War sovereign Soaring The Heavens 3463

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3463 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จะมาเมื่อใดก็มา”
ได้ยินคำพูดของยูไล ฟงชิงหยางก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีเกียจคร้าน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
“อาตมาขอลา”
ยูไลมองจ้องฟงชิงหยางเล็กน้อย ค่อยเอ่ยคำลาออกมา จากนั้นก็หันมาพักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนเบาๆ หันหลังแล้วก็เหินร่างจากไปทันที
อย่างไรก็ตามมันเหินร่างจากไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่งที่แผ่มาทางเขา ยังปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา ทำให้เขารู้สึกเสมือนตัวเองกลายเป็นเรือใบลำน้อยที่ลอยคอท่ามกลางมหาสมุทรคุ้มคลั่ง! สามารถอับปางลงได้ทุกเวลา ไร้ทิศทางไม่เห็นความหวังใดๆ!!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง บริเวณหว่างคิ้วเขา จิตเทพที่อาจารย์ประทับไว้ก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทันที ปรากฏกระบี่สีเทาหนึ่งผุดขึ้นจากหว่างคิ้ว จากนั้นก็แปรสภาพกลับกลายเป็นสำนึกกระบี่เทวะจำนวนมหาศาลแผ่ออกมาปกป้องเขาทันที
อย่างไรก็ตาม มันยังปรากฏช้าไปอยู่บ้าง
เพราะสำนึกเทวะที่แผ่มาปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน คล้ายมีดวงตางอกเงย จงใจหลีกหลบสำนึกกระบี่เทวะดังกล่าวแต่แรก ได้แทรกซึมชำแรกเข้ามาสำรวจสถานการณ์ภายในร่างของต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ ก่อนจะถอนรั้งคืนกลับเร็วไว ทว่าแม้จะเป็นการแผ่เข้ามาสำรวจร่างต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ แต่เรื่องที่จะบอกว่าเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายจริงหรือไม่ก็ทำได้ไม่ยาก!
“เป็นร่างเหยียนหวงจริงๆ!!”
เสียงยูไลดังก้องมาแต่ไกล แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา
การตรวจสอบอย่างกะทันหันของยูไล ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์นัก จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เองก็หน้าม้านไปไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ายูไลสหายของพวกมันจะหน้าด้านถึงขนาดนี้!
หรือลืมไปแล้วว่าอาจารย์ของต้วนหลิงเทียนก็คือ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และยังบรรลุถึงขอบเขตเทพเช่นกัน?
“หึ!”
แทบจะพร้อมกันกับที่อวี้ฮ่าวเทียนกับกงซุนซวนหยวนบังเกิดความละอายใจ ฟงชิงหยางก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นก็พลังวิญญาณสีเทาอันเข้มเข้นก็พุ่งยิงออกจากหว่างคิ้วอย่างเห็นได้ชัด พลังวิญญาณสีเทาดังกล่าวยังก่อลักษณ์เป็นกระบี่ พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ พริบตาก็สะบั้นทำลายสำนึกเทวะของยูไลที่เร่งงรุดถอนรั้งคืนกลับจนแหลกสลาย!
เวิง เวิง!!
หลังทำลายสำนึกเทวะของยูไลแล้ว กระบี่วิญญาณยังลอยค้างในอากาศด้วยพลานุภาพราวกับจะสะบั้นทำลายวิญญาณทั้งมวลในโลกหล้าให้แหลกสิ้น!
ทันใดนั้นเอง เสียงโอดครวญหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล เป็นเสียงของยูไลที่เร่งรุดจากไปก่อนหน้า! ฟังแล้วเห็นได้ชัดว่ามีโมโหไม่น้อย “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง อีกร้อยปีอาตมาจักไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของเจ้า!!”
ร้อยปี!
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ายูไลได้ลั่นคำไว้ก่อนจากไปหรือไง ว่าจะมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหลังจบศึกอัจฉริยะสวรรค์ 10 ปี?
ไฉนถึงเปลี่ยนเป็น 100 ปีแล้วล่ะ?
ฟืด! ฟืด!
ขณะเดียวกัน ด้านกงซุนซวนหยวนกับอวี้ฮ่าวเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
ลองยูไลเปลี่ยนใจแบบนี้ น่ากลัวว่ากระบี่วิญญาณของฟงชิงหยางเมื่อครู่ จะทำลายสำนึกเทวะไปไม่น้อย!
สำนึกเทวะเสียหาย วิญญาณย่อมบาดเจ็บ! และท่าทางจะบาดเจ็บหนักไม่ใช่เล่น!!
หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลื่อนเวลานัดหมายประลองจาก 10 เป็น 100 ปี!
“อีก 100 ปีหากเจ้ากล้าเสนอหน้ามาเหยียบวังข้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย”
ฟงชิงหยางก็เอ่ยตอบยูไลกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส สีหน้าไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
แต่รอบนี้ไร้เสียงตอบกลับจากยูไลที่จากไป
หลังจากที่ยูไลไปแล้ว ฟงชิงหยาง ก็หันไปมองลึกที่กงซุนซวนหยวน “จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน ท่านช่วยเล่าเรื่อง ‘ร่างเหยียน’ หวงที่พูดถึงก่อนหน้าได้หรือไม่?”
