War sovereign Soaring The Heavens 3412

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3412 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,412 : พร้อมหน้าพร้อมตา
“เด็กดี เจ้าโตขนาดนี้แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนดึงร่างลูกชายมากอดพลางตบหลังเสียงดัง สองตาเขาเริ่มแดงรื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกผิดกับลูกชายคนนี้นัก เนื่องเพราะในอดีตนอกจากที่เคยอยู่กับอีกฝ่ายที่ตำหนักเมฆาครามเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปีแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูแลสอนสั่งอะไรอีกฝ่าย หรือได้อยู่เห็นอีกฝ่ายเติบโตเลย
ที่หาได้ยากก็คือ ลูกชายของเขาคนนี้เหมือนจะเข้าใจความจำเป็นของบิดาไม่เอาไหนเช่นเขา
“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว…ข้าหลงคิดว่าคงไม่ได้เจอท่านจนก่าท่านแม่จะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเสียอีก”
ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ความทรงจำในวัยเด็กในช่วงไม่กี่ปีนั้นยังชัดเจนในใจเสมอ บิดาของมันเป็นดั่งวีรบุรุษไร้ผู้ต้าน และมันก็ยึดถือบิดาผู้เก่งกล้าสามารถคนนี้เป็นแบบอย่างมาโดยตลอด เฝ้าฝันว่าสักวันจะแข็งแกร่งและแบกรับมรสุมนานานับประการได้เยี่ยงบิดา
“นั่นไม่จำเป็นอีกไป พ่ออยู่นี่แล้ว ทันทีที่พ่อรู้ว่าพวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลก พ่อก็เร่งตามหาทันที…วันหน้าครอบครัวของพวกเราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำนี้ สองตาก็ฉายชัดถึงความแน่วแน่ “เชื่อพ่อ วันหน้าพวกเราจะไม่ถูกจับแยกจากกันในลักษณะนี้อีก!”
“อ่า ข้าเชื่อท่านพ่อ!”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับแข็งขัน มันไม่เคยยสงสัยในคำพูดของบิดา ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่รู้ว่าด่านพลังฝึกปรือของบิดาถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม
มันแค่เชื่อฟังบิดาอย่างไร้เงื่อนไข
ทุกเรื่องราวตอนที่ยังอยู่ในระนาบเซียน ทุกวีรกรรมที่บิดามันสร้างไว้สะท้านแดนดิน มันได้ฟังคำสรรเสริญจากผู้คนมามากมายจึงงตระหนักได้แต่เล็กว่าบิดาของมันยอดเยี่ยมขนาดไหน จึงมุ่งหวังว่าสักวันจะยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นบิดา
“เอาล่ะ เจ้าไปหาปู่กับย่าเร็ว ยังมีอาเทียนหวู่กับน้องสาวเจ้า ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผละร่างต้วนเนี่ยนเทียนออกไปเบาๆ ตบบ่าอีกฝ่าพลางกล่าว
“อ่า”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินไปหาต้วนหรูเฟิงกับีล่หลัวก่อนจโค้งคารวะออกมาอย่างเรียบๆร้อยๆ “ท่านปู่ ท่านย่า”
“เนี่ยนเทียน เจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เนี่ยนเทียน…”
ลี่หลัวก็อดไม่ไหวสืบไป หยาดน้ำใส 2 สายไหลรินจากดวงตา หลานชายตัวน้อยจอมซนในวันวานที่ป่วนไปทั่วตำหนักเมฆาคราม โตเป็นหนุ่มแล้ว…
นางไม่ทราบจริงๆ ว่าตลอดหลายยปีที่ผ่านหานชานางกินอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตลำบากหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นางก็ตระหนักได้ว่าหลานชายเองก็คงผ่านวันเวลามาไม่ง่ายนัก
“เฉวี่ยไน่…”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ด้วยรอยยิ้ม ด้านหานเฉวี่ยไน่เองก็ก้าวอาดๆเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้น จากนั้นคล้ายนางงหวนกลับไปเป็นสาวน้อยซุกซนในวันวาน กระโดดเข้ากอดต้วนหลิงเทียนพลางร่ำไห้ออกมอย่างองแง “พี่หลิงเทียนอ่า…เฉวี่ยไน่คิดถึงพี่หลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นหานเฉวี่ยไน่ไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆของเขา ซึ่งหานเฉวี่ยไน่เองงก็เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งพี่ชายที่สามารถแบกฟ้าให้นางได้มาตลอด ยังคิดอยู่เสมอตอนเจอเรื่องลำบาก ว่าหากมีพี่หลิงเทียนอยู่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นางได้อยู่กับภรรยารวมถึงลูกชายของพี่หลิงเทียน ก็ทำให้นางไม่อาจหยุดคิดถึงงพี่ชายคนนี้ได้เลย
“ยาโถวโง่งม เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้งอแงอีก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา หลังงจากปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มหานเฉวี่ยไน่แล้ว ก็เอ่ถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้างเล่าตัวแสบ หลายปีทีผ่านมาเจ้าไปหลงชอบหนุ่มบ้านไหนบ้างหรือไม่ฦ”
“พี่ใหญ่หลิงเทียนอะ ท่านล้อข้าอีกแล้ว!”
เฉวี่ยไน่ที่น้ำตายังไหลไม่หยุด ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ข้าเคยบบอกไว้แต่แรกแล้วไง หากข้าไม่เจอผู้ชายยที่เก่งกว่าพี่หลิงเทียน ข้าจะไม่เหลียวแล”
ได้ยินคำพูดของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เฮ่อ…ถ้างั้นมีหวังเจ้าได้กลายเป็นป้าแก่ขึ้นคาน ไม่อาจได้แต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
“โห่ พี่หลิงเทียน! ท่านยังหลงตัวเองได้อีก!”
หานเฉวี่ยไน่เบ้ปาก ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยิ้มซุกซน “พี่หลิงเทียน ท่านจะมั่นหน้าไปรึเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ระนาบโลกะแต่เป็นระนาบเทวโลกนะ…ท่านคิดว่าในระนาบเทวโลกจขะไม่มีคนรุ่นเดียวกับพวกเราเทียบท่านได้เลยรึไง?”
“หึหึ เรื่องนี้น่ะ เดี๋ยวเวลามันจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยยักคิ้วกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่อย่างมั่นใจ
“ตัวเลวร้าย”
ตอนนี้เอง เสียงของลี่เฟยก็ดังขึ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันไปสนใจนางที่ถูกเจ้า 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินรายล้อมทันที
ลี่เฟยหลังจากสนทนากับทุกคนจนอิ่มใจแล้ว กึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปหาต้วนหลิงเทียนพลางทัก ก่อนจะหันไปมองทางสตรีในชุดสีขาวที่ยืนเงียบๆอย่างลำพังไกลๆ ค่อยเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่แนะนำนางหน่อยหรือ?”
ตั้งแต่ตอนที่เฟิ่งเทียนหวู่กับทุกคนออกมาจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ เองก็ออกมาด้วย
ลี่เฟยไหนเลยจะปล่อยให้ฮ่วนเอ๋ออยู่ลำพัง
พอเห็นลี่เฟยหันมามองด้วยสายตารู้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หน้าม้านไปด้วยความอาย
แต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อยืนมองเรื่องราวอยู่ข้างๆอย่างเงียบงัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยกอดกันด้วยความคิดถึงด้วยรอยยิ้ม นางรู้เรื่องพี่หลิงเทียนของนางดี ตอนนี้พอได้เห็นพี่หลิงเทียนมีความสุขนางก็บังเกิดความยินดีกับพี่หลิงเทียนจากใจ
และนางยังรู้ดีกว่าใครในที่นี้ ว่าตลอดระเวลาหลายปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนคิดถึงสตรีนาม ลี่เฟย ผู้นั้นมากมายขนาดไหน
“ฮ่วนเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆไปหาฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะกล่าวแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก “นี่คือ ลี่เฟย ภรราของข้าที่เล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ”
“ฮ่วนเอ๋อ คารวะพี่สาวเฟยเอ๋อ”
ฮ่วนเอ๋อคลี่ยิ้มสดใสทักทายลี่เฟย “พี่สาวฮ่วนเอ๋อ ตลอดสามร้อยปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนที่คิดถึงท่านมากมักกล่าวถึงท่านเสมอ…ได้พบพี่สาวเฟยเอ๋อวันนี้ ยังสวยกว่าที่พี่หลิงเทียนเคยบอกเสียอีก”
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ เจ้าปากหวานจริงๆ…เจ้าดีแบบนี้มิน่าล่ะตัวเลวร้ายถึงลักพาตัวเจ้าเข้าบ้าน…”
ลี่เฟยพยักหน้ากล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมามองลึกยังต้วนหลิงเทียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหราวๆร้อนๆขึ้นมาในฉับพลัน ยังรู้สึกเสมือนนั่งอยู่บนปลายเข็มนับร้อยพันเล่ม
“ตัวเลวร้าย”
ทันใดนั้นเอง ลี่เฟยก็กล่าวผ่านพลังกับต้วนหลิงเทียนว่า “เจ้าจะพบเจอสตรีอื่นใดกี่คนข้าไม่สน…แต่ไม่ว่าจะสตรีคนใดที่เจ้าไปอุ้มมาเพิ่ม นอกจากเทียนหวู่แล้ว เจ้าไม่อาจตบแต่งพวกนางเข้าบ้านจนกว่าจะช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อได้…”
น้ำเสียงผ่านพลังของลี่เฟยช่างดุดันเหลือเกิน และไม่เหลือช่องให้ต้วนหลิงเทียนต่อรองปฏิเสธแม้แต่น้อย “ถึงน้องหญิงเค่อเอ๋อจะไม่ว่าอะไร แต่ข้าไม่ยอม!”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…ในสายตาเจ้า ข้าต้วนหลิงเทียน เป็นคนเหลวไหลเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผลังตอบกลับด้วยรอยยิ้มแหยๆ “เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย ข้าจะไม่แต่งกับสตรีอื่นใด จนกว่าข้าจะช่วยเค่อเอ๋อได้…รวมถึงเทียนหวู่ด้วย”
“ตัวเลวร้าย เจ้าตัดสินใจเช่นนี้…ไม่ใจร้ายกับน้องเทียนหวู่ไปหน่อยหรือไร?”
