War sovereign Soaring The Heavens 3100

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3100 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!

 

 

ดวงจิตและโลหิตของผู้ตายที่ออกันอยู่ที่ขอบม่านพลัง เมื่อไร้ม่านพลังขวางกันแล้ว พวกมันก็พุ่งทะยานไปดั่งทัพม้าห้อตะบึง หลั่งไหลเข้าสู่ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เร็วรี่!

 

บัดนี้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ประหนึ่งวาฬตัวเขื่องโหยหิว ดูดซับดวงจิตและโลหิตของผู้ตายลงท้องอย่างตะกละตะกลาม

 

และเหล่าดวงจิตกับโลหิตผู้ตายที่ถูกดูดซับนั้น พวกมันก็ถูกนำไปหล่อเลี้ยงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ฐานรองดอกทั้ง 2 ทันที

 

หลังได้รับดวงจิตกับโลหิตมหาศาล ตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์ก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาทันใด

 

แสงสีแดงปานโลหิตสาดส่องออกมาจากต้นอ่อนผลเทพสวรรค์เจิดจ้า กลิ่นอายพลังมหาศาลชวนสยองขุมหนึ่งเริ่มกำจายออกมากดดันในบรรยากาศ!

 

จากนั้นตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ก็เริ่มหดขยายประหนึ่งหัวใจเต้น ราวกับมันกำลังจะมีชีวิตขึ้นมา!

 

และนี่คือสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ว่า….ถึงขั้นตอนสุดที่ท้ายตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์กำลังจะเติบโตแล้ว!

 

ส่วนมันจะเติบโตเป็นผลเทพสังเวสวรรค์ได้สำเร็จหรือไม่ ก็ต้องรอดูชม!!

 

“หึ!”

 

หลั่งแค่นลมสบทเยียบเย็นคราหนึ่ง เจียงหลานก็เริ่มขยับ 2 มือแปลงเป็นสัญลักษณ์ต่างๆฉับไว เพื่อควบคุมปิดค่ายกลมายาหลอนประสาทในห้องโถงก่อนที่ค่ายกลจะเสียหาย

 

ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หรือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ยังรอดชีวิตอยู่ ทั้งหมดก็รู้สึกเสมือนเบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างวูบวาบ และพริบตาต่อมาฉากโถงถ้ำขนาดพอประมาณในสายตายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด 3 คนก็สลายหายไป กลับกลายเป็นโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลแทน

 

จากนั้นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 3 ที่ยังรอดชีวิตอยู่ไม่เพียงแต่จะเห็นหน้าค่าตากันและกัน ทั้ง 3 ยังสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และเจียงหลานอีกด้วย!

 

จังหวะนี้สีหน้าพวกมันเปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็หันไปมองจ้องเจียงหลานด้วยสายยตาระแวดระวัง ทำราวกับอีกฝ่ายคือศัตรูตัวฉกาจ!

 

“ท่ามกลางยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดชนชั้นอัจฉริยะนับหมื่น แต่ยังสามารถเหลือรอดชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้…ข้าต้องขอกล่าวชมจากใจเลยว่า พวกเจ้าทั้ง 5 คนร้ายกาจมาก…”

 

เจียงหลานเหลือบมองต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆทั้ง 5 คนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ

 

“หืม?”

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเจียงหลานได้ยกเลิกค่ายกลมายาหลอนประสาทไปแล้ว

 

สิ่งนี้สังเกตได้จากปฏิกริยาของหลินเฟยหยางและอีก 2 คนที่เหลือ

 

“เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอันใด?”

 

อีก 2 คนที่ยังรอดชีวิตอยู่นั้น หนึ่งมีลักษณะเป็นชายหนุ่ม ส่วนอีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน และเป็นชายวัยกลางคนที่ชักหน้าเคร่ง มองถามเจียงหลานด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ หลังได้ยินคำพูดของเจียงหลาน

 

ถึงแม้มันจะเป็นชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะของขุมกำลังตัวเอง และสามารถบรรลุความสำเร็จได้ด้วยวัยไม่ถึง 200 ปี

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับความสามารถอันร้ายกาจของเจียงหลาน มันย่อมสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้ ทั้งรู้สึกเสมือนตัวเองนั้นไร้ราคาอันใด

 

เจียงหลานอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ไม่เพียงจะบรรลุขอบเขตพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด อีกฝ่ายยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำถึง 4 ประการแล้ว…

