War sovereign Soaring The Heavens 3385

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3385 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3385 : กลับไปว่านโซ่วเทียนอีกครั้ง

 

ปงง!!

 

ปงงง!!

 

จักรพรรดิอมตะมังกรกู้กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก พึ่งจะวิงวอนขอความเมตตาออกมาได้ไม่ทันไร พวกมันก็ถูกจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนที่ติดตามเชวียหงอวี้มา ตบฟาด 2 ฝ่ามือปืนร่างพวกมันเป็นหมอกเลือดทันที!

 

เนื่องจากจักรพรรดิอมตะมังกรกู้กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกมัวแต่ให้ความสนใจเขวียหงอวี้ ด้วยคิดว่าหากต้องตายไม่พ้นเชวียหงอวี้ ก็ต้องลงมือฆ่าพวกมันเอง เช่นนั้นจึงไม่ทันได้ระวังคนอื่นเลย

 

แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้พวกมันระวังตัวก็เปล่าประโยชน์

 

จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ทรงพลังสุดที่พวกมันจะต้านทานได้แต่แรกแล้ว

 

ฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าในฉับพลัน ก็ทําให้หน้าโหยวเฟิงอวี่เปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับขาวไม่หยุด แต่สุดท้ายมันก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคํา

 

เพราะในหูของมัน พลันมีเสียงผ่านพลังของเชวียหงอวี้กล่าวเตือนดังขึ้นพอดี “เฟิงอวี่เอย… เจ้ารู้หรือไม่ว่าคําศิษย์พี่แท้จริงของฟงชิงหยางหมายความว่าอะไร”

 

“เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ฟงชิงหยางผู้นั้นไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อนเลย เอาแค่ศิษย์แต่ในนามก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”

 

“วันนี้ที่เจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่นไม่คิดฆ่าเจ้า ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าคือหลานของข้า มันจึงไม่คิดฉีกหน้าข้ากับเจ้าตรงๆ หากเจ้ายังคิดโต้แย้งอะไรอีก รอให้ฟังชิงหยางมาสะสางเรื่องราว ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่มีปัญญาจะช่วยเจ้าได้…”

 

เชวียหงอกล่าวออกมาอย่างชัดเจน

 

ว่าหากเจ้า โหยวเฟิงอวี่ ยังกล้าสร้างปัญหาอีก ข้าตาผู้นี้ก็ไม่ไหวจะสะสางแล้ว!

 

ได้ยินคําเตือนดังกล่าว โหยวเฟิงอวี่นี้ก็เงียบสนิท

 

“ศิษย์หลานต้วน ไม่ทราบพอใจแล้วหรือไม่?

 

เชวียหงอวี้หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม ลึกลงไปในแววตาของมันฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่น้อย

 

ต่อหน้าฐานะของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่วันนี้ผู้เฒ่าข้างกายต้วนหลิงเทียนฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือไปแล้วถึง 2 คนเลย ต่อให้อีกฝ่ายจะฆ่าทุกคนโดยเหลือไว้แต่โหยวเฟิงอวี่ มันก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคํา ไม่พ้นยังต้องส่งยิ้มให้อยู่แบบนี้

 

สําหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยตัวจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจีนั่น มันเล็กน้อยเสียจนไม่ต้องหยิบยกมาพูดอีกต่อไป

 

เพราะที่มันไปจับคนมาขัง สาเหตุเพราะมันคิดช่วยหลานเท่านั้น เผยหยวนจี้ที่ว่าไม่เคยล่วงเกินอะไรให้มันขุ่นเคืองใจด้วยซ้ํา

 

สําหรับมันแล้ว จักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจี้ เป็นแค่คนไร้สําคัญคนหนึ่ง

 

“ขอบคุณจักรพรรดิสวรรค์เชวีย”

 

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือนั้น นอกจากครูของเขาฉือหล่างแล้ว จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก จักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะแล้ว จักรพรรดิอมตะคนอื่นๆไม่เว้นโหยวเฟิงอวี่ ล้วนสมควรฆ่าให้ตายหมดสิ้น

 

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าวันนี้ไม่อาจฆ่าโหยวเฟิงอวี่ได้

 

เชวียหงอวี้นั่นจะอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะหวาดกลัวอาจารย์ที่เขาไม่เคยพบหน้าอยู่หลายส่วน อย่างไรก็ตามอาจารย์ของเขาฟงชิงหยางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นคิดบีบให้มันฆ่าหลานแท้ๆ เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าเคี่ยวเข็ญคนธรรมดาให้ขึ้นสวรรค์

 

อาศัยตัวเขายังไม่มีบารมีขนาดนั้น

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่าไม่อาจบีบให้เชวียหงอเข่นฆ่าโหยวเฟิงอวี่ที่เป็นหลานชายได้แน่นอน ถึงจะพูดไป แต่เชวียหงอวี้ก็คงหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ลงมือจนได้

 

อย่างไรโหยวเฟิงอวี่ก็เป็นหลานชายของมันทั้งคน

 

