War sovereign Soaring The Heavens 3101

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3101 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จักรพรรดิอมตะ!?”

 

หลินเฟยหยางมองเจียงหลานด้วยสายตาเหลือเชื่อ เอ่ยถามออกไปอย่างยากลำบากว่า “ในเมื่อเจ้าเคยเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ แล้วไฉนต้องลำบากลำบนหลอกพวกเราให้มาที่นี่ด้วย…ข้าเกรงว่าวัตถุประสงค์ของเจ้าคงมิใช่แค่เรื่องเล็กน้อยอย่างทำเพื่อความสนุกสนานกระมัง?”

 

จักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด!

 

ฐานะดังกล่าวของเจียงหลาน ทำให้หลินเฟยหยางยากจะเชื่อได้ลงคอจริงๆ!

 

ต้องทราบด้วยว่าสถานที่ๆมันอยู่ ผู้ที่ทรงพลังสูงสุดก็ยังเป็นแค่จอมราชันอมตะเท่านั้น!

 

สำหรับจักรพรรดิอมตะนั้น ในอดีตอาจจะเคมีปรากฏขึ้นมาบ้าง แต่มันก็ไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นมาก่อนเลย

 

แต่ถึงกระนั้นคำ จักรพรรดิอมตะ ก็ทำให้ร่างงมันสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวแล้วจริงๆ

 

ตั้งแต่ที่เจียงหลานประกาศตัวว่าเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด มันยังรู้สึกเสมือนหนังศีรษะกลับกลายเป็นชาด้าน บังเกิดความหวาดกลัวไม่น้อย

 

จักรพรรดิอมตะ…นั่นคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังถึงเพียงใด!?

 

แต่บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าของมัน กลับเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด!

 

หลังประสบเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงมากมาย หลินเฟยหยางก็ไม่คิดสงสัยในคำพูดของเจียงหลานแม้แต่น้อย ด้วยรู้ดีว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเจียงหลานไม่จำเป็นต้องโกหกมัน

 

อาศัยพลังฝีมือของเจียงหลาน คิดสังหารพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร จะเสียเวลาปั้นเรื่องหลอกพวกมันไปทำไม?

 

อย่างไรก็ตาม มันยังอดอยากรู้ไม่ได้…

 

ว่าไฉนเจียงหลานที่เป็นถึงจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ต้องลงทุนลงแรงเดินทางไปยังเขตต่างๆของ 5 ระนาบเทวโลก เพื่อหลอกพวกมันมาถึงที่นี่?

 

อีกฝ่ายมีแผนอะไรกันแน่?

 

ตอนนี้หากเจียงหลานบอกว่าไม่มีแผนอันใด ให้ฆ่ามันให้ตายมันก็ไม่เชื่อ!

 

“มาถึงขนาดนี้แล้ว…บอกพวกเจ้าไปก็ไม่เสียหายอันใด”

 

ได้ยินคำถามของหลินเฟยหยาง เจียงหลานก็ค่อยๆกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ที่ข้าไปล่อลวงพวกเจ้ามา ก็เพื่อให้พวกเจ้าเป็นเครื่องสังเวยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…”

 

เครื่องสังเวยของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์!

 

ได้ยินคำตอบดังกล่าวของเจียงหลาน สายตาหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คน ก็หันไปจับจ้องต้นไม้สูงตระหง่านบนเกาะกลางน้ำใต้ฝ่าเท้าเจียงหลานทันที

 

เป็นครั้งแรกเลยที่พวกมันเริ่มมองสำรวจต้นไม้สีเลือดนี่จริงๆจังๆ โดยเฉพาะก้อนเลือดสีแดงฉานทั้ง 2 บนต้นไม้สีเลือดที่ตั้งตระหง่านนั่น ตอนนี้กำลังยุบๆพองๆราวกับกำลังเติบโต!

 

“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์?”

 

“มันคืออะไร?!”

 

“มันหลอกพวกเรามาเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยต้นไม้ประหลาดนี่…แถมตอนนี้ก็มีคนตายไปนับหมื่นแล้ว! ที่แท้ต้นไม้ผีสางนั่นมันมีประโยชน์อะไรกับเจียงหลานกันแน่?!”

 

 

ลูกตาพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3 ละออกจากต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไปหยุดลงบนร่างเจียงหลานอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนสงสัย

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็หันไปมองเจียงหลานพลางชักสีหน้าสงสัยอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เจียงหลานพบเห็นพิรุธอันใด

 

“หึ!”