 

ทว่าตัวมันนั้นอายุก็ปาไปเกือบ 200 ปี ทว่ายังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้ 3 ประการ ส่วนประการที่ 4 ยังพึ่งจะริเริ่มเข้าใจได้บางส่วนเท่านั้น…

 

ไม่ว่าจะในแง่พรสวรรค์หรือเชาว์ปัญญา มันไม่อาจเทียบชั้นกับเจียงหลานได้เลย

 

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

 

ได้ยินคำถามของชายวัยกลางคน สาตาต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยางและชายหนุ่มอีกคน ก็หันขวับไปจับจ้องเจียงหลานอย่างพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมา

 

สายตาของหลินเฟยหยางกับชายหนุ่มนั้น ฉายถึงความกังวลและเต็มไปด้วยความสงสัย

 

หากแต่สายตาของต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังคงสงบเฉยเมยไม่ทุกข์ร้อนอันใด ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เจียงหลานเอะใจสงสัยแต่อย่างใด และเข้าใจว่าทั้งคู่กำลังเสแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ อันที่จริงไม่พ้นต้องหวั่นหวาดเหมือนคนอื่นๆ

 

“หมายความว่าอันใดน่ะหรือ?”

 

ได้ยินคำถามของชายวัยกลางคน เจียงหลานก็คลี่ยิ้มบางๆ “ก็ตอนนี้ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นคน คงเหลือแต่พวกเจ้าทั้ง 5 ที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไรเล่า…ส่วนผู้อื่นนั้นตกตายไปหมดสิ้น ยังไม่เหลือแม้แต่ศพให้กลบฝัง!!”

 

ขณะเจียงหลานเอ่ยถึงความตายของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นชีวิต รอยยิ้มบางๆก็ยังคงคลี่กางบนใบหน้ามันห่างหาย ราวกับพึ่งพูดถึงเรื่องไม่สลักสำคัญ

 

“ตาย…ตายหมดแล้ว?”

 

“ตกตาย…ไม่เหลือแม้แต่ซากศพ!?”

 

 

หลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คน พอได้ยินคำยืนยันของเจียงหลาน สีหน้าพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง จากนั้นก็เริ่มหันรีหันขวางไปรอบๆ หมายมองหาผู้รอดชีวิตคนที่ 6

 

อนิจจาไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน ก็ไร้แม้แต่เงาของผู้คน

 

“เจ้าบอกว่าพวกมันตายพวกมันก็ตายกันหมดงั้นหรือ? ต่อให้ตายจริงก็มิใช่ว่าต้องเหลือร่องรอยอันใดไว้หรือไร?”

 

หลินเฟยหยางสูดอากาศเข้าลึกๆ ค่อยมองจ้องเจียงหลานตาเขม็งเอ่ยถามเสียงเข้ม

 

“เมื่อครู่มิใช่ข้าบอกไปแล้วหรือ…พวกมันทั้งหมดตกตายโดยไม่เหลือศพให้กลบฝัง…เจ้ายังไม่เข้าใจหรือว่ามันหมายความว่าอันใด?”

 

เจียงหลานหันไปมองตอบหลินเฟยหยางเสียงเฉย มุมปากยังเริ่มฉีกยิ้มแสะชั่วร้าย

 

ตายไม่เหลือซาก!

 

พอสิ้นคำของเจียงหลาน ใจหลินเฟยหยางก็สะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ หากแต่สีหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน “เจ้าบอกว่าทุกคนตาโดยไร้ศพให้กลบฝัง หรือเจ้าจะบอกว่าตัวเจ้าสามารถกำจัดทุกคนได้โดยไม่เหลือแม้แต่ศพ?”

 

“จริงอยู่ว่าพลังฝีมือของเจ้าร้ายกาจ…แต่เรื่องที่จะสังหารทุกคนได้หมดจดเช่นนี้ นั่นเป็นไปมิได้!”

 

หลินเฟยหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

 

“ข้าไปบอกเจ้าตอนไหนว่าข้าเป็นคนฆ่าพวกมัน?”

 

เจียงหลานคลี่ยิ้มสนุกสนาน “หากข้าจำไม่ผิดเจ้าเรียกว่าหลินเฟยหยางใช่หรือไม่? เจ้ายังจดจำผู้คนที่เจ้าฆ่าในถ้ำมายาได้หรือไม่เล่า?”