ลี่เฟยขมวดคิ้วเป็นปมหลวม
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ข้าคุยเรื่องนี้กับเทียนหวู่แล้ว นางเข้าใจข้า…และนางเองก็คิดว่าสมควรทำเช่นนั้นด้วย”
ต้วหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงอ่อน
“เฮ่อ ไฉนเทียนหวู่ถึงได้…ใจดีนักนะ”
ลี่เฟยถอนหายใจ
เดิมทีต้วนหลิงเทียนคิดว่า ลี่เฟยที่ค่อนข้างเข้มงวดและมีความเป็นเจ้าของสูง คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆกว่าจะเปิดใจยอมรับฮ่วนเอ๋อได้ และด้วยนิสัยดุร้ายปานแม่เสือสาวของลี่เฟย ต่อให้ไว้หน้าเขา แต่ก็คงลำบากไม่น้อยหากจะให้นางเข้าหน้าฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเรื่องราวกลับเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ลี่เฟยสามารถเข้ากับฮ่วนเอ๋อและเปิดรับนางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรยังเรียกหากันอย่างสนิทสนมว่า น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีบ้านแตก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…รอดไปที!
“พี่หลิงเทียน นี่คือพี่สะใภ้คนใหม่ของข้ารึเปล่า?”
ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ก็ก้าวอาดๆเข้ามาเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย น้ำเสียงฟังดูซุกซนนัก “อั้ยหยา พี่หลิงเทียน พี่สะใภ้คนนี้ช่างงดงามเหนือคำบรรยาจริงๆ! เกิดมาข้าไม่เคเจอใครสวยเท่าพี่สะใภ้คนนี้มาก่อนเลย นี่ท่านไปอุ้มลูกสาวบ้านใดมาเนี่ย?!”
เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ได้ทีก็แซวเขาใหญ่ ต้วนหลิงเทียนได้แต่หันไปมองค้อน “อุ้มเอิ้มอะไรของเจ้ากัน? อย่าได้เอาอย่างพี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้าให้มากนัก!”
ครอบครัวได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหลังผ่านไปนานปี เป็นธรรมดาว่ามีเรื่องให้พูดคุยมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่อาจกล่าวออกรวดเดียว จำต้องใช้เวลา
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ว่าแต่ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนกันได้ล่ะ? แถมข้าได้ยินเทียนหวู่บอกว่า เจ้ากลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของศิษย์ที่แท้จริงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้ข้าต้องเล่าตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกส่งไปยังระนาบโลกียะที่เรียกว่าระนาบหนามม่วง…ตอนี้ข้าคงได้แต่เล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟัง เอาไว้หลังไปเจออาจารย์ข้าก่อน ค่อยเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงที่อยู่ในระนาบหนามม่วง และไฉนหลายปีที่ผ่านถึงได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนออกมาสั้นๆ
“ตอนนั้นข้าก็คิดไม่ถึง ว่าเนี่ยนเอ๋อกับเฉวี่ยไน่ก็ถูกส่งมาที่ระนาบหนามม่วงด้วย”
“ต่อมาพวกเราก็ขึ้นมายังระนาบเทวโลกฝูโหย่วเทียน รวมถึงเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนโดยตรง”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีคร่าวๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจต้นตอความเป็นมาโดยสังเขป
“ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีไม่น้อย ที่ได้รับวาสนาดังกล่าว”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าภรรยาเขาเองก็มีโชคไม่น้อย
“พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอบคุณพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ…หาไม่แล้วคงยากที่ข้าจะมีวันนี้ได้”
ลี่เฟยคลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “อย่างไรก็ตาม หากเลือกได้ ข้าอยากเลือกให้พวกเราทุกคนไม่มีส่วนเกี่ว้ของกับระนาบเทพและอยู่กันอย่างมีความสุขที่ระนาบเซียนมากกว่า”
“หากพวกเราได้อยู่กันอย่างไร้กังวลที่ระนาบเซียน…ไม่ทราบจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน”
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ สองตาลี่เฟยก็ฉายความโหยหาไม่น้อย
“ถึงจะเป็นระนาบเทวโลก พวกเราก็มีวันดีๆเช่นนั้นได้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอย่างจริงจัง สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาอยากดั้นด้นไประนาบเทพ ก็เพียงเพราะช่วยเค่อเอ๋อกลับมาเท่านั้น
“นี่ก็นานมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ…ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์ข้า”
ภายยใต้การนำของลี่เฟย ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ติดตามลี่เฟยกลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ส่วนคนอื่นๆไม่ว่าจะต้วนเนี่ยนเทียนหรือหานเฉวี่ยไน่ ก็เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
แน่นอนว่าโฉมสคราญในชุดจัดเต็มปานองค์หญิงแคว้นใหญ่ ก็ยังคงเหินร่างตามลี่เฟยมาอย่างเงียบงัน
“ให้ตายเถอะ…ที่นี่คือโลกใบเล็กภายในกายท่านพ่อหรือ!?”
พอต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ตกตะลึงจนหาคำพูดไม่เจอ เพราะทั้งคู่พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในนี้ มันมีคุณภาพไม่ต่างอะไรจากระนาบเทพเลย แถมยังหนาแน่นยิ่งกว่าสถานที่ๆเคยถูกจับไปขังหลายสิบเท่าอีก!!
เหตุผลเดียวที่ทำให้ทุกคนมีศักยภาพและพรสวรรค์อย่างวันนี้ ก็เพราะผ่านการขัดเกลาชำระโดยพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ
ไฉนที่ชาวระนาบเทพพื้นเมืองถึงมีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงล้ำ ทั้งหมดก็เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพนี้เอง
ก่อนจะคลอดออกจากครรภ์มารดาหรือยังเป็นชาวมรรตัย ไม่บรรลุถึงเซียนอมตะ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมอันมีพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพ พลังวิญญาณฟ้าดินของงระนาบเทพก็จะทำการชำระขัดเกลาให้สภาพร่างกายเหมาะสมกับระนาบเทพโดยอัตโนมัติ
“บ้าไปแล้ว ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่…ทำไมเหมือนกับในระนาบเทพเลยล่ะ แถมยังหนาแน่นกว่าที่ๆพวกเราเคยอยู่จมหูเลย!!”
หานเฉวี่ยไน่ตะลึงไปเนิ่นนาน ก็ยังไม่ฟื้นสติ
สำหรับคนอื่นๆนั้น ได้ผ่านจุดประหลาดใจมานาน เพราะทุกคนได้ใช้เวลาบบ่มเพาะฝึกปรือในโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนมาสักพักแว
“อาเฉวี่ยไน่ สภาพแวดล้อมบ่มเพาะที่นี่ต้องใช้คำว่าโคตรดีเลย…หากข้าได้บ่มเพาะพลังที่นี่ ข้าเชื่อว่าไม่ทันไรข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้ง่ายๆแน่!!”
“นั่นสิ! ข้าด้วย!!”
หลังต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่หายตกใจแล้ว แต่ละคนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โร่ไปหาที่ว่างแล้วนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้นและเริ่มบ่มเพาะพลังทันที ท่าทางรีบร้อนกลัวไม่ได้ฝึกของทั้งคู่ ทำให้คนอื่นๆที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจอาการของทั้งคู่ดี
เพราะตอที่ทุกคนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จะมากจะน้อยก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นๆในตำหนักเมฆาครามใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างข้างๆลี่เฟยเอ่ยยถาม
พอได้ยินคำถามดังกล่าว สีห้นาลี่เฟยก็มืดครึ้มลงทันที “ลูกแก้ววิญญาณในมือพวกเรา 3 คน ของคนที่สนิทๆที่ยังอยู่ดีก็มีแค่ลูกแก้ววิญญาณของท่านพ่อท่านแม่และพวกเด็กๆกับเทียนหวู่และลุงหวู่เต้าเท่านั้น…นอกจากนั้นยกเว้นของมู่อีอี ล้วนแตกไปหมดสิ้นแล้ว…”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด สองหมัดกำแน่นจนกระดูกลั่น ความเกลียดชังงในใจเสมือนถูกจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้ง “อวิ๋นชิงเหยียน…สักวันข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!”