กงซุนซวนหยวนได้แค่คลี่ยิ้มขื่นขม มันย่อมเห็นถึงความไม่พอใจของฟงชิงหยางได้ชัดเจน “จักรพรรดิสวรรค์ฟง ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่ายูไลจะทำแบบนี้ หากข้ารู้แต่แรกข้าไม่มีทางปล่อยให้มันทำอะไรเช่นนี้แน่”
พอฟงชิงหยางได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน
ต่อมา กงซุนซวนหยวนก็ค่อยๆเล่า “สำหรับร่างเหยียนหวงนั้น เป็นดั่งร่างพิเศษของระนาบเหยียนหวงเรา…หลังจากที่พวกเราได้ค้นคว้าเรื่องร่างพิเศษในระนาบเทวโลกมานานปี ในที่สุดพวกเราก็บังเกิดความคิดบ้าๆหนึ่งขึ้น…”
“ในการค้นคว้าวิจัยเรื่องร่างพิเศษของระนาบเทวโลกต่างๆ พวกเราได้พบจุดร่วมเหมือนกันประการหนึ่ง จากนั้นเราก็ทำการวิจัยลงลึกถึงเรื่องนี้…สุดท้ายก็ค้นพบว่ามันเกิดจากการเพาะสร้างของยอดคนในอดีต”
“จากนั้นในที่สุดพวกเราก็คลำทางและหารูปแบบของมันได้บางส่วน…”
“หลังงจากพวกเราค้นคว้าวิจัยมาหลายปี พวกเราก็ย้อนกลับไปยังระนาบโลกะบ้านเกิดของพวกเรา…ระนาบเหยียนหวง หลังกลับไปยังดาวเหยียนหวงที่พวกเราจากมา พวกเราก็ได้จัดตั้งค่ายกลเพาะสร้าง ‘ร่างเหยียนหวง’ ขึ้น…อันที่จริงพวกเราก็ไม่มั่นใจนักว่าค่ายกลจะทำงานได้หรือไม่ เพราะพวกเราแค่แกะวิธีสร้างค่ายกลดังกล่าวมาจากร่องรอยที่พวกเราค้นพบ…”
“ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าหากเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นในดาวเหยียนหวง แล้วมันจะเป็นอย่างไร…”
“และหลังจากพวกเราเฝ้าดูผลการทดลองครั้งแรกอยู่นาน พวกเราก็ไม่พบว่าจะเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นบนดาวเหยียนหวง…จากนั้นพวกเราก็เลยลองเปลี่ยนค่ายกลดู ต่อมาหลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในที่สุดพวกเราก็สร้างร่างเหยียนหวงได้สำเร็จ! และร่างเหยียนหวงที่ถือกำเนิดขึ้นก็ทรงพลังเหนือกว่าคนธรรมดามาก ไม่เพียงแต่จะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเท่านั้น ความเข้าใจยังเหนือล้ำกว่าคนธรรมดามากมาย แต่ทว่าหลังจากบ่มเพาะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จแล้ว ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ด่านพลังฝึกปรือของทั้งหมดจะหยุดลงแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน…”
“ต่อมาพวกเราก็ลองให้วิญญาณ 2-3 ดวงมาสวมรอยสิงร่างโดยใช้ศพของร่างเหยียนหวงดู เผื่อจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง…ทว่ามิคาดหลังจากที่ยึดร่างเหยียนหวงและบ่มเพาะจนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้แล้ว…ทั้งหมดกลับตกตายในสระก่อเซียนอมตะหมดทั้งสิ้น”
“ไม่มีผู้ใดลงมือทำร้ายพวกมันแต่อย่างใด ราวกับพลังของสระกำเนิดเซียนอมตะไปทำปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับวิญญาณสวมร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น ทำให้ร่างเซียนอมตะเกิดการปฏิเสธดวงวิญญาณ สุดท้ายก็ระเบิดไปดื้อๆ…”
“ต่อมาภายหลัง พวกเราก็เลิกใช้วิธีสวมร่างและย้อนกลับไปใช้วิธีเลี้ยงดูร่างเหยียนหวงแทน…แต่ไม่ว่าพวกเราจะส่งเสริมมันในระนาบโลกียะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จกี่คนต่อก็คน ทั้งหมดก็จบลงแบบเดิม…ด่านพลังหยุดอยู่แค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน”
กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น มีศักยภาพพรสวรรค์สูงมาก ทั้งยังมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเหมือนกันหมด…อย่างไรก็ตามหากไม่ตกตายในสระกำเนิดเซียนอมตะ ด่านพลังก็หยุดชะงักแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน แม้จะให้โอสถที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ทันที แต่พวกมันก็ไม่อาจทะลวงด่านพลังได้…”
