ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 358 ความมั่นใจแบบนั้น

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 358 ความมั่นใจแบบนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358

ความมั่นใจแบบนั้น

“มีอะไรเหรอ? เข้าวัยทองหรือไง? เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?” มู่หรงมองไปที่เสี่ยวฉิงด้วยสายตาแปลกๆ

เธอจะนอนหลับได้ยังไงล่ะ? เสี่ยวฉิงยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่เกือบทั้งคืน เธอจ้องไปที่ท่านหญิงด้วยสายตาดุดันพร้อมทั้งพูดออกมา “ท่านหญิง ท่านไม่ได้กลับมาที่ห้องได้ยังไงกัน?” เธอกัดริมฝีปากและพูดส่วนที่เหลือไม่ออก

“เจ้ารู้ด้วยเหรอ?” มู่หรงพูดออกมาเสียงเบาอย่างอายๆ

“ดังขนาดนั้น ข้าจะไม่รู้ได้ยังไงกัน?” เสี่ยวฉิงมองไปที่ท่านหญิงของเธออีกครั้ง

มู่หรงหันไปมองเฟิงจือหลิงที่อยู่ห่างไปไม่ไกลด้วยท่าทางอายๆเล็กน้อย ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา

สีหน้าของเฟิงจือหลิงสดใสราวกับหน้าร้อน

เสี่ยวฉิงไม่พอใจมากที่พวกเขายังเล่นหูเล่นตากันอยู่อีก

“ท่านหญิง!” เสี่ยวฉิงดึงมู่หรงเสวี่ยกลับมา

“มีอะไร?” มู่หรงถาม

“ข้าบอกว่าท่านจะทำแบบนั้นกับท่านเฟิงไม่ได้ ท่านจะต้องเก็บรักษาไว้ก่อน จะต้องเข้าพิธีกันก่อนไม่ใช่เหรอ? แล้วเมื่อไรท่านเฟิงจะมาสู่ขอล่ะ? จะมีสินสอดหรืออะไร…” เสี่ยงฉิงเริ่มที่จะพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

มู่หรงมองไปที่เสี่ยวฉิงอย่างปวดหัวแล้วก็ค่อยๆถอยหลังแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับเฟิงจือหลิงทันที

เดาว่าเสี่ยวฉิงคงพูดไปอีกสามวันสามคืนแน่ๆ

เฟิงจือหลิงบีบไปที่จมูกของมู่หรง “เจ้านี่นะ ข้ากลัวว่าเสี่ยวฉิงคงต้องพลิกแผ่นดินตามหาเจ้าแน่ๆ”

มู่หรงเหล่ไปมองเขา “ทั้งหมดก็เป็นความผิดของเจ้าแหละ!”

เฟิงจือหลิงบีบมือเธอแน่น “ข้าขอโทษ เมื่อคืนข้าหยาบคายไปหน่อย ตอนนี้ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

“ในที่สาธารณะแบบนี้เจ้าจะมาถามอะไรกันเนี่ย?” มู่หรงเสวี่ยหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย

“มาเถอะ ข้าจะนวดให้เจ้าเอง!” เฟิงจือหลิงบีบไปที่กล้ามเนื้อที่แขนของมู่หรงเสวี่ย

“ไม่แล้วล่ะ” มู่หรงเสวี่ยโบกมือ ผู้คนรอบๆ ต่างก็เฝ้ามอง นี่มันอะไรกันเนี่ย

“ฮ่าฮ่า” เฟิงจือหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา เขามีความสุขอย่างมาก ภาพเรือนร่างของเธอค่อยๆปรากฏขึ้นมาในความคิดเขา ช่างสวยงามเหลือเกินจนเขาไม่อยากที่จะคลาดสายตาแม้สักนิด

“เจ้าหัวเราะอะไร?” มู่หรงมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ทันใดนั้นรอยยิ้มเปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจือหลิง

“หัวเราะเจ้าไง”

“กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะข้า…”

เสียงหัวเราะของคนทั้งสองดังก้องไปทั่วบ้านของท่านลอร์ด

ไม่ห่างไปไกลนักที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้คือสาวใช้ร่างเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้

เมื่อวานองค์หญิงบอกให้เธอถอดใจซะ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด แต่ยิ่งยากเท่าไร เธอก็ยิ่งชอบมากขึ้นเท่านั้น มีเพียงคนที่พิเศษเท่านั้นที่จะทำให้เธอสนใจได้

ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าอะไรหรอก ในที่สาธารณะยังกล้าที่จะทำกิริยาแบบนี้อีก นี่มันแย่ยิ่งกว่าพวกผู้หญิงในหอนางโลมซะอีก แล้วนางจะคู่ควรกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแบบนั้นได้ยังไง

ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นภรรยาของเฟิงจือหลิง แค่ได้เป็นนางสนมเธอก็ยอม

ไม่ เธอจะถอดใจไม่ได้ ผู้ชายที่ไหนกันจะไม่อยากได้นางสนม

ต้องเป็นเพราะความอิจฉาของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจแคบจริงๆ นางมาเป็นผู้หญิงข้างกายของเขาได้ยังไงกันนะ

เสี่ยวหงคิดเรื่องนี้แล้วจึงรีบวิ่งกลับไปทันที

เธอคุกเข่าลงแทบเท้าองค์หญิง “องค์หญิง ข้าขอร้องท่านเถอะเจ้าค่ะ”

องค์หญิงขมวดคิ้ว “ข้าบอกไปแล้วไง อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”

“องค์หญิง ข้าขอแค่เรื่องนี้ แล้วต่อไปข้าจะไม่ขออะไรท่านอีกเลย องค์หญิงแม้จะได้เป็นแค่นางสนม ข้าก็ยังอยากที่จะไปที่ห้องของเขา”

“พอได้แล้ว!” องค์หญิงมองไปที่เสี่ยวหงอย่างไม่พอใจอย่างมาก เพื่อผู้ชายคนเดียวนางกลับยอมที่จะทำให้เจ้านายต้องอับอาย

พูดถึงเรื่องนี้แล้วองค์หญิงก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย ดูเหมือนว่าเสี่ยวหงจะไม่ใช่คนเดิมที่กล้าเข้ามาขวางดาบให้เธออีกแล้ว

ตอนนี้แค่เพราะผู้ชายที่เจอกันไม่กี่ครั้ง นางกลับยอมมาอ้อนวอนเธอทั้งที่รู้ว่าเธอจะต้องเดือดร้อน

เสียวหงก้มหัวต่ำและไม่กล้าที่จะมองสายตาผิดหวังขององค์หญิง

นานกว่าทศวรรษที่เธออยู่ข้างกายองค์หญิงมาตลอด เธอเข้าใจอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขององค์หญิง ถ้านางบอกว่าไม่ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่เธอชอบเขาจริงๆราวกับว่าตัวเองต้องมนตร์สะกด จะให้เธอทำยังไงได้?

เธออยากที่จะเจอเขาอีก แม้แค่สักนิดก็ยังดี ถึงแม้สายตาเขาจะเย็นชา ถึงแม้เขาจะไม่เคยหันมามองเธอเลยก็ตาม แต่เธอก็ยังชอบ ยังชอบเขาอยู่ดี

สาวใช้ที่อยู่รอบๆต่างก็คุกเข่าไปด้วย บรรยากาศจึงชวนอึดอัดยากที่จะหายใจ

พวกนางไม่เหมือนเสี่ยวหง พวกนางไม่มีสิทธิพิเศษเหมือนกับนาง พวกเธอไม่กล้าที่จะขออะไรจากเจ้านายหรอก!

สุดท้ายสายตาเย็นชาขององค์หญิงก็กลายเป็นผิดหวัง แค่ครั้งนี้เท่านั้น!

เอาเป็นว่าทำให้นางเป็นการตอบแทนที่นางดูแลเธอด้วยหัวใจมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ลุกขึ้น!”

“องค์หญิง!”

“ลุกขึ้น เลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าจะไปพบท่านลอร์ด”

เสี่ยวหงดีใจมากเมื่อได้ยินเพราะนี่หมายถึงคำสัญญาขององค์หญิง

“ขอบพระทัยองค์หญิง ขอบพระทัยองค์หญิง!” เสี่ยวหงคำนับหลายครั้ง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้คือคำขอนี้ทำให้องค์หญิงรู้สึกเอือมระอาและเป็นการเพิ่มระยะห่างระหว่างเจ้านายและสาวใช้ของเธอให้ออกห่างออกไปอีก

องค์หญิงเดินตรงไปห้องทำงานของท่านลอร์ด ตลอดทางเหล่าทหารไม่ได้แสดงความเคารพต่อเธอเลยแต่เธอก็ไม่สนใจ

เพียงแค่ว่าช่วงนี้ท่านพี่ของเธอดูเหมือนจะจับตามองอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม

แถมยังคอยถามข้อมูลเธอเกี่ยวกับท่านลอร์ดมากขึ้นไปอีก

น่าเสียดายที่ท่านลอร์ดของเมืองไม่ใช่คนที่จะยอมตอบคำถามดีๆด้วย หลายวันที่เฝ้าตามหาข้อมูลแต่เธอกลับไม่ได้อะไรเลย

ถึงแม้เธอจะรู้ว่ามีสถานที่ที่มีทหารเฝ้าอย่างแน่นหนาและน่าจะเป็นสถานที่ที่สำคัญมาก อย่างไรก็ตามสายข่าวทั้งสองที่ส่งไปไม่ได้กลับมารายงาน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแต่ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็ยอมสละชีวิตไปซะ

เจ้านายแต่ละคนก็มีวิธีในการควบคุมทหารลับของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมทิ้งเจ้านายแล้วหนีไป

เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอสงสัยมากขึ้นไปอีก อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าหลินหยางไม่ใช่ท่านลอร์ดของเมืองที่เอาแต่ดื่มกินอย่างเดียว

ถึงแม้เธอจะไม่เห็นอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับเขาแต่มันจะต้องมีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับเขาที่ต้องระวัง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ องค์หญิงก็ช้าลงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจความเป็นองค์หญิงของเธอเลย

เมื่อมองไปที่เสี่ยวหงที่อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าขององค์หญิงก็เครียดขึ้นมา

แต่ก็ยังเดินไปทางห้องทำงานของท่านลอร์ดของเมือง แล้วก็ต้องหยุดที่หน้าประตู

“ห้องทำงานเป็นสถานที่สำคัญ คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้!” ทหารที่หน้าตาเย็นชาพร้อมด้วยหอกและมีดต่างก็เรียงหน้าอยู่เบื้องหน้าองค์หญิง

“กล้าดียังไงถึงมาขวางทางองค์หญิงของเรา!” เสี่ยวหงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เพียงแต่ทหารที่หน้าประตูก็ยังไม่ขยับไปไหน

องค์หญิงหยุดนิ่งและเฝ้าครุ่นคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของเหล่าทหารหรือว่าเป็นความตั้งใจของหลินหยางกันแน่

ในบ้านของอีกฝ่ายจำเป็นต้องมีการคุมกันเข้มขนาดนี้เลยงั้นเหรอ

“ตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงนี้?!” เสี่ยวหงตะโกน ในที่สุดองค์หญิงก็ยอมเธอแล้ว เธอจะมาหยุดอะไรตอนนี้? ถ้าเกิดองค์หญิงเปลี่ยนใจขึ้นมาละ

เสี่ยวหงอยากที่จะเตะเหล่าทหารที่มาขวางทางอยู่ตรงหน้านี่จริงๆเพื่อที่จะได้รีบเปิดทางให้องค์หญิงเข้าไปข้างในเร็วๆ

องค์หญิงยกมือขึ้นและพูดออกมา “ถอยไป!”

“องค์หญิง!” เสี่ยวหงกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

องค์หญิงมองไปที่เสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชาและสายตาของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ทำให้เสี่ยวหงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งจนต้องถอยไปข้างหลัง

ใจข้างในของเสี่ยวหงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอตาฝาดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกมาตลอดว่าสายตาขององค์หญิงที่มองเธอเริ่มจะดูแปลกๆไป

“ช่วยแจ้งท่านลอว์ดด้วยว่าองค์หญิงแห่งดินแดนสายลมขอเข้าพบ” ท่าทางขององค์หญิงไม่ได้นอบน้อมแต่พูดออกไปเสียงเรียบ

“รอสักครู่” หนึ่งในทหารโค้งตัวแล้วเดินไปในระหว่างที่คนอื่นๆยังเฝ้าหน้าประตูต่อโดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ประตูได้เลย

หลังจากนั้นไม่นาน ทหารก็เดินกลับมาพร้อมพูดว่า “องค์หญิง ท่านลอร์ดให้เข้าพบได้”

เมื่อทหารคนอื่นๆได้ยินจึงลดอาวุธในมือลงทันที

ต่อหน้าคนนอกพวกเขามักจะใช้อาวุธธรรมดา แต่พอส่วนตัวพวกเขาได้ฝึกการยิงนับครั้งไม่ถ้วน