ตอนที่ 3,412 : พร้อมหน้าพร้อมตา
“เด็กดี เจ้าโตขนาดนี้แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนดึงร่างลูกชายมากอดพลางตบหลังเสียงดัง สองตาเขาเริ่มแดงรื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกผิดกับลูกชายคนนี้นัก เนื่องเพราะในอดีตนอกจากที่เคยอยู่กับอีกฝ่ายที่ตำหนักเมฆาครามเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปีแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูแลสอนสั่งอะไรอีกฝ่าย หรือได้อยู่เห็นอีกฝ่ายเติบโตเลย
ที่หาได้ยากก็คือ ลูกชายของเขาคนนี้เหมือนจะเข้าใจความจำเป็นของบิดาไม่เอาไหนเช่นเขา
“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว…ข้าหลงคิดว่าคงไม่ได้เจอท่านจนก่าท่านแม่จะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเสียอีก”
ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ความทรงจำในวัยเด็กในช่วงไม่กี่ปีนั้นยังชัดเจนในใจเสมอ บิดาของมันเป็นดั่งวีรบุรุษไร้ผู้ต้าน และมันก็ยึดถือบิดาผู้เก่งกล้าสามารถคนนี้เป็นแบบอย่างมาโดยตลอด เฝ้าฝันว่าสักวันจะแข็งแกร่งและแบกรับมรสุมนานานับประการได้เยี่ยงบิดา
“นั่นไม่จำเป็นอีกไป พ่ออยู่นี่แล้ว ทันทีที่พ่อรู้ว่าพวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลก พ่อก็เร่งตามหาทันที…วันหน้าครอบครัวของพวกเราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำนี้ สองตาก็ฉายชัดถึงความแน่วแน่ “เชื่อพ่อ วันหน้าพวกเราจะไม่ถูกจับแยกจากกันในลักษณะนี้อีก!”
“อ่า ข้าเชื่อท่านพ่อ!”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับแข็งขัน มันไม่เคยยสงสัยในคำพูดของบิดา ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่รู้ว่าด่านพลังฝึกปรือของบิดาถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม
มันแค่เชื่อฟังบิดาอย่างไร้เงื่อนไข
ทุกเรื่องราวตอนที่ยังอยู่ในระนาบเซียน ทุกวีรกรรมที่บิดามันสร้างไว้สะท้านแดนดิน มันได้ฟังคำสรรเสริญจากผู้คนมามากมายจึงงตระหนักได้แต่เล็กว่าบิดาของมันยอดเยี่ยมขนาดไหน จึงมุ่งหวังว่าสักวันจะยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นบิดา
“เอาล่ะ เจ้าไปหาปู่กับย่าเร็ว ยังมีอาเทียนหวู่กับน้องสาวเจ้า ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผละร่างต้วนเนี่ยนเทียนออกไปเบาๆ ตบบ่าอีกฝ่าพลางกล่าว
“อ่า”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินไปหาต้วนหรูเฟิงกับีล่หลัวก่อนจโค้งคารวะออกมาอย่างเรียบๆร้อยๆ “ท่านปู่ ท่านย่า”
“เนี่ยนเทียน เจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เนี่ยนเทียน…”
ลี่หลัวก็อดไม่ไหวสืบไป หยาดน้ำใส 2 สายไหลรินจากดวงตา หลานชายตัวน้อยจอมซนในวันวานที่ป่วนไปทั่วตำหนักเมฆาคราม โตเป็นหนุ่มแล้ว…
นางไม่ทราบจริงๆ ว่าตลอดหลายยปีที่ผ่านหานชานางกินอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตลำบากหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นางก็ตระหนักได้ว่าหลานชายเองก็คงผ่านวันเวลามาไม่ง่ายนัก
“เฉวี่ยไน่…”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ด้วยรอยยิ้ม ด้านหานเฉวี่ยไน่เองก็ก้าวอาดๆเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้น จากนั้นคล้ายนางงหวนกลับไปเป็นสาวน้อยซุกซนในวันวาน กระโดดเข้ากอดต้วนหลิงเทียนพลางร่ำไห้ออกมอย่างองแง “พี่หลิงเทียนอ่า…เฉวี่ยไน่คิดถึงพี่หลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นหานเฉวี่ยไน่ไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆของเขา ซึ่งหานเฉวี่ยไน่เองงก็เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งพี่ชายที่สามารถแบกฟ้าให้นางได้มาตลอด ยังคิดอยู่เสมอตอนเจอเรื่องลำบาก ว่าหากมีพี่หลิงเทียนอยู่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นางได้อยู่กับภรรยารวมถึงลูกชายของพี่หลิงเทียน ก็ทำให้นางไม่อาจหยุดคิดถึงงพี่ชายคนนี้ได้เลย
“ยาโถวโง่งม เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้งอแงอีก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา หลังงจากปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มหานเฉวี่ยไน่แล้ว ก็เอ่ถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้างเล่าตัวแสบ หลายปีทีผ่านมาเจ้าไปหลงชอบหนุ่มบ้านไหนบ้างหรือไม่ฦ”
“พี่ใหญ่หลิงเทียนอะ ท่านล้อข้าอีกแล้ว!”
เฉวี่ยไน่ที่น้ำตายังไหลไม่หยุด ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ข้าเคยบบอกไว้แต่แรกแล้วไง หากข้าไม่เจอผู้ชายยที่เก่งกว่าพี่หลิงเทียน ข้าจะไม่เหลียวแล”
ได้ยินคำพูดของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เฮ่อ…ถ้างั้นมีหวังเจ้าได้กลายเป็นป้าแก่ขึ้นคาน ไม่อาจได้แต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
“โห่ พี่หลิงเทียน! ท่านยังหลงตัวเองได้อีก!”
หานเฉวี่ยไน่เบ้ปาก ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยิ้มซุกซน “พี่หลิงเทียน ท่านจะมั่นหน้าไปรึเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ระนาบโลกะแต่เป็นระนาบเทวโลกนะ…ท่านคิดว่าในระนาบเทวโลกจขะไม่มีคนรุ่นเดียวกับพวกเราเทียบท่านได้เลยรึไง?”
“หึหึ เรื่องนี้น่ะ เดี๋ยวเวลามันจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยยักคิ้วกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่อย่างมั่นใจ
“ตัวเลวร้าย”
ตอนนี้เอง เสียงของลี่เฟยก็ดังขึ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันไปสนใจนางที่ถูกเจ้า 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินรายล้อมทันที
ลี่เฟยหลังจากสนทนากับทุกคนจนอิ่มใจแล้ว กึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปหาต้วนหลิงเทียนพลางทัก ก่อนจะหันไปมองทางสตรีในชุดสีขาวที่ยืนเงียบๆอย่างลำพังไกลๆ ค่อยเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่แนะนำนางหน่อยหรือ?”
ตั้งแต่ตอนที่เฟิ่งเทียนหวู่กับทุกคนออกมาจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ เองก็ออกมาด้วย
ลี่เฟยไหนเลยจะปล่อยให้ฮ่วนเอ๋ออยู่ลำพัง
พอเห็นลี่เฟยหันมามองด้วยสายตารู้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หน้าม้านไปด้วยความอาย
แต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อยืนมองเรื่องราวอยู่ข้างๆอย่างเงียบงัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยกอดกันด้วยความคิดถึงด้วยรอยยิ้ม นางรู้เรื่องพี่หลิงเทียนของนางดี ตอนนี้พอได้เห็นพี่หลิงเทียนมีความสุขนางก็บังเกิดความยินดีกับพี่หลิงเทียนจากใจ
และนางยังรู้ดีกว่าใครในที่นี้ ว่าตลอดระเวลาหลายปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนคิดถึงสตรีนาม ลี่เฟย ผู้นั้นมากมายขนาดไหน
“ฮ่วนเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆไปหาฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะกล่าวแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก “นี่คือ ลี่เฟย ภรราของข้าที่เล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ”
“ฮ่วนเอ๋อ คารวะพี่สาวเฟยเอ๋อ”
ฮ่วนเอ๋อคลี่ยิ้มสดใสทักทายลี่เฟย “พี่สาวฮ่วนเอ๋อ ตลอดสามร้อยปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนที่คิดถึงท่านมากมักกล่าวถึงท่านเสมอ…ได้พบพี่สาวเฟยเอ๋อวันนี้ ยังสวยกว่าที่พี่หลิงเทียนเคยบอกเสียอีก”
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ เจ้าปากหวานจริงๆ…เจ้าดีแบบนี้มิน่าล่ะตัวเลวร้ายถึงลักพาตัวเจ้าเข้าบ้าน…”
ลี่เฟยพยักหน้ากล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมามองลึกยังต้วนหลิงเทียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหราวๆร้อนๆขึ้นมาในฉับพลัน ยังรู้สึกเสมือนนั่งอยู่บนปลายเข็มนับร้อยพันเล่ม
“ตัวเลวร้าย”
ทันใดนั้นเอง ลี่เฟยก็กล่าวผ่านพลังกับต้วนหลิงเทียนว่า “เจ้าจะพบเจอสตรีอื่นใดกี่คนข้าไม่สน…แต่ไม่ว่าจะสตรีคนใดที่เจ้าไปอุ้มมาเพิ่ม นอกจากเทียนหวู่แล้ว เจ้าไม่อาจตบแต่งพวกนางเข้าบ้านจนกว่าจะช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อได้…”
น้ำเสียงผ่านพลังของลี่เฟยช่างดุดันเหลือเกิน และไม่เหลือช่องให้ต้วนหลิงเทียนต่อรองปฏิเสธแม้แต่น้อย “ถึงน้องหญิงเค่อเอ๋อจะไม่ว่าอะไร แต่ข้าไม่ยอม!”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…ในสายตาเจ้า ข้าต้วนหลิงเทียน เป็นคนเหลวไหลเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผลังตอบกลับด้วยรอยยิ้มแหยๆ “เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย ข้าจะไม่แต่งกับสตรีอื่นใด จนกว่าข้าจะช่วยเค่อเอ๋อได้…รวมถึงเทียนหวู่ด้วย”
“ตัวเลวร้าย เจ้าตัดสินใจเช่นนี้…ไม่ใจร้ายกับน้องเทียนหวู่ไปหน่อยหรือไร?”
