War sovereign Soaring The Heavens 3482

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3482 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จตุรวิถีกลายเป็นสิ่งไร้ราคาขนาดนี้?
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ตอนนี้มันรู้สึกราวกับทุกสิ่งที่เคยรู้มาในอดีตได้ถูกพลิกคว่ำโดยสมบูรณ์
ต้องทราบด้วยว่า แม้กระทั่งตัวมันเอง หลังจากใช้สมบัติประจำตระกูลอวิ๋นที่เป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถูกฆ่าล้าง อันเป็นสมบัติที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจวิถีไร้สิ้นสุด ทว่าหลายร้อยปีผ่านไป ตัวมันก็พึ่งจะเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น!
เรียกได้ว่าระดับความเข้าใจของมัน ก็เท่ากับความเข้าใจในมรรคากระบี่มิติและวิถีควบคุมที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่…
แต่ต้องทราบด้วยว่า ตัวมันที่ใช้สมบัติก็แล้ว แต่ยังพึ่งเข้าใจ 1 ใน 4 จตุรวิถีได้แค่ขั้นตอนเบื้องต้น…กลับกันต้วนหลิงเทียนกลับบรรลุถึงความเข้าใจในระดับเดียวกับมันแต่เป็นถึง 2 วิถี!
‘ต้วนหลิงเทียน…ในแง่ความเข้าใจจตุรวิถี ความมั่นใจของข้าถูกเจ้าถล่มยับอีกแล้ว’
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มองต้วนหลิงเทียน จากระยะไกลแวววตาเริ่มฉายให้เห็นถึงความเร่าร้อนอยู่บ้าง ‘อย่างไรก็ตามสักวัวนข้าจะเหนือกว่าเจ้าทุกด้าน ข้าอย่างไรก็คือทายาทสายโลหิตหลักแห่งตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ! ข้าไม่มีทางแพ้พ่ายคนจากระนาบเทวโลกเด็ดขาด!!’
ในด้านความสำเร็จของจตุรวิถี หลิงเจวี๋ยอวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้มันตามหลังต้วนหลิงเทียนอยู่
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่าจะตัวมันเองหรือต้วนหลิงเทียน เส้นทางในจตุรวิถีก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น วันหน้ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้ก้าวเดิน และมันก็มีโอกาสอีกมากที่จะแซงต้วนหลิงเทียน
“วิถีควบคุม?”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนก็เคยได้ยินเรื่องจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน แต่พวกมันไม่รู้วว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญก็คือววิถีควบคุม
ตอนนี้หลังจากมีอัจฉริยะที่รู้เรื่องราวไม่กี่คนเริ่มแพร่กระจายข้อมูลออกมา ก็ทำให้พวกมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียกลับเข้าใจวิถีควบคุมอีกอย่าง นอกเหนือจากมรรคากระบี่มิติที่สำเร็จถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว
“จตุรวิถีในสวรรค์และโลก ขอแค่เข้าถึง 1 ในนั้น ก็เห็นว่าสักวันย่อมสามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้อย่างแน่นอน…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ที่บรรลุขอบเขตเทพได้ไม่พ้นเป็นเพราะมรรคากระบี่ทำลายล้าง”
“ในระนาบเทวโลก ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดาราบางคน ถูกพบว่าความเข้าใจในกฏยังไม่อาจสู้เทพสงคราม 8 ดาราได้ด้วยซ้ำ แต่ในแง่พลังต่อสู้กลับเหนือกว่ากันมาก…สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งนี้! เทพสงคราม 9 ดาราเหล่านั้นเข้าถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลกบางอย่าง!”
“การเชี่ยวชาญวิถีใดสักวิถีถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ยังไม่เพียงพอให้บรรลุถึงขอบเขตเทพได้ จำต้องบังเกิดความก้าวหน้ามากกว่านั้นถึงจะเป็นไปได้!”
“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ว่ามีอายุแค่ 600 ปีเศษหรือไร แต่กลับเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกแล้ว? ต่อให้จะเป็นแค่ความเข้าใจในขั้นตอนเบื้องต้น ตราบใดที่มันมีเวลา ขอแค่ไม่เกียจคร้านไม่ใช่ว่าความเข้าใจในวิถีก็ต้องเหนือขั้นตอนเบื้องต้นรึไง?”
“ว่ากันว่าผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ บางคนก็เข้าใจวิถีบ้างแล้ว…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ที่เห็นว่าเข้าใจวิถีกลืนกินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเรียบร้อย”

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายคนมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดา หรือต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ไร้ชื่อเสียง แต่ผู้อาวุโสหรืออาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือเร้นกาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ยืนอยู่แถวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งสิ้น
ตัวตนเช่นนั้น ถึงแม้จะยังเข้าไม่ถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก แต่ก็มีความเข้าใจในเรื่องราวของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกชัดเจน พวกมันย่อมสอนสั้งและเล่าเรื่องราวให้ลูกหลานไม่เว้นเหล่าศิษย์ได้รับทราบถึงการดำรงอยู่ของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วย
ทำให้มีอัจฉริยะแค่น้อยคน ที่ไม่รู้เรื่องราวของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ที่ได้รู้ ส่วนใหญ่แล้วก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ประหนึ่งข่าวลือที่ไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง…และนับว่าในรอบที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ พวกมันก็ได้เห็น 1 ใน 4 วิถีอย่างมรรคากระบี่เป็นครั้งแรก
เป็นธรรมดาว่าในตอนนั้นอัจฉริยะหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใชออกคือ 1 ในจตุรวิถีของสวรรค์และโลก และแม้อัจฉริยะ 2-3 คนจะเห็นเบาะบางอย่างแต่พวกมันก็ยังไม่มั่นใจ
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม เพื่อทำลายกระบวนท่าจู่โจมของโจวเส้าคุนได้อย่างง่ายดาย พวกมันจึงเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจ 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกแล้ว จึงสามารถควบคุมพื้นที่ของกฏมิติที่เข้าใจได้อย่างอัศจรรย์
เรียกว่าในอาณมบริเวณกินรัศมีโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้
นี่เป็นการเชี่ยวชาญวิถีควบคุมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น
เมื่อต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญวิถีควบคุมมากกว่านี้ พลังอำนาจรวมถึงรัศมีที่สามารถควบคุมได้ก็จะเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ
“ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกแล้ว…ในอดีตข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะปีศาจเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกเคยมีตัวตนเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“คำถามนั่นเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวที่ตอบได้…”
“จริง อย่างไรวิหารเฟิงฮ่าวก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก หากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในประวัติศาสตร์เคยมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาก่อนหรือไม่ ข้าเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวอย่างเดียว!”