“จากการวิเคราะห์ พวกเรารู้ว่าต้องมีความผิดปกติกับค่ายกลที่พวกเราสร้างขึ้น…เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นการทำซ้ำค่ายกลโบราณอันสลับซับซ้อน พวกเราเองก็จนปัญญาจะศึกษาให้แตกฉาน”
“หลังจากพยายามทุกทางแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในที่สุดพวกเราก็ตัดใจเรื่องร่างเหยียนหวง และเลิกสนใจอีกต่อไป”
“พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาเป็นพันปี…ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะได้มาพบเจอร่างเหยียนหวงที่นี่”
กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเร่าร้อนพลางกล่าว “ค่ายกลที่พวกเราสร้างก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด หาไม่แล้วพวกเราคงไม่อาจสร้างร่างเหยียนหวงได้หลายร่าง…อย่างไรก็ตามในการทดลองของพวกเรา พวกเราไม่เคยถอดวิญญาณของร่างเหยียนหวง และนำไปยึดร่างของผู้คนในระนาบโลกียะอื่นๆเลย…”
“บางทีอาจมีกรณีวิญญาณของร่างเหยียนหวงได้ย้ายไประนาบโลกียะอื่นหลังตายเช่นเจ้าเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะสุดท้ายวิญญาณของร่างเหยียนหวงก็แข็งแกร่งเหนือวิญญาณคนธรรมดามาก มันจะไปหาร่างสวมรอยตามสัญชาติญาณเอาตัวรอดเองก็ไม่แปลก แต่อย่างไรก็ตามในกรณีดังกล่าว ถ้าเจ้าตัวไม่บอกว่าวิญญาณข้ามระนาบโลกียะมาเหมือนเจ้า พวกเราก็คงไม่อาจรู้ได้”
“หรือไม่แน่คนที่บังเอิญเป็นเหมือนเจ้า แต่ดันตกตายกลางทางเสียก่อน ไม่ก็อาจจะขึ้นสวรรค์ไปยังระนาบเทวโลกอื่น หรือไม่แน่ก็อาจขึ้นมาระนาบอวี้หวงเทียนของพวกเราแล้ว…แต่ใครจะไปรู้ได้?”
กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนพลางยักไหล่
อย่างไรเสียจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เอง ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวิจัยค้นคว้าและสร้างร่างเหยียนหวง
ยูไลเองก็เช่นกัน
“วิญญาณข้ามระนาบโลกียะ…สัญชาติญาณเอาตัวรอด”
ต้วนหลิงเทียนพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความตกตะลึงในใจ ในอดีตเขาเองก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าไฉนวิญญาณของเขาถึงข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้? เขาเองก็เคยหาคำตอบแล้ว ทว่าไม่เคยพบเจอเลย
ตอนนี้พอมาฟังกงซุนซวนหยวนอธิบาย ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนได้พบคำตอบที่ตามหามานาน!
“แล้วค่ายกลสร้างร่างเหยียนหวงของพวกท่าน…เคยมีร่างเหยียนหวงที่ตกตายแล้ววิญญาณไปเข้าร่างคนอื่นเหมือนข้าไหม?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“ย่อมมี”
กงซุนซวนหยวนพยักหน้า “พวกเราเคยทดลองฆ่าร่างเหยียนหวงเองกับมือ เพราะในค่ายกลเหมือนจะมีส่วนที่ทำให้ดวงวิญญาณสามารถหาร่างที่เหมาะสมได้อยู่ จากนั้นจึงพบว่าวิญญาณของร่างเหยียนหวงที่พวกเราฆ่า มันได้ไปหาร่างอื่นเพื่อยึดครองเช่นกัน แต่เรื่องวิญญาณข้ามไปยังระนาบโลกียะอื่นจุดนี้พวกเราไม่มั่นใจ…”
“เรียกว่าสถานการณ์ของพวกมันแตกต่างกับเจ้าอย่างเห็นได้ชัด”
“บางทีเหตุผลที่วิญญาณของเจ้าสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้…อาจเกิดขึ้นเพราะพวกเราไม่อาจจัดตั้งค่ายกลที่สมบูรณ์ และมีบางจุดที่บกพร่องไป…”
กล่าวถึงจุดนี้กงงซุนซวนหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าม้านไปด้วยความละอายอยู่บ้าง
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออก
แบบนี้ไม่ได้หมายความว่า เหตุผลที่วิญญาณเขาสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดในการจัดตั้งค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงของพวกกงซุนซวนหยวนหรือไร?