ลี่เฟยขมวดคิ้วเป็นปมหลวม
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ข้าคุยเรื่องนี้กับเทียนหวู่แล้ว นางเข้าใจข้า…และนางเองก็คิดว่าสมควรทำเช่นนั้นด้วย”
ต้วหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงอ่อน
“เฮ่อ ไฉนเทียนหวู่ถึงได้…ใจดีนักนะ”
ลี่เฟยถอนหายใจ
เดิมทีต้วนหลิงเทียนคิดว่า ลี่เฟยที่ค่อนข้างเข้มงวดและมีความเป็นเจ้าของสูง คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆกว่าจะเปิดใจยอมรับฮ่วนเอ๋อได้ และด้วยนิสัยดุร้ายปานแม่เสือสาวของลี่เฟย ต่อให้ไว้หน้าเขา แต่ก็คงลำบากไม่น้อยหากจะให้นางเข้าหน้าฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเรื่องราวกลับเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ลี่เฟยสามารถเข้ากับฮ่วนเอ๋อและเปิดรับนางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรยังเรียกหากันอย่างสนิทสนมว่า น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีบ้านแตก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…รอดไปที!
“พี่หลิงเทียน นี่คือพี่สะใภ้คนใหม่ของข้ารึเปล่า?”
ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ก็ก้าวอาดๆเข้ามาเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย น้ำเสียงฟังดูซุกซนนัก “อั้ยหยา พี่หลิงเทียน พี่สะใภ้คนนี้ช่างงดงามเหนือคำบรรยาจริงๆ! เกิดมาข้าไม่เคเจอใครสวยเท่าพี่สะใภ้คนนี้มาก่อนเลย นี่ท่านไปอุ้มลูกสาวบ้านใดมาเนี่ย?!”
เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ได้ทีก็แซวเขาใหญ่ ต้วนหลิงเทียนได้แต่หันไปมองค้อน “อุ้มเอิ้มอะไรของเจ้ากัน? อย่าได้เอาอย่างพี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้าให้มากนัก!”
ครอบครัวได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหลังผ่านไปนานปี เป็นธรรมดาว่ามีเรื่องให้พูดคุยมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่อาจกล่าวออกรวดเดียว จำต้องใช้เวลา
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ว่าแต่ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนกันได้ล่ะ? แถมข้าได้ยินเทียนหวู่บอกว่า เจ้ากลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของศิษย์ที่แท้จริงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้ข้าต้องเล่าตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกส่งไปยังระนาบโลกียะที่เรียกว่าระนาบหนามม่วง…ตอนี้ข้าคงได้แต่เล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟัง เอาไว้หลังไปเจออาจารย์ข้าก่อน ค่อยเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงที่อยู่ในระนาบหนามม่วง และไฉนหลายปีที่ผ่านถึงได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนออกมาสั้นๆ
“ตอนนั้นข้าก็คิดไม่ถึง ว่าเนี่ยนเอ๋อกับเฉวี่ยไน่ก็ถูกส่งมาที่ระนาบหนามม่วงด้วย”
“ต่อมาพวกเราก็ขึ้นมายังระนาบเทวโลกฝูโหย่วเทียน รวมถึงเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนโดยตรง”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีคร่าวๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจต้นตอความเป็นมาโดยสังเขป
“ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีไม่น้อย ที่ได้รับวาสนาดังกล่าว”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าภรรยาเขาเองก็มีโชคไม่น้อย
“พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอบคุณพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ…หาไม่แล้วคงยากที่ข้าจะมีวันนี้ได้”
ลี่เฟยคลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “อย่างไรก็ตาม หากเลือกได้ ข้าอยากเลือกให้พวกเราทุกคนไม่มีส่วนเกี่ว้ของกับระนาบเทพและอยู่กันอย่างมีความสุขที่ระนาบเซียนมากกว่า”
“หากพวกเราได้อยู่กันอย่างไร้กังวลที่ระนาบเซียน…ไม่ทราบจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน”
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ สองตาลี่เฟยก็ฉายความโหยหาไม่น้อย
“ถึงจะเป็นระนาบเทวโลก พวกเราก็มีวันดีๆเช่นนั้นได้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอย่างจริงจัง สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาอยากดั้นด้นไประนาบเทพ ก็เพียงเพราะช่วยเค่อเอ๋อกลับมาเท่านั้น
“นี่ก็นานมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ…ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์ข้า”
ภายยใต้การนำของลี่เฟย ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ติดตามลี่เฟยกลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ส่วนคนอื่นๆไม่ว่าจะต้วนเนี่ยนเทียนหรือหานเฉวี่ยไน่ ก็เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
แน่นอนว่าโฉมสคราญในชุดจัดเต็มปานองค์หญิงแคว้นใหญ่ ก็ยังคงเหินร่างตามลี่เฟยมาอย่างเงียบงัน
“ให้ตายเถอะ…ที่นี่คือโลกใบเล็กภายในกายท่านพ่อหรือ!?”
พอต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ตกตะลึงจนหาคำพูดไม่เจอ เพราะทั้งคู่พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในนี้ มันมีคุณภาพไม่ต่างอะไรจากระนาบเทพเลย แถมยังหนาแน่นยิ่งกว่าสถานที่ๆเคยถูกจับไปขังหลายสิบเท่าอีก!!
เหตุผลเดียวที่ทำให้ทุกคนมีศักยภาพและพรสวรรค์อย่างวันนี้ ก็เพราะผ่านการขัดเกลาชำระโดยพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ
ไฉนที่ชาวระนาบเทพพื้นเมืองถึงมีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงล้ำ ทั้งหมดก็เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพนี้เอง
ก่อนจะคลอดออกจากครรภ์มารดาหรือยังเป็นชาวมรรตัย ไม่บรรลุถึงเซียนอมตะ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมอันมีพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพ พลังวิญญาณฟ้าดินของงระนาบเทพก็จะทำการชำระขัดเกลาให้สภาพร่างกายเหมาะสมกับระนาบเทพโดยอัตโนมัติ
“บ้าไปแล้ว ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่…ทำไมเหมือนกับในระนาบเทพเลยล่ะ แถมยังหนาแน่นกว่าที่ๆพวกเราเคยอยู่จมหูเลย!!”
หานเฉวี่ยไน่ตะลึงไปเนิ่นนาน ก็ยังไม่ฟื้นสติ
สำหรับคนอื่นๆนั้น ได้ผ่านจุดประหลาดใจมานาน เพราะทุกคนได้ใช้เวลาบบ่มเพาะฝึกปรือในโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนมาสักพักแว
“อาเฉวี่ยไน่ สภาพแวดล้อมบ่มเพาะที่นี่ต้องใช้คำว่าโคตรดีเลย…หากข้าได้บ่มเพาะพลังที่นี่ ข้าเชื่อว่าไม่ทันไรข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้ง่ายๆแน่!!”
“นั่นสิ! ข้าด้วย!!”
หลังต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่หายตกใจแล้ว แต่ละคนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โร่ไปหาที่ว่างแล้วนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้นและเริ่มบ่มเพาะพลังทันที ท่าทางรีบร้อนกลัวไม่ได้ฝึกของทั้งคู่ ทำให้คนอื่นๆที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจอาการของทั้งคู่ดี
เพราะตอที่ทุกคนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จะมากจะน้อยก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นๆในตำหนักเมฆาครามใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างข้างๆลี่เฟยเอ่ยยถาม
พอได้ยินคำถามดังกล่าว สีห้นาลี่เฟยก็มืดครึ้มลงทันที “ลูกแก้ววิญญาณในมือพวกเรา 3 คน ของคนที่สนิทๆที่ยังอยู่ดีก็มีแค่ลูกแก้ววิญญาณของท่านพ่อท่านแม่และพวกเด็กๆกับเทียนหวู่และลุงหวู่เต้าเท่านั้น…นอกจากนั้นยกเว้นของมู่อีอี ล้วนแตกไปหมดสิ้นแล้ว…”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด สองหมัดกำแน่นจนกระดูกลั่น ความเกลียดชังงในใจเสมือนถูกจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้ง “อวิ๋นชิงเหยียน…สักวันข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3412

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3412 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3,412 : พร้อมหน้าพร้อมตา
“เด็กดี เจ้าโตขนาดนี้แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนดึงร่างลูกชายมากอดพลางตบหลังเสียงดัง สองตาเขาเริ่มแดงรื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกผิดกับลูกชายคนนี้นัก เนื่องเพราะในอดีตนอกจากที่เคยอยู่กับอีกฝ่ายที่ตำหนักเมฆาครามเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปีแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูแลสอนสั่งอะไรอีกฝ่าย หรือได้อยู่เห็นอีกฝ่ายเติบโตเลย
ที่หาได้ยากก็คือ ลูกชายของเขาคนนี้เหมือนจะเข้าใจความจำเป็นของบิดาไม่เอาไหนเช่นเขา
“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว…ข้าหลงคิดว่าคงไม่ได้เจอท่านจนก่าท่านแม่จะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเสียอีก”
ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ความทรงจำในวัยเด็กในช่วงไม่กี่ปีนั้นยังชัดเจนในใจเสมอ บิดาของมันเป็นดั่งวีรบุรุษไร้ผู้ต้าน และมันก็ยึดถือบิดาผู้เก่งกล้าสามารถคนนี้เป็นแบบอย่างมาโดยตลอด เฝ้าฝันว่าสักวันจะแข็งแกร่งและแบกรับมรสุมนานานับประการได้เยี่ยงบิดา
“นั่นไม่จำเป็นอีกไป พ่ออยู่นี่แล้ว ทันทีที่พ่อรู้ว่าพวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลก พ่อก็เร่งตามหาทันที…วันหน้าครอบครัวของพวกเราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำนี้ สองตาก็ฉายชัดถึงความแน่วแน่ “เชื่อพ่อ วันหน้าพวกเราจะไม่ถูกจับแยกจากกันในลักษณะนี้อีก!”