“ศิษย์หลานต้วน ไปนั่งเล่นที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”

 

เชวียหงอวี้กล่าวชวนต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แลดูสุภาพมากไมตรีนัก เรียกว่าคล้ายแปลงร่างเป็นผู้อาวุโสใจดี ที่กําลังมองชมบุตรหลานมากอนาคต

 

“จักรพรรดิสวรรค์เขวีย วันหน้าหากข้าว่างต้องไปรบกวนแน่ แต่วันนี้ข้ามีธุระที่ต้องไปสะสางอยู่อีก”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวคําปฏิเสธ

 

“เอาล่ะ”

 

เชวียหงอพยักหน้า “เช่นนั้นศิษย์หลานต้วนไปจัดการสะสางเรื่องราวเถอะ ว่างเมื่อใดค่อยมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของลุงได้ทุกเมื่อ”

 

“ในเมื่อศิษย์หลานต้วนไม่มีใดแล้วเช่นนั้นลุงขอตัวก่อน”

 

เซวียหงอวี้ กล่าวคําลาต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็หันไปป้องมือประสานกล่าวคําลาผู้เฒ่าหัว ก่อนที่จะพาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 จากไป

 

ด้านโหยวเฟิงอวี่ ก็ถูกพาไปด้วยเช่นกัน

 

เดิมที่เชวียหงอวี้ คิดให้หลานชายมันกล่าวคําขอโทษด้วนหลิงเทียนอีกสักครั้ง แต่พอเห็นสีหน้าแววตาของโหยวเฟิงอวี่แล้ว มันจึงไม่คิดทําอะไรแบบนั้นต่อ และเลือกที่จะหอบหิ้วหลานจากไปด้วยทันที

 

พอได้เห็นสีหน้าแววตาของโหยวเฟิงอวี่ มันไหนเลยจะไม่รู้อารมณ์ของผู้หลานในตอนนี้

 

หากมันยังคิดผลักดันหลานอีก เกรงว่าอีกฝ่ายได้สติแตกแน่!

 

หลังเชวียหงอกี้พาคนเหินห่างจากไปแล้ว ไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกหรือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ ก็แลดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สุดท้ายหลังจากทั้งคู่หันไปมองสบตากันเองครู่หนึ่ง ก็หันมาประสานมือโค้งคํานับถ้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณท่านที่เมตตาละเว้นพวกเรา”

 

ทั้งคู่รู้ดี

 

เมื่อครู่หากต้วนหลิงเทียนคิดเอาชีวิตพวกนาง น่ากลัวแค่เอ่ยคําเดียว ไม่เชวียหงอวี้ลงมือเอง ก็ต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ที่ติดตามเชวียหงอวี้มา ลงมือฆ่าพวกนางตายในพริบตาแน่

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่คิดเอาชีวิตพวกนางทั้งคู่ เช่นนั้นตอนนี้พวกนางจึงยังรอดชีวิตอยู่ได้

 

“ข้าไม่ได้มีความแค้นความบาดหมางอะไรกับพวกท่าน ทั้งหมดที่พวกท่านทําก็แค่ทําตามคําสั่งเท่านั้น เช่นนั้นก็แล้วกันไปเถอะ เพราะข้าเองก็ไม่รู้จะฆ่าพวกท่านไปทําไม”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางยักไหล่

 

“ศิษย์น้องเล็ก!”

 

ตอนนี้เองหงเฟยก็เร่งรุดเหินร่างมาหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งยกหมัดอ้วนๆชกมาที่กลางอกต้วนหลิงเทียนอย่างมันส์มือ “ร้ายกาจ! โคตรร้ายกาจ! เจ้าซ่อนตัวได้โคตรร้ายกาจนัก ข้าล่ะนึกว่าวันนี้ต้องฉิบหายลงหลุมไปพร้อมเจ้าซะแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องเล็กอ่า วันหลังมีอันใดบอกมาเลยได้หรือไม่?”

 

“เจ้าทําเช่นนี้ไม่ดีต่อใจดวงน้อยๆของศิษย์พี่หญิง 3 เข้าใจหรือไม่…”

 

หูเหม่ยเองก็ยกมือขึ้นกุมอกพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงหยอกล้อ ไม่ได้แลกริ่งเกรงอะไร ฐานะต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันแม้แต่นิดเดียยว

 

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้านับว่าซ่อนได้ลึกยิ่ง ปิดพวกเราเสียมิดเลย”

 

เวิ่นหว่านเอ๋อยังอดไม่ได้ที่จะกล่าววออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

แม้ว่าศิษย์พี่คนอื่นๆของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในแววตาก็ฉายความซับซ้อนไม่น้อย

 

“ครู”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวกับฉือหล่างด้วยรอยยิ้มบางๆ “หลังเกิดเรื่องในวันนี้ ข้าว่าท่านอยู่ที่วังเทียนฉือต่อ ก็คงรู้สึกไม่สนิทใจแน่…หรือท่านจะไปอยู่กับข้าที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ดี?”