“ด้วยเหตุนี้ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องวิญญาณเจ้าข้ามระนาบโลกียะมา ก็เลยทำให้พวกเรานึกถึงค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาทันที…หลังจากนั้นข้าก็ลองถามเจ้าดูว่าเจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายหรือไม่ ทั้งหมดเพื่อยืนยันว่าเจ้าใช่ร่างเหยียนหวงที่พวกเราเคยสร้างในอดีตหรือเปล่า…”
กงซุนซวนหยวนกล่าวสืบต่อ
มุมปากของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าสาเหตุในการได้ชีวิตที่ 2 ของเขา และการที่วิญญาณเขาข้ามไปยังระนาบเซียนได้ ทั้งหมดจะเกิดจาก ‘การทดลอง’ ของกงซุนซวนหยวนกับพวก ที่อยากเลียนแบบวิธีสร้างร่างพิเศษ…
“แต่เจ้านับว่าพบพานโชควาสนาในคราวเคราะห์ของแท้”
กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นร่างเหยียนหวง แม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณของร่างเหยียนหวง แต่ตราบใดที่เจ้าไม่หย่อนยานเจ้าย่อมบรรลุถึงขอบเขตเทพได้เต็ม 100 ส่วน…สำหรับเซียนอมตะปกติแล้ว ย่อมพบเจอประตูที่ยากข้ามผ่าน แต่สำหรับเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นเลย”
“ตราบใดที่เจ้าบ่มเพาะพลังถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และบ่มเพาะสั่งสมพลังต่อไป ขอเพียงเจ้าสั่งสมพลังได้มากพอ เจ้าก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้ในคราวเดียว!”
“เผลอๆเจ้าอาจจะบรรลุถึงขอบเขตเทพก่อนข้ากับฮ่าวเทียนเสียอีก”
ขณะกล่าวถึงงจุดนี้กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนอีกครั้ง และอวี้ฮ่าวเทียนเองก็กำลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาอยู่บ้าง
สำหรับถงถูศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 4 ของกงซุนซวนหยวนนั้น สองตาของมันแดงก่ำไปด้วยความอิจฉาริษยานานแล้ว!
ด้านอวี๋ตงฟางแม้สีหน้าท่าทีจะยังสงบ หากแต่ลึกลงไปในดวงตาก็ยากจะปิดซ่อนความตกใจได้
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก สองตากงซุนซวนหยวนฉายความกังวลเล็กน้อย ค่อยมองถามต้วนหลิงเทียน “ถึงแม้เจ้าจะเป็นร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น…แต่พวกเราก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรกับเจ้า”
“เพราะสุดท้ายแล้ว ที่เจ้ามีอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะเจ้าพึ่งพาตัวเองทั้งหมด…”
“ข้าแค่หวังว่า…วันหน้าหากมีเรื่องราวบางอย่างที่พวกเราอยากให้เจ้าช่วยเหลือ เจ้าจะให้พวกเรายืมมือสักครั้ง…”
หลังกงซุนซวนหยวนกล่าวจบคำ ความกังวลในแววตาก็ค่อยๆหายไป
“ย่อมได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ถึงแม้มองไปในระดับหนึ่งเขาอาจจะเป็นผลิตผลจากการทดลองของกงซุนซวนหยวนกับพวก แต่อย่างไรเสียเขาก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองจนตกตายไปแล้ว จุดนี้หากไม่ใช่เพราะการทดลองของพวกกงซุนซวนหยวนเขาก็คงไม่ได้รับโอกาสที่ 2…Aileen-novel
ด้วยเห็นแก่บุญคุณดังกล่าว เขาก็คิดจะทดแทนเป็นธรรมดา
เขา ต้วนหลิงเทียน ไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร
“ขอบคุณเจ้ามาก”
จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนผู้มีฐานะสูงส่ง กล่าวคำขอบคุณต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน จากนั้นก็อำลาต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางแล้วจากไป
ด้านจักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน ก็จากไปเช่นกัน
ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็เร่งรุดติดตามกงซุนซวนหยวนไปติดๆ และหลังจากมองส่งกงซุนซวนหยวนกับคนอื่นๆจากไปได้สักพัก มุมปากต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆอีกรอบ ‘คนพวกนี้ถือดีว่าตัวเองอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลก ถึงได้ทำการทดลองกับชีวิตผู้คนกันอย่างสบายใจเฉิบ…ชีวิตมนุษย์ไม่ต่างอะไรจากของเล่นในมือพวกมันจริงๆ’
ส่วนอีกด้าน
หลังจากติดตามอาจารย์มาสักพัก ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็แยกย้ายกลับไปบ้านพักของพวกมัน
และเมื่อทั้ง 2 จากไป จักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียนอวี้ฮ่าวเทียน ก็หันไปมองถามจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนกงซุนซวนหยวน “ซวนหยวน เรื่องที่เจ้าคิดจะขอให้เจ้าหนูนั่นช่วย…หรือเจ้ากลัวว่าลาหัวโล้นนั่นจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือเจ้าหนูนั่น?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3463

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3463 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จะมาเมื่อใดก็มา”
ได้ยินคำพูดของยูไล ฟงชิงหยางก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยท่าทีเกียจคร้าน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
“อาตมาขอลา”
ยูไลมองจ้องฟงชิงหยางเล็กน้อย ค่อยเอ่ยคำลาออกมา จากนั้นก็หันมาพักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนเบาๆ หันหลังแล้วก็เหินร่างจากไปทันที
อย่างไรก็ตามมันเหินร่างจากไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่งที่แผ่มาทางเขา ยังปกคลุมทั่วร่างเขาในพริบตา ทำให้เขารู้สึกเสมือนตัวเองกลายเป็นเรือใบลำน้อยที่ลอยคอท่ามกลางมหาสมุทรคุ้มคลั่ง! สามารถอับปางลงได้ทุกเวลา ไร้ทิศทางไม่เห็นความหวังใดๆ!!
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอย่างหนักหน่วง บริเวณหว่างคิ้วเขา จิตเทพที่อาจารย์ประทับไว้ก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาทันที ปรากฏกระบี่สีเทาหนึ่งผุดขึ้นจากหว่างคิ้ว จากนั้นก็แปรสภาพกลับกลายเป็นสำนึกกระบี่เทวะจำนวนมหาศาลแผ่ออกมาปกป้องเขาทันที
อย่างไรก็ตาม มันยังปรากฏช้าไปอยู่บ้าง
เพราะสำนึกเทวะที่แผ่มาปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน คล้ายมีดวงตางอกเงย จงใจหลีกหลบสำนึกกระบี่เทวะดังกล่าวแต่แรก ได้แทรกซึมชำแรกเข้ามาสำรวจสถานการณ์ภายในร่างของต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ ก่อนจะถอนรั้งคืนกลับเร็วไว ทว่าแม้จะเป็นการแผ่เข้ามาสำรวจร่างต้วนหลิงเทียนคร่าวๆ แต่เรื่องที่จะบอกว่าเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายจริงหรือไม่ก็ทำได้ไม่ยาก!
“เป็นร่างเหยียนหวงจริงๆ!!”
เสียงยูไลดังก้องมาแต่ไกล แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา
การตรวจสอบอย่างกะทันหันของยูไล ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์นัก จักรพรรดิสวรรค์แห่งซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เองก็หน้าม้านไปไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ายูไลสหายของพวกมันจะหน้าด้านถึงขนาดนี้!
หรือลืมไปแล้วว่าอาจารย์ของต้วนหลิงเทียนก็คือ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และยังบรรลุถึงขอบเขตเทพเช่นกัน?
“หึ!”
แทบจะพร้อมกันกับที่อวี้ฮ่าวเทียนกับกงซุนซวนหยวนบังเกิดความละอายใจ ฟงชิงหยางก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นก็พลังวิญญาณสีเทาอันเข้มเข้นก็พุ่งยิงออกจากหว่างคิ้วอย่างเห็นได้ชัด พลังวิญญาณสีเทาดังกล่าวยังก่อลักษณ์เป็นกระบี่ พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ พริบตาก็สะบั้นทำลายสำนึกเทวะของยูไลที่เร่งงรุดถอนรั้งคืนกลับจนแหลกสลาย!
เวิง เวิง!!
หลังทำลายสำนึกเทวะของยูไลแล้ว กระบี่วิญญาณยังลอยค้างในอากาศด้วยพลานุภาพราวกับจะสะบั้นทำลายวิญญาณทั้งมวลในโลกหล้าให้แหลกสิ้น!
ทันใดนั้นเอง เสียงโอดครวญหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล เป็นเสียงของยูไลที่เร่งรุดจากไปก่อนหน้า! ฟังแล้วเห็นได้ชัดว่ามีโมโหไม่น้อย “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง อีกร้อยปีอาตมาจักไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของเจ้า!!”
ร้อยปี!
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่ายูไลได้ลั่นคำไว้ก่อนจากไปหรือไง ว่าจะมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหลังจบศึกอัจฉริยะสวรรค์ 10 ปี?
ไฉนถึงเปลี่ยนเป็น 100 ปีแล้วล่ะ?
ฟืด! ฟืด!
ขณะเดียวกัน ด้านกงซุนซวนหยวนกับอวี้ฮ่าวเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
ลองยูไลเปลี่ยนใจแบบนี้ น่ากลัวว่ากระบี่วิญญาณของฟงชิงหยางเมื่อครู่ จะทำลายสำนึกเทวะไปไม่น้อย!
สำนึกเทวะเสียหาย วิญญาณย่อมบาดเจ็บ! และท่าทางจะบาดเจ็บหนักไม่ใช่เล่น!!
หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเลื่อนเวลานัดหมายประลองจาก 10 เป็น 100 ปี!
“อีก 100 ปีหากเจ้ากล้าเสนอหน้ามาเหยียบวังข้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย”
ฟงชิงหยางก็เอ่ยตอบยูไลกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส สีหน้าไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
แต่รอบนี้ไร้เสียงตอบกลับจากยูไลที่จากไป
หลังจากที่ยูไลไปแล้ว ฟงชิงหยาง ก็หันไปมองลึกที่กงซุนซวนหยวน “จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน ท่านช่วยเล่าเรื่อง ‘ร่างเหยียน’ หวงที่พูดถึงก่อนหน้าได้หรือไม่?”
