ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 116 รออยู่เงียบๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 116 รออยู่เงียบๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 116
รออยู่เงียบๆ

“หยุด เสี่ยวเสวี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น…” ในน้ำเสียงเขามีความไม่แน่ใจที่เขาอธิบายไม่ได้

ไป๋เสวี่ยหลี่เผยรอยยิ้มขมขื่น “พี่โม่ ถ้าพี่ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ ถ้ามันจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นงั้นก็เป็นฉันเองแหละที่โกหก…ตราบใดที่พี่มีความสุข ฉันก็จะไม่ขออะไรอีก…” ไป๋เสวี่ยหลี่หลับตาลงและพวกเขาก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก

อย่างไรก็ตามจากท่าทางของเธอทำให้ชางกวนโม่เชื่อเธอขึ้นมานิดหน่อย ถ้าเธอยังยืนยันว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนทำ เขาก็คงจะสงสัยว่าไป๋เสวี่ยหลี่โกหกเพราะความหึง

มู่หรงเสวี่ยกลับไปที่วิลล่าและเข้าไปในมิติลับ มิติลับเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเยียวยาใจของเธอ เธอไม่อยากที่จะสงสัยความรักของชางกวนโม่ ความรู้สึกนี้ทันเหนื่อยเกินไป
ในที่สุดเมื่อไป๋เสวี่ยหลี่หลับไป ชางกวนโม่ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหามู่หรงเสวี่ยทันที ตั้งแต่ที่มูหรงเสวี่ยออกไปเขาก็รู้สึกว้าวุ่นใจและรู้สึกไม่ดีตลอด ยังไงซะเมื่อฟังจากคำพูดของไป๋เสวี่ยหลี่ ถึงแม้เสี่ยวเสวี่ยจะทำจริงๆ เธอก็คงต้องมีเหตุผล

อย่างไรก็ตามที่ปลายสายเบอร์โทรไม่อยู่ในพื้นที่บริการ
ชางกวนโม่รีบโทรหาเย่เฟิงให้หาคนมาเฝ้าไป๋เสวี่ยหลี่แล้วจึงรีบขับรถไปวิลล่าของมู่หรงเสวี่ย นี่เป็นเวลาตีสองแล้ว วิลล่าปิดไฟมืดและเหมือนจะไม่มีใครอยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยและกดกริ่งประตูแต่หลังจากที่กดอยู่นานก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เสี่ยวเสวี่ยไม่อยู่งั้นเหรอ?!

หลังจากที่รออยู่ครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ชางกวนโม่จึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่รถและจอดพักอยู่ในที่จอดรถ

จนกระทั่งรุ่งสาง มู่หรงเสวี่ยก็เดินออกมาจากวิลล่า และได้เห็นว่าชางกวนโม่อยู่ข้างนอกวิลล่าของเธอ เขาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ?! เธอเดินออกไปนอกประตูมองเขาที่กำลังหลับอยู่ในรถ ช่างดูน่าหลงใหลจริงๆ
บางทีสายตาของมู่หรงเสวี่ยอาจจะอบอุ่นเกินไป ชางกวนโม่ขยับเล็กน้อยแล้วจึงลืมตาขึ้น เขาสังเกตเห็นทันทีว่ามีคนอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ปกติเขาจะมีการ์ดอยู่ด้วยซะส่วนใหญ่แต่หลังจากที่มองใกล้ๆ เขาก็เห็นว่าเป็นมู่หรงเสวี่ย เขาเปิดประตูและเดินออกมา

“เมื่อคืนเธอหายไปไหน?” เขาถามเสียงห้าว
มู่หรงเสวี่ยจ้องตรงไปที่เขา เพราะว่าเพิ่งตื่นตาของเขาก็เลยยังแดงก่ำอยู่หน่อยๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ไม่ได้เลย เธอรู้สึกปวดใจเล็กน้อยและเธอต้องลำบาก เมื่อคืนเธอยังโกรธเขาอยู่นิดหน่อยเพราะไม่เชื่อใจเธอ แต่ในตอนนี้เธอสงบแล้วแม้จะทนไม่ได้กับความทุกข์ทรมานมากมายก็ตาม

“คุณรออยู่ข้างนอกทั้งคืนเลยเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“เมื่อคืนฉันโทรหาเธอไม่ติดเลย ไม่มีใครมาเปิดประตูด้วย เธออยู่ในวิลล่าหรือเปล่า? เธอไปไหนมา?” เมื่อคืนเขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน หลังจากที่รออยู่นาน เขาคงจะเหนื่อยมากเกินไปจนเผลอหลับไปในรถ

ในหัวใจของมู่หรงเสวี่ยมีความรู้สึกมากมาย สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินตรงเข้าไปกอดชางกวนโม่ไว้แน่น “พี่โม่…”

ชางกวนโม่รู้สึกตกใจแล้วเขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน นี่เป็นช่วงเวลาที่หายากที่เธอจะเข้ามากอดเขาแบบนี้ นี่หมายความว่าเธอก้าวไปข้างหน้าแล้วใช่ไหม เขากอดเธอกลับและไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกันมาก ตราบใดที่ทั้งสองมีใจดวงเดียวกันก็ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่านี้แล้ว

สักพักมู่หรงเสวี่ยก็ปล่อยเขาและพูดออกมา “คุณยังไม่ได้กินอาหารเช้า เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ ฉันจะทำอาหารเช้าให้!”