 

เมื่อครูต้วนหลิงเทียนได้สอบถามผู้เฒ่าหัวผ่านพลังเรียบร้อยแล้ว ว่าหากเขาจะพาพวกฉือหล่างกับคนอื่นๆไปอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยจะเป็นไรหรือไม่

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากพวกฉ้อหล่างไปด้วย เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่พวกฉือหล่างกับศิษย์พี่ แต่ยังต้องมีครอบครัวของพวกฉ้อหล่าง ไม่เว้นญาติสนิทมิตรสหายของเหล่าศิษย์พี่อีกด้วย

 

คงไม่อาจพาแต่คนรู้จักเขาไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ และให้คนอื่นทิ้งครอบครัวเอาไว้ที่นี่ใช่ไหม?

 

และคําตอบของผู้เฒ่าหัวก็คือ

 

ไม่มีปัญหา! เพราะภายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ไม่ได้มีแต่สถานที่ให้เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ให้ครอบครัวของเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายอีกด้วย และจํานวนคนเหล่านั้นก็มากกว่าพวกฉือหล่างกับศิษย์พี่เขาและครอบครัวมากมายหลายเท่า

 

ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนอยากพาฉือหล่างกับเหล่าศิษย์พี่และครอบครัวไปด้วย ก็มีที่อยู่ถมเถไม่มีปัญหาอะไรเลย

 

ได้ยินคําชวนของต้วนหลิงเทียน หงเฟย หูเหม่ย ไม่เว้นศิษย์พี่คนอื่นๆก็หันขวับไปมองฉือหล่างทันที ในแววตาทุกคนยังเต็มไปด้วยความวาดหวังประการหนึ่ง เพราะตราบใดที่เป็นคนปกติ ย่อมรู้ดีว่าการอยู่ในวังเทียนฉือ ย่อมสู้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่ได้

 

จะสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ หรืออื่นใดก็แล้วแต่ ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนย่อมเหนือล้ํากว่าวังเทียนฉือมากแน่

 

นอกจากนี้ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามมากฝีมือดํารงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนอย่างฟงชิงหยางนั่น เรียกว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในระนาบเทวโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้

 

เชวียหงอวี้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน แม้จะดํารงอยู่มาก่อน และมีชื่อเสียงมาก่อนฟงชิงหยางเนิ่นนาน แต่บัดนี้ชื่อเสียงกลับถูกฟงชิงหยางทิ้งห่างไป 10 ช่วงถนนเห็นจะได้

 

หาไม่แล้วไฉนเชวียหงอวี้ ต้องหวาดระแวงดูสีหน้าเขาถึงขนาดนี้?

 

“ไม่เป็นไร”

 

ฉือหล่างส่ายหัวไปมา “ข้าอยู่ในวังเทียนฉือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขี้เกียจขยับขยายอะไรอีก นอกจากนี้ลองมีเจ้าที่เป็นถึงศิษย์เอกกของจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนอยู่ทั้งคน หลังจากนี้ให้จ้าววังเทียนฉือไม่พอใจข้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางกล้าแตะต้องข้าหรอก”

 

“มันเป็นคนฉลาด ย่อมไม่กล้าลงมือกับข้าเพื่อเสียงรับโทสะของเจ้าแน่นอน”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ภายในวังเทียนฉือปัจจุบัน ก็เหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามไม่มากแล้ว อย่างไรมันก็ต้องหวังให้ข้าอยู่ที่นี่คอยช่วยจัดการหลายๆอย่าง…”

 

“ในเมื่อเรื่องของเจ้าสะสางเรียบร้อยแล้วแบบนี้ ต่อให้มันจะไม่เต็มใจแค่ไหนก็ไม่อาจกระดิกอะไรได้อีก เช่นนั้นกล่าวได้ว่าทุกอย่างมันจบแล้ว”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

จากนั้นก็หันไปมองเหล่าศิษย์ที่กําลังเฝ้ามองมันอย่างคาดหวัง พลางเอ่ยต่อว่า “หากพวกเจ้าสนใจอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนกับศิษย์น้องเล็กของพวกเจ้า ข้าก็เคารพการตัดสินใจของพวกเจ้า”

 

“ท้ายที่สุดแล้ว สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเอยและทรัพยากรทั้งเงื่อนไขใดอื่น วังเทียนฉือก็เทียบพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่ได้เลย”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

“อาจารย์ หากท่านไปข้าก็คงตามไปด้วย แต่ในเมื่อท่านไม่ไป งั้นข้าอยู่ที่วังเทียนฉืนต่อดีกว่า”

 

หงเฟยหัวเราะ

 

และทุกคนก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

 

เมื่อเห็นการตัดสินใจเลือกแล้วของฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดรบเร้าเซ้าซี้ “ครู เช่นนั้นหากมีเวลาว่างข้าจะแวะกลับมาหาท่านกับศิษย์พี่ทั้งหลาย”

 

“เจ้า 7 แค่เจ้ามีใจแบบนี้ก็พอแล้ว”