 

“หืม?”

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของเจียงหลาน สีหน้าหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนก็เปลี่ยนไปทันที ในใจยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่ง

 

เจียงหลานมองหลินเฟยหยางด้วยสายตาแฝงความนัย “หากข้าบอกเจ้าว่า คนที่เจ้าเข่นฆ่าไปทั้งหมด ก็คือบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นนั่นเล่า…เจ้ายังจะเชื่อข้าหรือไม่?”

 

“ไม่จริง! เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้!!”

 

สีหน้าหลินเฟยหยางซีดลงปานกระดาษ “แม้ข้าจะไม่รู้จักพวกมัน แต่ข้าก็จำใบหน้าผู้คนได้เกือบทั้งหมด…ในบรรดาคนที่ข้าฆ่าไป ไม่มีพวกมันอยู่แน่!”

 

ถึงแม้ครั้งนี้เจียงหลานจะหลอกยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นคนให้มารวมตัวกัน แต่ด้วยความทรงจำของตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสุด เพียงมองผ่านรอบเดียวก็สามารถจดจำใบหน้าผู้คนได้ ถึงจะไม่รู้จักกัน แต่ถ้าพบหน้ากันอีกครั้งต้องจดจำได้ทันทีว่าเคยผ่านตามาก่อน

 

“หึ! ถ้ำที่เจ้าสู้อยู่เมื่อครู่ล้วนเกิดจากค่ายยกลมายาหลอนประสาท แล้วเจ้าคิดว่ากับอีแค่เปลี่ยนแปลงใบหน้าผู้คนจะทำไม่ได้?”

 

รอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของเจียงหลาน ยิ่งมายิ่งฉีกกว้างขึ้น

 

“และไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น…แม้แต่ 4 คนที่เหลือนั่นก็เข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ข้าชักชวนมาไม่น้อย…”

 

เจียงหลานกล่าวถึงตรงนี้ก็ละสายตาออกจากหลินเฟยหยาง แล้วเบนไปตกยัง 4 คนที่เหลือ ก่อนที่จะหยุดมองต้วนหลิงเทียนเป็นพิเศษ “โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…จำนวนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ตกตายด้วยน้ำมือของมัน ยังไม่น้อยกว่าจำนวนยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พวกเจ้าทั้ง 4 เข่นฆ่ารวมกันด้วยซ้ำ!”

 

หลังเจียงหลานเอ่ยจบคำ ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนทันที

 

กระทั่งหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียนเหมือน 3 คนที่เหลือ ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมจะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน “จังหวะนี้สำคัญนัก…เจ้าอย่าได้เผยพิรุธอันใดเชียว”

 

“และตราบใดที่มันคิดลงมือกับพวกเราคนใดคนหนึ่ง คนนั้นจักต้านทานรับมือมันสุดกำลัง ส่วนอีกคนให้หาโอกาสลอบโจมตีมันด้วยพลังทั้งหมด…หากทำได้พยายามฆ่ามันให้เร็วที่สุดโดยที่มันไม่ทันได้ตั้งตัว เพื่อตัดปัญหาในภายหลัง”

 

“สำหรับคนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดเช่นมัน หากจะลงมือ ก็ต้องกระทำให้มั่นใจว่าฆ่ามันให้ตายได้แน่ๆ…หาไม่แล้วหากมันไม่ตาย คนที่จะตายคือพวกเรา!”

 

ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังถึงขีดสุด

 

“ข้าหลงคิดว่าคนที่ข้าฆ่าไปทั้งหมดก่อนหน้า คือร่างมายาที่เกิดจากพลังของค่ายกลเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ถูกเจ้าหลอกมา! ที่แท้เจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่?!”

 

ในขณะที่ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ตัว ต้วนหลิงเทียนก็ชักสีหน้าเคร่งขรึม มองจ้องเจียงหลานทั้งเอ่ยถามออกไปเสียงหนัก

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

เจียงหลานมองต้วนหลิงเทียน กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจักถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน 2 ชิ้น…อีกทั้งพวกมันยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ ที่สามารถหลอมรวมกันได้! หลังหลอมรวมแล้วพลังอำนาจของมันแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิเลยทีเดียว”

 

“ดูเหมือนเจ้าไม่เพียแต่จะเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์และสติปัญญาไม่ใช่ชั่วเท่านั้น…แต่เจ้ายังมีโชควาสนาสุดที่ผู้คนธรรมดาจะเทียบได้อีกด้วย”

 

วาจาดังกล่าวของเจียงหลาน นับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นจุดสนใจทันที

 

อุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้น?