“อ่า ข้าเชื่อท่านพ่อ!”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับแข็งขัน มันไม่เคยยสงสัยในคำพูดของบิดา ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่รู้ว่าด่านพลังฝึกปรือของบิดาถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม
มันแค่เชื่อฟังบิดาอย่างไร้เงื่อนไข
ทุกเรื่องราวตอนที่ยังอยู่ในระนาบเซียน ทุกวีรกรรมที่บิดามันสร้างไว้สะท้านแดนดิน มันได้ฟังคำสรรเสริญจากผู้คนมามากมายจึงงตระหนักได้แต่เล็กว่าบิดาของมันยอดเยี่ยมขนาดไหน จึงมุ่งหวังว่าสักวันจะยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นบิดา
“เอาล่ะ เจ้าไปหาปู่กับย่าเร็ว ยังมีอาเทียนหวู่กับน้องสาวเจ้า ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผละร่างต้วนเนี่ยนเทียนออกไปเบาๆ ตบบ่าอีกฝ่าพลางกล่าว
“อ่า”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินไปหาต้วนหรูเฟิงกับีล่หลัวก่อนจโค้งคารวะออกมาอย่างเรียบๆร้อยๆ “ท่านปู่ ท่านย่า”
“เนี่ยนเทียน เจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เนี่ยนเทียน…”
ลี่หลัวก็อดไม่ไหวสืบไป หยาดน้ำใส 2 สายไหลรินจากดวงตา หลานชายตัวน้อยจอมซนในวันวานที่ป่วนไปทั่วตำหนักเมฆาคราม โตเป็นหนุ่มแล้ว…
นางไม่ทราบจริงๆ ว่าตลอดหลายยปีที่ผ่านหานชานางกินอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตลำบากหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นางก็ตระหนักได้ว่าหลานชายเองก็คงผ่านวันเวลามาไม่ง่ายนัก
“เฉวี่ยไน่…”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ด้วยรอยยิ้ม ด้านหานเฉวี่ยไน่เองก็ก้าวอาดๆเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้น จากนั้นคล้ายนางงหวนกลับไปเป็นสาวน้อยซุกซนในวันวาน กระโดดเข้ากอดต้วนหลิงเทียนพลางร่ำไห้ออกมอย่างองแง “พี่หลิงเทียนอ่า…เฉวี่ยไน่คิดถึงพี่หลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นหานเฉวี่ยไน่ไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆของเขา ซึ่งหานเฉวี่ยไน่เองงก็เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งพี่ชายที่สามารถแบกฟ้าให้นางได้มาตลอด ยังคิดอยู่เสมอตอนเจอเรื่องลำบาก ว่าหากมีพี่หลิงเทียนอยู่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นางได้อยู่กับภรรยารวมถึงลูกชายของพี่หลิงเทียน ก็ทำให้นางไม่อาจหยุดคิดถึงงพี่ชายคนนี้ได้เลย
“ยาโถวโง่งม เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้งอแงอีก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา หลังงจากปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มหานเฉวี่ยไน่แล้ว ก็เอ่ถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้างเล่าตัวแสบ หลายปีทีผ่านมาเจ้าไปหลงชอบหนุ่มบ้านไหนบ้างหรือไม่ฦ”
“พี่ใหญ่หลิงเทียนอะ ท่านล้อข้าอีกแล้ว!”
เฉวี่ยไน่ที่น้ำตายังไหลไม่หยุด ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ข้าเคยบบอกไว้แต่แรกแล้วไง หากข้าไม่เจอผู้ชายยที่เก่งกว่าพี่หลิงเทียน ข้าจะไม่เหลียวแล”
ได้ยินคำพูดของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เฮ่อ…ถ้างั้นมีหวังเจ้าได้กลายเป็นป้าแก่ขึ้นคาน ไม่อาจได้แต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
“โห่ พี่หลิงเทียน! ท่านยังหลงตัวเองได้อีก!”
หานเฉวี่ยไน่เบ้ปาก ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยิ้มซุกซน “พี่หลิงเทียน ท่านจะมั่นหน้าไปรึเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ระนาบโลกะแต่เป็นระนาบเทวโลกนะ…ท่านคิดว่าในระนาบเทวโลกจขะไม่มีคนรุ่นเดียวกับพวกเราเทียบท่านได้เลยรึไง?”
“หึหึ เรื่องนี้น่ะ เดี๋ยวเวลามันจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยยักคิ้วกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่อย่างมั่นใจ
“ตัวเลวร้าย”
ตอนนี้เอง เสียงของลี่เฟยก็ดังขึ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันไปสนใจนางที่ถูกเจ้า 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินรายล้อมทันที
ลี่เฟยหลังจากสนทนากับทุกคนจนอิ่มใจแล้ว กึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปหาต้วนหลิงเทียนพลางทัก ก่อนจะหันไปมองทางสตรีในชุดสีขาวที่ยืนเงียบๆอย่างลำพังไกลๆ ค่อยเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่แนะนำนางหน่อยหรือ?”
ตั้งแต่ตอนที่เฟิ่งเทียนหวู่กับทุกคนออกมาจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ เองก็ออกมาด้วย
ลี่เฟยไหนเลยจะปล่อยให้ฮ่วนเอ๋ออยู่ลำพัง
พอเห็นลี่เฟยหันมามองด้วยสายตารู้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หน้าม้านไปด้วยความอาย
แต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อยืนมองเรื่องราวอยู่ข้างๆอย่างเงียบงัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยกอดกันด้วยความคิดถึงด้วยรอยยิ้ม นางรู้เรื่องพี่หลิงเทียนของนางดี ตอนนี้พอได้เห็นพี่หลิงเทียนมีความสุขนางก็บังเกิดความยินดีกับพี่หลิงเทียนจากใจ
และนางยังรู้ดีกว่าใครในที่นี้ ว่าตลอดระเวลาหลายปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนคิดถึงสตรีนาม ลี่เฟย ผู้นั้นมากมายขนาดไหน
“ฮ่วนเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆไปหาฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะกล่าวแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก “นี่คือ ลี่เฟย ภรราของข้าที่เล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ”
“ฮ่วนเอ๋อ คารวะพี่สาวเฟยเอ๋อ”
ฮ่วนเอ๋อคลี่ยิ้มสดใสทักทายลี่เฟย “พี่สาวฮ่วนเอ๋อ ตลอดสามร้อยปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนที่คิดถึงท่านมากมักกล่าวถึงท่านเสมอ…ได้พบพี่สาวเฟยเอ๋อวันนี้ ยังสวยกว่าที่พี่หลิงเทียนเคยบอกเสียอีก”
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ เจ้าปากหวานจริงๆ…เจ้าดีแบบนี้มิน่าล่ะตัวเลวร้ายถึงลักพาตัวเจ้าเข้าบ้าน…”
ลี่เฟยพยักหน้ากล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมามองลึกยังต้วนหลิงเทียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหราวๆร้อนๆขึ้นมาในฉับพลัน ยังรู้สึกเสมือนนั่งอยู่บนปลายเข็มนับร้อยพันเล่ม
“ตัวเลวร้าย”
ทันใดนั้นเอง ลี่เฟยก็กล่าวผ่านพลังกับต้วนหลิงเทียนว่า “เจ้าจะพบเจอสตรีอื่นใดกี่คนข้าไม่สน…แต่ไม่ว่าจะสตรีคนใดที่เจ้าไปอุ้มมาเพิ่ม นอกจากเทียนหวู่แล้ว เจ้าไม่อาจตบแต่งพวกนางเข้าบ้านจนกว่าจะช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อได้…”
น้ำเสียงผ่านพลังของลี่เฟยช่างดุดันเหลือเกิน และไม่เหลือช่องให้ต้วนหลิงเทียนต่อรองปฏิเสธแม้แต่น้อย “ถึงน้องหญิงเค่อเอ๋อจะไม่ว่าอะไร แต่ข้าไม่ยอม!”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…ในสายตาเจ้า ข้าต้วนหลิงเทียน เป็นคนเหลวไหลเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผลังตอบกลับด้วยรอยยิ้มแหยๆ “เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย ข้าจะไม่แต่งกับสตรีอื่นใด จนกว่าข้าจะช่วยเค่อเอ๋อได้…รวมถึงเทียนหวู่ด้วย”
“ตัวเลวร้าย เจ้าตัดสินใจเช่นนี้…ไม่ใจร้ายกับน้องเทียนหวู่ไปหน่อยหรือไร?”
ลี่เฟยขมวดคิ้วเป็นปมหลวม
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ข้าคุยเรื่องนี้กับเทียนหวู่แล้ว นางเข้าใจข้า…และนางเองก็คิดว่าสมควรทำเช่นนั้นด้วย”
ต้วหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงอ่อน
“เฮ่อ ไฉนเทียนหวู่ถึงได้…ใจดีนักนะ”
ลี่เฟยถอนหายใจ
เดิมทีต้วนหลิงเทียนคิดว่า ลี่เฟยที่ค่อนข้างเข้มงวดและมีความเป็นเจ้าของสูง คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆกว่าจะเปิดใจยอมรับฮ่วนเอ๋อได้ และด้วยนิสัยดุร้ายปานแม่เสือสาวของลี่เฟย ต่อให้ไว้หน้าเขา แต่ก็คงลำบากไม่น้อยหากจะให้นางเข้าหน้าฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเรื่องราวกลับเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ลี่เฟยสามารถเข้ากับฮ่วนเอ๋อและเปิดรับนางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรยังเรียกหากันอย่างสนิทสนมว่า น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีบ้านแตก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…รอดไปที!
“พี่หลิงเทียน นี่คือพี่สะใภ้คนใหม่ของข้ารึเปล่า?”
ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ก็ก้าวอาดๆเข้ามาเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย น้ำเสียงฟังดูซุกซนนัก “อั้ยหยา พี่หลิงเทียน พี่สะใภ้คนนี้ช่างงดงามเหนือคำบรรยาจริงๆ! เกิดมาข้าไม่เคเจอใครสวยเท่าพี่สะใภ้คนนี้มาก่อนเลย นี่ท่านไปอุ้มลูกสาวบ้านใดมาเนี่ย?!”
เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ได้ทีก็แซวเขาใหญ่ ต้วนหลิงเทียนได้แต่หันไปมองค้อน “อุ้มเอิ้มอะไรของเจ้ากัน? อย่าได้เอาอย่างพี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้าให้มากนัก!”
ครอบครัวได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหลังผ่านไปนานปี เป็นธรรมดาว่ามีเรื่องให้พูดคุยมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่อาจกล่าวออกรวดเดียว จำต้องใช้เวลา
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ว่าแต่ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนกันได้ล่ะ? แถมข้าได้ยินเทียนหวู่บอกว่า เจ้ากลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของศิษย์ที่แท้จริงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้ข้าต้องเล่าตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกส่งไปยังระนาบโลกียะที่เรียกว่าระนาบหนามม่วง…ตอนี้ข้าคงได้แต่เล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟัง เอาไว้หลังไปเจออาจารย์ข้าก่อน ค่อยเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงที่อยู่ในระนาบหนามม่วง และไฉนหลายปีที่ผ่านถึงได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนออกมาสั้นๆ
“ตอนนั้นข้าก็คิดไม่ถึง ว่าเนี่ยนเอ๋อกับเฉวี่ยไน่ก็ถูกส่งมาที่ระนาบหนามม่วงด้วย”
“ต่อมาพวกเราก็ขึ้นมายังระนาบเทวโลกฝูโหย่วเทียน รวมถึงเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนโดยตรง”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีคร่าวๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจต้นตอความเป็นมาโดยสังเขป
“ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีไม่น้อย ที่ได้รับวาสนาดังกล่าว”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าภรรยาเขาเองก็มีโชคไม่น้อย
“พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอบคุณพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ…หาไม่แล้วคงยากที่ข้าจะมีวันนี้ได้”
ลี่เฟยคลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “อย่างไรก็ตาม หากเลือกได้ ข้าอยากเลือกให้พวกเราทุกคนไม่มีส่วนเกี่ว้ของกับระนาบเทพและอยู่กันอย่างมีความสุขที่ระนาบเซียนมากกว่า”
“หากพวกเราได้อยู่กันอย่างไร้กังวลที่ระนาบเซียน…ไม่ทราบจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน”
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ สองตาลี่เฟยก็ฉายความโหยหาไม่น้อย
“ถึงจะเป็นระนาบเทวโลก พวกเราก็มีวันดีๆเช่นนั้นได้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอย่างจริงจัง สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาอยากดั้นด้นไประนาบเทพ ก็เพียงเพราะช่วยเค่อเอ๋อกลับมาเท่านั้น
“นี่ก็นานมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ…ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์ข้า”
ภายยใต้การนำของลี่เฟย ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ติดตามลี่เฟยกลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ส่วนคนอื่นๆไม่ว่าจะต้วนเนี่ยนเทียนหรือหานเฉวี่ยไน่ ก็เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
แน่นอนว่าโฉมสคราญในชุดจัดเต็มปานองค์หญิงแคว้นใหญ่ ก็ยังคงเหินร่างตามลี่เฟยมาอย่างเงียบงัน
“ให้ตายเถอะ…ที่นี่คือโลกใบเล็กภายในกายท่านพ่อหรือ!?”
พอต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ตกตะลึงจนหาคำพูดไม่เจอ เพราะทั้งคู่พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในนี้ มันมีคุณภาพไม่ต่างอะไรจากระนาบเทพเลย แถมยังหนาแน่นยิ่งกว่าสถานที่ๆเคยถูกจับไปขังหลายสิบเท่าอีก!!
เหตุผลเดียวที่ทำให้ทุกคนมีศักยภาพและพรสวรรค์อย่างวันนี้ ก็เพราะผ่านการขัดเกลาชำระโดยพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ
ไฉนที่ชาวระนาบเทพพื้นเมืองถึงมีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงล้ำ ทั้งหมดก็เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพนี้เอง
ก่อนจะคลอดออกจากครรภ์มารดาหรือยังเป็นชาวมรรตัย ไม่บรรลุถึงเซียนอมตะ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมอันมีพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพ พลังวิญญาณฟ้าดินของงระนาบเทพก็จะทำการชำระขัดเกลาให้สภาพร่างกายเหมาะสมกับระนาบเทพโดยอัตโนมัติ
“บ้าไปแล้ว ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่…ทำไมเหมือนกับในระนาบเทพเลยล่ะ แถมยังหนาแน่นกว่าที่ๆพวกเราเคยอยู่จมหูเลย!!”
หานเฉวี่ยไน่ตะลึงไปเนิ่นนาน ก็ยังไม่ฟื้นสติ
สำหรับคนอื่นๆนั้น ได้ผ่านจุดประหลาดใจมานาน เพราะทุกคนได้ใช้เวลาบบ่มเพาะฝึกปรือในโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนมาสักพักแว
“อาเฉวี่ยไน่ สภาพแวดล้อมบ่มเพาะที่นี่ต้องใช้คำว่าโคตรดีเลย…หากข้าได้บ่มเพาะพลังที่นี่ ข้าเชื่อว่าไม่ทันไรข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้ง่ายๆแน่!!”
“นั่นสิ! ข้าด้วย!!”
หลังต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่หายตกใจแล้ว แต่ละคนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โร่ไปหาที่ว่างแล้วนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้นและเริ่มบ่มเพาะพลังทันที ท่าทางรีบร้อนกลัวไม่ได้ฝึกของทั้งคู่ ทำให้คนอื่นๆที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจอาการของทั้งคู่ดี
เพราะตอที่ทุกคนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จะมากจะน้อยก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นๆในตำหนักเมฆาครามใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างข้างๆลี่เฟยเอ่ยยถาม
พอได้ยินคำถามดังกล่าว สีห้นาลี่เฟยก็มืดครึ้มลงทันที “ลูกแก้ววิญญาณในมือพวกเรา 3 คน ของคนที่สนิทๆที่ยังอยู่ดีก็มีแค่ลูกแก้ววิญญาณของท่านพ่อท่านแม่และพวกเด็กๆกับเทียนหวู่และลุงหวู่เต้าเท่านั้น…นอกจากนั้นยกเว้นของมู่อีอี ล้วนแตกไปหมดสิ้นแล้ว…”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด สองหมัดกำแน่นจนกระดูกลั่น ความเกลียดชังงในใจเสมือนถูกจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้ง “อวิ๋นชิงเหยียน…สักวันข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!”

ตอนที่ 3,412 : พร้อมหน้าพร้อมตา
“เด็กดี เจ้าโตขนาดนี้แล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนดึงร่างลูกชายมากอดพลางตบหลังเสียงดัง สองตาเขาเริ่มแดงรื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกผิดกับลูกชายคนนี้นัก เนื่องเพราะในอดีตนอกจากที่เคยอยู่กับอีกฝ่ายที่ตำหนักเมฆาครามเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่ปีแล้ว เขาก็ไม่ได้ดูแลสอนสั่งอะไรอีกฝ่าย หรือได้อยู่เห็นอีกฝ่ายเติบโตเลย
ที่หาได้ยากก็คือ ลูกชายของเขาคนนี้เหมือนจะเข้าใจความจำเป็นของบิดาไม่เอาไหนเช่นเขา
“ท่านพ่อ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านแล้ว…ข้าหลงคิดว่าคงไม่ได้เจอท่านจนก่าท่านแม่จะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะเสียอีก”
ต้วนเนี่ยนเทียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น ความทรงจำในวัยเด็กในช่วงไม่กี่ปีนั้นยังชัดเจนในใจเสมอ บิดาของมันเป็นดั่งวีรบุรุษไร้ผู้ต้าน และมันก็ยึดถือบิดาผู้เก่งกล้าสามารถคนนี้เป็นแบบอย่างมาโดยตลอด เฝ้าฝันว่าสักวันจะแข็งแกร่งและแบกรับมรสุมนานานับประการได้เยี่ยงบิดา
“นั่นไม่จำเป็นอีกไป พ่ออยู่นี่แล้ว ทันทีที่พ่อรู้ว่าพวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลก พ่อก็เร่งตามหาทันที…วันหน้าครอบครัวของพวกเราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก”
ขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำนี้ สองตาก็ฉายชัดถึงความแน่วแน่ “เชื่อพ่อ วันหน้าพวกเราจะไม่ถูกจับแยกจากกันในลักษณะนี้อีก!”