 

สายตาที่ฉือหล่างใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้เรียกว่าชับซ้อนนัก ร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิดว่าจะไม่เพียงแต่ลูกสาวของมันเท่านั้นที่พบพานวาสนาปาฏิหาริย์ กระทั่งศิษย์คนที่ 7 ก็เช่นกัน

 

จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยางผู้นั้น ยังเหนือกว่าอาจารย์ของลูกสาวมันเสียอีก ให้มาประมือกันเกรงว่าอาจารย์ของลูกสาวมันคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย

 

อีกทั้งจะพรสวรรค์หรือศักยภาพ เหนือกว่าอาจารย์ของลูกสาวมันอย่างเห็นได้ชัด

 

เช่นนั้นขอเพียงอีกมีเวลามากพอ ความสําเร็จในภายภาคหน้าย้อมเหนือกว่าอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 ศิษย์พี่หญิง 4 ศิษย์พี่ 5 ศิษย์พี่หญิง 6.เช่นนั้น ข้าต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่”

 

หลังอําลาฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวคําลาเหล่าศิษย์พี่ก่อนจะเห็นร่างจากไปพร้อมผู้เฒ่าหัว

 

หลังมองส่งจนแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหัวหายลับตาไปแล้ว ศิษย์ในด้านของฉือหล่างค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้ง

 

ยกเว้นฉือหย่าชี ทุกคนรู้สึกเสมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝันอย่างไรอย่างนั้น ศิษย์น้องเล็กของพวกมันกลายไปเป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนแล้ว?

นี่มันราวกับฝันไปไม่ใช่รึไง?

 

“ฉือหล่าง”

 

ตอนนี้เองก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายจากไป จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกกับจักรพรรดิอมตะ เมฆดุริยะที่นั่งเงียบมาพักใหญ่ ก็หันไปกล่าวกับฉือหล่างว่า “หลังจากวันนี้หากจ้าววังคิดสร้างปัญหาอะไรให้เจ้า พวกเราไม่นิ่งดูดายแน่”

 

“หากมันยืนกรานจะทําให้เจ้าต้องลําบากใจหรือขายหน้า ต่อให้ต้องออกจากวังเทียนฉือ พวกเราก็จะช่วยเจ้าเอง”

 

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ของวังเทียนฉือ ได้ซาบซึ้งไมตรีของต้วนหลิงเทียนที่ไม่เป็นฆ่าพวกนาง

 

ด้านต้วนหลิงเทียนหลังออกจากวังเทียนฉือแล้ว เขาก็เดินทางไปยังว่านโซ่วเทียนต่อทันที พอไปถึงก็ส่งขอความออกไปโดยอาศัยลูกแก้ววิญญาณของครอบครัวเป็นสื่อ อย่างไม่ได้หวังผลอะไรมากนัก

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในว่านโซ่วเทียนแห่งนี้ ผู้คนกว่า 99 ในร้อยส่วน ล้วนเป็นสัตว์อมตะ มีมนุษย์อยู่น้อยมาก ครอบครัวของเขาเองก็ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้

 

“เสี่ยวจิน จะว่าไปตอนนี้ก็น่าจะไปส่งเจ้ากลับหุบจันทร์โลหิตได้แล้ว…เจ้าคิดจะกลับเลยหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสี่ยวจินที่อยู่ภายในโลกใบเล็กภายในกายของเขา

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียนท่านไม่ต้องการเสี่ยวจินแล้วเหรอ?”

 

เสี่ยวจินกล่าวถามด้วยน้ําเสียงน่าสงสาร

 

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรของเจ้ากันไฉนพี่ใหญ่ถึงจะไม่ต้องการเจ้าล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง ยาโถวน้อยแสนซนคนนี้คิดเล่นอะไรอีก?

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา เสียงหัวเราะคิกคักของเสี่ยวจินก็ดังขึ้น “ในเมื่อพี่ใหญ่หลิงเทียนยังต้องการเสี่ยวจินอยู่เช่นนั้นให้เสี่ยวจินอยู่บ่มเพาะในโลกใบเล็กของพี่ใหญ่ต่อนะ!”

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน บ่มเพาะในโลกใบเล็กท่านดีกว่ากลับไปใช้ห้องบ่มเพาะพิเศษที่หุบจันทร์โลหิตมากเลย…”

 

“รอให้ข้ากลายเป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศเมื่อไหร่ ไม่ต้องกลัวศัตรูหน้าไหน ไว้ค่อยกลับหุบจันทร์โลหิตก็ยังไม่สาย!”

 

“ฮีย! ถึงตอนนั้นนะ ข้าจะทําให้ทุกคนต้องมองข้าด้วยความอึ้ง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3385

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3385 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3385 : กลับไปว่านโซ่วเทียนอีกครั้ง

 

ปงง!!

 

ปงงง!!

 

จักรพรรดิอมตะมังกรกู้กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก พึ่งจะวิงวอนขอความเมตตาออกมาได้ไม่ทันไร พวกมันก็ถูกจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนที่ติดตามเชวียหงอวี้มา ตบฟาด 2 ฝ่ามือปืนร่างพวกมันเป็นหมอกเลือดทันที!

 

เนื่องจากจักรพรรดิอมตะมังกรกู้กับจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกมัวแต่ให้ความสนใจเขวียหงอวี้ ด้วยคิดว่าหากต้องตายไม่พ้นเชวียหงอวี้ ก็ต้องลงมือฆ่าพวกมันเอง เช่นนั้นจึงไม่ทันได้ระวังคนอื่นเลย

 

แต่เป็นธรรมดาว่าต่อให้พวกมันระวังตัวก็เปล่าประโยชน์

 

จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ทรงพลังสุดที่พวกมันจะต้านทานได้แต่แรกแล้ว

 

ฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าในฉับพลัน ก็ทําให้หน้าโหยวเฟิงอวี่เปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับขาวไม่หยุด แต่สุดท้ายมันก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคํา

 

เพราะในหูของมัน พลันมีเสียงผ่านพลังของเชวียหงอวี้กล่าวเตือนดังขึ้นพอดี “เฟิงอวี่เอย… เจ้ารู้หรือไม่ว่าคําศิษย์พี่แท้จริงของฟงชิงหยางหมายความว่าอะไร”

 

“เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ฟงชิงหยางผู้นั้นไม่เคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อนเลย เอาแค่ศิษย์แต่ในนามก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”

 

“วันนี้ที่เจ้าหนูต้วนหลิงเทียนนั่นไม่คิดฆ่าเจ้า ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าคือหลานของข้า มันจึงไม่คิดฉีกหน้าข้ากับเจ้าตรงๆ หากเจ้ายังคิดโต้แย้งอะไรอีก รอให้ฟังชิงหยางมาสะสางเรื่องราว ถึงตอนนั้นข้าก็ไม่มีปัญญาจะช่วยเจ้าได้…”

 

เชวียหงอกล่าวออกมาอย่างชัดเจน

 

ว่าหากเจ้า โหยวเฟิงอวี่ ยังกล้าสร้างปัญหาอีก ข้าตาผู้นี้ก็ไม่ไหวจะสะสางแล้ว!

 

ได้ยินคําเตือนดังกล่าว โหยวเฟิงอวี่นี้ก็เงียบสนิท

 

“ศิษย์หลานต้วน ไม่ทราบพอใจแล้วหรือไม่?

 

เชวียหงอวี้หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม ลึกลงไปในแววตาของมันฉายชัดถึงความหวาดกลัวไม่น้อย

 

ต่อหน้าฐานะของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่วันนี้ผู้เฒ่าข้างกายต้วนหลิงเทียนฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือไปแล้วถึง 2 คนเลย ต่อให้อีกฝ่ายจะฆ่าทุกคนโดยเหลือไว้แต่โหยวเฟิงอวี่ มันก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคํา ไม่พ้นยังต้องส่งยิ้มให้อยู่แบบนี้

 

สําหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปล่อยตัวจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจีนั่น มันเล็กน้อยเสียจนไม่ต้องหยิบยกมาพูดอีกต่อไป

 

เพราะที่มันไปจับคนมาขัง สาเหตุเพราะมันคิดช่วยหลานเท่านั้น เผยหยวนจี้ที่ว่าไม่เคยล่วงเกินอะไรให้มันขุ่นเคืองใจด้วยซ้ํา

 

สําหรับมันแล้ว จักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจี้ เป็นแค่คนไร้สําคัญคนหนึ่ง

 

“ขอบคุณจักรพรรดิสวรรค์เชวีย”

 

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือนั้น นอกจากครูของเขาฉือหล่างแล้ว จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก จักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะแล้ว จักรพรรดิอมตะคนอื่นๆไม่เว้นโหยวเฟิงอวี่ ล้วนสมควรฆ่าให้ตายหมดสิ้น

 

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าวันนี้ไม่อาจฆ่าโหยวเฟิงอวี่ได้

 

เชวียหงอวี้นั่นจะอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน ถึงแม้อีกฝ่ายอาจจะหวาดกลัวอาจารย์ที่เขาไม่เคยพบหน้าอยู่หลายส่วน อย่างไรก็ตามอาจารย์ของเขาฟงชิงหยางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นคิดบีบให้มันฆ่าหลานแท้ๆ เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าเคี่ยวเข็ญคนธรรมดาให้ขึ้นสวรรค์

 

อาศัยตัวเขายังไม่มีบารมีขนาดนั้น

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงรู้ดี ว่าไม่อาจบีบให้เชวียหงอเข่นฆ่าโหยวเฟิงอวี่ที่เป็นหลานชายได้แน่นอน ถึงจะพูดไป แต่เชวียหงอวี้ก็คงหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ลงมือจนได้

 

อย่างไรโหยวเฟิงอวี่ก็เป็นหลานชายของมันทั้งคน

 

“ศิษย์หลานต้วน ไปนั่งเล่นที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”