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยปล่อยเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่างเปล่า อยากที่จะกอดเธอไว้แน่นๆไปตลอดชีวิตโดยไม่แยกไปไหนเลย “ดีเลย!”

มองมู่หรงเสวี่ยที่กำลังยุ่งเตรียมอาหารให้เขา หัวใจของชางกวนโม่อ่อนยวบ สิ่งที่เขาต้องการก็คือชีวิตที่เรียบง่าย เขามีเธออยู่ที่บ้าน พวกเขากินอาหารเช้าด้วยกัน เข้านอนด้วยกันจนกระทั่งพวกเขาแก่เฒ่า เมื่อวานเขาเองอยากจะถามเธอเรื่อง ไป๋เสวี่ยหลี่ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะถามอะไรเธอแล้ว ตราบใดที่เป็นมู่หรงเสวี่ย เขาก็รักเธอไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง

มู่หรงเสวี่ยรีบเตรียมอาหารเช้าง่ายๆแต่เมื่อเธอเดินออกมาพร้อมอาหารเช้า ก็เจอว่าสายตาของชางกวนโม่กำลังจ้องตรงมาที่เธอ หน้าเธอแดงระเรื่อ รู้สึกเขินเล็กน้อยจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “คุณจ้องอะไรฉันคะ?”

“เธอเป็นภรรยาของฉัน ถ้าไม่ให้จ้องเธอจะให้ไปจ้องใครล่ะ?! แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันมองอยู่ถ้าเธอไม่ได้มองฉันเหมือนกัน!” ชางกวนโม่อารมณ์ดีจึงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ใครเป็นภรรยาคุณกัน? เรายังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย…”

“ถ้าเธอรอจนเราแต่งงานกันไม่ไหวงั้นฉันว่าเราไปกันเลยหลังจากกินข้าวเสร็จก็ได้…”

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยความเขินเวลาที่เขาพูดตลก “กินข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ”

“ครับ คุณภรรยา!” ชางกวนโม่ยังยิ้มระรื่น
พวกเขากำลังจะกินอาหารเช้าตอนที่กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มู่หรงเสวี่ยถามแล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปเปิด “ฉันไปดูเองว่าใครมากัน?”

ชางกวนโม่ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่มองไม่ชัดเท่าไร
มู่หรงเสวี่ยเดินไปดูที่วิดีโอหน้าบ้าน แล้วก็เห็นว่าเป็นพี่ชู จึงรีบเปิดประตูทันที ไม่ช้าชูอี้เสิ่นก็เดินเข้ามาและเห็นรอยยิ้มบนหน้าเธอตอนที่เขาเห็นชางกวนโม่

“พี่ชู มาที่นี่ได้ยังไงคะเนี่ย?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย
“มาหาเธอไง ฉันมารบกวนหรือเปล่า? ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีแขกอยู่ด้วย…” ชูอี้เสิ่นพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย สองคนนี้ไม่ควรที่จะกลับมาคืนดีกัน เขาประเมินลมปากชางกวนโม่ต่ำไปจริงๆ ถึงขนาดหลอกให้เสี่ยวเสวี่ยยอมยกโทษให้จนได้
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างเขินและพูดออกมา “พี่ชู กินข้าวเช้ามาหรือยัง? เรากำลังจะกินเลย มากินด้วยกันสิคะ” มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปหยิบถ้วยและตะเกียบในครัว

“ฉันกำลังหิวเลย” ชูอี้เสิ่นเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับชางกวนโม่พอดี ดวงตาเย็นชาจ้องตรงไปที่ชางกวนโม่

ดวงตาของชางกวนโม่ก็แวบประกายอาฆาต อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าชูอี้เสิ่นคิดอะไรอยู่ ไอ้บ้านี่น่ารำคาญจริงๆ ทำตัวอย่างกับแมลงที่คอยตอมมู่หรงเสวี่ยอยู่ได้

“คุณชูนี่ว่างมากหรือไง?”
“คงไม่ว่างเท่าคุณชายหรอกมั้ง!
มีแค่มู่หรงเสวี่ยเท่านั้นแหละที่คุณจะหลอกได้ง่ายๆ” ช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาไปสืบเรื่องของไป๋เสวี่ยหลี่กับชางกวนโม่และเจออะไรมากมาย

ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างที่เห็น
“หลอกงั้นเหรอ?! ฉันไปหลอกเสี่ยวเสวี่ยตั้งแต่เมื่อไร?”
ชางกวนโม่ถามออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
“มีอะไรกันเหรอคะ? สองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่คะ?”

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเดินเข้ามาและขัดการสนทนาของคนทั้งสอง

ชูอี้เสิ่นยิ้ม “กำลังพูดเรื่องฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวเสวี่ยอยู่น่ะ!พอท้องฉันได้กินอาหารของเธอ ฉันก็ไปกินข้างนอกไม่ได้อีกเลย!”

“ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ กินเถอะ!”