ในบรรดาคนที่ซุบซิบคุยกัน ก็มีจักรพรรดิสวรรค์บางคนกล่าวถามคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รู้จัก แต่คำตอบของพวกมันก็ฟังดูคลุมเครือนัก
อย่างไรก็ตาม แม้คำตอบจะฟังดูคลุมเครือ แต่สิ่งนี้ก็เสมือนสะท้อนความในใจออกมา
ทั้งหมดเป็นเพราะฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้กำชับคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอาไว้แล้ว เช่นนั้นทุกคนจึงเลือกจะให้คำตอบแบบคลุมเครือออกมา
“ระนาบเทวโลกดำรงอยู่มาเนิ่นนานมากแล้ว…ตัวตนเช่นต้วนหลิงเทียนแม้จะหาได้ยาก แต่ก็สมควรปรากฏขึ้นมาก่อน”
จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล กล่าวตอบจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้ปากมันจะตอบออกไปแบบนั้น ทว่าสองตากลับมองข้ามระยะทางไปจับจ้องยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง…ลึกลงไปในแววตาของมัน บัดนี้สีสันแห่งความโลภยิ่งมายิ่งร้อนแรงปานเพลิงไฟ!
‘หากข้ายอมลงทุนครั้งใหญ่ อย่างใช้เคล็ดวิชาลับที่ข้าสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิต เพื่อกลืนกินจิตวิญญานของเจ้านั่นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า…เช่นนั้นข้าย่อมขโมยความทรงจำของมันทั้งหมดมาและเข้าใจทุกอย่างที่มันเข้าใจ!’
‘ข้าหมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ในอดีตจะเป็นถึงเทพคนหนึ่ง แต่กับไม่เคยสัมผัสถึงวิถีใดๆใน จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก…ครั้งนี้หากข้าใช้เคล็ดวิชาลับครอบครองร่างเจ้าหนูนั่นได้ล่ะก็ ข้าก็จะกลายเป็นตัวตนที่สามารถเข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ทันที!’
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นดั่งของขวัญที่ฟ้าประทานให้ข้าจริงๆ!’
ในใจของยูไลตอนนี้บังเกิดความคิดมากมาย สองตายิ่งมายิ่งทอแสงจ้า เรียกว่ามองต้วนหลิงเทียนราวกับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน!
และฟังจากเสียงกล่าวในใจแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ยูไลอย่างที่เห็น แต่เรียกหาตัวเองว่า หมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่!
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ยูไลมองมาเช่นกัน ทำให้เขาบังเกิดความระแวงขึ้นมาทันที
ยูไลนั่นสมควรมีความคิดบางอย่างกับเขาจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มองเขาด้วยสายตาดังกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าร้ายกาจเกินไป ข้าโจวเส้าคุนยอมรับเจ้าแล้วจริงๆ”
โจวเส้าคุนที่ทุบแผ่นหยกหลบหนีออกจากสังเวียนได้สักพัก ไม่ทันได้ถามว่าต้วนหลิงเทียนใช้วิธีการอันใด ก็มาได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าอัจฉริยะบนอัฒจันทร์เสียก่อน ทำให้มันเข้าใจเรื่องราวได้ทันที
มันยิ้มกล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนอย่างนับถือ ก่อนจะหันหลังและเหินร่างกลับไปยังอัฒจันทร์ที่นั่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็เหินร่างกลับที่นั่งเช่นกัน…Aileen-novel
อย่างไรก็ตามต่างจากโจวเส้าคุนที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้มีหลายๆคนมองตามต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ต้วนหลิงเทียน…
ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!
สามารถเข้าใจมรรคากระบี่มิติจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง
มาตอนนี้ยังเข้าใจ 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่างวิถีควบคุมเพิ่มอีก!
เรียกว่าเสมือนทั่วร่างต้วนหลิงเทียนถูกรัศมีลึกลับปกคลุมอย่างไรอย่างนั้น
“จะว่าไป จนถึงบัดนี้พวกเรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จของกฏมิติต้วนหลิงเทียนเลยไม่ใช่รึ?”
จู่หลายคนก็ฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนแม้จะเคยเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายดาย แถมยังเอาชนะโจวเส้าคุนที่มีพลังระดับเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ…แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังของกฏมิติสักเท่าไหร่เลย
เรียกว่าแต่ต้นจนจบกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ให้เห็นชัดๆ ก็มีแค่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเท่านั้น
และครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้มรรคากระบี่มิติในการจัดการคู่ต่อสู้ ก็เป็นการผสานวิถีกระบี่เข้ากับความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ประการเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแต่อย่างใด
และครั้งที่สองก็เอาชนะโจวเส้าคุนด้วยการใช้วิถีควบคุม ไม่ได้เผยยให้เห็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติเช่นกัน
“บางทีความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนอาจจะธรรมดารึเปล่า…เผลอๆอาจจะยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งใดๆ?”
บางคนเอ่ยขึ้นด้วยสงสัย
“เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
และก็มีบางคนที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้ “เจ้าไม่เห็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันหรือไร? จากกลิ่นอายพลังงของมันอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักแล้ว…ในเมื่อมันเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก และดูจากความเข้าใจของมันที่เลิศล้ำถึงขั้นเข้าใจ 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ เจ้ายังคิดว่ามันจะไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏที่ง่ายกว่าวิถีอีกหรือ?”
หลายคนแย้งออกมาเสียงดังว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ตั้งคำถามแย้งขึ้นมาอีกครั้ง “พลังของผู้คนมีจำกัด ข้ายอมรับว่าต้วนหลิงเทียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ…แต่อย่างไรมันก็มีอายุแค่ 600 ปีเศษ…”
“นอกจากนั้นมันยังเป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาอีกด้วย จะอยู่ในระนาบเทวโลกได้กี่ปีเชียว…”
“และลองมันเข้าใจ 2 วิถีแล้วเช่นนี้ บอกให้รู้ว่ามันทุ่มเทเวลาไม่กี่ร้อยปีไปกับ 2 วิถีเป็นแน่ถึงได้บรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมด เพียงเท่านี้มันก็ร้ายกาจมากแล้ว…ยังจะมีความเข้าใจในการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอีกหรือไร? คนเราสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นในเวลาไม่กี่ร้อยปีจริงๆ?”
“ข้าเห็นด้วย…เผลอๆมันอาจจะยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการด้วยซ้ำ”

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสนทนาถกเถียงของเหล่าอัจฉริยะในอัฒจันทร์โดยรอบเช่นกัน แต่เขาก็ทำแค่ยิ้มบางๆเท่านั้น
และหลังจากกลับมานั่งที่แล้ว ถังซานเป่าก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตายังเป็นประกายจ้าเอ่ยถามออกมาอย่างสนอกสนใจว่า “พี่น้องต้วน ข้าถามตรงๆเลยนะ ที่แท้ความเข้าใจในกฏมิติของพี่น้องต้วนเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
“แหะๆ…”
ถึงซานเป่าหัวเราะแห้งๆ “ก็หากพี่น้องต้วนท่านไม่ได้มีความเข้าใจในกฏมิติสูงนัก ต่อให้พี่น้องต้วนท่านเข้าใจ 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลก ข้าก็จะสู้กับพี่น้องต้วนให้ได้สักครั้ง!”
“แต่ถ้าหากพี่น้องต้วนท่านยังมีความสำเร็จเลิศล้ำในการทำความเข้าใจกฏมิติอีก ข้าจะไปกล้าสู้กับท่านได้อย่างไร…สิ่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าหาเรื่องเจ็บตัว ยังป้องกันไม่ให้ข้าต้องเสียชื่อด้วย”
“ข้าไม่อยากโดนตาแก่นั่นถล่มข้าซ้ำว่าแพ้พี่น้องต้วนท่าน…”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะพี่น้องต้วนท่านได้เพื่อไปเกทับตาแก่นั่น ข้าไหนเลยจะเปิดโอกาสให้ตาแก่เป็นฝ่ายถล่มซ้ำเติมข้าได้เล่า?”
ถังซานเปล่ากล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าไม่มีความละอายใจหรือขวยเขินแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องงราวมันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็อดขำไม่ได้
ถังซานเป่าผู้นี้นับเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนจางเทียนโย่วถึงกล่าวบอกว่ามันไม่มีมาดยอดฝีมือสักนิด
เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว เรียกว่าต่างกันคนละขั้ว
“ตอนที่เจ้าสู่กับข้า เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ

  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จตุรวิถีกลายเป็นสิ่งไร้ราคาขนาดนี้?
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ตอนนี้มันรู้สึกราวกับทุกสิ่งที่เคยรู้มาในอดีตได้ถูกพลิกคว่ำโดยสมบูรณ์
ต้องทราบด้วยว่า แม้กระทั่งตัวมันเอง หลังจากใช้สมบัติประจำตระกูลอวิ๋นที่เป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถูกฆ่าล้าง อันเป็นสมบัติที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจวิถีไร้สิ้นสุด ทว่าหลายร้อยปีผ่านไป ตัวมันก็พึ่งจะเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น!
เรียกได้ว่าระดับความเข้าใจของมัน ก็เท่ากับความเข้าใจในมรรคากระบี่มิติและวิถีควบคุมที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่…
แต่ต้องทราบด้วยว่า ตัวมันที่ใช้สมบัติก็แล้ว แต่ยังพึ่งเข้าใจ 1 ใน 4 จตุรวิถีได้แค่ขั้นตอนเบื้องต้น…กลับกันต้วนหลิงเทียนกลับบรรลุถึงความเข้าใจในระดับเดียวกับมันแต่เป็นถึง 2 วิถี!
‘ต้วนหลิงเทียน…ในแง่ความเข้าใจจตุรวิถี ความมั่นใจของข้าถูกเจ้าถล่มยับอีกแล้ว’
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มองต้วนหลิงเทียน จากระยะไกลแวววตาเริ่มฉายให้เห็นถึงความเร่าร้อนอยู่บ้าง ‘อย่างไรก็ตามสักวัวนข้าจะเหนือกว่าเจ้าทุกด้าน ข้าอย่างไรก็คือทายาทสายโลหิตหลักแห่งตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ! ข้าไม่มีทางแพ้พ่ายคนจากระนาบเทวโลกเด็ดขาด!!’
ในด้านความสำเร็จของจตุรวิถี หลิงเจวี๋ยอวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้มันตามหลังต้วนหลิงเทียนอยู่
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่าจะตัวมันเองหรือต้วนหลิงเทียน เส้นทางในจตุรวิถีก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น วันหน้ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้ก้าวเดิน และมันก็มีโอกาสอีกมากที่จะแซงต้วนหลิงเทียน
“วิถีควบคุม?”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนก็เคยได้ยินเรื่องจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน แต่พวกมันไม่รู้วว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญก็คือววิถีควบคุม
ตอนนี้หลังจากมีอัจฉริยะที่รู้เรื่องราวไม่กี่คนเริ่มแพร่กระจายข้อมูลออกมา ก็ทำให้พวกมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียกลับเข้าใจวิถีควบคุมอีกอย่าง นอกเหนือจากมรรคากระบี่มิติที่สำเร็จถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว
“จตุรวิถีในสวรรค์และโลก ขอแค่เข้าถึง 1 ในนั้น ก็เห็นว่าสักวันย่อมสามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้อย่างแน่นอน…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ที่บรรลุขอบเขตเทพได้ไม่พ้นเป็นเพราะมรรคากระบี่ทำลายล้าง”
“ในระนาบเทวโลก ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดาราบางคน ถูกพบว่าความเข้าใจในกฏยังไม่อาจสู้เทพสงคราม 8 ดาราได้ด้วยซ้ำ แต่ในแง่พลังต่อสู้กลับเหนือกว่ากันมาก…สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งนี้! เทพสงคราม 9 ดาราเหล่านั้นเข้าถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลกบางอย่าง!”
“การเชี่ยวชาญวิถีใดสักวิถีถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ยังไม่เพียงพอให้บรรลุถึงขอบเขตเทพได้ จำต้องบังเกิดความก้าวหน้ามากกว่านั้นถึงจะเป็นไปได้!”
“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ว่ามีอายุแค่ 600 ปีเศษหรือไร แต่กลับเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกแล้ว? ต่อให้จะเป็นแค่ความเข้าใจในขั้นตอนเบื้องต้น ตราบใดที่มันมีเวลา ขอแค่ไม่เกียจคร้านไม่ใช่ว่าความเข้าใจในวิถีก็ต้องเหนือขั้นตอนเบื้องต้นรึไง?”
“ว่ากันว่าผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ บางคนก็เข้าใจวิถีบ้างแล้ว…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ที่เห็นว่าเข้าใจวิถีกลืนกินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเรียบร้อย”

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายคนมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดา หรือต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ไร้ชื่อเสียง แต่ผู้อาวุโสหรืออาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือเร้นกาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ยืนอยู่แถวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งสิ้น
ตัวตนเช่นนั้น ถึงแม้จะยังเข้าไม่ถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก แต่ก็มีความเข้าใจในเรื่องราวของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกชัดเจน พวกมันย่อมสอนสั้งและเล่าเรื่องราวให้ลูกหลานไม่เว้นเหล่าศิษย์ได้รับทราบถึงการดำรงอยู่ของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วย
ทำให้มีอัจฉริยะแค่น้อยคน ที่ไม่รู้เรื่องราวของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ที่ได้รู้ ส่วนใหญ่แล้วก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ประหนึ่งข่าวลือที่ไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง…และนับว่าในรอบที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ พวกมันก็ได้เห็น 1 ใน 4 วิถีอย่างมรรคากระบี่เป็นครั้งแรก
เป็นธรรมดาว่าในตอนนั้นอัจฉริยะหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใชออกคือ 1 ในจตุรวิถีของสวรรค์และโลก และแม้อัจฉริยะ 2-3 คนจะเห็นเบาะบางอย่างแต่พวกมันก็ยังไม่มั่นใจ
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม เพื่อทำลายกระบวนท่าจู่โจมของโจวเส้าคุนได้อย่างง่ายดาย พวกมันจึงเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจ 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกแล้ว จึงสามารถควบคุมพื้นที่ของกฏมิติที่เข้าใจได้อย่างอัศจรรย์
เรียกว่าในอาณมบริเวณกินรัศมีโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้
นี่เป็นการเชี่ยวชาญวิถีควบคุมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น
เมื่อต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญวิถีควบคุมมากกว่านี้ พลังอำนาจรวมถึงรัศมีที่สามารถควบคุมได้ก็จะเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ
“ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกแล้ว…ในอดีตข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะปีศาจเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกเคยมีตัวตนเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“คำถามนั่นเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวที่ตอบได้…”
“จริง อย่างไรวิหารเฟิงฮ่าวก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก หากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในประวัติศาสตร์เคยมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาก่อนหรือไม่ ข้าเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวอย่างเดียว!”