กงซุนซวนหยวนได้แค่คลี่ยิ้มขื่นขม มันย่อมเห็นถึงความไม่พอใจของฟงชิงหยางได้ชัดเจน “จักรพรรดิสวรรค์ฟง ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่ายูไลจะทำแบบนี้ หากข้ารู้แต่แรกข้าไม่มีทางปล่อยให้มันทำอะไรเช่นนี้แน่”
พอฟงชิงหยางได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าก็ผ่อนคลายลงหลายส่วน
ต่อมา กงซุนซวนหยวนก็ค่อยๆเล่า “สำหรับร่างเหยียนหวงนั้น เป็นดั่งร่างพิเศษของระนาบเหยียนหวงเรา…หลังจากที่พวกเราได้ค้นคว้าเรื่องร่างพิเศษในระนาบเทวโลกมานานปี ในที่สุดพวกเราก็บังเกิดความคิดบ้าๆหนึ่งขึ้น…”
“ในการค้นคว้าวิจัยเรื่องร่างพิเศษของระนาบเทวโลกต่างๆ พวกเราได้พบจุดร่วมเหมือนกันประการหนึ่ง จากนั้นเราก็ทำการวิจัยลงลึกถึงเรื่องนี้…สุดท้ายก็ค้นพบว่ามันเกิดจากการเพาะสร้างของยอดคนในอดีต”
“จากนั้นในที่สุดพวกเราก็คลำทางและหารูปแบบของมันได้บางส่วน…”
“หลังงจากพวกเราค้นคว้าวิจัยมาหลายปี พวกเราก็ย้อนกลับไปยังระนาบโลกะบ้านเกิดของพวกเรา…ระนาบเหยียนหวง หลังกลับไปยังดาวเหยียนหวงที่พวกเราจากมา พวกเราก็ได้จัดตั้งค่ายกลเพาะสร้าง ‘ร่างเหยียนหวง’ ขึ้น…อันที่จริงพวกเราก็ไม่มั่นใจนักว่าค่ายกลจะทำงานได้หรือไม่ เพราะพวกเราแค่แกะวิธีสร้างค่ายกลดังกล่าวมาจากร่องรอยที่พวกเราค้นพบ…”
“ตอนแรกพวกเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าหากเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นในดาวเหยียนหวง แล้วมันจะเป็นอย่างไร…”
“และหลังจากพวกเราเฝ้าดูผลการทดลองครั้งแรกอยู่นาน พวกเราก็ไม่พบว่าจะเกิดร่างเหยียนหวงขึ้นบนดาวเหยียนหวง…จากนั้นพวกเราก็เลยลองเปลี่ยนค่ายกลดู ต่อมาหลังจากลองผิดลองถูกอยู่นาน ในที่สุดพวกเราก็สร้างร่างเหยียนหวงได้สำเร็จ! และร่างเหยียนหวงที่ถือกำเนิดขึ้นก็ทรงพลังเหนือกว่าคนธรรมดามาก ไม่เพียงแต่จะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเท่านั้น ความเข้าใจยังเหนือล้ำกว่าคนธรรมดามากมาย แต่ทว่าหลังจากบ่มเพาะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จแล้ว ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ด่านพลังฝึกปรือของทั้งหมดจะหยุดลงแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน…”
“ต่อมาพวกเราก็ลองให้วิญญาณ 2-3 ดวงมาสวมรอยสิงร่างโดยใช้ศพของร่างเหยียนหวงดู เผื่อจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง…ทว่ามิคาดหลังจากที่ยึดร่างเหยียนหวงและบ่มเพาะจนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้แล้ว…ทั้งหมดกลับตกตายในสระก่อเซียนอมตะหมดทั้งสิ้น”
“ไม่มีผู้ใดลงมือทำร้ายพวกมันแต่อย่างใด ราวกับพลังของสระกำเนิดเซียนอมตะไปทำปฏิกิริยาอะไรบางอย่างกับวิญญาณสวมร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น ทำให้ร่างเซียนอมตะเกิดการปฏิเสธดวงวิญญาณ สุดท้ายก็ระเบิดไปดื้อๆ…”
“ต่อมาภายหลัง พวกเราก็เลิกใช้วิธีสวมร่างและย้อนกลับไปใช้วิธีเลี้ยงดูร่างเหยียนหวงแทน…แต่ไม่ว่าพวกเราจะส่งเสริมมันในระนาบโลกียะจนขึ้นสวรรค์ได้สำเร็จกี่คนต่อก็คน ทั้งหมดก็จบลงแบบเดิม…ด่านพลังหยุดอยู่แค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน”
กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น มีศักยภาพพรสวรรค์สูงมาก ทั้งยังมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเหมือนกันหมด…อย่างไรก็ตามหากไม่ตกตายในสระกำเนิดเซียนอมตะ ด่านพลังก็หยุดชะงักแค่ขอบเขตต้าหลัวจินเซียน แม้จะให้โอสถที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะได้ทันที แต่พวกมันก็ไม่อาจทะลวงด่านพลังได้…”