เธอตักโจ๊กให้ชูอี้เสิ่น
“อะแฮม!” ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะขัดขึ้นมา
วิธีที่พวกเขามองกัน รอยยิ้มที่พวกเขายิ้มให้กันมันขัดลูกตาเขาจริงๆ

ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงโมโหไปแล้วแต่ตั้งแต่ที่ได้รู้จัก เสี่ยวเสวี่ย

อารมณ์ของเขาก็เย็นลงไปมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่อยากเห็นสายตาที่เจ็บปวดของเสี่ยวเสวี่ยอีก

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? เมื่อคืนตากลมเย็นๆมากไปหรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยเป็นห่วงจึงเอามือมาแนบที่หน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ

ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้ทำให้เขาพอใจอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชูอี้เสิ่น

ชูอี้เสิ่นกลอกตา โรคจิตชัดๆ! แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น…มองไปที่ภาพอันโหดร้าย

ชัดเจนว่าสองคนนี้คืนดีกันแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลย…หัวใจที่เจ็บปวดของเขาแต่พูดออกมาไม่ได้
เขาเป็นห่วงว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องเจ็บปวดอีกและเขาก็กังวลเรื่องปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ของไป๋เสวี่ยหลี่ด้วย
ท่าทางเป็นห่วงของชูอี้เสิ่นกระตุ้นชางกวนโม่ หมายความว่าไง

เสี่ยวเสวี่ยมีเรื่องอะไรให้เขาต้องเป็นห่วง? เขาจะดูแลเสี่ยวเสวี่ยอย่างดี

ถ้าแต่ก่อนเขาเคยทำไม่ดีไว้ เขาก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เขาจะรักเธอมากขึ้นๆทุกวันจนกระทั่งไม่มีใครมาแย่งเธอไปได้

มู่หรงเสวี่ยดึงมือกลับ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีไข้นะคะพี่โม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ชางกวนโม่จับมือซ้ายของเธอไว้
ความรู้สึกนุ่มและอ่อนโยนทำให้เขาหลงใหล
เขามองไปที่สายตาเป็นห่วงของเธอและหัวใจเขาก็วุ่นวาย

สิ่งที่คนอื่นคิดไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตราบใดที่เสี่ยวเสวี่ยอยู่ข้างๆเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ กินข้าวเถอะ

เดี๋ยวจะเย็นหมด…” เขาจูบเธอที่ริมฝีปากเล็กน้อย
มู่หรงเสวี่ยมองให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆแล้วจึงนั่งลง

แต่ชูอี้เสิ่นที่มองท่าทางของพวกเขาอยู่
และรู้ว่าเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นชางกวนโม่ถึงได้เดินหน้าแบบนั้น

ชางกวนโม่ไอ้งี่เง่า!
ใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อ
แล้วมองอย่างขอโทษไปที่ชูอี้เสิ่นอีกครั้ง เขาก้มหัวเล็กน้อยและกินข้าวต่อ

ชูอี้เสิ่นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้อ้าปากพูดอะไรอีก

ชางกวนโม่ไม่อยากจะสนใจศัตรูที่เขาเกลียด เขาเพียงแค่ตักผักให้เสี่ยวเสวี่ยบ้างเป็นบางครั้ง
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ
มู่หรงเสวี่ยกำลังจะเก็บถ้วยและตะเกียบแต่พร้อมกันนั้นมือทั้งสองก็ยื่นออกมาพร้อมกัน “ฉันช่วยเธอเก็บเอง!” ชางกวนโม่และชูอี้เสิ่นพูดออกมาพร้อมกัน

“ไม่ต้องค่ะ ฉันทำเองได้” มู่หรงเสวี่ยมองอย่างประหลาดใจและตอบออกไปเบาๆ

แค่ถ้วยกับตะเกียบไม่กี่อัน ทำไมต้องมาช่วยเธอด้วยล่ะ? ในชีวิตที่แล้วหลังจากที่เธอออกมาจากตระกูลมู่หรง

เธอต้องอยู่อย่างยากลำบาก ตอนนี้เธอจะไม่หยิ่งยโสเหมือนในชีวิตที่แล้ว

มันเป็นบทเรียน
“ใช่แล้ว ฉันไม่อยากรบกวนนายที่เป็น”แขก” หรอกนะ” ชางกวนโม่พูดเน้นคำว่าแขก

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเสี่ยวเสวี่ยก็เหมือนครอบครัวฉัน ฉันมากินฝีมือเสี่ยวเสวี่ยบ่อยๆ ฉันยินดีช่วย”
ชูอี้เสิ่นพูดอวดกลับ
ชางกวนโม่พยายามที่จะปฏิเสธแต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาก่อน

เมื่อเขาเห็นชื่อที่หน้าจอ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“เสวี่ยหลี่ มีอะไร?”

มือของมู่หรงเสวี่ยที่กำลังล้างจานหยุดนิ่งและหัวใจเธอก็เกิดรู้สึกขมขื่นเล็กๆ

ตอนนี้ชื่อของไป๋เสวี่ยหลี่ราวกับเหมือนคำสาป
เสียงมีเสน่ห์ของไป๋เสวี่ยหลี่ดังออกมาจากโทรศัพท์ “พี่โม่ พี่หายไปไหน?! ฉันกลัวมากเลยพี่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทีได้ไหม…”

“พี่…ตอนนี้พี่อยู่ข้างนอกเดี๋ยวพี่จะกลับไปทีหลัง…” เขาอยากที่จะพูดว่าอยู่กับเสี่ยวเสวี่ย

ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าไป๋เสวี่ยหลี่มีท่าทางหวาดกลัว มู่หรงเสวี่ยจึงเปลี่ยนคำพูด
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บเพราะการตอบของเขา
เธอเก็บเงียบและล้างจานต่อไป ในระหว่างที่ชูอี้เสิ่นก็ช่วยด้วย

ชางกวนโม่พูดขอโทษกับมู่หรงเสวี่ย
“เสี่ยวเสวี่ย…ฉันต้องกลับไปที่โรงพยาบาล…เธออยากจะไปกับฉันด้วยไหม?”

เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของเขา มู่หรงเสวี่ยเองก็ฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปเถอะ ฉันไม่ไปหรอก เดาว่าเสวี่ยหลี่คงไม่อยากที่จะเห็นหน้าฉันเท่าไร…”

“เดี๋ยวฉันโทรหานะ!” แล้วเขาก็ออกไป
หลังจากที่ชางกวนโม่ไป มู่หรงเสวี่ยก็วางถ้วยและตะเกียบที่อยู่ในมือ

เธอเอนพิงไปที่เก้าอี้โดยไม่สนใจว่าชูอี้เสิ่นก็อยู่ด้วย ในอนาคตไป๋เสวี่ยหลี่ก็จะคอยโผล่มาในชีวิตของเธอกับชางกวนโม่เรื่อยๆ ถ้าเธอเลือกที่จะอยู่กับพี่โม่
ในอนาคตเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก…ถึงแม้ตอนนี้พี่โม่จะไม่ได้คิดอะไรกับไป๋เสวี่ยหลี่

แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ว่าในชีวิตที่แล้วพวกเขาได้เป็นสามีภรรยากันและในชีวิตนี้พวกเขาก็มีความสัมพันธ์กัน

ความอิจฉาในใจเธอกำลังจะกลืนกินความสงบของเธอ
เธอสงบใจไม่ได้ถึงแม้เรื่องของพวกเขามันจะแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่จะทำยังไง? ถ้าปล่อยเขาไป หัวใจเธอก็จะต้องเจ็บปวด

ชูอี้เสิ่นมองใบหน้าที่ซีดเผือดของมู่หรงเสวี่ยด้วยความปวดใจขนาดเขาที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้

ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าไป๋เสวี่ยหลี่พยายามที่จะแย่งชางกวนโม่ไป

นี่ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกลึกๆของมู่หรงเสวี่ยเลย
แต่ชางกวนโม่ก็ยังออกไปแบบนี้โดยไม่มีแม้คำอธิบายใดๆ
เขารู้ว่าไป๋เสวี่ยหลี่รักเขาและเขาจะออกไปเจอ ไป๋เสวี่ย หลี่ด้วยความรู้สึกแบบไหน นี่เขาทำให้เสี่ยวเสวี่ยต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันพูดกันง่ายก็คือ ในสายตาเขาชางกวนโม่เป็นไอ้ทุเรศ

ชูอี้เสิ่นปฏิเสธความรู้สึกที่อยากจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและหันมาล้างจานต่อจนเสร็จ

มู่หรงเสวี่ยยังนิ่งอยู่ท่าเดิม เธอไม่ได้ร้องไห้แต่เขารู้สึกว่าหัวใจของมู่หรงเสวี่ยขมขื่นมากจนเกินที่เธอจะร้องไห้ได้

เขาเดินเข้ามาหาเธอและพูดอย่างเป็นห่วง “เสี่ยวเสวี่ยไปพักเถอะ…”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นและได้สติ เธอหัวเราะอย่างฝืนๆ “พี่ชู ขอโทษนะคะ…”

“ถ้าไม่อยากหัวเราะก็ไม่ต้องฝืนหรอก ถ้ารู้สึกปวดใจ…ร้องออกมาเถอะ…คิดซะว่าฉันเป็นหมอนก็ได้…” ชูอี้เสิ่นอดไม่ได้ที่จะจับไหลเธอและดึงหัวเธอเข้ามาที่หน้าอกเขา
เขาหวังว่าเสี่ยวเสวี่ยจะรักเขา เขาจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียน้ำตา

ในตอนนี้
อ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้อารมณ์ที่เก็บกดไว้ของมู่หรงเสวี่ยระเบิดออกมาและน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ท่วมออกมา

เธอร้องไห้อย่างเงียบๆแต่หยดน้ำตาอุ่นๆที่หน้าอกเขาแผดเผาเข้าไปถึงหัวใจเขาจนทำให้เขาปวดใจ

อย่างไรก็ตามเขาทำอะไรไม่ได้
ถ้าเขาพูดออกไปตอนนี้ก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้เสี่ยวเสวี่ยลำบากใจและมันก็ไม่ช่วยอะไรด้วย

เขาทำได้เพียงเป็นกำลังใจและคอยช่วยเธออยู่เงียบๆ
หวังว่าสักวันเมื่อเธอหันกลับมาเธอจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
อย่างน้อยก็มีเขาอยู่เป็นเพื่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 116 รออยู่เงียบๆ

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 116 รออยู่เงียบๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 116
รออยู่เงียบๆ

“หยุด เสี่ยวเสวี่ยไม่ใช่คนแบบนั้น…” ในน้ำเสียงเขามีความไม่แน่ใจที่เขาอธิบายไม่ได้