ในบรรดาคนที่ซุบซิบคุยกัน ก็มีจักรพรรดิสวรรค์บางคนกล่าวถามคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รู้จัก แต่คำตอบของพวกมันก็ฟังดูคลุมเครือนัก
อย่างไรก็ตาม แม้คำตอบจะฟังดูคลุมเครือ แต่สิ่งนี้ก็เสมือนสะท้อนความในใจออกมา
ทั้งหมดเป็นเพราะฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้กำชับคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอาไว้แล้ว เช่นนั้นทุกคนจึงเลือกจะให้คำตอบแบบคลุมเครือออกมา
“ระนาบเทวโลกดำรงอยู่มาเนิ่นนานมากแล้ว…ตัวตนเช่นต้วนหลิงเทียนแม้จะหาได้ยาก แต่ก็สมควรปรากฏขึ้นมาก่อน”
จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล กล่าวตอบจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้ปากมันจะตอบออกไปแบบนั้น ทว่าสองตากลับมองข้ามระยะทางไปจับจ้องยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง…ลึกลงไปในแววตาของมัน บัดนี้สีสันแห่งความโลภยิ่งมายิ่งร้อนแรงปานเพลิงไฟ!
‘หากข้ายอมลงทุนครั้งใหญ่ อย่างใช้เคล็ดวิชาลับที่ข้าสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิต เพื่อกลืนกินจิตวิญญานของเจ้านั่นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า…เช่นนั้นข้าย่อมขโมยความทรงจำของมันทั้งหมดมาและเข้าใจทุกอย่างที่มันเข้าใจ!’
‘ข้าหมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ในอดีตจะเป็นถึงเทพคนหนึ่ง แต่กับไม่เคยสัมผัสถึงวิถีใดๆใน จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก…ครั้งนี้หากข้าใช้เคล็ดวิชาลับครอบครองร่างเจ้าหนูนั่นได้ล่ะก็ ข้าก็จะกลายเป็นตัวตนที่สามารถเข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ทันที!’
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นดั่งของขวัญที่ฟ้าประทานให้ข้าจริงๆ!’
ในใจของยูไลตอนนี้บังเกิดความคิดมากมาย สองตายิ่งมายิ่งทอแสงจ้า เรียกว่ามองต้วนหลิงเทียนราวกับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน!
และฟังจากเสียงกล่าวในใจแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ยูไลอย่างที่เห็น แต่เรียกหาตัวเองว่า หมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่!
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ยูไลมองมาเช่นกัน ทำให้เขาบังเกิดความระแวงขึ้นมาทันที
ยูไลนั่นสมควรมีความคิดบางอย่างกับเขาจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มองเขาด้วยสายตาดังกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าร้ายกาจเกินไป ข้าโจวเส้าคุนยอมรับเจ้าแล้วจริงๆ”
โจวเส้าคุนที่ทุบแผ่นหยกหลบหนีออกจากสังเวียนได้สักพัก ไม่ทันได้ถามว่าต้วนหลิงเทียนใช้วิธีการอันใด ก็มาได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าอัจฉริยะบนอัฒจันทร์เสียก่อน ทำให้มันเข้าใจเรื่องราวได้ทันที
มันยิ้มกล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนอย่างนับถือ ก่อนจะหันหลังและเหินร่างกลับไปยังอัฒจันทร์ที่นั่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็เหินร่างกลับที่นั่งเช่นกัน…Aileen-novel
อย่างไรก็ตามต่างจากโจวเส้าคุนที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้มีหลายๆคนมองตามต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ต้วนหลิงเทียน…
ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!
สามารถเข้าใจมรรคากระบี่มิติจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง
มาตอนนี้ยังเข้าใจ 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่างวิถีควบคุมเพิ่มอีก!
เรียกว่าเสมือนทั่วร่างต้วนหลิงเทียนถูกรัศมีลึกลับปกคลุมอย่างไรอย่างนั้น
“จะว่าไป จนถึงบัดนี้พวกเรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จของกฏมิติต้วนหลิงเทียนเลยไม่ใช่รึ?”
จู่หลายคนก็ฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนแม้จะเคยเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายดาย แถมยังเอาชนะโจวเส้าคุนที่มีพลังระดับเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ…แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังของกฏมิติสักเท่าไหร่เลย
เรียกว่าแต่ต้นจนจบกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ให้เห็นชัดๆ ก็มีแค่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเท่านั้น
และครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้มรรคากระบี่มิติในการจัดการคู่ต่อสู้ ก็เป็นการผสานวิถีกระบี่เข้ากับความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ประการเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแต่อย่างใด
และครั้งที่สองก็เอาชนะโจวเส้าคุนด้วยการใช้วิถีควบคุม ไม่ได้เผยยให้เห็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติเช่นกัน
“บางทีความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนอาจจะธรรมดารึเปล่า…เผลอๆอาจจะยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งใดๆ?”
บางคนเอ่ยขึ้นด้วยสงสัย
“เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
และก็มีบางคนที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้ “เจ้าไม่เห็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันหรือไร? จากกลิ่นอายพลังงของมันอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักแล้ว…ในเมื่อมันเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก และดูจากความเข้าใจของมันที่เลิศล้ำถึงขั้นเข้าใจ 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ เจ้ายังคิดว่ามันจะไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏที่ง่ายกว่าวิถีอีกหรือ?”
หลายคนแย้งออกมาเสียงดังว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ตั้งคำถามแย้งขึ้นมาอีกครั้ง “พลังของผู้คนมีจำกัด ข้ายอมรับว่าต้วนหลิงเทียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ…แต่อย่างไรมันก็มีอายุแค่ 600 ปีเศษ…”
“นอกจากนั้นมันยังเป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาอีกด้วย จะอยู่ในระนาบเทวโลกได้กี่ปีเชียว…”
“และลองมันเข้าใจ 2 วิถีแล้วเช่นนี้ บอกให้รู้ว่ามันทุ่มเทเวลาไม่กี่ร้อยปีไปกับ 2 วิถีเป็นแน่ถึงได้บรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมด เพียงเท่านี้มันก็ร้ายกาจมากแล้ว…ยังจะมีความเข้าใจในการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอีกหรือไร? คนเราสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นในเวลาไม่กี่ร้อยปีจริงๆ?”
“ข้าเห็นด้วย…เผลอๆมันอาจจะยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการด้วยซ้ำ”

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสนทนาถกเถียงของเหล่าอัจฉริยะในอัฒจันทร์โดยรอบเช่นกัน แต่เขาก็ทำแค่ยิ้มบางๆเท่านั้น
และหลังจากกลับมานั่งที่แล้ว ถังซานเป่าก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตายังเป็นประกายจ้าเอ่ยถามออกมาอย่างสนอกสนใจว่า “พี่น้องต้วน ข้าถามตรงๆเลยนะ ที่แท้ความเข้าใจในกฏมิติของพี่น้องต้วนเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
“แหะๆ…”
ถึงซานเป่าหัวเราะแห้งๆ “ก็หากพี่น้องต้วนท่านไม่ได้มีความเข้าใจในกฏมิติสูงนัก ต่อให้พี่น้องต้วนท่านเข้าใจ 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลก ข้าก็จะสู้กับพี่น้องต้วนให้ได้สักครั้ง!”
“แต่ถ้าหากพี่น้องต้วนท่านยังมีความสำเร็จเลิศล้ำในการทำความเข้าใจกฏมิติอีก ข้าจะไปกล้าสู้กับท่านได้อย่างไร…สิ่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าหาเรื่องเจ็บตัว ยังป้องกันไม่ให้ข้าต้องเสียชื่อด้วย”
“ข้าไม่อยากโดนตาแก่นั่นถล่มข้าซ้ำว่าแพ้พี่น้องต้วนท่าน…”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะพี่น้องต้วนท่านได้เพื่อไปเกทับตาแก่นั่น ข้าไหนเลยจะเปิดโอกาสให้ตาแก่เป็นฝ่ายถล่มซ้ำเติมข้าได้เล่า?”
ถังซานเปล่ากล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าไม่มีความละอายใจหรือขวยเขินแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องงราวมันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็อดขำไม่ได้
ถังซานเป่าผู้นี้นับเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนจางเทียนโย่วถึงกล่าวบอกว่ามันไม่มีมาดยอดฝีมือสักนิด
เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว เรียกว่าต่างกันคนละขั้ว
“ตอนที่เจ้าสู่กับข้า เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3482