เหล่าทหารอดที่จะรู้สึกราวกับมีสมบัติล้ำค่าติดอยู่ที่เอว หัวใจของพวกเขาค่อยๆพองโตด้วยความภาคภูมิใจ

พวกเขาไม่ต้องคอยรู้สึกว่าศัตรูอยู่เหนือกว่าอีกแล้ว ท่านลอร์ดเป็นเทพเจ้าในร่างมนุษย์จริงๆ ท่านสามารถทำได้ทุกอย่าง สักวันท่านจะต้องขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโลกได้แน่ ช่างเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจอะไรขนาดนี้ ความภูมิใจของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังกับสงครามที่จะมาถึงอย่างมาก พวกเขาจะใช้สองมือนี้เพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง พวกเขาอาจจะได้รับบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ด้วย ชื่อเสียงจะดังไปทั่ว ช่างเป็นเกียรติอะไรอย่างนี้

หวังว่าพวกเขาจะทันได้เห็นความสงบสุขของโลก เป็นเกียรติกับพวกเขามากที่จะได้สละชีวิตเพื่อโลกที่สงบสุข

องค์หญิงเดินเข้าไปช้าๆ ที่พื้นมีกระดาษที่ถูกขย้ำเป็นก้อนกลมๆเกลื่อนไปหมด สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ก้อนกระดาษพวกนั้นด้วย

ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับชุดข้อมูลมากมาย

เธอหยิบกระดาษที่อยู่ตรงเท้าขึ้นมา ข้อมูลข้างในเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ความคิดริเริ่มเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก สัญลักษณ์และรูปแบบพื้นราบมากมายทำให้หน้าเธอซีดเผือดขึ้นมาทันที

หลินหยางเงยหน้าขึ้นมาด้วยหน้าตาเหนื่อยอ่อนและเห็นว่าเธอกำลังถือภาพวาดอยู่ เขามีความมั่นใจมาก ต่อให้เธอจะเอาภาพวาดนั้นไป พวกเขาก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี นี่ไม่ใช่เรื่องของความฉลาดอีกแล้ว นี่คือหยาดเหงื่อแห่งวัฒนธรรมนับพันปี เป็นช่องว่างระหว่างห้วงเวลาของทั้งสองยุค

“มีอะไรให้ข้ารับใช้งั้นเหรอ?” หลินหยางถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ทันใดนั้นองค์หญิงก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีและมองไปที่หลินหยางที่ซึ่งใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาอะไรเป็นพิเศษ แต่สีหน้าที่เหนื่อยล้าของเขากลับพลิกผันความประทับใจทั้งหมดของเธอ

นี่ดินแดนทั้งสามเมินเฉยต่อราชสีห์แบบไหนกันนะ องค์หญิงดูเหมือนจะเห็นความหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ดินแดนทั้งสาม ทันใดนั้นแม้แต่ร่างของเธอก็ยังสั่นเล็กน้อยด้วย

เสี่ยวหงรีบเข้ามาช่วยองค์หญิง

เธอไม่เข้าใจเลย นี่มันเป็นเรื่องของท่านเฟิงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพอองค์หญิงเห็นกระดาษแผ่นนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาขนาดนี้ได้ล่ะ

เธออยากที่จะย้ำเตือนกับองค์หญิงอีกครั้งแต่สายตาที่เย็นชาขององค์หญิงเมื่อสักครู่ทำให้เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปอีก

“มีอะไร?” หลินหยางถามอย่างอดกลั้น

องค์หญิงอยู่ในบ้านของเขามานานมากแต่จู่ๆก็ทำหน้าประหลาดใจและมองมาที่สายตาของหลินหยางราวกับว่าเขาเป็นงูพิษ

“ไม่มีอะไร ไม่เป็นไร!” องค์หญิงพูดออกมาพร้อมทั้งถอยหลังและวิ่งออกนอกประตูไปทันที

เสี่ยวหงตกใจมากและรับวิ่งตามไป

ทำไมองค์หญิงถึงไม่พูดเรื่องนั้นละ?!

หลินหยางเบิกตากว้าง “ประสาท!”