“จากการวิเคราะห์ พวกเรารู้ว่าต้องมีความผิดปกติกับค่ายกลที่พวกเราสร้างขึ้น…เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นการทำซ้ำค่ายกลโบราณอันสลับซับซ้อน พวกเราเองก็จนปัญญาจะศึกษาให้แตกฉาน”
“หลังจากพยายามทุกทางแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในที่สุดพวกเราก็ตัดใจเรื่องร่างเหยียนหวง และเลิกสนใจอีกต่อไป”
“พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยมาเป็นพันปี…ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะได้มาพบเจอร่างเหยียนหวงที่นี่”
กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเร่าร้อนพลางกล่าว “ค่ายกลที่พวกเราสร้างก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด หาไม่แล้วพวกเราคงไม่อาจสร้างร่างเหยียนหวงได้หลายร่าง…อย่างไรก็ตามในการทดลองของพวกเรา พวกเราไม่เคยถอดวิญญาณของร่างเหยียนหวง และนำไปยึดร่างของผู้คนในระนาบโลกียะอื่นๆเลย…”
“บางทีอาจมีกรณีวิญญาณของร่างเหยียนหวงได้ย้ายไประนาบโลกียะอื่นหลังตายเช่นเจ้าเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะสุดท้ายวิญญาณของร่างเหยียนหวงก็แข็งแกร่งเหนือวิญญาณคนธรรมดามาก มันจะไปหาร่างสวมรอยตามสัญชาติญาณเอาตัวรอดเองก็ไม่แปลก แต่อย่างไรก็ตามในกรณีดังกล่าว ถ้าเจ้าตัวไม่บอกว่าวิญญาณข้ามระนาบโลกียะมาเหมือนเจ้า พวกเราก็คงไม่อาจรู้ได้”
“หรือไม่แน่คนที่บังเอิญเป็นเหมือนเจ้า แต่ดันตกตายกลางทางเสียก่อน ไม่ก็อาจจะขึ้นสวรรค์ไปยังระนาบเทวโลกอื่น หรือไม่แน่ก็อาจขึ้นมาระนาบอวี้หวงเทียนของพวกเราแล้ว…แต่ใครจะไปรู้ได้?”
กล่าวถึงจุดนี้ กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนพลางยักไหล่
อย่างไรเสียจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน เอง ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวิจัยค้นคว้าและสร้างร่างเหยียนหวง
ยูไลเองก็เช่นกัน
“วิญญาณข้ามระนาบโลกียะ…สัญชาติญาณเอาตัวรอด”
ต้วนหลิงเทียนพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความตกตะลึงในใจ ในอดีตเขาเองก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าไฉนวิญญาณของเขาถึงข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้? เขาเองก็เคยหาคำตอบแล้ว ทว่าไม่เคยพบเจอเลย
ตอนนี้พอมาฟังกงซุนซวนหยวนอธิบาย ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนได้พบคำตอบที่ตามหามานาน!
“แล้วค่ายกลสร้างร่างเหยียนหวงของพวกท่าน…เคยมีร่างเหยียนหวงที่ตกตายแล้ววิญญาณไปเข้าร่างคนอื่นเหมือนข้าไหม?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“ย่อมมี”
กงซุนซวนหยวนพยักหน้า “พวกเราเคยทดลองฆ่าร่างเหยียนหวงเองกับมือ เพราะในค่ายกลเหมือนจะมีส่วนที่ทำให้ดวงวิญญาณสามารถหาร่างที่เหมาะสมได้อยู่ จากนั้นจึงพบว่าวิญญาณของร่างเหยียนหวงที่พวกเราฆ่า มันได้ไปหาร่างอื่นเพื่อยึดครองเช่นกัน แต่เรื่องวิญญาณข้ามไปยังระนาบโลกียะอื่นจุดนี้พวกเราไม่มั่นใจ…”
“เรียกว่าสถานการณ์ของพวกมันแตกต่างกับเจ้าอย่างเห็นได้ชัด”
“บางทีเหตุผลที่วิญญาณของเจ้าสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้…อาจเกิดขึ้นเพราะพวกเราไม่อาจจัดตั้งค่ายกลที่สมบูรณ์ และมีบางจุดที่บกพร่องไป…”
กล่าวถึงจุดนี้กงงซุนซวนหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าม้านไปด้วยความละอายอยู่บ้าง
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออก
แบบนี้ไม่ได้หมายความว่า เหตุผลที่วิญญาณเขาสามารถข้ามไประนาบโลกียะอื่นได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดในการจัดตั้งค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงของพวกกงซุนซวนหยวนหรือไร?