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3482 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จตุรวิถีกลายเป็นสิ่งไร้ราคาขนาดนี้?
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ตอนนี้มันรู้สึกราวกับทุกสิ่งที่เคยรู้มาในอดีตได้ถูกพลิกคว่ำโดยสมบูรณ์
ต้องทราบด้วยว่า แม้กระทั่งตัวมันเอง หลังจากใช้สมบัติประจำตระกูลอวิ๋นที่เป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถูกฆ่าล้าง อันเป็นสมบัติที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจวิถีไร้สิ้นสุด ทว่าหลายร้อยปีผ่านไป ตัวมันก็พึ่งจะเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น!
เรียกได้ว่าระดับความเข้าใจของมัน ก็เท่ากับความเข้าใจในมรรคากระบี่มิติและวิถีควบคุมที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่…
แต่ต้องทราบด้วยว่า ตัวมันที่ใช้สมบัติก็แล้ว แต่ยังพึ่งเข้าใจ 1 ใน 4 จตุรวิถีได้แค่ขั้นตอนเบื้องต้น…กลับกันต้วนหลิงเทียนกลับบรรลุถึงความเข้าใจในระดับเดียวกับมันแต่เป็นถึง 2 วิถี!
‘ต้วนหลิงเทียน…ในแง่ความเข้าใจจตุรวิถี ความมั่นใจของข้าถูกเจ้าถล่มยับอีกแล้ว’
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มองต้วนหลิงเทียน จากระยะไกลแวววตาเริ่มฉายให้เห็นถึงความเร่าร้อนอยู่บ้าง ‘อย่างไรก็ตามสักวัวนข้าจะเหนือกว่าเจ้าทุกด้าน ข้าอย่างไรก็คือทายาทสายโลหิตหลักแห่งตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ! ข้าไม่มีทางแพ้พ่ายคนจากระนาบเทวโลกเด็ดขาด!!’
ในด้านความสำเร็จของจตุรวิถี หลิงเจวี๋ยอวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้มันตามหลังต้วนหลิงเทียนอยู่
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่าจะตัวมันเองหรือต้วนหลิงเทียน เส้นทางในจตุรวิถีก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น วันหน้ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้ก้าวเดิน และมันก็มีโอกาสอีกมากที่จะแซงต้วนหลิงเทียน
“วิถีควบคุม?”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนก็เคยได้ยินเรื่องจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน แต่พวกมันไม่รู้วว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญก็คือววิถีควบคุม
ตอนนี้หลังจากมีอัจฉริยะที่รู้เรื่องราวไม่กี่คนเริ่มแพร่กระจายข้อมูลออกมา ก็ทำให้พวกมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียกลับเข้าใจวิถีควบคุมอีกอย่าง นอกเหนือจากมรรคากระบี่มิติที่สำเร็จถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว
“จตุรวิถีในสวรรค์และโลก ขอแค่เข้าถึง 1 ในนั้น ก็เห็นว่าสักวันย่อมสามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้อย่างแน่นอน…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ที่บรรลุขอบเขตเทพได้ไม่พ้นเป็นเพราะมรรคากระบี่ทำลายล้าง”
“ในระนาบเทวโลก ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดาราบางคน ถูกพบว่าความเข้าใจในกฏยังไม่อาจสู้เทพสงคราม 8 ดาราได้ด้วยซ้ำ แต่ในแง่พลังต่อสู้กลับเหนือกว่ากันมาก…สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งนี้! เทพสงคราม 9 ดาราเหล่านั้นเข้าถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลกบางอย่าง!”
“การเชี่ยวชาญวิถีใดสักวิถีถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ยังไม่เพียงพอให้บรรลุถึงขอบเขตเทพได้ จำต้องบังเกิดความก้าวหน้ามากกว่านั้นถึงจะเป็นไปได้!”
“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ว่ามีอายุแค่ 600 ปีเศษหรือไร แต่กลับเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกแล้ว? ต่อให้จะเป็นแค่ความเข้าใจในขั้นตอนเบื้องต้น ตราบใดที่มันมีเวลา ขอแค่ไม่เกียจคร้านไม่ใช่ว่าความเข้าใจในวิถีก็ต้องเหนือขั้นตอนเบื้องต้นรึไง?”
“ว่ากันว่าผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ บางคนก็เข้าใจวิถีบ้างแล้ว…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ที่เห็นว่าเข้าใจวิถีกลืนกินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเรียบร้อย”

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายคนมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดา หรือต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ไร้ชื่อเสียง แต่ผู้อาวุโสหรืออาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือเร้นกาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ยืนอยู่แถวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งสิ้น
ตัวตนเช่นนั้น ถึงแม้จะยังเข้าไม่ถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก แต่ก็มีความเข้าใจในเรื่องราวของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกชัดเจน พวกมันย่อมสอนสั้งและเล่าเรื่องราวให้ลูกหลานไม่เว้นเหล่าศิษย์ได้รับทราบถึงการดำรงอยู่ของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วย
ทำให้มีอัจฉริยะแค่น้อยคน ที่ไม่รู้เรื่องราวของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ที่ได้รู้ ส่วนใหญ่แล้วก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ประหนึ่งข่าวลือที่ไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง…และนับว่าในรอบที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ พวกมันก็ได้เห็น 1 ใน 4 วิถีอย่างมรรคากระบี่เป็นครั้งแรก
เป็นธรรมดาว่าในตอนนั้นอัจฉริยะหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใชออกคือ 1 ในจตุรวิถีของสวรรค์และโลก และแม้อัจฉริยะ 2-3 คนจะเห็นเบาะบางอย่างแต่พวกมันก็ยังไม่มั่นใจ
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม เพื่อทำลายกระบวนท่าจู่โจมของโจวเส้าคุนได้อย่างง่ายดาย พวกมันจึงเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจ 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกแล้ว จึงสามารถควบคุมพื้นที่ของกฏมิติที่เข้าใจได้อย่างอัศจรรย์
เรียกว่าในอาณมบริเวณกินรัศมีโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้
นี่เป็นการเชี่ยวชาญวิถีควบคุมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น
เมื่อต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญวิถีควบคุมมากกว่านี้ พลังอำนาจรวมถึงรัศมีที่สามารถควบคุมได้ก็จะเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ
“ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกแล้ว…ในอดีตข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะปีศาจเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกเคยมีตัวตนเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“คำถามนั่นเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวที่ตอบได้…”
“จริง อย่างไรวิหารเฟิงฮ่าวก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก หากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในประวัติศาสตร์เคยมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาก่อนหรือไม่ ข้าเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวอย่างเดียว!”