 

ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่เจียงหลานพูด ดูเหมือนอุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้นที่ว่าจะเป็นประเภทคู่ที่สามารถผสานหลอมรวมกันได้? แถมพอรวมกันแล้วพลังแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ?!

 

หลินเฟยหยางและคนอื่นๆที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนแต่แรก พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของเจียงหลาน สองตาแต่ละคนก็ลุกวาวฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที มองไปประหนึ่งดาวดาวสุกสกาวกลางฟ้ายามคืนค่ำ

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ถึงกับมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันในครอบครอง 2 ชิ้นเชียวหรือ!?”

 

“ที่สำคัญอุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ชิ้นนั่นยังมิใช่ธรรมดา…ฟังจากที่เจียงหลานมันบอก อุปกรณ์อมตะจอมราชันทั้ง 2 ของมันเป็นประเภทคู่ที่สามารถหลอมรวมกันได้ ทั้งยังทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นไล่ๆอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ?!”

 

 

เป็นเพียงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่กลับมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทคู่ไว้ในครอบครอง สิ่งนี้ยากนักที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจ

 

“ต่อให้ข้าจะโชคดีแค่ไหน ก็คงไม่เท่าเจ้ากระมัง…ผู้อมตะกลับชาติมาเกิด เรื่องนี้กล่าวไปไม่ง่ายเลยที่จะทำได้สำเร็จ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”

 

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน เจียงหลานก็เชิดหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็เหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน “โชควาสนาของเจ้าไหนเลยจักสามารถเทียบกับข้าเจียงหลานผู้นี้ได้? หากเป็นข้าเมื่อชาติก่อน อาศัยแค่ลมหายใจของข้า ก็สามารถเป่าร่างเจ้าให้เป็นจุณได้ง่ายๆ!!”

 

“เจียงหลานผู้นี้…เป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดจริงๆหรือ!?”

 

นับเป็นครั้งแรกที่เจียงหลานเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมาต่อหน้าพวกมัน แม้หลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนจะมีคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจ

 

“อาศัยแค่ลมหายใจของเจ้า ก็เป่าข้าให้เป็นจุณได้ง่ายๆ?”

 

คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น “ชาติที่แล้วของเจ้า…หรือจะเป็นจอมราชันอมตะ?”

 

หลังต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเรื่องนี้ออกไป สายตาของหลินเฟยหยางและคนอื่นๆก็หันไปมองเจียงหลานอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดรอฟังว่าเจียงหลานจะตอบต้วนหลิงเทียนอย่างไร

 

“จอมราชันอมตะ?”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเจียงหลานก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ “จอมราชันอมตะอะไร? ชาติที่แล้วข้าคือจักรพรรดิอมตะ!!”

 

จักรพรรดิอมตะ!

 

ลูกตาหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนหดเล็กลงแทบปิด สีหน้าฉายชัดถึงความประหลาดใจเหลือเชื่อ!

 

ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกมันจะมีคาดเดาอย่างอุกอาจไปบ้างว่าเจียงหลานอาจจะเป็นจักรพรรดิอมตะ แต่พวกมันก็เร่งปัดความคิดดังกล่าวให้ตกไปทันที เพราะสำหรับพวกมันแล้วจักรพรรดิอมตะเป็นอะไรที่ไกลตัวเกินไป…

 

นั่นคือตัวตนที่เสมือนดำรงอยู่ก็แต่ในตำนานสำหรับพวกมัน!

 

มาตอนนี้พอพวกมันได้ยินเจียงหลานประกาศตัวว่า เป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด แต่ละคนจึงตกตะลึงถึงขั้นอธิบายไม่ถูก “เจียงหลานผู้นี้…เป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดจริงๆหรือ!?”

 

และพร้อมๆกับความตื่นตระหนกตกใจของพวกมัน ในใจพวกมันก็บังเกิดคำถามข้อหนึ่ง…

 

“แล้วจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดหลอกลวงพวกมันให้มาเข่นฆ่ากันเองทำไม? ที่แท้อีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด