที่จะทิ้งองค์หญิง

แต่นั่นเป็นผู้ชายคนเดียวในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้อยากให้องค์หญิงจัดงานแต่งงานให้เธอด้วยซ้ำ

“องค์หญิง…” เสี่ยวหงพึมพำ สายตาขององค์หญิงเย็นเป็นน้ำแข็งพร้อมทั้งสะบัดมือเธอที่จับแขนเสื้อนางอยู่ออกด้วย “ไปกันได้แล้ว” เธอไม่หันกลับมามองเสี่ยวหงที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยซ้ำ

สิ่งที่เธอกังวลอยู่ตอนนี้คือท่านลอร์ดของเมืองจะยอมให้เธอออกหรือเปล่า?!

เสี่ยวหงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นและมองไปที่องค์หญิงที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ความตื่นตระหนกเข้าโจมตีเธอ ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นเรื่อยๆแล้วว่าองค์หญิงไม่ได้ต้องการเธอด้วยซ้ำ องค์หญิงก็ยังเป็นองค์หญิงวันยังค่ำ

ความคิดของเสี่ยวหงยังสับสนวุ่นวายไปหมด แต่ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นและวิ่งตามนางไป

“องค์หญิง อย่าทิ้งข้าไว้ ข้าอยากที่จะไปกับท่านด้วย” เสี่ยวหงเดินตามองค์หญิงไปพร้อมน้ำตา

ฉลาดมาก ถ้าเสี่ยวหงอยากจะอยู่จริงๆ เธอก็คงจะผิดหวังอย่างมาก “ลุกขึ้นแล้วตามมา” องค์หญิงพูดอย่างเย็นชา

เสี่ยวหงลุกขึ้น ไม่กล้าที่จะเถียงอะไรองค์หญิงที่เคยเลี้ยงดูเธอมา เธอเดินไปยืนข้างๆองค์หญิงอย่างเชื่อฟัง แม้แต่ลมหายใจก็ยังให้มีเสียงเบาที่สุด

ก่อนหน้านี้เธอตามืดบอดเพราะความรักคนบดบังเหตุผลไปจนหมด แต่ตอนนี้เธอได้สติแล้ว

ไม่ว่าท่านเฟิงจะดีมากแค่ไหน เขาก็คงจะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอ แล้วเธอจะขัดขืนได้ยังไง

ตอนนี้องค์หญิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเดาว่าสาวใช้ตัวน้อยของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ข้างหลัง ตอนที่นางวิ่งตามมา อย่างน้อยเธอก็มีคำตอบในหัวใจแล้ว

ตอนนี้หัวใจของเธอกำลังเหนื่อยอ่อน มีเพียงกระดาษสีขาวธรรมดาที่เธอกอดไว้แน่นราวกับเป็นของมีค่า เธอไม่อยากที่จะคิดถึงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นรัว

ยิ่งเธอเข้าใกล้ห้องทำงานของหลินหยางมากขึ้นเท่าไร องค์หญิงก็ยิ่งเดินช้ามากขึ้นเท่านั้น

การที่องค์หญิงไปแล้วเดินกลับมาใหม่ไม่ได้ทำให้สีหน้าของเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่เปลี่ยนไปเลย

องค์หญิงลดความสูงศักดิ์ของเธอลงเป็นครั้งแรกและพูดกับทหารว่า “กรุณาแจ้งท่านลอร์ดด้วยว่าองค์หญิงแห่งดินแดนสายลมมาเพื่อกล่าวลา”

“รอสักครู่” หนึ่งในการ์ดเดินเข้าไปข้างใน

ส่วนองค์หญิงที่อยู่ข้างหลังกำมือแน่นแต่ไม่ใช่เพราะความกลัว

เป็นไปได้ว่าท่านลอร์ดของเมืองสั่งให้พวกทหารมาเฝ้าขนาดนี้เพราะต้องการที่จะซ่อนสิ่งที่อันตรายไว้ภายใน

เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่รอแต่สำหรับองค์หญิงแล้วนี่เหมือนกับเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษ

คนที่เดินออกมาคือหลินหยางเอง ไม่ใช่ทหาร

องค์หญิงตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง คงจะเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเธอไม่กลัวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีความเป็นองค์หญิงที่ถูกสั่งสอนมายาวนาน เธอก็คงจะคุกเข่าลงไปกับพื้นแล้ว

“ทำไมองค์หญิงถึงรีบกลับขนาดนี้ล่ะ? ไม่อยู่ต่ออีกหน่อยเหรอ?” หลินหยางดูเหมือนจะอารมณ์ดี

ท่าทางขององค์หญิงไม่ค่อยจะดีเท่าไร ถึงแม้สีหน้าของหลินหยางจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในสายตาเธอเขาก็ยังเหมือนกับปีศาจอยู่ดี

ช่างเป็นผู้ชายที่มีความทะเยอทะยานของจิ้งจอกจริงๆ

“ไม่ ไม่ล่ะ ข้าเป็นห่วงเรื่องจดหมายของท่าน งั้นข้าจะกลับบ้าน” จะบอกไม่ได้ว่าทางพระราชวังเรียกตัวเธอ

“งั้นข้ายกให้เจ้าแล้วกัน” หลินหยางพูด เขาจะมีปฏิกิริยาได้ยังไง อาวุธต่างๆก็ถูกเตรียมพร้อมหมดแล้ว

ให้องค์หญิงกลับไปก่อน พวกเขาจะได้วางใจ

“ไม่ล่ะ งั้นข้าไม่รบกวนท่านลอร์ดแล้ว” องค์หญิงถอยหลังมาสองสามก้าวเพราะกลัวว่าเขาจะออกคำสั่งแล้วพวกเธอจะไม่รอดกันหมด

“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ขอให้เดินทางโดยสันติภาพนะ” ยังไงซะอยู่ตรงนี้มันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไรด้วย ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการ มีคนนอกอยู่ด้วยมันคงไม่ดีเท่าไร

“งั้นก็ลาก่อน” หลังจากที่องค์หญิงพูดจบ เจอก็แทบจะวิ่งไปสุดฝีเท้าเลย

หลินหยางถึงกับตะลึงงง

ก้าวต่อไปก็คือการสู้ศึกใหญ่

องค์หญิงไม่กล้าที่จะหยุดนอกประตูเมือง เธอสั่งให้คนขับรถตรงไปที่ค่ายสายลมนอกเมืองทันที มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้หัวใจเธอกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง

“เร็วเข้า รีบหน่อย รีบพาข้ากลับไปที่ดินแดนสายลมโดยเร็วที่สุดแล้วส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือขององค์จักรพรรดิด้วย” องค์หญิงกล่าว

หลินหยางที่อยู่ในคฤหาสน์เผยรอยยิ้มออกมาทันทีหลังจากที่ได้ยินรายงานจากทหารชุดดำ

เขาจะสร้างโลกที่สงบสุข

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยกำลังปวดหัว

ในหัวของเธอเอาแต่ปรากฏร่างของคนคนหนึ่งขึ้นมาซ้ำๆ หัวใจเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าเธอได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่

สีหน้าของเธอซีดเผือดและเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เฟิงจือหลิงเคาะประตูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

เสี่ยวฉิงก็ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน

สีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงรีบเปิดประตูเข้าไปทันที

มู่หรงกำลังนอนอยู่ที่เตียง มือกุมไปที่หัวด้วยความเจ็บปวด ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“เสี่ยวเสวี่ยเจ้าเป็นอะไร?” เขารีบอุ้มมู่หรงเสวี่ยขึ้นมาทันทีและรีบใช้พลังแห่งจิตวิญญาณตรวจอาการของร่างกายเพื่อหาว่ามีการบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าทันที

“เจ็บ ปวดหัว…” มู่หรงเสวี่ยมองเห็นเฟิงจือหลิงที่อยู่ข้างเธอเพียงเท่านั้น แต่เธอไม่มีแรงพอจะตอบเขา

อาการปวดหัวกลายเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอแทบจะทนไม่ไหวและสลบไปในทันที

เขารู้สึกตกใจกลัวอย่างมาก

เขาบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ตัวเองและทำการตรวจมู่หรงเสวี่ยแต่ก็ไม่เจออะไรที่ผิดปกติในร่างกายของเธอ มีเพียงแค่สีหน้าที่ซีดเผือดของเธอที่บ่งบอกว่าเธอทรมานจากความเจ็บปวดอย่างมาก

เขาซับเหงื่อบนใบหน้าของเธอและพร้อมกันนั้นเขาก็ตรวจสอบสถานการณ์ด้านจิตใจของเธอด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอย่างระวัง แต่ก็ยังไม่เจอปัญหาอะไรเลย

กว่าที่มู่หรงเสวี่ยจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็ค่ำแล้ว

เธอมองไปที่เฟิงจือหลิงที่เฝ้าอยู่ข้างเตียง ที่ใต้ตาของเขามีรอยคล้ำ เกิดเป็นความรู้สึกอบอุ่นแผ่ทั่วหัวใจเธอ

เธอค่อยๆหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่ร่างของเฟิงจือหลิง

อย่างไรก็ตามเฟิงจือหลิงตื่นขึ้นมาทันที “เสี่ยวเสวี่ยเจ้าเป็นไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เฟิงจือหลิงลุกขึ้นและถามออกมา

มู่หรงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร”

เฟิงจือหลิงของอย่างไม่วางใจ เมื่อวานเขาเห็นท่าทางเจ็บปวดของเธอด้วยตาตัวเอง บ่งบอกให้รู้ว่าอาจจะมีอันตรายอะไรที่ซ่อนอยู่ “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

มู่หรงส่ายหัวและตอบออกมาเสียงเบา “ดูเหมือนข้าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ มีร่างของคนคนหนึ่งแต่ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไร” เธอคิดว่าสักวันความทรงจำของเธอก็อาจจะกลับมาได้

อย่างไรก็ตาม เฟิงจือหลิงดูจะผิดปกติไปนิดหน่อย แต่ มู่หรงก้มหัวลงและพยายามที่จะนึกถึงร่างที่เห็นเมื่อวานในความคิด

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” เฟิงจือหลิงถามออกมาเสียงเบาอย่างระวัง เธอกำลังคิดอะไรอยู่นะ?!

ความกลัวที่จะต้องสูญเสียทำให้เฟิงจือหลิงรู้สึกยอมรับไม่ได้อยู่นิดหน่อย

“ก็แค่นึกถึงร่างของผู้ชายที่เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร” ดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญกับเธอมาก เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนซึ่งไม่ใช่คนในครอบครัวของเธอแน่ แต่เขาจะเป็นใครไปได้นะ?!

ทำไมเวลาที่เธอนึกถึงแล้วจะต้องปวดหัวใจด้วยนะ

สีหน้าของเฟิงจือหลิงซีดเผือดและร่างกายเขาก็เริ่มที่จะสั่นเล็กน้อย ความสุขที่ขโมยมาไม่มียั่งยืนหรอก

เขาไม่น่าที่จะทำแบบนี้เลย เฟิงจือหลิงอดไม่ได้ที่จะกอดมู่หรงเสวี่ยไว้แน่น

“เสี่ยวเสวี่ย เจ้าจะเกลียดข้าไหม?” เกลียดที่ข้าไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้า ว่าเจ้ามีคนที่สำคัญมากอยู่ในหัวใจแล้ว

“บ้าน่า ข้าไม่มีอะไรที่จะต้องเกลียดเจ้านิ” มู่หรงพูดพร้อมรอยยิ้ม

เฟิงจือหลิง

ฟังที่เธอพูดแล้วทำได้เพียงกอดมู่หรงไว้แน่น

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+