ในบรรดาคนที่ซุบซิบคุยกัน ก็มีจักรพรรดิสวรรค์บางคนกล่าวถามคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รู้จัก แต่คำตอบของพวกมันก็ฟังดูคลุมเครือนัก
อย่างไรก็ตาม แม้คำตอบจะฟังดูคลุมเครือ แต่สิ่งนี้ก็เสมือนสะท้อนความในใจออกมา
ทั้งหมดเป็นเพราะฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้กำชับคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอาไว้แล้ว เช่นนั้นทุกคนจึงเลือกจะให้คำตอบแบบคลุมเครือออกมา
“ระนาบเทวโลกดำรงอยู่มาเนิ่นนานมากแล้ว…ตัวตนเช่นต้วนหลิงเทียนแม้จะหาได้ยาก แต่ก็สมควรปรากฏขึ้นมาก่อน”
จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล กล่าวตอบจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้ปากมันจะตอบออกไปแบบนั้น ทว่าสองตากลับมองข้ามระยะทางไปจับจ้องยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง…ลึกลงไปในแววตาของมัน บัดนี้สีสันแห่งความโลภยิ่งมายิ่งร้อนแรงปานเพลิงไฟ!
‘หากข้ายอมลงทุนครั้งใหญ่ อย่างใช้เคล็ดวิชาลับที่ข้าสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิต เพื่อกลืนกินจิตวิญญานของเจ้านั่นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า…เช่นนั้นข้าย่อมขโมยความทรงจำของมันทั้งหมดมาและเข้าใจทุกอย่างที่มันเข้าใจ!’
‘ข้าหมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ในอดีตจะเป็นถึงเทพคนหนึ่ง แต่กับไม่เคยสัมผัสถึงวิถีใดๆใน จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก…ครั้งนี้หากข้าใช้เคล็ดวิชาลับครอบครองร่างเจ้าหนูนั่นได้ล่ะก็ ข้าก็จะกลายเป็นตัวตนที่สามารถเข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ทันที!’
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นดั่งของขวัญที่ฟ้าประทานให้ข้าจริงๆ!’
ในใจของยูไลตอนนี้บังเกิดความคิดมากมาย สองตายิ่งมายิ่งทอแสงจ้า เรียกว่ามองต้วนหลิงเทียนราวกับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน!
และฟังจากเสียงกล่าวในใจแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ยูไลอย่างที่เห็น แต่เรียกหาตัวเองว่า หมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่!
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ยูไลมองมาเช่นกัน ทำให้เขาบังเกิดความระแวงขึ้นมาทันที
ยูไลนั่นสมควรมีความคิดบางอย่างกับเขาจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มองเขาด้วยสายตาดังกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าร้ายกาจเกินไป ข้าโจวเส้าคุนยอมรับเจ้าแล้วจริงๆ”
โจวเส้าคุนที่ทุบแผ่นหยกหลบหนีออกจากสังเวียนได้สักพัก ไม่ทันได้ถามว่าต้วนหลิงเทียนใช้วิธีการอันใด ก็มาได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าอัจฉริยะบนอัฒจันทร์เสียก่อน ทำให้มันเข้าใจเรื่องราวได้ทันที
มันยิ้มกล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนอย่างนับถือ ก่อนจะหันหลังและเหินร่างกลับไปยังอัฒจันทร์ที่นั่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็เหินร่างกลับที่นั่งเช่นกัน…Aileen-novel
อย่างไรก็ตามต่างจากโจวเส้าคุนที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้มีหลายๆคนมองตามต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ต้วนหลิงเทียน…
ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!
สามารถเข้าใจมรรคากระบี่มิติจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง
มาตอนนี้ยังเข้าใจ 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่างวิถีควบคุมเพิ่มอีก!
เรียกว่าเสมือนทั่วร่างต้วนหลิงเทียนถูกรัศมีลึกลับปกคลุมอย่างไรอย่างนั้น
“จะว่าไป จนถึงบัดนี้พวกเรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จของกฏมิติต้วนหลิงเทียนเลยไม่ใช่รึ?”
จู่หลายคนก็ฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนแม้จะเคยเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายดาย แถมยังเอาชนะโจวเส้าคุนที่มีพลังระดับเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ…แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังของกฏมิติสักเท่าไหร่เลย
เรียกว่าแต่ต้นจนจบกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ให้เห็นชัดๆ ก็มีแค่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเท่านั้น
และครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้มรรคากระบี่มิติในการจัดการคู่ต่อสู้ ก็เป็นการผสานวิถีกระบี่เข้ากับความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ประการเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแต่อย่างใด
และครั้งที่สองก็เอาชนะโจวเส้าคุนด้วยการใช้วิถีควบคุม ไม่ได้เผยยให้เห็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติเช่นกัน
“บางทีความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนอาจจะธรรมดารึเปล่า…เผลอๆอาจจะยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งใดๆ?”
บางคนเอ่ยขึ้นด้วยสงสัย
“เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
และก็มีบางคนที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้ “เจ้าไม่เห็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันหรือไร? จากกลิ่นอายพลังงของมันอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักแล้ว…ในเมื่อมันเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก และดูจากความเข้าใจของมันที่เลิศล้ำถึงขั้นเข้าใจ 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ เจ้ายังคิดว่ามันจะไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏที่ง่ายกว่าวิถีอีกหรือ?”
หลายคนแย้งออกมาเสียงดังว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ตั้งคำถามแย้งขึ้นมาอีกครั้ง “พลังของผู้คนมีจำกัด ข้ายอมรับว่าต้วนหลิงเทียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ…แต่อย่างไรมันก็มีอายุแค่ 600 ปีเศษ…”
“นอกจากนั้นมันยังเป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาอีกด้วย จะอยู่ในระนาบเทวโลกได้กี่ปีเชียว…”
“และลองมันเข้าใจ 2 วิถีแล้วเช่นนี้ บอกให้รู้ว่ามันทุ่มเทเวลาไม่กี่ร้อยปีไปกับ 2 วิถีเป็นแน่ถึงได้บรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมด เพียงเท่านี้มันก็ร้ายกาจมากแล้ว…ยังจะมีความเข้าใจในการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอีกหรือไร? คนเราสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นในเวลาไม่กี่ร้อยปีจริงๆ?”
“ข้าเห็นด้วย…เผลอๆมันอาจจะยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการด้วยซ้ำ”

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสนทนาถกเถียงของเหล่าอัจฉริยะในอัฒจันทร์โดยรอบเช่นกัน แต่เขาก็ทำแค่ยิ้มบางๆเท่านั้น
และหลังจากกลับมานั่งที่แล้ว ถังซานเป่าก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตายังเป็นประกายจ้าเอ่ยถามออกมาอย่างสนอกสนใจว่า “พี่น้องต้วน ข้าถามตรงๆเลยนะ ที่แท้ความเข้าใจในกฏมิติของพี่น้องต้วนเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
“แหะๆ…”
ถึงซานเป่าหัวเราะแห้งๆ “ก็หากพี่น้องต้วนท่านไม่ได้มีความเข้าใจในกฏมิติสูงนัก ต่อให้พี่น้องต้วนท่านเข้าใจ 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลก ข้าก็จะสู้กับพี่น้องต้วนให้ได้สักครั้ง!”
“แต่ถ้าหากพี่น้องต้วนท่านยังมีความสำเร็จเลิศล้ำในการทำความเข้าใจกฏมิติอีก ข้าจะไปกล้าสู้กับท่านได้อย่างไร…สิ่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าหาเรื่องเจ็บตัว ยังป้องกันไม่ให้ข้าต้องเสียชื่อด้วย”
“ข้าไม่อยากโดนตาแก่นั่นถล่มข้าซ้ำว่าแพ้พี่น้องต้วนท่าน…”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะพี่น้องต้วนท่านได้เพื่อไปเกทับตาแก่นั่น ข้าไหนเลยจะเปิดโอกาสให้ตาแก่เป็นฝ่ายถล่มซ้ำเติมข้าได้เล่า?”
ถังซานเปล่ากล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าไม่มีความละอายใจหรือขวยเขินแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องงราวมันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็อดขำไม่ได้
ถังซานเป่าผู้นี้นับเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนจางเทียนโย่วถึงกล่าวบอกว่ามันไม่มีมาดยอดฝีมือสักนิด
เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว เรียกว่าต่างกันคนละขั้ว
“ตอนที่เจ้าสู่กับข้า เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ

  ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่จตุรวิถีกลายเป็นสิ่งไร้ราคาขนาดนี้?
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ตอนนี้มันรู้สึกราวกับทุกสิ่งที่เคยรู้มาในอดีตได้ถูกพลิกคว่ำโดยสมบูรณ์
ต้องทราบด้วยว่า แม้กระทั่งตัวมันเอง หลังจากใช้สมบัติประจำตระกูลอวิ๋นที่เป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถูกฆ่าล้าง อันเป็นสมบัติที่ช่วยให้ผู้คนเข้าใจวิถีไร้สิ้นสุด ทว่าหลายร้อยปีผ่านไป ตัวมันก็พึ่งจะเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น!
เรียกได้ว่าระดับความเข้าใจของมัน ก็เท่ากับความเข้าใจในมรรคากระบี่มิติและวิถีควบคุมที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่…
แต่ต้องทราบด้วยว่า ตัวมันที่ใช้สมบัติก็แล้ว แต่ยังพึ่งเข้าใจ 1 ใน 4 จตุรวิถีได้แค่ขั้นตอนเบื้องต้น…กลับกันต้วนหลิงเทียนกลับบรรลุถึงความเข้าใจในระดับเดียวกับมันแต่เป็นถึง 2 วิถี!
‘ต้วนหลิงเทียน…ในแง่ความเข้าใจจตุรวิถี ความมั่นใจของข้าถูกเจ้าถล่มยับอีกแล้ว’
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่มองต้วนหลิงเทียน จากระยะไกลแวววตาเริ่มฉายให้เห็นถึงความเร่าร้อนอยู่บ้าง ‘อย่างไรก็ตามสักวัวนข้าจะเหนือกว่าเจ้าทุกด้าน ข้าอย่างไรก็คือทายาทสายโลหิตหลักแห่งตระกูลอวิ๋นของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ! ข้าไม่มีทางแพ้พ่ายคนจากระนาบเทวโลกเด็ดขาด!!’
ในด้านความสำเร็จของจตุรวิถี หลิงเจวี๋ยอวิ๋นรู้ดีว่าตอนนี้มันตามหลังต้วนหลิงเทียนอยู่
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย
เพราะไม่ว่าจะตัวมันเองหรือต้วนหลิงเทียน เส้นทางในจตุรวิถีก็พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น วันหน้ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้ก้าวเดิน และมันก็มีโอกาสอีกมากที่จะแซงต้วนหลิงเทียน
“วิถีควบคุม?”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์หลายคนก็เคยได้ยินเรื่องจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน แต่พวกมันไม่รู้วว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญก็คือววิถีควบคุม
ตอนนี้หลังจากมีอัจฉริยะที่รู้เรื่องราวไม่กี่คนเริ่มแพร่กระจายข้อมูลออกมา ก็ทำให้พวกมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียกลับเข้าใจวิถีควบคุมอีกอย่าง นอกเหนือจากมรรคากระบี่มิติที่สำเร็จถึงขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว
“จตุรวิถีในสวรรค์และโลก ขอแค่เข้าถึง 1 ในนั้น ก็เห็นว่าสักวันย่อมสามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้อย่างแน่นอน…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ที่บรรลุขอบเขตเทพได้ไม่พ้นเป็นเพราะมรรคากระบี่ทำลายล้าง”
“ในระนาบเทวโลก ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 9 ดาราบางคน ถูกพบว่าความเข้าใจในกฏยังไม่อาจสู้เทพสงคราม 8 ดาราได้ด้วยซ้ำ แต่ในแง่พลังต่อสู้กลับเหนือกว่ากันมาก…สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งนี้! เทพสงคราม 9 ดาราเหล่านั้นเข้าถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลกบางอย่าง!”
“การเชี่ยวชาญวิถีใดสักวิถีถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น ยังไม่เพียงพอให้บรรลุถึงขอบเขตเทพได้ จำต้องบังเกิดความก้าวหน้ามากกว่านั้นถึงจะเป็นไปได้!”
“ให้ตายเถอะ! ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่ใช่ว่ามีอายุแค่ 600 ปีเศษหรือไร แต่กลับเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกแล้ว? ต่อให้จะเป็นแค่ความเข้าใจในขั้นตอนเบื้องต้น ตราบใดที่มันมีเวลา ขอแค่ไม่เกียจคร้านไม่ใช่ว่าความเข้าใจในวิถีก็ต้องเหนือขั้นตอนเบื้องต้นรึไง?”
“ว่ากันว่าผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ บางคนก็เข้าใจวิถีบ้างแล้ว…ดุจเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ที่เห็นว่าเข้าใจวิถีกลืนกินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเรียบร้อย”

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายคนมีภูมิหลังความเป็นมาไม่ธรรมดา หรือต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ไร้ชื่อเสียง แต่ผู้อาวุโสหรืออาจารย์ที่เป็นยอดฝีมือเร้นกาย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ยืนอยู่แถวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งสิ้น
ตัวตนเช่นนั้น ถึงแม้จะยังเข้าไม่ถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก แต่ก็มีความเข้าใจในเรื่องราวของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกชัดเจน พวกมันย่อมสอนสั้งและเล่าเรื่องราวให้ลูกหลานไม่เว้นเหล่าศิษย์ได้รับทราบถึงการดำรงอยู่ของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วย
ทำให้มีอัจฉริยะแค่น้อยคน ที่ไม่รู้เรื่องราวของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกมาก่อน
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ที่ได้รู้ ส่วนใหญ่แล้วก็แค่เคยได้ยินมาเท่านั้น ประหนึ่งข่าวลือที่ไม่เคยพบเจอด้วยตัวเอง…และนับว่าในรอบที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ พวกมันก็ได้เห็น 1 ใน 4 วิถีอย่างมรรคากระบี่เป็นครั้งแรก
เป็นธรรมดาว่าในตอนนั้นอัจฉริยะหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใชออกคือ 1 ในจตุรวิถีของสวรรค์และโลก และแม้อัจฉริยะ 2-3 คนจะเห็นเบาะบางอย่างแต่พวกมันก็ยังไม่มั่นใจ
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนใช้วิถีควบคุม เพื่อทำลายกระบวนท่าจู่โจมของโจวเส้าคุนได้อย่างง่ายดาย พวกมันจึงเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจ 1 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกแล้ว จึงสามารถควบคุมพื้นที่ของกฏมิติที่เข้าใจได้อย่างอัศจรรย์
เรียกว่าในอาณมบริเวณกินรัศมีโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ประหนึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้
นี่เป็นการเชี่ยวชาญวิถีควบคุมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น
เมื่อต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญวิถีควบคุมมากกว่านี้ พลังอำนาจรวมถึงรัศมีที่สามารถควบคุมได้ก็จะเพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ
“ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่เข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกแล้ว…ในอดีตข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะปีศาจเช่นนี้ดำรงอยู่ด้วย ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลกเคยมีตัวตนเช่นนี้ด้วยหรือ?”
“คำถามนั่นเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวที่ตอบได้…”
“จริง อย่างไรวิหารเฟิงฮ่าวก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก หากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในประวัติศาสตร์เคยมีอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาก่อนหรือไม่ ข้าเกรงว่าคงมีแต่วิหารเฟิงฮ่าวอย่างเดียว!”