 

เชวียหงอวี้กล่าวชวนต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แลดูสุภาพมากไมตรีนัก เรียกว่าคล้ายแปลงร่างเป็นผู้อาวุโสใจดี ที่กําลังมองชมบุตรหลานมากอนาคต

 

“จักรพรรดิสวรรค์เขวีย วันหน้าหากข้าว่างต้องไปรบกวนแน่ แต่วันนี้ข้ามีธุระที่ต้องไปสะสางอยู่อีก”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวคําปฏิเสธ

 

“เอาล่ะ”

 

เชวียหงอพยักหน้า “เช่นนั้นศิษย์หลานต้วนไปจัดการสะสางเรื่องราวเถอะ ว่างเมื่อใดค่อยมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของลุงได้ทุกเมื่อ”

 

“ในเมื่อศิษย์หลานต้วนไม่มีใดแล้วเช่นนั้นลุงขอตัวก่อน”

 

เซวียหงอวี้ กล่าวคําลาต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็หันไปป้องมือประสานกล่าวคําลาผู้เฒ่าหัว ก่อนที่จะพาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 จากไป

 

ด้านโหยวเฟิงอวี่ ก็ถูกพาไปด้วยเช่นกัน

 

เดิมที่เชวียหงอวี้ คิดให้หลานชายมันกล่าวคําขอโทษด้วนหลิงเทียนอีกสักครั้ง แต่พอเห็นสีหน้าแววตาของโหยวเฟิงอวี่แล้ว มันจึงไม่คิดทําอะไรแบบนั้นต่อ และเลือกที่จะหอบหิ้วหลานจากไปด้วยทันที

 

พอได้เห็นสีหน้าแววตาของโหยวเฟิงอวี่ มันไหนเลยจะไม่รู้อารมณ์ของผู้หลานในตอนนี้

 

หากมันยังคิดผลักดันหลานอีก เกรงว่าอีกฝ่ายได้สติแตกแน่!

 

หลังเชวียหงอกี้พาคนเหินห่างจากไปแล้ว ไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกหรือจักรพรรดิอมตะเมฆดุริยะ ก็แลดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สุดท้ายหลังจากทั้งคู่หันไปมองสบตากันเองครู่หนึ่ง ก็หันมาประสานมือโค้งคํานับถ้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณท่านที่เมตตาละเว้นพวกเรา”

 

ทั้งคู่รู้ดี

 

เมื่อครู่หากต้วนหลิงเทียนคิดเอาชีวิตพวกนาง น่ากลัวแค่เอ่ยคําเดียว ไม่เชวียหงอวี้ลงมือเอง ก็ต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ที่ติดตามเชวียหงอวี้มา ลงมือฆ่าพวกนางตายในพริบตาแน่

 

เนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่คิดเอาชีวิตพวกนางทั้งคู่ เช่นนั้นตอนนี้พวกนางจึงยังรอดชีวิตอยู่ได้

 

“ข้าไม่ได้มีความแค้นความบาดหมางอะไรกับพวกท่าน ทั้งหมดที่พวกท่านทําก็แค่ทําตามคําสั่งเท่านั้น เช่นนั้นก็แล้วกันไปเถอะ เพราะข้าเองก็ไม่รู้จะฆ่าพวกท่านไปทําไม”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางยักไหล่

 

“ศิษย์น้องเล็ก!”

 

ตอนนี้เองหงเฟยก็เร่งรุดเหินร่างมาหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งยกหมัดอ้วนๆชกมาที่กลางอกต้วนหลิงเทียนอย่างมันส์มือ “ร้ายกาจ! โคตรร้ายกาจ! เจ้าซ่อนตัวได้โคตรร้ายกาจนัก ข้าล่ะนึกว่าวันนี้ต้องฉิบหายลงหลุมไปพร้อมเจ้าซะแล้ว!”

 

“ศิษย์น้องเล็กอ่า วันหลังมีอันใดบอกมาเลยได้หรือไม่?”

 

“เจ้าทําเช่นนี้ไม่ดีต่อใจดวงน้อยๆของศิษย์พี่หญิง 3 เข้าใจหรือไม่…”

 

หูเหม่ยเองก็ยกมือขึ้นกุมอกพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงหยอกล้อ ไม่ได้แลกริ่งเกรงอะไร ฐานะต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันแม้แต่นิดเดียยว

 

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้านับว่าซ่อนได้ลึกยิ่ง ปิดพวกเราเสียมิดเลย”

 

เวิ่นหว่านเอ๋อยังอดไม่ได้ที่จะกล่าววออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

แม้ว่าศิษย์พี่คนอื่นๆของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในแววตาก็ฉายความซับซ้อนไม่น้อย

 

“ครู”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวกับฉือหล่างด้วยรอยยิ้มบางๆ “หลังเกิดเรื่องในวันนี้ ข้าว่าท่านอยู่ที่วังเทียนฉือต่อ ก็คงรู้สึกไม่สนิทใจแน่…หรือท่านจะไปอยู่กับข้าที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ดี?”

 

เมื่อครูต้วนหลิงเทียนได้สอบถามผู้เฒ่าหัวผ่านพลังเรียบร้อยแล้ว ว่าหากเขาจะพาพวกฉือหล่างกับคนอื่นๆไปอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยจะเป็นไรหรือไม่

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากพวกฉ้อหล่างไปด้วย เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่พวกฉือหล่างกับศิษย์พี่ แต่ยังต้องมีครอบครัวของพวกฉ้อหล่าง ไม่เว้นญาติสนิทมิตรสหายของเหล่าศิษย์พี่อีกด้วย

 

คงไม่อาจพาแต่คนรู้จักเขาไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ และให้คนอื่นทิ้งครอบครัวเอาไว้ที่นี่ใช่ไหม?

 

และคําตอบของผู้เฒ่าหัวก็คือ

 

ไม่มีปัญหา! เพราะภายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ไม่ได้มีแต่สถานที่ให้เหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ให้ครอบครัวของเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายอีกด้วย และจํานวนคนเหล่านั้นก็มากกว่าพวกฉือหล่างกับศิษย์พี่เขาและครอบครัวมากมายหลายเท่า

 

ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนอยากพาฉือหล่างกับเหล่าศิษย์พี่และครอบครัวไปด้วย ก็มีที่อยู่ถมเถไม่มีปัญหาอะไรเลย

 

ได้ยินคําชวนของต้วนหลิงเทียน หงเฟย หูเหม่ย ไม่เว้นศิษย์พี่คนอื่นๆก็หันขวับไปมองฉือหล่างทันที ในแววตาทุกคนยังเต็มไปด้วยความวาดหวังประการหนึ่ง เพราะตราบใดที่เป็นคนปกติ ย่อมรู้ดีว่าการอยู่ในวังเทียนฉือ ย่อมสู้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่ได้

 

จะสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ หรืออื่นใดก็แล้วแต่ ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนย่อมเหนือล้ํากว่าวังเทียนฉือมากแน่

 

นอกจากนี้ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามมากฝีมือดํารงอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนอย่างฟงชิงหยางนั่น เรียกว่าเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในระนาบเทวโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้

 

เชวียหงอวี้ จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน แม้จะดํารงอยู่มาก่อน และมีชื่อเสียงมาก่อนฟงชิงหยางเนิ่นนาน แต่บัดนี้ชื่อเสียงกลับถูกฟงชิงหยางทิ้งห่างไป 10 ช่วงถนนเห็นจะได้

 

หาไม่แล้วไฉนเชวียหงอวี้ ต้องหวาดระแวงดูสีหน้าเขาถึงขนาดนี้?

 

“ไม่เป็นไร”

 

ฉือหล่างส่ายหัวไปมา “ข้าอยู่ในวังเทียนฉือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ขี้เกียจขยับขยายอะไรอีก นอกจากนี้ลองมีเจ้าที่เป็นถึงศิษย์เอกกของจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนอยู่ทั้งคน หลังจากนี้ให้จ้าววังเทียนฉือไม่พอใจข้าแค่ไหน ก็ไม่มีทางกล้าแตะต้องข้าหรอก”

 

“มันเป็นคนฉลาด ย่อมไม่กล้าลงมือกับข้าเพื่อเสียงรับโทสะของเจ้าแน่นอน”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ภายในวังเทียนฉือปัจจุบัน ก็เหลือจักรพรรดิอมตะสมญานามไม่มากแล้ว อย่างไรมันก็ต้องหวังให้ข้าอยู่ที่นี่คอยช่วยจัดการหลายๆอย่าง…”

 

“ในเมื่อเรื่องของเจ้าสะสางเรียบร้อยแล้วแบบนี้ ต่อให้มันจะไม่เต็มใจแค่ไหนก็ไม่อาจกระดิกอะไรได้อีก เช่นนั้นกล่าวได้ว่าทุกอย่างมันจบแล้ว”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

จากนั้นก็หันไปมองเหล่าศิษย์ที่กําลังเฝ้ามองมันอย่างคาดหวัง พลางเอ่ยต่อว่า “หากพวกเจ้าสนใจอยากไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนกับศิษย์น้องเล็กของพวกเจ้า ข้าก็เคารพการตัดสินใจของพวกเจ้า”

 

“ท้ายที่สุดแล้ว สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเอยและทรัพยากรทั้งเงื่อนไขใดอื่น วังเทียนฉือก็เทียบพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่ได้เลย”

 

ฉือหล่างกล่าว

 

“อาจารย์ หากท่านไปข้าก็คงตามไปด้วย แต่ในเมื่อท่านไม่ไป งั้นข้าอยู่ที่วังเทียนฉืนต่อดีกว่า”

 

หงเฟยหัวเราะ

 

และทุกคนก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

 

เมื่อเห็นการตัดสินใจเลือกแล้วของฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดรบเร้าเซ้าซี้ “ครู เช่นนั้นหากมีเวลาว่างข้าจะแวะกลับมาหาท่านกับศิษย์พี่ทั้งหลาย”

 

“เจ้า 7 แค่เจ้ามีใจแบบนี้ก็พอแล้ว”

 

สายตาที่ฉือหล่างใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้เรียกว่าชับซ้อนนัก ร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิดว่าจะไม่เพียงแต่ลูกสาวของมันเท่านั้นที่พบพานวาสนาปาฏิหาริย์ กระทั่งศิษย์คนที่ 7 ก็เช่นกัน

 

จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยางผู้นั้น ยังเหนือกว่าอาจารย์ของลูกสาวมันเสียอีก ให้มาประมือกันเกรงว่าอาจารย์ของลูกสาวมันคงสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย

 

อีกทั้งจะพรสวรรค์หรือศักยภาพ เหนือกว่าอาจารย์ของลูกสาวมันอย่างเห็นได้ชัด

 

เช่นนั้นขอเพียงอีกมีเวลามากพอ ความสําเร็จในภายภาคหน้าย้อมเหนือกว่าอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 ศิษย์พี่หญิง 4 ศิษย์พี่ 5 ศิษย์พี่หญิง 6.เช่นนั้น ข้าต้องขอตัวลาไปก่อน ไว้พบกันใหม่”

 

หลังอําลาฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวคําลาเหล่าศิษย์พี่ก่อนจะเห็นร่างจากไปพร้อมผู้เฒ่าหัว

 

หลังมองส่งจนแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหัวหายลับตาไปแล้ว ศิษย์ในด้านของฉือหล่างค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้ง

 

ยกเว้นฉือหย่าชี ทุกคนรู้สึกเสมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความฝันอย่างไรอย่างนั้น ศิษย์น้องเล็กของพวกมันกลายไปเป็นศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนแล้ว?

นี่มันราวกับฝันไปไม่ใช่รึไง?

 

“ฉือหล่าง”

 

ตอนนี้เองก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายจากไป จักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือกกับจักรพรรดิอมตะ เมฆดุริยะที่นั่งเงียบมาพักใหญ่ ก็หันไปกล่าวกับฉือหล่างว่า “หลังจากวันนี้หากจ้าววังคิดสร้างปัญหาอะไรให้เจ้า พวกเราไม่นิ่งดูดายแน่”

 

“หากมันยืนกรานจะทําให้เจ้าต้องลําบากใจหรือขายหน้า ต่อให้ต้องออกจากวังเทียนฉือ พวกเราก็จะช่วยเจ้าเอง”

 

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 ของวังเทียนฉือ ได้ซาบซึ้งไมตรีของต้วนหลิงเทียนที่ไม่เป็นฆ่าพวกนาง

 

ด้านต้วนหลิงเทียนหลังออกจากวังเทียนฉือแล้ว เขาก็เดินทางไปยังว่านโซ่วเทียนต่อทันที พอไปถึงก็ส่งขอความออกไปโดยอาศัยลูกแก้ววิญญาณของครอบครัวเป็นสื่อ อย่างไม่ได้หวังผลอะไรมากนัก

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในว่านโซ่วเทียนแห่งนี้ ผู้คนกว่า 99 ในร้อยส่วน ล้วนเป็นสัตว์อมตะ มีมนุษย์อยู่น้อยมาก ครอบครัวของเขาเองก็ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้

 

“เสี่ยวจิน จะว่าไปตอนนี้ก็น่าจะไปส่งเจ้ากลับหุบจันทร์โลหิตได้แล้ว…เจ้าคิดจะกลับเลยหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสี่ยวจินที่อยู่ภายในโลกใบเล็กภายในกายของเขา

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียนท่านไม่ต้องการเสี่ยวจินแล้วเหรอ?”

 

เสี่ยวจินกล่าวถามด้วยน้ําเสียงน่าสงสาร

 

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไรของเจ้ากันไฉนพี่ใหญ่ถึงจะไม่ต้องการเจ้าล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกอยู่บ้าง ยาโถวน้อยแสนซนคนนี้คิดเล่นอะไรอีก?

 

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา เสียงหัวเราะคิกคักของเสี่ยวจินก็ดังขึ้น “ในเมื่อพี่ใหญ่หลิงเทียนยังต้องการเสี่ยวจินอยู่เช่นนั้นให้เสี่ยวจินอยู่บ่มเพาะในโลกใบเล็กของพี่ใหญ่ต่อนะ!”

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน บ่มเพาะในโลกใบเล็กท่านดีกว่ากลับไปใช้ห้องบ่มเพาะพิเศษที่หุบจันทร์โลหิตมากเลย…”

 

“รอให้ข้ากลายเป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศเมื่อไหร่ ไม่ต้องกลัวศัตรูหน้าไหน ไว้ค่อยกลับหุบจันทร์โลหิตก็ยังไม่สาย!”

 

“ฮีย! ถึงตอนนั้นนะ ข้าจะทําให้ทุกคนต้องมองข้าด้วยความอึ้ง!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+