ไป๋เสวี่ยหลี่เผยรอยยิ้มขมขื่น “พี่โม่ ถ้าพี่ไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้ ถ้ามันจะทำให้พี่รู้สึกดีขึ้นงั้นก็เป็นฉันเองแหละที่โกหก…ตราบใดที่พี่มีความสุข ฉันก็จะไม่ขออะไรอีก…” ไป๋เสวี่ยหลี่หลับตาลงและพวกเขาก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก

อย่างไรก็ตามจากท่าทางของเธอทำให้ชางกวนโม่เชื่อเธอขึ้นมานิดหน่อย ถ้าเธอยังยืนยันว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นคนทำ เขาก็คงจะสงสัยว่าไป๋เสวี่ยหลี่โกหกเพราะความหึง

มู่หรงเสวี่ยกลับไปที่วิลล่าและเข้าไปในมิติลับ มิติลับเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเยียวยาใจของเธอ เธอไม่อยากที่จะสงสัยความรักของชางกวนโม่ ความรู้สึกนี้ทันเหนื่อยเกินไป
ในที่สุดเมื่อไป๋เสวี่ยหลี่หลับไป ชางกวนโม่ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหามู่หรงเสวี่ยทันที ตั้งแต่ที่มูหรงเสวี่ยออกไปเขาก็รู้สึกว้าวุ่นใจและรู้สึกไม่ดีตลอด ยังไงซะเมื่อฟังจากคำพูดของไป๋เสวี่ยหลี่ ถึงแม้เสี่ยวเสวี่ยจะทำจริงๆ เธอก็คงต้องมีเหตุผล

อย่างไรก็ตามที่ปลายสายเบอร์โทรไม่อยู่ในพื้นที่บริการ
ชางกวนโม่รีบโทรหาเย่เฟิงให้หาคนมาเฝ้าไป๋เสวี่ยหลี่แล้วจึงรีบขับรถไปวิลล่าของมู่หรงเสวี่ย นี่เป็นเวลาตีสองแล้ว วิลล่าปิดไฟมืดและเหมือนจะไม่มีใครอยู่ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยและกดกริ่งประตูแต่หลังจากที่กดอยู่นานก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เสี่ยวเสวี่ยไม่อยู่งั้นเหรอ?!

หลังจากที่รออยู่ครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ชางกวนโม่จึงทำได้เพียงเดินกลับไปที่รถและจอดพักอยู่ในที่จอดรถ

จนกระทั่งรุ่งสาง มู่หรงเสวี่ยก็เดินออกมาจากวิลล่า และได้เห็นว่าชางกวนโม่อยู่ข้างนอกวิลล่าของเธอ เขาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้วนะ?! เธอเดินออกไปนอกประตูมองเขาที่กำลังหลับอยู่ในรถ ช่างดูน่าหลงใหลจริงๆ
บางทีสายตาของมู่หรงเสวี่ยอาจจะอบอุ่นเกินไป ชางกวนโม่ขยับเล็กน้อยแล้วจึงลืมตาขึ้น เขาสังเกตเห็นทันทีว่ามีคนอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ปกติเขาจะมีการ์ดอยู่ด้วยซะส่วนใหญ่แต่หลังจากที่มองใกล้ๆ เขาก็เห็นว่าเป็นมู่หรงเสวี่ย เขาเปิดประตูและเดินออกมา

“เมื่อคืนเธอหายไปไหน?” เขาถามเสียงห้าว
มู่หรงเสวี่ยจ้องตรงไปที่เขา เพราะว่าเพิ่งตื่นตาของเขาก็เลยยังแดงก่ำอยู่หน่อยๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ไม่ได้เลย เธอรู้สึกปวดใจเล็กน้อยและเธอต้องลำบาก เมื่อคืนเธอยังโกรธเขาอยู่นิดหน่อยเพราะไม่เชื่อใจเธอ แต่ในตอนนี้เธอสงบแล้วแม้จะทนไม่ได้กับความทุกข์ทรมานมากมายก็ตาม

“คุณรออยู่ข้างนอกทั้งคืนเลยเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“เมื่อคืนฉันโทรหาเธอไม่ติดเลย ไม่มีใครมาเปิดประตูด้วย เธออยู่ในวิลล่าหรือเปล่า? เธอไปไหนมา?” เมื่อคืนเขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน หลังจากที่รออยู่นาน เขาคงจะเหนื่อยมากเกินไปจนเผลอหลับไปในรถ

ในหัวใจของมู่หรงเสวี่ยมีความรู้สึกมากมาย สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินตรงเข้าไปกอดชางกวนโม่ไว้แน่น “พี่โม่…”

ชางกวนโม่รู้สึกตกใจแล้วเขาก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน นี่เป็นช่วงเวลาที่หายากที่เธอจะเข้ามากอดเขาแบบนี้ นี่หมายความว่าเธอก้าวไปข้างหน้าแล้วใช่ไหม เขากอดเธอกลับและไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกันมาก ตราบใดที่ทั้งสองมีใจดวงเดียวกันก็ไม่มีอะไรที่สำคัญกว่านี้แล้ว

สักพักมู่หรงเสวี่ยก็ปล่อยเขาและพูดออกมา “คุณยังไม่ได้กินอาหารเช้า เข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ ฉันจะทำอาหารเช้าให้!”