“อ่า ข้าเชื่อท่านพ่อ!”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับแข็งขัน มันไม่เคยยสงสัยในคำพูดของบิดา ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่รู้ว่าด่านพลังฝึกปรือของบิดาถึงขั้นไหนแล้วก็ตาม
มันแค่เชื่อฟังบิดาอย่างไร้เงื่อนไข
ทุกเรื่องราวตอนที่ยังอยู่ในระนาบเซียน ทุกวีรกรรมที่บิดามันสร้างไว้สะท้านแดนดิน มันได้ฟังคำสรรเสริญจากผู้คนมามากมายจึงงตระหนักได้แต่เล็กว่าบิดาของมันยอดเยี่ยมขนาดไหน จึงมุ่งหวังว่าสักวันจะยิ่งใหญ่ได้เฉกเช่นบิดา
“เอาล่ะ เจ้าไปหาปู่กับย่าเร็ว ยังมีอาเทียนหวู่กับน้องสาวเจ้า ก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆผละร่างต้วนเนี่ยนเทียนออกไปเบาๆ ตบบ่าอีกฝ่าพลางกล่าว
“อ่า”
ต้วนเนี่ยนเทียนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็เดินไปหาต้วนหรูเฟิงกับีล่หลัวก่อนจโค้งคารวะออกมาอย่างเรียบๆร้อยๆ “ท่านปู่ ท่านย่า”
“เนี่ยนเทียน เจ้าโตขนาดนี้แล้วหรือ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เนี่ยนเทียน…”
ลี่หลัวก็อดไม่ไหวสืบไป หยาดน้ำใส 2 สายไหลรินจากดวงตา หลานชายตัวน้อยจอมซนในวันวานที่ป่วนไปทั่วตำหนักเมฆาคราม โตเป็นหนุ่มแล้ว…
นางไม่ทราบจริงๆ ว่าตลอดหลายยปีที่ผ่านหานชานางกินอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตลำบากหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงประสบการณ์ของตัวเองกับทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นางก็ตระหนักได้ว่าหลานชายเองก็คงผ่านวันเวลามาไม่ง่ายนัก
“เฉวี่ยไน่…”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ด้วยรอยยิ้ม ด้านหานเฉวี่ยไน่เองก็ก้าวอาดๆเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้น จากนั้นคล้ายนางงหวนกลับไปเป็นสาวน้อยซุกซนในวันวาน กระโดดเข้ากอดต้วนหลิงเทียนพลางร่ำไห้ออกมอย่างองแง “พี่หลิงเทียนอ่า…เฉวี่ยไน่คิดถึงพี่หลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นหานเฉวี่ยไน่ไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆของเขา ซึ่งหานเฉวี่ยไน่เองงก็เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งพี่ชายที่สามารถแบกฟ้าให้นางได้มาตลอด ยังคิดอยู่เสมอตอนเจอเรื่องลำบาก ว่าหากมีพี่หลิงเทียนอยู่ทุกอย่างต้องเรียบร้อยแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นางได้อยู่กับภรรยารวมถึงลูกชายของพี่หลิงเทียน ก็ทำให้นางไม่อาจหยุดคิดถึงงพี่ชายคนนี้ได้เลย
“ยาโถวโง่งม เจ้าโตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้งอแงอีก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา หลังงจากปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มหานเฉวี่ยไน่แล้ว ก็เอ่ถามนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอย่างไรบ้างเล่าตัวแสบ หลายปีทีผ่านมาเจ้าไปหลงชอบหนุ่มบ้านไหนบ้างหรือไม่ฦ”
“พี่ใหญ่หลิงเทียนอะ ท่านล้อข้าอีกแล้ว!”
เฉวี่ยไน่ที่น้ำตายังไหลไม่หยุด ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ข้าเคยบบอกไว้แต่แรกแล้วไง หากข้าไม่เจอผู้ชายยที่เก่งกว่าพี่หลิงเทียน ข้าจะไม่เหลียวแล”
ได้ยินคำพูดของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมาพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “เฮ่อ…ถ้างั้นมีหวังเจ้าได้กลายเป็นป้าแก่ขึ้นคาน ไม่อาจได้แต่งงานกับผู้ใดตลอดชีวิตแล้วล่ะ”
“โห่ พี่หลิงเทียน! ท่านยังหลงตัวเองได้อีก!”
หานเฉวี่ยไน่เบ้ปาก ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยิ้มซุกซน “พี่หลิงเทียน ท่านจะมั่นหน้าไปรึเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ระนาบโลกะแต่เป็นระนาบเทวโลกนะ…ท่านคิดว่าในระนาบเทวโลกจขะไม่มีคนรุ่นเดียวกับพวกเราเทียบท่านได้เลยรึไง?”
“หึหึ เรื่องนี้น่ะ เดี๋ยวเวลามันจะพิสูจน์ทุกอย่างเอง…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยยักคิ้วกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่อย่างมั่นใจ
“ตัวเลวร้าย”
ตอนนี้เอง เสียงของลี่เฟยก็ดังขึ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันไปสนใจนางที่ถูกเจ้า 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินรายล้อมทันที
ลี่เฟยหลังจากสนทนากับทุกคนจนอิ่มใจแล้ว กึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปหาต้วนหลิงเทียนพลางทัก ก่อนจะหันไปมองทางสตรีในชุดสีขาวที่ยืนเงียบๆอย่างลำพังไกลๆ ค่อยเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่แนะนำนางหน่อยหรือ?”
ตั้งแต่ตอนที่เฟิ่งเทียนหวู่กับทุกคนออกมาจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ เองก็ออกมาด้วย
ลี่เฟยไหนเลยจะปล่อยให้ฮ่วนเอ๋ออยู่ลำพัง
พอเห็นลี่เฟยหันมามองด้วยสายตารู้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หน้าม้านไปด้วยความอาย
แต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อยืนมองเรื่องราวอยู่ข้างๆอย่างเงียบงัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟยกอดกันด้วยความคิดถึงด้วยรอยยิ้ม นางรู้เรื่องพี่หลิงเทียนของนางดี ตอนนี้พอได้เห็นพี่หลิงเทียนมีความสุขนางก็บังเกิดความยินดีกับพี่หลิงเทียนจากใจ
และนางยังรู้ดีกว่าใครในที่นี้ ว่าตลอดระเวลาหลายปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนคิดถึงสตรีนาม ลี่เฟย ผู้นั้นมากมายขนาดไหน
“ฮ่วนเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนก้าวอาดๆไปหาฮ่วนเอ๋อ ก่อนจะกล่าวแนะนำให้ฮ่วนเอ๋อรู้จัก “นี่คือ ลี่เฟย ภรราของข้าที่เล่าให้เจ้าฟังบ่อยๆ”
“ฮ่วนเอ๋อ คารวะพี่สาวเฟยเอ๋อ”
ฮ่วนเอ๋อคลี่ยิ้มสดใสทักทายลี่เฟย “พี่สาวฮ่วนเอ๋อ ตลอดสามร้อยปีที่ผ่าน พี่หลิงเทียนที่คิดถึงท่านมากมักกล่าวถึงท่านเสมอ…ได้พบพี่สาวเฟยเอ๋อวันนี้ ยังสวยกว่าที่พี่หลิงเทียนเคยบอกเสียอีก”
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ เจ้าปากหวานจริงๆ…เจ้าดีแบบนี้มิน่าล่ะตัวเลวร้ายถึงลักพาตัวเจ้าเข้าบ้าน…”
ลี่เฟยพยักหน้ากล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันมามองลึกยังต้วนหลิงเทียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหราวๆร้อนๆขึ้นมาในฉับพลัน ยังรู้สึกเสมือนนั่งอยู่บนปลายเข็มนับร้อยพันเล่ม
“ตัวเลวร้าย”
ทันใดนั้นเอง ลี่เฟยก็กล่าวผ่านพลังกับต้วนหลิงเทียนว่า “เจ้าจะพบเจอสตรีอื่นใดกี่คนข้าไม่สน…แต่ไม่ว่าจะสตรีคนใดที่เจ้าไปอุ้มมาเพิ่ม นอกจากเทียนหวู่แล้ว เจ้าไม่อาจตบแต่งพวกนางเข้าบ้านจนกว่าจะช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อได้…”
น้ำเสียงผ่านพลังของลี่เฟยช่างดุดันเหลือเกิน และไม่เหลือช่องให้ต้วนหลิงเทียนต่อรองปฏิเสธแม้แต่น้อย “ถึงน้องหญิงเค่อเอ๋อจะไม่ว่าอะไร แต่ข้าไม่ยอม!”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…ในสายตาเจ้า ข้าต้วนหลิงเทียน เป็นคนเหลวไหลเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผลังตอบกลับด้วยรอยยิ้มแหยๆ “เจ้าอย่าได้ห่วงไปเลย ข้าจะไม่แต่งกับสตรีอื่นใด จนกว่าข้าจะช่วยเค่อเอ๋อได้…รวมถึงเทียนหวู่ด้วย”
“ตัวเลวร้าย เจ้าตัดสินใจเช่นนี้…ไม่ใจร้ายกับน้องเทียนหวู่ไปหน่อยหรือไร?”