ส่วนเรื่องกระดาษที่องค์หญิงเอาไปด้วย เขาไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนั้นเลย สัญลักษณ์ที่เขียนไว้ต่างก็มาจากโลกของเขาและมีเพียงมู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่อ่านเข้าใจ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) 358 ความมั่นใจแบบนั้น

Now you are reading ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) Chapter 358 ความมั่นใจแบบนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358

ความมั่นใจแบบนั้น

“มีอะไรเหรอ? เข้าวัยทองหรือไง? เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?” มู่หรงมองไปที่เสี่ยวฉิงด้วยสายตาแปลกๆ

เธอจะนอนหลับได้ยังไงล่ะ? เสี่ยวฉิงยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่เกือบทั้งคืน เธอจ้องไปที่ท่านหญิงด้วยสายตาดุดันพร้อมทั้งพูดออกมา “ท่านหญิง ท่านไม่ได้กลับมาที่ห้องได้ยังไงกัน?” เธอกัดริมฝีปากและพูดส่วนที่เหลือไม่ออก

“เจ้ารู้ด้วยเหรอ?” มู่หรงพูดออกมาเสียงเบาอย่างอายๆ

“ดังขนาดนั้น ข้าจะไม่รู้ได้ยังไงกัน?” เสี่ยวฉิงมองไปที่ท่านหญิงของเธออีกครั้ง

มู่หรงหันไปมองเฟิงจือหลิงที่อยู่ห่างไปไม่ไกลด้วยท่าทางอายๆเล็กน้อย ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา

สีหน้าของเฟิงจือหลิงสดใสราวกับหน้าร้อน

เสี่ยวฉิงไม่พอใจมากที่พวกเขายังเล่นหูเล่นตากันอยู่อีก

“ท่านหญิง!” เสี่ยวฉิงดึงมู่หรงเสวี่ยกลับมา

“มีอะไร?” มู่หรงถาม

“ข้าบอกว่าท่านจะทำแบบนั้นกับท่านเฟิงไม่ได้ ท่านจะต้องเก็บรักษาไว้ก่อน จะต้องเข้าพิธีกันก่อนไม่ใช่เหรอ? แล้วเมื่อไรท่านเฟิงจะมาสู่ขอล่ะ? จะมีสินสอดหรืออะไร…” เสี่ยงฉิงเริ่มที่จะพูดอะไรเรื่อยเปื่อย

มู่หรงมองไปที่เสี่ยวฉิงอย่างปวดหัวแล้วก็ค่อยๆถอยหลังแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับเฟิงจือหลิงทันที

เดาว่าเสี่ยวฉิงคงพูดไปอีกสามวันสามคืนแน่ๆ

เฟิงจือหลิงบีบไปที่จมูกของมู่หรง “เจ้านี่นะ ข้ากลัวว่าเสี่ยวฉิงคงต้องพลิกแผ่นดินตามหาเจ้าแน่ๆ”

มู่หรงเหล่ไปมองเขา “ทั้งหมดก็เป็นความผิดของเจ้าแหละ!”

เฟิงจือหลิงบีบมือเธอแน่น “ข้าขอโทษ เมื่อคืนข้าหยาบคายไปหน่อย ตอนนี้ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

“ในที่สาธารณะแบบนี้เจ้าจะมาถามอะไรกันเนี่ย?” มู่หรงเสวี่ยหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย

“มาเถอะ ข้าจะนวดให้เจ้าเอง!” เฟิงจือหลิงบีบไปที่กล้ามเนื้อที่แขนของมู่หรงเสวี่ย

“ไม่แล้วล่ะ” มู่หรงเสวี่ยโบกมือ ผู้คนรอบๆ ต่างก็เฝ้ามอง นี่มันอะไรกันเนี่ย

“ฮ่าฮ่า” เฟิงจือหลิงไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา เขามีความสุขอย่างมาก ภาพเรือนร่างของเธอค่อยๆปรากฏขึ้นมาในความคิดเขา ช่างสวยงามเหลือเกินจนเขาไม่อยากที่จะคลาดสายตาแม้สักนิด

“เจ้าหัวเราะอะไร?” มู่หรงมองไปที่เขาอย่างไม่เข้าใจ ทันใดนั้นรอยยิ้มเปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจือหลิง

“หัวเราะเจ้าไง”

“กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะข้า…”

เสียงหัวเราะของคนทั้งสองดังก้องไปทั่วบ้านของท่านลอร์ด

ไม่ห่างไปไกลนักที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้คือสาวใช้ร่างเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้

เมื่อวานองค์หญิงบอกให้เธอถอดใจซะ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด แต่ยิ่งยากเท่าไร เธอก็ยิ่งชอบมากขึ้นเท่านั้น มีเพียงคนที่พิเศษเท่านั้นที่จะทำให้เธอสนใจได้

ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าอะไรหรอก ในที่สาธารณะยังกล้าที่จะทำกิริยาแบบนี้อีก นี่มันแย่ยิ่งกว่าพวกผู้หญิงในหอนางโลมซะอีก แล้วนางจะคู่ควรกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแบบนั้นได้ยังไง

ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นภรรยาของเฟิงจือหลิง แค่ได้เป็นนางสนมเธอก็ยอม

ไม่ เธอจะถอดใจไม่ได้ ผู้ชายที่ไหนกันจะไม่อยากได้นางสนม

ต้องเป็นเพราะความอิจฉาของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจแคบจริงๆ นางมาเป็นผู้หญิงข้างกายของเขาได้ยังไงกันนะ

เสี่ยวหงคิดเรื่องนี้แล้วจึงรีบวิ่งกลับไปทันที

เธอคุกเข่าลงแทบเท้าองค์หญิง “องค์หญิง ข้าขอร้องท่านเถอะเจ้าค่ะ”

องค์หญิงขมวดคิ้ว “ข้าบอกไปแล้วไง อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก”

“องค์หญิง ข้าขอแค่เรื่องนี้ แล้วต่อไปข้าจะไม่ขออะไรท่านอีกเลย องค์หญิงแม้จะได้เป็นแค่นางสนม ข้าก็ยังอยากที่จะไปที่ห้องของเขา”

“พอได้แล้ว!” องค์หญิงมองไปที่เสี่ยวหงอย่างไม่พอใจอย่างมาก เพื่อผู้ชายคนเดียวนางกลับยอมที่จะทำให้เจ้านายต้องอับอาย

พูดถึงเรื่องนี้แล้วองค์หญิงก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย ดูเหมือนว่าเสี่ยวหงจะไม่ใช่คนเดิมที่กล้าเข้ามาขวางดาบให้เธออีกแล้ว

ตอนนี้แค่เพราะผู้ชายที่เจอกันไม่กี่ครั้ง นางกลับยอมมาอ้อนวอนเธอทั้งที่รู้ว่าเธอจะต้องเดือดร้อน

เสียวหงก้มหัวต่ำและไม่กล้าที่จะมองสายตาผิดหวังขององค์หญิง

นานกว่าทศวรรษที่เธออยู่ข้างกายองค์หญิงมาตลอด เธอเข้าใจอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขององค์หญิง ถ้านางบอกว่าไม่ มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่เธอชอบเขาจริงๆราวกับว่าตัวเองต้องมนตร์สะกด จะให้เธอทำยังไงได้?

เธออยากที่จะเจอเขาอีก แม้แค่สักนิดก็ยังดี ถึงแม้สายตาเขาจะเย็นชา ถึงแม้เขาจะไม่เคยหันมามองเธอเลยก็ตาม แต่เธอก็ยังชอบ ยังชอบเขาอยู่ดี

สาวใช้ที่อยู่รอบๆต่างก็คุกเข่าไปด้วย บรรยากาศจึงชวนอึดอัดยากที่จะหายใจ

พวกนางไม่เหมือนเสี่ยวหง พวกนางไม่มีสิทธิพิเศษเหมือนกับนาง พวกเธอไม่กล้าที่จะขออะไรจากเจ้านายหรอก!

สุดท้ายสายตาเย็นชาขององค์หญิงก็กลายเป็นผิดหวัง แค่ครั้งนี้เท่านั้น!

เอาเป็นว่าทำให้นางเป็นการตอบแทนที่นางดูแลเธอด้วยหัวใจมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ลุกขึ้น!”

“องค์หญิง!”

“ลุกขึ้น เลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าจะไปพบท่านลอร์ด”

เสี่ยวหงดีใจมากเมื่อได้ยินเพราะนี่หมายถึงคำสัญญาขององค์หญิง

“ขอบพระทัยองค์หญิง ขอบพระทัยองค์หญิง!” เสี่ยวหงคำนับหลายครั้ง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่รู้คือคำขอนี้ทำให้องค์หญิงรู้สึกเอือมระอาและเป็นการเพิ่มระยะห่างระหว่างเจ้านายและสาวใช้ของเธอให้ออกห่างออกไปอีก

องค์หญิงเดินตรงไปห้องทำงานของท่านลอร์ด ตลอดทางเหล่าทหารไม่ได้แสดงความเคารพต่อเธอเลยแต่เธอก็ไม่สนใจ

เพียงแค่ว่าช่วงนี้ท่านพี่ของเธอดูเหมือนจะจับตามองอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม

แถมยังคอยถามข้อมูลเธอเกี่ยวกับท่านลอร์ดมากขึ้นไปอีก

น่าเสียดายที่ท่านลอร์ดของเมืองไม่ใช่คนที่จะยอมตอบคำถามดีๆด้วย หลายวันที่เฝ้าตามหาข้อมูลแต่เธอกลับไม่ได้อะไรเลย

ถึงแม้เธอจะรู้ว่ามีสถานที่ที่มีทหารเฝ้าอย่างแน่นหนาและน่าจะเป็นสถานที่ที่สำคัญมาก อย่างไรก็ตามสายข่าวทั้งสองที่ส่งไปไม่ได้กลับมารายงาน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแต่ถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จก็ยอมสละชีวิตไปซะ

เจ้านายแต่ละคนก็มีวิธีในการควบคุมทหารลับของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมทิ้งเจ้านายแล้วหนีไป

เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอสงสัยมากขึ้นไปอีก อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่าหลินหยางไม่ใช่ท่านลอร์ดของเมืองที่เอาแต่ดื่มกินอย่างเดียว

ถึงแม้เธอจะไม่เห็นอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับเขาแต่มันจะต้องมีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับเขาที่ต้องระวัง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ องค์หญิงก็ช้าลงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจความเป็นองค์หญิงของเธอเลย

เมื่อมองไปที่เสี่ยวหงที่อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าขององค์หญิงก็เครียดขึ้นมา

แต่ก็ยังเดินไปทางห้องทำงานของท่านลอร์ดของเมือง แล้วก็ต้องหยุดที่หน้าประตู

“ห้องทำงานเป็นสถานที่สำคัญ คนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้!” ทหารที่หน้าตาเย็นชาพร้อมด้วยหอกและมีดต่างก็เรียงหน้าอยู่เบื้องหน้าองค์หญิง

“กล้าดียังไงถึงมาขวางทางองค์หญิงของเรา!” เสี่ยวหงพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เพียงแต่ทหารที่หน้าประตูก็ยังไม่ขยับไปไหน

องค์หญิงหยุดนิ่งและเฝ้าครุ่นคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของเหล่าทหารหรือว่าเป็นความตั้งใจของหลินหยางกันแน่

ในบ้านของอีกฝ่ายจำเป็นต้องมีการคุมกันเข้มขนาดนี้เลยงั้นเหรอ

“ตาบอดหรือไง? ไม่เห็นเหรอว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงนี้?!” เสี่ยวหงตะโกน ในที่สุดองค์หญิงก็ยอมเธอแล้ว เธอจะมาหยุดอะไรตอนนี้? ถ้าเกิดองค์หญิงเปลี่ยนใจขึ้นมาละ

เสี่ยวหงอยากที่จะเตะเหล่าทหารที่มาขวางทางอยู่ตรงหน้านี่จริงๆเพื่อที่จะได้รีบเปิดทางให้องค์หญิงเข้าไปข้างในเร็วๆ

องค์หญิงยกมือขึ้นและพูดออกมา “ถอยไป!”

“องค์หญิง!” เสี่ยวหงกัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

องค์หญิงมองไปที่เสี่ยวหงด้วยสายตาเย็นชาและสายตาของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ทำให้เสี่ยวหงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งจนต้องถอยไปข้างหลัง

ใจข้างในของเสี่ยวหงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอตาฝาดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกมาตลอดว่าสายตาขององค์หญิงที่มองเธอเริ่มจะดูแปลกๆไป

“ช่วยแจ้งท่านลอว์ดด้วยว่าองค์หญิงแห่งดินแดนสายลมขอเข้าพบ” ท่าทางขององค์หญิงไม่ได้นอบน้อมแต่พูดออกไปเสียงเรียบ

“รอสักครู่” หนึ่งในทหารโค้งตัวแล้วเดินไปในระหว่างที่คนอื่นๆยังเฝ้าหน้าประตูต่อโดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ประตูได้เลย

หลังจากนั้นไม่นาน ทหารก็เดินกลับมาพร้อมพูดว่า “องค์หญิง ท่านลอร์ดให้เข้าพบได้”

เมื่อทหารคนอื่นๆได้ยินจึงลดอาวุธในมือลงทันที

ต่อหน้าคนนอกพวกเขามักจะใช้อาวุธธรรมดา แต่พอส่วนตัวพวกเขาได้ฝึกการยิงนับครั้งไม่ถ้วน