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยปล่อยเขา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่างเปล่า อยากที่จะกอดเธอไว้แน่นๆไปตลอดชีวิตโดยไม่แยกไปไหนเลย “ดีเลย!”

มองมู่หรงเสวี่ยที่กำลังยุ่งเตรียมอาหารให้เขา หัวใจของชางกวนโม่อ่อนยวบ สิ่งที่เขาต้องการก็คือชีวิตที่เรียบง่าย เขามีเธออยู่ที่บ้าน พวกเขากินอาหารเช้าด้วยกัน เข้านอนด้วยกันจนกระทั่งพวกเขาแก่เฒ่า เมื่อวานเขาเองอยากจะถามเธอเรื่อง ไป๋เสวี่ยหลี่ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะถามอะไรเธอแล้ว ตราบใดที่เป็นมู่หรงเสวี่ย เขาก็รักเธอไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง

มู่หรงเสวี่ยรีบเตรียมอาหารเช้าง่ายๆแต่เมื่อเธอเดินออกมาพร้อมอาหารเช้า ก็เจอว่าสายตาของชางกวนโม่กำลังจ้องตรงมาที่เธอ หน้าเธอแดงระเรื่อ รู้สึกเขินเล็กน้อยจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “คุณจ้องอะไรฉันคะ?”

“เธอเป็นภรรยาของฉัน ถ้าไม่ให้จ้องเธอจะให้ไปจ้องใครล่ะ?! แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันมองอยู่ถ้าเธอไม่ได้มองฉันเหมือนกัน!” ชางกวนโม่อารมณ์ดีจึงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“ใครเป็นภรรยาคุณกัน? เรายังไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อย…”

“ถ้าเธอรอจนเราแต่งงานกันไม่ไหวงั้นฉันว่าเราไปกันเลยหลังจากกินข้าวเสร็จก็ได้…”

มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เขาด้วยความเขินเวลาที่เขาพูดตลก “กินข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ”

“ครับ คุณภรรยา!” ชางกวนโม่ยังยิ้มระรื่น
พวกเขากำลังจะกินอาหารเช้าตอนที่กริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มู่หรงเสวี่ยถามแล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปเปิด “ฉันไปดูเองว่าใครมากัน?”

ชางกวนโม่ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าที่มองไม่ชัดเท่าไร
มู่หรงเสวี่ยเดินไปดูที่วิดีโอหน้าบ้าน แล้วก็เห็นว่าเป็นพี่ชู จึงรีบเปิดประตูทันที ไม่ช้าชูอี้เสิ่นก็เดินเข้ามาและเห็นรอยยิ้มบนหน้าเธอตอนที่เขาเห็นชางกวนโม่

“พี่ชู มาที่นี่ได้ยังไงคะเนี่ย?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย
“มาหาเธอไง ฉันมารบกวนหรือเปล่า? ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีแขกอยู่ด้วย…” ชูอี้เสิ่นพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย สองคนนี้ไม่ควรที่จะกลับมาคืนดีกัน เขาประเมินลมปากชางกวนโม่ต่ำไปจริงๆ ถึงขนาดหลอกให้เสี่ยวเสวี่ยยอมยกโทษให้จนได้
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างเขินและพูดออกมา “พี่ชู กินข้าวเช้ามาหรือยัง? เรากำลังจะกินเลย มากินด้วยกันสิคะ” มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปหยิบถ้วยและตะเกียบในครัว

“ฉันกำลังหิวเลย” ชูอี้เสิ่นเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับชางกวนโม่พอดี ดวงตาเย็นชาจ้องตรงไปที่ชางกวนโม่

ดวงตาของชางกวนโม่ก็แวบประกายอาฆาต อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะว่าชูอี้เสิ่นคิดอะไรอยู่ ไอ้บ้านี่น่ารำคาญจริงๆ ทำตัวอย่างกับแมลงที่คอยตอมมู่หรงเสวี่ยอยู่ได้

“คุณชูนี่ว่างมากหรือไง?”
“คงไม่ว่างเท่าคุณชายหรอกมั้ง!
มีแค่มู่หรงเสวี่ยเท่านั้นแหละที่คุณจะหลอกได้ง่ายๆ” ช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาไปสืบเรื่องของไป๋เสวี่ยหลี่กับชางกวนโม่และเจออะไรมากมาย

ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาอย่างที่เห็น
“หลอกงั้นเหรอ?! ฉันไปหลอกเสี่ยวเสวี่ยตั้งแต่เมื่อไร?”
ชางกวนโม่ถามออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว
“มีอะไรกันเหรอคะ? สองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่คะ?”

ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเดินเข้ามาและขัดการสนทนาของคนทั้งสอง

ชูอี้เสิ่นยิ้ม “กำลังพูดเรื่องฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของเสี่ยวเสวี่ยอยู่น่ะ!พอท้องฉันได้กินอาหารของเธอ ฉันก็ไปกินข้างนอกไม่ได้อีกเลย!”

“ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ กินเถอะ!”