“ด้วยเหตุนี้ตอนที่ข้าได้ยินเรื่องวิญญาณเจ้าข้ามระนาบโลกียะมา ก็เลยทำให้พวกเรานึกถึงค่ายกลเพาะสร้างร่างเหยียนหวงเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาทันที…หลังจากนั้นข้าก็ลองถามเจ้าดูว่าเจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายหรือไม่ ทั้งหมดเพื่อยืนยันว่าเจ้าใช่ร่างเหยียนหวงที่พวกเราเคยสร้างในอดีตหรือเปล่า…”
กงซุนซวนหยวนกล่าวสืบต่อ
มุมปากของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าสาเหตุในการได้ชีวิตที่ 2 ของเขา และการที่วิญญาณเขาข้ามไปยังระนาบเซียนได้ ทั้งหมดจะเกิดจาก ‘การทดลอง’ ของกงซุนซวนหยวนกับพวก ที่อยากเลียนแบบวิธีสร้างร่างพิเศษ…
“แต่เจ้านับว่าพบพานโชควาสนาในคราวเคราะห์ของแท้”
กงซุนซวนหยวนมองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นร่างเหยียนหวง แม้จะเป็นแค่ดวงวิญญาณของร่างเหยียนหวง แต่ตราบใดที่เจ้าไม่หย่อนยานเจ้าย่อมบรรลุถึงขอบเขตเทพได้เต็ม 100 ส่วน…สำหรับเซียนอมตะปกติแล้ว ย่อมพบเจอประตูที่ยากข้ามผ่าน แต่สำหรับเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นเลย”
“ตราบใดที่เจ้าบ่มเพาะพลังถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และบ่มเพาะสั่งสมพลังต่อไป ขอเพียงเจ้าสั่งสมพลังได้มากพอ เจ้าก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้ในคราวเดียว!”
“เผลอๆเจ้าอาจจะบรรลุถึงขอบเขตเทพก่อนข้ากับฮ่าวเทียนเสียอีก”
ขณะกล่าวถึงงจุดนี้กงซุนซวนหยวนก็หันไปมองอวี้ฮ่าวเทียนอีกครั้ง และอวี้ฮ่าวเทียนเองก็กำลังมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาอยู่บ้าง
สำหรับถงถูศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 4 ของกงซุนซวนหยวนนั้น สองตาของมันแดงก่ำไปด้วยความอิจฉาริษยานานแล้ว!
ด้านอวี๋ตงฟางแม้สีหน้าท่าทีจะยังสงบ หากแต่ลึกลงไปในดวงตาก็ยากจะปิดซ่อนความตกใจได้
“ต้วนหลิงเทียน”
ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก สองตากงซุนซวนหยวนฉายความกังวลเล็กน้อย ค่อยมองถามต้วนหลิงเทียน “ถึงแม้เจ้าจะเป็นร่างเหยียนหวงที่พวกเราสร้างขึ้น…แต่พวกเราก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรกับเจ้า”
“เพราะสุดท้ายแล้ว ที่เจ้ามีอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะเจ้าพึ่งพาตัวเองทั้งหมด…”
“ข้าแค่หวังว่า…วันหน้าหากมีเรื่องราวบางอย่างที่พวกเราอยากให้เจ้าช่วยเหลือ เจ้าจะให้พวกเรายืมมือสักครั้ง…”
หลังกงซุนซวนหยวนกล่าวจบคำ ความกังวลในแววตาก็ค่อยๆหายไป
“ย่อมได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ถึงแม้มองไปในระดับหนึ่งเขาอาจจะเป็นผลิตผลจากการทดลองของกงซุนซวนหยวนกับพวก แต่อย่างไรเสียเขาก็ได้ใช้ชีวิตของตัวเองจนตกตายไปแล้ว จุดนี้หากไม่ใช่เพราะการทดลองของพวกกงซุนซวนหยวนเขาก็คงไม่ได้รับโอกาสที่ 2…Aileen-novel
ด้วยเห็นแก่บุญคุณดังกล่าว เขาก็คิดจะทดแทนเป็นธรรมดา
เขา ต้วนหลิงเทียน ไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร
“ขอบคุณเจ้ามาก”
จักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนผู้มีฐานะสูงส่ง กล่าวคำขอบคุณต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน จากนั้นก็อำลาต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางแล้วจากไป
ด้านจักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียน อวี้ฮ่าวเทียน ก็จากไปเช่นกัน
ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็เร่งรุดติดตามกงซุนซวนหยวนไปติดๆ และหลังจากมองส่งกงซุนซวนหยวนกับคนอื่นๆจากไปได้สักพัก มุมปากต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆอีกรอบ ‘คนพวกนี้ถือดีว่าตัวเองอยู่ ณ จุดสูงสุดของระนาบเทวโลก ถึงได้ทำการทดลองกับชีวิตผู้คนกันอย่างสบายใจเฉิบ…ชีวิตมนุษย์ไม่ต่างอะไรจากของเล่นในมือพวกมันจริงๆ’
ส่วนอีกด้าน
หลังจากติดตามอาจารย์มาสักพัก ถงถูกับอวี๋ตงฟางก็แยกย้ายกลับไปบ้านพักของพวกมัน
และเมื่อทั้ง 2 จากไป จักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียนอวี้ฮ่าวเทียน ก็หันไปมองถามจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนกงซุนซวนหยวน “ซวนหยวน เรื่องที่เจ้าคิดจะขอให้เจ้าหนูนั่นช่วย…หรือเจ้ากลัวว่าลาหัวโล้นนั่นจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือเจ้าหนูนั่น?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+