 

เจียงหลานย่นจมูกพ่นลมสบถเสียงเย็นคำหนึ่ง ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงถือดี “พวกเจ้าล้วนมาจากขุมกำลังระดับ 7 อันต้อยต่ำ จะไม่รู้จักต้นไม้เทพสังเวสวรรค์ก็ไม่แปลกอันใด”

 

“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ก็คือ…ฯลฯ”

 

เมื่อเจียงหลานเริ่มอธิบายให้ฟังว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์คืออะไร ไม่ว่าจะเป็นหลินเฟยหยางหรือยอดเซียนอมตะขั้นสงสุดอีก 2 คน ลมหายใจก็เริ่มหอบถี่ขึ้นมาทันที

 

ผลเทพสังเวยสวรรค์…สามารถทำให้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่รับประทาน ทะลวงด่านพลังจนบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศในคราเดียว?

 

นอกจากนั้นยังสามารถริเริ่มทำความเข้าใจกฏที่ไม่เคยทำความเข้าใจมาก่อน และอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นได้หลาประการในคราวเดียว?

 

กระทั่งสถิติที่บันทึกไว้สูงสุดนั้น ก็คือสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 8 ประการ? และผู้ที่ทำความเข้าใจได้น้อยที่สุด ก็ยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 6 ประการ?

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

ลูกตาหลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนหดเล็กลงแทบปิด ยังสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความแตกตื่นสุดระงับ

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ่นจะไม่ออกอาการเหมือนทั้ง 3 แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่น้อย แลดูเหมือนคนที่กำลังพยายามนิ่งสงบ

 

‘หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ สมแล้วที่เป็นคนที่ข้าสนใจ…ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังสามารถสงบอารมณ์ไม่ออกอาการให้เห็นชัดเหมือนหลินเฟยหยาง…’

 

ความเปลี่ยนแปลงของทั้ง 5 รวมถึงต้วนหลิงเทียนย่อมไม่พ้นสายตาของเจียงหลาน และนั่นทำให้มันยิ่งบังเกิดความพอใจในตัวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมากขึ้น

 

‘หวังว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้จะยอมศิโรราบต่อข้า และให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณแต่โดยดี…’

 

สองตาเจียงหลานเต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

สำหรับด้านต้วนหลิงเทียนที่แลดูสามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีไม่แพ้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น เจียงหลานเชื่อว่าเขาเคยโชคดีพบพานวาสนายิ่งใหญ่บางอย่าง ทำให้โลกทัศน์เปิดกว้างมากกว่า จึงไม่ตกใจจนเสียอาการเหมือนพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3

 

ไม่ว่าจะอย่างไร ต้วนหลิงเทียนก็คือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ครอบครองอุปกรณ์อมตะจอมราชัน 2 ชิ้น และยังเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่อีกด้วย!

 

‘เอาล่ะ ถึงเวลาลงมือเสียที…’

 

เมื่อสำนึกเทวะของเจียงหลานสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนของตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ด้านล่าง และพบว่าบัดนี้กระบวนการดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว มันก็ตัดสินใจลงเมื่อเพื่อจบเรื่องราวทันที ลูกตาควบแน่นทันใด

 

ในดวงตายังเผยประกายเยียบเย็นวาบขึ้น

 

วินาทีต่อมา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุลุกโชนขึ้นมาทั่วร่าง ระลอกคลื่นสีฟ้ายังเริ่มกำจายออกไปทั่ว ประหนึ่งมีทะเลสาบเล็กๆอุบัติขึ้นกลางเวหา และผิวทะเลสาบเล็กๆดังกล่าวก็กระเพื่อมเสมือนมีคนพึ่งปาหินลงไป!

 

“แย่แล้ว!!”

 

เมื่อกลิ่นอายทั่วร่างเจียงหลานแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน สีหน้าหลินเฟยหยางและยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ก็เปลี่ยนไปทันที

 

ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หันมามองหน้าส่งสาตากันวาบหนึ่ง สีหน้าท่าทียังเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง

 

ในที่สุดเจียงหลานก็คิดลงมือแล้วหรือ?

 

ปงงงง!!

 

ซู่มมม!!

 

 

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวประหนึ่งทำนบกันน้ำพังทลาย จากนั้นร่างเจียงหลานก็พุ่งมาดั่งเงาเลือน คนคล้ายกลับกลายเป็นภูตผี!

 

ทันทีที่เห็นสภาวะร่างเจียงหลานแปรเปลี่ยนไป ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ่นและคนอื่นๆ ก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาเตรียมพร้อมรับมือทันที นอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เร่งพุ่งร่างฉีกออกข้างไปแล้ว ด้านหลินเฟยหยางกับยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 3 ก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้กันโดยไม่รู้ตัว

 

ในสายตาของหลินเฟยหยางกับพวก 3 คน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจียงหลานที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่า เช่นนั้นพวกมันก็คิดว่าต้องร่วมมือกันถึงจะต้านทานรับมือเจียงหลานได้

 

“พวกเจ้าทั้งคู่ทำอะไรกัน!? ไฉนตอนนี้ยังไม่เข้ามาผนึกกำลังกับพวกเรา จะรอให้ถูกมันฆ่าตายทีละคนรึไง!?”