ในบรรดาคนที่ซุบซิบคุยกัน ก็มีจักรพรรดิสวรรค์บางคนกล่าวถามคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รู้จัก แต่คำตอบของพวกมันก็ฟังดูคลุมเครือนัก
อย่างไรก็ตาม แม้คำตอบจะฟังดูคลุมเครือ แต่สิ่งนี้ก็เสมือนสะท้อนความในใจออกมา
ทั้งหมดเป็นเพราะฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักได้กำชับคนของวิหารเฟิงฮ่าวเอาไว้แล้ว เช่นนั้นทุกคนจึงเลือกจะให้คำตอบแบบคลุมเครือออกมา
“ระนาบเทวโลกดำรงอยู่มาเนิ่นนานมากแล้ว…ตัวตนเช่นต้วนหลิงเทียนแม้จะหาได้ยาก แต่ก็สมควรปรากฏขึ้นมาก่อน”
จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล กล่าวตอบจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวน
อย่างไรก็ตาม แม้ปากมันจะตอบออกไปแบบนั้น ทว่าสองตากลับมองข้ามระยะทางไปจับจ้องยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง…ลึกลงไปในแววตาของมัน บัดนี้สีสันแห่งความโลภยิ่งมายิ่งร้อนแรงปานเพลิงไฟ!
‘หากข้ายอมลงทุนครั้งใหญ่ อย่างใช้เคล็ดวิชาลับที่ข้าสามารถใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิต เพื่อกลืนกินจิตวิญญานของเจ้านั่นให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า…เช่นนั้นข้าย่อมขโมยความทรงจำของมันทั้งหมดมาและเข้าใจทุกอย่างที่มันเข้าใจ!’
‘ข้าหมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้ในอดีตจะเป็นถึงเทพคนหนึ่ง แต่กับไม่เคยสัมผัสถึงวิถีใดๆใน จตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก…ครั้งนี้หากข้าใช้เคล็ดวิชาลับครอบครองร่างเจ้าหนูนั่นได้ล่ะก็ ข้าก็จะกลายเป็นตัวตนที่สามารถเข้าถึง 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ทันที!’
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นดั่งของขวัญที่ฟ้าประทานให้ข้าจริงๆ!’
ในใจของยูไลตอนนี้บังเกิดความคิดมากมาย สองตายิ่งมายิ่งทอแสงจ้า เรียกว่ามองต้วนหลิงเทียนราวกับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน!
และฟังจากเสียงกล่าวในใจแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ยูไลอย่างที่เห็น แต่เรียกหาตัวเองว่า หมี่เยี่ยนผู้ยิ่งใหญ่!
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่ยูไลมองมาเช่นกัน ทำให้เขาบังเกิดความระแวงขึ้นมาทันที
ยูไลนั่นสมควรมีความคิดบางอย่างกับเขาจริงๆ ไม่งั้นคงไม่มองเขาด้วยสายตาดังกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าร้ายกาจเกินไป ข้าโจวเส้าคุนยอมรับเจ้าแล้วจริงๆ”
โจวเส้าคุนที่ทุบแผ่นหยกหลบหนีออกจากสังเวียนได้สักพัก ไม่ทันได้ถามว่าต้วนหลิงเทียนใช้วิธีการอันใด ก็มาได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าอัจฉริยะบนอัฒจันทร์เสียก่อน ทำให้มันเข้าใจเรื่องราวได้ทันที
มันยิ้มกล่าวคำกับต้วนหลิงเทียนอย่างนับถือ ก่อนจะหันหลังและเหินร่างกลับไปยังอัฒจันทร์ที่นั่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็เหินร่างกลับที่นั่งเช่นกัน…Aileen-novel
อย่างไรก็ตามต่างจากโจวเส้าคุนที่ไม่มีใครสนใจ ตอนนี้มีหลายๆคนมองตามต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
ต้วนหลิงเทียน…
ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!
สามารถเข้าใจมรรคากระบี่มิติจากมรรคากระบี่ทำลายล้างของฟงชิงหยาง
มาตอนนี้ยังเข้าใจ 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่างวิถีควบคุมเพิ่มอีก!
เรียกว่าเสมือนทั่วร่างต้วนหลิงเทียนถูกรัศมีลึกลับปกคลุมอย่างไรอย่างนั้น
“จะว่าไป จนถึงบัดนี้พวกเรายังไม่ได้เห็นความสำเร็จของกฏมิติต้วนหลิงเทียนเลยไม่ใช่รึ?”
จู่หลายคนก็ฉุกคิดถึงปัญหาหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนแม้จะเคยเอาชนะเทพสงคราม 2 ดาราได้ง่ายดาย แถมยังเอาชนะโจวเส้าคุนที่มีพลังระดับเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ…แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ใช้พลังของกฏมิติสักเท่าไหร่เลย
เรียกว่าแต่ต้นจนจบกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ให้เห็นชัดๆ ก็มีแค่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเท่านั้น
และครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้มรรคากระบี่มิติในการจัดการคู่ต่อสู้ ก็เป็นการผสานวิถีกระบี่เข้ากับความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ประการเดียวเท่านั้น ไม่ได้ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแต่อย่างใด
และครั้งที่สองก็เอาชนะโจวเส้าคุนด้วยการใช้วิถีควบคุม ไม่ได้เผยยให้เห็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติเช่นกัน
“บางทีความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนอาจจะธรรมดารึเปล่า…เผลอๆอาจจะยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งใดๆ?”
บางคนเอ่ยขึ้นด้วยสงสัย
“เรื่องพรรค์นั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
และก็มีบางคนที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้ “เจ้าไม่เห็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันหรือไร? จากกลิ่นอายพลังงของมันอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักแล้ว…ในเมื่อมันเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนัก และดูจากความเข้าใจของมันที่เลิศล้ำถึงขั้นเข้าใจ 2 วิถีในสวรรค์และโลกได้ เจ้ายังคิดว่ามันจะไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏที่ง่ายกว่าวิถีอีกหรือ?”
หลายคนแย้งออกมาเสียงดังว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ตั้งคำถามแย้งขึ้นมาอีกครั้ง “พลังของผู้คนมีจำกัด ข้ายอมรับว่าต้วนหลิงเทียนมีสติปัญญาเลิศล้ำ…แต่อย่างไรมันก็มีอายุแค่ 600 ปีเศษ…”
“นอกจากนั้นมันยังเป็นคนที่ขึ้นสวรรค์มาอีกด้วย จะอยู่ในระนาบเทวโลกได้กี่ปีเชียว…”
“และลองมันเข้าใจ 2 วิถีแล้วเช่นนี้ บอกให้รู้ว่ามันทุ่มเทเวลาไม่กี่ร้อยปีไปกับ 2 วิถีเป็นแน่ถึงได้บรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้นหมด เพียงเท่านี้มันก็ร้ายกาจมากแล้ว…ยังจะมีความเข้าใจในการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอีกหรือไร? คนเราสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นในเวลาไม่กี่ร้อยปีจริงๆ?”
“ข้าเห็นด้วย…เผลอๆมันอาจจะยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทุกประการด้วยซ้ำ”

ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสนทนาถกเถียงของเหล่าอัจฉริยะในอัฒจันทร์โดยรอบเช่นกัน แต่เขาก็ทำแค่ยิ้มบางๆเท่านั้น
และหลังจากกลับมานั่งที่แล้ว ถังซานเป่าก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง สองตายังเป็นประกายจ้าเอ่ยถามออกมาอย่างสนอกสนใจว่า “พี่น้องต้วน ข้าถามตรงๆเลยนะ ที่แท้ความเข้าใจในกฏมิติของพี่น้องต้วนเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
“แหะๆ…”
ถึงซานเป่าหัวเราะแห้งๆ “ก็หากพี่น้องต้วนท่านไม่ได้มีความเข้าใจในกฏมิติสูงนัก ต่อให้พี่น้องต้วนท่านเข้าใจ 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลก ข้าก็จะสู้กับพี่น้องต้วนให้ได้สักครั้ง!”
“แต่ถ้าหากพี่น้องต้วนท่านยังมีความสำเร็จเลิศล้ำในการทำความเข้าใจกฏมิติอีก ข้าจะไปกล้าสู้กับท่านได้อย่างไร…สิ่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าหาเรื่องเจ็บตัว ยังป้องกันไม่ให้ข้าต้องเสียชื่อด้วย”
“ข้าไม่อยากโดนตาแก่นั่นถล่มข้าซ้ำว่าแพ้พี่น้องต้วนท่าน…”
“ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาชนะพี่น้องต้วนท่านได้เพื่อไปเกทับตาแก่นั่น ข้าไหนเลยจะเปิดโอกาสให้ตาแก่เป็นฝ่ายถล่มซ้ำเติมข้าได้เล่า?”
ถังซานเปล่ากล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าไม่มีความละอายใจหรือขวยเขินแม้แต่น้อย ราวกับเรื่องงราวมันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็อดขำไม่ได้
ถังซานเป่าผู้นี้นับเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนจางเทียนโย่วถึงกล่าวบอกว่ามันไม่มีมาดยอดฝีมือสักนิด
เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว เรียกว่าต่างกันคนละขั้ว
“ตอนที่เจ้าสู่กับข้า เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+