เธอตักโจ๊กให้ชูอี้เสิ่น
“อะแฮม!” ชางกวนโม่อดไม่ได้ที่จะขัดขึ้นมา
วิธีที่พวกเขามองกัน รอยยิ้มที่พวกเขายิ้มให้กันมันขัดลูกตาเขาจริงๆ

ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงโมโหไปแล้วแต่ตั้งแต่ที่ได้รู้จัก เสี่ยวเสวี่ย

อารมณ์ของเขาก็เย็นลงไปมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่อยากเห็นสายตาที่เจ็บปวดของเสี่ยวเสวี่ยอีก

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? เมื่อคืนตากลมเย็นๆมากไปหรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยเป็นห่วงจึงเอามือมาแนบที่หน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ

ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้ทำให้เขาพอใจอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชูอี้เสิ่น

ชูอี้เสิ่นกลอกตา โรคจิตชัดๆ! แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น…มองไปที่ภาพอันโหดร้าย

ชัดเจนว่าสองคนนี้คืนดีกันแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลย…หัวใจที่เจ็บปวดของเขาแต่พูดออกมาไม่ได้
เขาเป็นห่วงว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องเจ็บปวดอีกและเขาก็กังวลเรื่องปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ของไป๋เสวี่ยหลี่ด้วย
ท่าทางเป็นห่วงของชูอี้เสิ่นกระตุ้นชางกวนโม่ หมายความว่าไง

เสี่ยวเสวี่ยมีเรื่องอะไรให้เขาต้องเป็นห่วง? เขาจะดูแลเสี่ยวเสวี่ยอย่างดี

ถ้าแต่ก่อนเขาเคยทำไม่ดีไว้ เขาก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เขาจะรักเธอมากขึ้นๆทุกวันจนกระทั่งไม่มีใครมาแย่งเธอไปได้

มู่หรงเสวี่ยดึงมือกลับ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีไข้นะคะพี่โม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ชางกวนโม่จับมือซ้ายของเธอไว้
ความรู้สึกนุ่มและอ่อนโยนทำให้เขาหลงใหล
เขามองไปที่สายตาเป็นห่วงของเธอและหัวใจเขาก็วุ่นวาย

สิ่งที่คนอื่นคิดไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตราบใดที่เสี่ยวเสวี่ยอยู่ข้างๆเขาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ กินข้าวเถอะ

เดี๋ยวจะเย็นหมด…” เขาจูบเธอที่ริมฝีปากเล็กน้อย
มู่หรงเสวี่ยมองให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆแล้วจึงนั่งลง

แต่ชูอี้เสิ่นที่มองท่าทางของพวกเขาอยู่
และรู้ว่าเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่นชางกวนโม่ถึงได้เดินหน้าแบบนั้น

ชางกวนโม่ไอ้งี่เง่า!
ใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยแดงระเรื่อ
แล้วมองอย่างขอโทษไปที่ชูอี้เสิ่นอีกครั้ง เขาก้มหัวเล็กน้อยและกินข้าวต่อ

ชูอี้เสิ่นไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้อ้าปากพูดอะไรอีก

ชางกวนโม่ไม่อยากจะสนใจศัตรูที่เขาเกลียด เขาเพียงแค่ตักผักให้เสี่ยวเสวี่ยบ้างเป็นบางครั้ง
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ
มู่หรงเสวี่ยกำลังจะเก็บถ้วยและตะเกียบแต่พร้อมกันนั้นมือทั้งสองก็ยื่นออกมาพร้อมกัน “ฉันช่วยเธอเก็บเอง!” ชางกวนโม่และชูอี้เสิ่นพูดออกมาพร้อมกัน

“ไม่ต้องค่ะ ฉันทำเองได้” มู่หรงเสวี่ยมองอย่างประหลาดใจและตอบออกไปเบาๆ

แค่ถ้วยกับตะเกียบไม่กี่อัน ทำไมต้องมาช่วยเธอด้วยล่ะ? ในชีวิตที่แล้วหลังจากที่เธอออกมาจากตระกูลมู่หรง

เธอต้องอยู่อย่างยากลำบาก ตอนนี้เธอจะไม่หยิ่งยโสเหมือนในชีวิตที่แล้ว

มันเป็นบทเรียน
“ใช่แล้ว ฉันไม่อยากรบกวนนายที่เป็น”แขก” หรอกนะ” ชางกวนโม่พูดเน้นคำว่าแขก

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกเสี่ยวเสวี่ยก็เหมือนครอบครัวฉัน ฉันมากินฝีมือเสี่ยวเสวี่ยบ่อยๆ ฉันยินดีช่วย”
ชูอี้เสิ่นพูดอวดกลับ
ชางกวนโม่พยายามที่จะปฏิเสธแต่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมาก่อน

เมื่อเขาเห็นชื่อที่หน้าจอ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“เสวี่ยหลี่ มีอะไร?”

มือของมู่หรงเสวี่ยที่กำลังล้างจานหยุดนิ่งและหัวใจเธอก็เกิดรู้สึกขมขื่นเล็กๆ

ตอนนี้ชื่อของไป๋เสวี่ยหลี่ราวกับเหมือนคำสาป
เสียงมีเสน่ห์ของไป๋เสวี่ยหลี่ดังออกมาจากโทรศัพท์ “พี่โม่ พี่หายไปไหน?! ฉันกลัวมากเลยพี่กลับมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทีได้ไหม…”

“พี่…ตอนนี้พี่อยู่ข้างนอกเดี๋ยวพี่จะกลับไปทีหลัง…” เขาอยากที่จะพูดว่าอยู่กับเสี่ยวเสวี่ย

ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าไป๋เสวี่ยหลี่มีท่าทางหวาดกลัว มู่หรงเสวี่ยจึงเปลี่ยนคำพูด
อย่างไรก็ตาม มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเจ็บเพราะการตอบของเขา
เธอเก็บเงียบและล้างจานต่อไป ในระหว่างที่ชูอี้เสิ่นก็ช่วยด้วย

ชางกวนโม่พูดขอโทษกับมู่หรงเสวี่ย
“เสี่ยวเสวี่ย…ฉันต้องกลับไปที่โรงพยาบาล…เธออยากจะไปกับฉันด้วยไหม?”

เมื่อเห็นท่าทางไม่สบายใจของเขา มู่หรงเสวี่ยเองก็ฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปเถอะ ฉันไม่ไปหรอก เดาว่าเสวี่ยหลี่คงไม่อยากที่จะเห็นหน้าฉันเท่าไร…”

“เดี๋ยวฉันโทรหานะ!” แล้วเขาก็ออกไป
หลังจากที่ชางกวนโม่ไป มู่หรงเสวี่ยก็วางถ้วยและตะเกียบที่อยู่ในมือ

เธอเอนพิงไปที่เก้าอี้โดยไม่สนใจว่าชูอี้เสิ่นก็อยู่ด้วย ในอนาคตไป๋เสวี่ยหลี่ก็จะคอยโผล่มาในชีวิตของเธอกับชางกวนโม่เรื่อยๆ ถ้าเธอเลือกที่จะอยู่กับพี่โม่
ในอนาคตเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก…ถึงแม้ตอนนี้พี่โม่จะไม่ได้คิดอะไรกับไป๋เสวี่ยหลี่

แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ว่าในชีวิตที่แล้วพวกเขาได้เป็นสามีภรรยากันและในชีวิตนี้พวกเขาก็มีความสัมพันธ์กัน

ความอิจฉาในใจเธอกำลังจะกลืนกินความสงบของเธอ
เธอสงบใจไม่ได้ถึงแม้เรื่องของพวกเขามันจะแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่จะทำยังไง? ถ้าปล่อยเขาไป หัวใจเธอก็จะต้องเจ็บปวด

ชูอี้เสิ่นมองใบหน้าที่ซีดเผือดของมู่หรงเสวี่ยด้วยความปวดใจขนาดเขาที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้

ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าไป๋เสวี่ยหลี่พยายามที่จะแย่งชางกวนโม่ไป

นี่ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกลึกๆของมู่หรงเสวี่ยเลย
แต่ชางกวนโม่ก็ยังออกไปแบบนี้โดยไม่มีแม้คำอธิบายใดๆ
เขารู้ว่าไป๋เสวี่ยหลี่รักเขาและเขาจะออกไปเจอ ไป๋เสวี่ย หลี่ด้วยความรู้สึกแบบไหน นี่เขาทำให้เสี่ยวเสวี่ยต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันพูดกันง่ายก็คือ ในสายตาเขาชางกวนโม่เป็นไอ้ทุเรศ

ชูอี้เสิ่นปฏิเสธความรู้สึกที่อยากจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและหันมาล้างจานต่อจนเสร็จ

มู่หรงเสวี่ยยังนิ่งอยู่ท่าเดิม เธอไม่ได้ร้องไห้แต่เขารู้สึกว่าหัวใจของมู่หรงเสวี่ยขมขื่นมากจนเกินที่เธอจะร้องไห้ได้

เขาเดินเข้ามาหาเธอและพูดอย่างเป็นห่วง “เสี่ยวเสวี่ยไปพักเถอะ…”

มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นและได้สติ เธอหัวเราะอย่างฝืนๆ “พี่ชู ขอโทษนะคะ…”

“ถ้าไม่อยากหัวเราะก็ไม่ต้องฝืนหรอก ถ้ารู้สึกปวดใจ…ร้องออกมาเถอะ…คิดซะว่าฉันเป็นหมอนก็ได้…” ชูอี้เสิ่นอดไม่ได้ที่จะจับไหลเธอและดึงหัวเธอเข้ามาที่หน้าอกเขา
เขาหวังว่าเสี่ยวเสวี่ยจะรักเขา เขาจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียน้ำตา

ในตอนนี้
อ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้อารมณ์ที่เก็บกดไว้ของมู่หรงเสวี่ยระเบิดออกมาและน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ท่วมออกมา

เธอร้องไห้อย่างเงียบๆแต่หยดน้ำตาอุ่นๆที่หน้าอกเขาแผดเผาเข้าไปถึงหัวใจเขาจนทำให้เขาปวดใจ

อย่างไรก็ตามเขาทำอะไรไม่ได้
ถ้าเขาพูดออกไปตอนนี้ก็กลัวว่าจะยิ่งทำให้เสี่ยวเสวี่ยลำบากใจและมันก็ไม่ช่วยอะไรด้วย

เขาทำได้เพียงเป็นกำลังใจและคอยช่วยเธออยู่เงียบๆ
หวังว่าสักวันเมื่อเธอหันกลับมาเธอจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
อย่างน้อยก็มีเขาอยู่เป็นเพื่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+