 

ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคนที่ขยับเข้ามารวมกลุ่มกับหลินเฟยหยางและชายหนุ่มอีกคน พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นฉีกตัวออกไปสองฟาก ก็เร่งแผดเสียงตะโกนออกมาทันที

 

“พวกเจ้าคิดว่า…หากผนึกกำลังกันแล้วจักรับมือข้าได้งั้นรึ!?”

 

เมื่อเจียงหลานวูบร่างตัดระยะมาเจียนบรรลุถึงพวกหลินเฟยหยางทั้ง 3 ที่รวมกลุ่มกัน มันก็ชะรอความเร็วลง และค่อยๆย่ำเหยียบความว่างเปล่าลงมา ทำราวกับเดินเล่นชมสวน

 

หลังมองกล่าวกับชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย้ยหยันแล้ว มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ต้วนหลิงเทียน แม้อุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ของเจ้าหลังผสานรวมกันแล้ว จักมีพลังอำนาจแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ…”

 

“แต่สุดท้ายมันก็มิใช่ศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!”

 

“วันนี้ก่อนที่เจ้าจักตาย ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าชมดูกับตาสักครา ว่าศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร!!”

 

พอเจียงหลานกล่าวจบคำมันก็ยกมือขวาขึ้นมาแบหงายทันที

 

จากนั้น เหนือฝ่ามือของมัน ก็ปรากฏรังสีดาบสีฟ้าผุดข้นมาเล่มหนึ่ง รังสีดาบดังกล่าวยังเปล่งแสงสีฟ้าออกมาเรืองรอง! ถึงกับสว่างยิ่งกว่าแสงพลังสีฟ้าที่กำจายออกมาทั่วร่างมันเสียอีก!!

 

และเมื่อรังสีดาบดังกล่าวปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือเจียงหลานได้ไม่ทันไร…

 

มวลแสงสีฟ้าดังกล่าวก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นดาบสีฟ้าที่ใสราวผลึกแก้วเล่มหนึ่งขึ้นให้เห็นชัดเจน!

 

ดาบผลึกแก้วสีฟ้านี้ ทันทีที่ปรากฏ มันก็แผ่กลิ่นอายเยียบเย็นออกไปสะท้านบรรยากาศ พาลให้ร่างทุกคนสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ…

 

ต้องทราบด้วยว่าอาศัยด่านพลังฝึกปรือในปัจจุบันของงต้วนหลิงเทียนกับคนที่เหลือทั้ง 5 ทุกคนล้วนไม่สะทกสะท้านต่อความเย็นของฤดูหนาวอีกต่อไป หากแต่กลิ่นอายพลังจากดาบผลึกแก้วสีฟ้าเล่มนี้กลับทำให้ทุกคนรู้สึกเย็นยะเยือก!

 

“นี่มัน…ดาบอมตะระดับจักรพรรดิ!?”

 

“จะ…จักรพรรดิ! อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!?”

 

 

ตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดของเจียงหลาน ลูกตาหลินเฟยหยางทั้งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 2 คนก็เริ่มหดหยีเล็กลงแต่แรก

 

มาตอนนี้พอได้เห็นดาบผลึกแก้วที่ส่องแสงสีฟ้าแผ่กลิ่นอายเยียบเย็นนั่น กอปรกับสิ่งที่เจียงหลานพึ่งกล่าว หัวใจพวกมันก็เสมือนมีไอเย็นแผ่ซ่านปกคลุมทันที!

 

ตอนแรกที่ได้รู้ว่าเจียงหลานเป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด พวกมันยังอดคิดไปอย่างวาดหวังไม่ได้ว่า…

 

เจียงหลานที่กลับมาเกิดใหม่ อาจจะยังไม่ได้รับสมบัติที่เก็บไว้เมื่อชาติก่อน หรือสมบัติในชาติก่อนของมันอาจจะถูกผู้คนพบเจอและกวาดเอาไปหมดแล้ว…

 

ทว่าพอเจียงหลานเรียกดาบอมตะระดับจักรพรรดิออกมาแบบนี้ ก็ทำให้พวกมันบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ!

 

หากเจียงหลานมีเพียงอุปกรณ์อมตะระดับราชาให้พึ่งพิง แม้จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการ แต่ถ้า 5 คนที่อยู่ ณ ที่นี้ผนึกกำลังร่วมมือกันล่ะก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่อาจต้านทานรับมือเจียงหลานได้!