ลี่เฟยขมวดคิ้วเป็นปมหลวม
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ข้าคุยเรื่องนี้กับเทียนหวู่แล้ว นางเข้าใจข้า…และนางเองก็คิดว่าสมควรทำเช่นนั้นด้วย”
ต้วหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงอ่อน
“เฮ่อ ไฉนเทียนหวู่ถึงได้…ใจดีนักนะ”
ลี่เฟยถอนหายใจ
เดิมทีต้วนหลิงเทียนคิดว่า ลี่เฟยที่ค่อนข้างเข้มงวดและมีความเป็นเจ้าของสูง คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆกว่าจะเปิดใจยอมรับฮ่วนเอ๋อได้ และด้วยนิสัยดุร้ายปานแม่เสือสาวของลี่เฟย ต่อให้ไว้หน้าเขา แต่ก็คงลำบากไม่น้อยหากจะให้นางเข้าหน้าฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเรื่องราวกลับเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ลี่เฟยสามารถเข้ากับฮ่วนเอ๋อและเปิดรับนางได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรยังเรียกหากันอย่างสนิทสนมว่า น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีบ้านแตก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…รอดไปที!
“พี่หลิงเทียน นี่คือพี่สะใภ้คนใหม่ของข้ารึเปล่า?”
ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ก็ก้าวอาดๆเข้ามาเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย น้ำเสียงฟังดูซุกซนนัก “อั้ยหยา พี่หลิงเทียน พี่สะใภ้คนนี้ช่างงดงามเหนือคำบรรยาจริงๆ! เกิดมาข้าไม่เคเจอใครสวยเท่าพี่สะใภ้คนนี้มาก่อนเลย นี่ท่านไปอุ้มลูกสาวบ้านใดมาเนี่ย?!”
เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ได้ทีก็แซวเขาใหญ่ ต้วนหลิงเทียนได้แต่หันไปมองค้อน “อุ้มเอิ้มอะไรของเจ้ากัน? อย่าได้เอาอย่างพี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้าให้มากนัก!”
ครอบครัวได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหลังผ่านไปนานปี เป็นธรรมดาว่ามีเรื่องให้พูดคุยมากมาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดไม่อาจกล่าวออกรวดเดียว จำต้องใช้เวลา
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ว่าแต่ไฉนพวกเจ้าถึงมาอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนกันได้ล่ะ? แถมข้าได้ยินเทียนหวู่บอกว่า เจ้ากลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของศิษย์ที่แท้จริงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนงั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้ข้าต้องเล่าตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกส่งไปยังระนาบโลกียะที่เรียกว่าระนาบหนามม่วง…ตอนี้ข้าคงได้แต่เล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟัง เอาไว้หลังไปเจออาจารย์ข้าก่อน ค่อยเล่าให้ฟังอย่างละเอียด”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงที่อยู่ในระนาบหนามม่วง และไฉนหลายปีที่ผ่านถึงได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนออกมาสั้นๆ
“ตอนนั้นข้าก็คิดไม่ถึง ว่าเนี่ยนเอ๋อกับเฉวี่ยไน่ก็ถูกส่งมาที่ระนาบหนามม่วงด้วย”
“ต่อมาพวกเราก็ขึ้นมายังระนาบเทวโลกฝูโหย่วเทียน รวมถึงเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนโดยตรง”
ลี่เฟยเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาในช่วงไม่กี่ร้อยปีคร่าวๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจต้นตอความเป็นมาโดยสังเขป
“ดูเหมือนเจ้าจะโชคดีไม่น้อย ที่ได้รับวาสนาดังกล่าว”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าภรรยาเขาเองก็มีโชคไม่น้อย
“พูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องขอบคุณพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ…หาไม่แล้วคงยากที่ข้าจะมีวันนี้ได้”
ลี่เฟยคลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “อย่างไรก็ตาม หากเลือกได้ ข้าอยากเลือกให้พวกเราทุกคนไม่มีส่วนเกี่ว้ของกับระนาบเทพและอยู่กันอย่างมีความสุขที่ระนาบเซียนมากกว่า”
“หากพวกเราได้อยู่กันอย่างไร้กังวลที่ระนาบเซียน…ไม่ทราบจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน”
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ สองตาลี่เฟยก็ฉายความโหยหาไม่น้อย
“ถึงจะเป็นระนาบเทวโลก พวกเราก็มีวันดีๆเช่นนั้นได้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอย่างจริงจัง สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาอยากดั้นด้นไประนาบเทพ ก็เพียงเพราะช่วยเค่อเอ๋อกลับมาเท่านั้น
“นี่ก็นานมากแล้ว พวกเราไปกันเถอะ…ข้าจะพาเจ้าไปพบอาจารย์ข้า”
ภายยใต้การนำของลี่เฟย ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ติดตามลี่เฟยกลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ส่วนคนอื่นๆไม่ว่าจะต้วนเนี่ยนเทียนหรือหานเฉวี่ยไน่ ก็เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย
แน่นอนว่าโฉมสคราญในชุดจัดเต็มปานองค์หญิงแคว้นใหญ่ ก็ยังคงเหินร่างตามลี่เฟยมาอย่างเงียบงัน
“ให้ตายเถอะ…ที่นี่คือโลกใบเล็กภายในกายท่านพ่อหรือ!?”
พอต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้เข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ก็ตกตะลึงจนหาคำพูดไม่เจอ เพราะทั้งคู่พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในนี้ มันมีคุณภาพไม่ต่างอะไรจากระนาบเทพเลย แถมยังหนาแน่นยิ่งกว่าสถานที่ๆเคยถูกจับไปขังหลายสิบเท่าอีก!!
เหตุผลเดียวที่ทำให้ทุกคนมีศักยภาพและพรสวรรค์อย่างวันนี้ ก็เพราะผ่านการขัดเกลาชำระโดยพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพ
ไฉนที่ชาวระนาบเทพพื้นเมืองถึงมีพรสวรรค์กับความเข้าใจสูงล้ำ ทั้งหมดก็เพราะพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพนี้เอง
ก่อนจะคลอดออกจากครรภ์มารดาหรือยังเป็นชาวมรรตัย ไม่บรรลุถึงเซียนอมตะ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมอันมีพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพ พลังวิญญาณฟ้าดินของงระนาบเทพก็จะทำการชำระขัดเกลาให้สภาพร่างกายเหมาะสมกับระนาบเทพโดยอัตโนมัติ
“บ้าไปแล้ว ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่…ทำไมเหมือนกับในระนาบเทพเลยล่ะ แถมยังหนาแน่นกว่าที่ๆพวกเราเคยอยู่จมหูเลย!!”
หานเฉวี่ยไน่ตะลึงไปเนิ่นนาน ก็ยังไม่ฟื้นสติ
สำหรับคนอื่นๆนั้น ได้ผ่านจุดประหลาดใจมานาน เพราะทุกคนได้ใช้เวลาบบ่มเพาะฝึกปรือในโลกใบเล็กภายในกายต้วนหลิงเทียนมาสักพักแว
“อาเฉวี่ยไน่ สภาพแวดล้อมบ่มเพาะที่นี่ต้องใช้คำว่าโคตรดีเลย…หากข้าได้บ่มเพาะพลังที่นี่ ข้าเชื่อว่าไม่ทันไรข้าก็ทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้ง่ายๆแน่!!”
“นั่นสิ! ข้าด้วย!!”
หลังต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่หายตกใจแล้ว แต่ละคนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โร่ไปหาที่ว่างแล้วนั่งจุ้มปุ๊กลงกับพื้นและเริ่มบ่มเพาะพลังทันที ท่าทางรีบร้อนกลัวไม่ได้ฝึกของทั้งคู่ ทำให้คนอื่นๆที่เห็นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
อย่างไรก็ตามทุกคนเข้าใจอาการของทั้งคู่ดี
เพราะตอที่ทุกคนเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรก จะมากจะน้อยก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของคนอื่นๆในตำหนักเมฆาครามใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างข้างๆลี่เฟยเอ่ยยถาม
พอได้ยินคำถามดังกล่าว สีห้นาลี่เฟยก็มืดครึ้มลงทันที “ลูกแก้ววิญญาณในมือพวกเรา 3 คน ของคนที่สนิทๆที่ยังอยู่ดีก็มีแค่ลูกแก้ววิญญาณของท่านพ่อท่านแม่และพวกเด็กๆกับเทียนหวู่และลุงหวู่เต้าเท่านั้น…นอกจากนั้นยกเว้นของมู่อีอี ล้วนแตกไปหมดสิ้นแล้ว…”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนมืดลงทันใด สองหมัดกำแน่นจนกระดูกลั่น ความเกลียดชังงในใจเสมือนถูกจุดชนวนขึ้นมาอีกครั้ง “อวิ๋นชิงเหยียน…สักวันข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+