เหล่าทหารอดที่จะรู้สึกราวกับมีสมบัติล้ำค่าติดอยู่ที่เอว หัวใจของพวกเขาค่อยๆพองโตด้วยความภาคภูมิใจ

พวกเขาไม่ต้องคอยรู้สึกว่าศัตรูอยู่เหนือกว่าอีกแล้ว ท่านลอร์ดเป็นเทพเจ้าในร่างมนุษย์จริงๆ ท่านสามารถทำได้ทุกอย่าง สักวันท่านจะต้องขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโลกได้แน่ ช่างเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจอะไรขนาดนี้ ความภูมิใจของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังกับสงครามที่จะมาถึงอย่างมาก พวกเขาจะใช้สองมือนี้เพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง พวกเขาอาจจะได้รับบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ด้วย ชื่อเสียงจะดังไปทั่ว ช่างเป็นเกียรติอะไรอย่างนี้

หวังว่าพวกเขาจะทันได้เห็นความสงบสุขของโลก เป็นเกียรติกับพวกเขามากที่จะได้สละชีวิตเพื่อโลกที่สงบสุข

องค์หญิงเดินเข้าไปช้าๆ ที่พื้นมีกระดาษที่ถูกขย้ำเป็นก้อนกลมๆเกลื่อนไปหมด สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ก้อนกระดาษพวกนั้นด้วย

ทันใดนั้นสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับชุดข้อมูลมากมาย

เธอหยิบกระดาษที่อยู่ตรงเท้าขึ้นมา ข้อมูลข้างในเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่ความคิดริเริ่มเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก สัญลักษณ์และรูปแบบพื้นราบมากมายทำให้หน้าเธอซีดเผือดขึ้นมาทันที

หลินหยางเงยหน้าขึ้นมาด้วยหน้าตาเหนื่อยอ่อนและเห็นว่าเธอกำลังถือภาพวาดอยู่ เขามีความมั่นใจมาก ต่อให้เธอจะเอาภาพวาดนั้นไป พวกเขาก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี นี่ไม่ใช่เรื่องของความฉลาดอีกแล้ว นี่คือหยาดเหงื่อแห่งวัฒนธรรมนับพันปี เป็นช่องว่างระหว่างห้วงเวลาของทั้งสองยุค

“มีอะไรให้ข้ารับใช้งั้นเหรอ?” หลินหยางถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ทันใดนั้นองค์หญิงก็เงยหน้าขึ้นมาทันทีและมองไปที่หลินหยางที่ซึ่งใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาอะไรเป็นพิเศษ แต่สีหน้าที่เหนื่อยล้าของเขากลับพลิกผันความประทับใจทั้งหมดของเธอ

นี่ดินแดนทั้งสามเมินเฉยต่อราชสีห์แบบไหนกันนะ องค์หญิงดูเหมือนจะเห็นความหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ดินแดนทั้งสาม ทันใดนั้นแม้แต่ร่างของเธอก็ยังสั่นเล็กน้อยด้วย

เสี่ยวหงรีบเข้ามาช่วยองค์หญิง

เธอไม่เข้าใจเลย นี่มันเป็นเรื่องของท่านเฟิงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพอองค์หญิงเห็นกระดาษแผ่นนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาขนาดนี้ได้ล่ะ

เธออยากที่จะย้ำเตือนกับองค์หญิงอีกครั้งแต่สายตาที่เย็นชาขององค์หญิงเมื่อสักครู่ทำให้เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไปอีก

“มีอะไร?” หลินหยางถามอย่างอดกลั้น

องค์หญิงอยู่ในบ้านของเขามานานมากแต่จู่ๆก็ทำหน้าประหลาดใจและมองมาที่สายตาของหลินหยางราวกับว่าเขาเป็นงูพิษ

“ไม่มีอะไร ไม่เป็นไร!” องค์หญิงพูดออกมาพร้อมทั้งถอยหลังและวิ่งออกนอกประตูไปทันที

เสี่ยวหงตกใจมากและรับวิ่งตามไป

ทำไมองค์หญิงถึงไม่พูดเรื่องนั้นละ?!

หลินหยางเบิกตากว้าง “ประสาท!”

ส่วนเรื่องกระดาษที่องค์หญิงเอาไปด้วย เขาไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนั้นเลย สัญลักษณ์ที่เขียนไว้ต่างก็มาจากโลกของเขาและมีเพียงมู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่อ่านเข้าใจ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+