 

ที่สำคัญเลยก็คือ

 

ต้วนหลิงเทียนถือครองอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันอมตะ 2 ชิ้น! แถมเป็นอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทคู่ ที่ยามผสานรวมกันก็มีพลังอำนาจแทบจะเทียบได้กับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!

 

แต่มาตอนนี้ เมื่อเห็นเจียงหลานนำดาบอมตะระดับจักรพรรดิออกมา พวกมันก็หมดสิ้นกำลังใจจะแข็งข้อต่อต้านทันที…

 

ฟั่ฟฟฟ!!

 

เจียงหลานตวัดดาบผลึกแก้วสีฟ้าออกไปคราหนึ่ง ก็ปรากฏคลื่นดาบสีฟ้าพุ่งไปดั่งเสี้ยวจันทร์ ผ่าร่างชายวัยกลางคนที่พึ่งมาตอบสนองเอาตอนคลื่นดาบอยู่เบื้องหน้าแล้วออกเป็นสองเสี่ยง ตกตายไปอย่างที่ไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย…

 

เมื่อร่างสองเสี่ยงของมันแยกตกไปซ้ายขวา ลูกตาแต่ละข้างยังคงมองจ้องเขม็ง เห็นชัดว่าตกตายตาไม่หลับ!

 

และศพชายวัยกลางคน ก็เป็นศพแรกของผู้คนที่ตกตายภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่

 

เนื่องเพราะต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์มันไม่ได้ดูดซับโลหิตดวงจิตของผู้ตายอีกต่อไป เช่นนั้นศพของมันจึงไม่ถูกสูบโลหิตจนแห้งกรังแล้วสลายหายไปเหมือนคนอื่นๆ

 

สิ่งนี้บ่งบอกให้รู้ว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ไม่ต้องการเครื่องสังเวยอีกต่อไป และโลหิตกับดวงจิตที่ดูดซึมมา ก็มากพอแล้วที่มันจะหล่อเลี้ยงตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ให้เติบโตกลายเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์…

 

เป็นธรรมดาว่าสุดท้ายแล้วผลเทพสังเวยสวรรค์จะเติบโตสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับฟ้าเท่านั้น…

 

“อย่า…อย่าข้าฆ่าเลย!”

 

หลังเห็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอย่างชาวักลางคนตกตาอย่างไร้ต้านทาน ยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายหนุ่ม ก็คุกเข่าให้เจียงหลานที่ลอยล่องกลางอากาศทันที

 

“ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะ ในเมื่อท่านมิต้องใช้ข้าน้อยเป็นเครื่องสังเวยต้นไม้เทพสังเวสวรรค์แล้ว เช่นนั้นขอท่านเมตตาละเว้นข้าน้อยด้วยเถอะ…หากท่านต้องการข้าน้อยยินดีมอบสมบัติทั้งหมดที่มีในตัวให้ท่าน!”

 

ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในรูปลักษณ์ชายหนุ่มที่คุกเข่าลงไป เร่งวิงวอนร้องขอชีวิตออกมา ขณะเดียวกันมันก็ถอดเกราะอมตะระดับราชาที่สวมใส่อยู่ รวมถึงถอดแหวนพื้นที่แล้วประคองยื่นออกไปเบื้องหน้า เห็นชัดว่ามันคิดใช้ทุกสิ่งที่มีในตัวเพื่อแลกกับหนึ่งชีวิตน้อยๆของมัน

 

“เจ้าคิดว่าหากข้าฆ่าเจ้าทิ้ง ของๆเจ้าจักมิกลายเป็นของๆข้าหรือ?”

 

เจียงหลานเอ่ยถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

อย่างไรก็ตาม ยิ้มอ่อนนี้ของเจียงหลาน ในสายตาของชายหนุ่มที่คุกเข่าประเคนของร้องขอชีวิต มันไม่ต่างอะไรกับรอยยิ้มของปีศาจแม้แต่น้อย ร่างมันจึงสั่นสะท้านไประริกราวลูกนกตกน้ำ เร่งก้มหัวร้องขอความเมตตาออกมาอีกครั้ง “ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะได้โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! ขอท่านอภัยให้ข้าน้อยด้วย!!”

 

“แล้ว…เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจักสนใจสิ่งของเล็กๆน้อยๆที่เจ้ามี?”

 

เจียงหลานเมินคำวิงวอนร้องขอชีวิตของชายหนุ่ม และพอมันกล่าวจบคำ ดาบผลึกฟ้าในมือก็ตวัดฟันออกไปอีกครั้ง…

 

ฉัวะ!!

 

คลื่นดาบสะบั้นที่พุ่งไปอีกสาย พรากหนึ่งชีวิตของชายหนุ่มไปอย่างไร้เรื่องราว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด