War sovereign Soaring The Heavens 3483

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3483 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของถังซานเป่าใม่เพียงทำให้ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเท่านั้น ยังทำให้จางเทียนโย่วรู้สึกไร้คำจะกล่าว
ไฉนคนที่แลดูเหมือนตัวเหลวไหลไร้มาดยอดฝีมือผู้นี้ ถึงเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันที่บรรลุพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราได้?
เรื่องพรรค์นี้ต่อให้คิดในหัวก็ไม่น่าจะพูดออกมาไม่ใช่หรือไง?
ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลย?
“พี่น้องต้วน…ท่านเมตตาบอกข้าสักครั้งไม่ได้หรือ?”
หลังถังซานเป่าได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันก็ฉายความกังวลขึ้นมาให้เห็น แต่ไม่นานก็หวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม…เรื่องสู้กัน ข้าว่าพี่น้องต้วนท่านกับข้าคงไม่ได้เจอกันเร็วๆนี้แน่”
“ขอเพียงหลังจากนี้คู่ต่อสู้ของพี่น้องต้วนร้ายกาจเข้าหน่อย พี่น้องต้วนท่านอย่างไรก็ต้องเผยพลังฝีมือออกมา ถึงตอนนั้นข้าค่อยชมดูเอาเองก็ได้ว่าข้าจะสู้ได้รึเปล่า ถ้ารู้สึกว่าสู้ไม่ได้ต่อให้เจอพี่น้องต้วนท่าน ข้าก็จะยอมแพ้ทันที”
พอได้ฟังวาจาประโยคต่อมาของถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกไร้คำจะกล่าวอีกคน
“จะว่าไปตอนนี้ในบรรดาพวกเรา 4 คน ก็เหลือแต่พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้วสิที่ยังไม่ได้ลงมือ?”
จากนั้นถังซานเป่าก็เบนความสนใจไปยังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดื้อๆ
หลังจากจบการประลองของวันแล้ว เช้าวันต่อมาในชุดที่ 3 ก็ปรากฏชื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเหนือสังเวียนจนได้ และคู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือ เจียงเหิงอวี่
“ในที่สุดเจียงเหิงอวี่ก็ลงสนามเสียที…เมื่อ 10 ปีก่อน เจียงเหิงอวี่ผู้นี้ก็มีพลังเทียบได้กับเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว ตอนนี้ไม่พ้นต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่”
มีเสียงดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งอีกฝั่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆพอจะรับทราบพลังฝีมือของคู่ต่อสู้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคร่าวๆ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้วิหารเฟิงฮ่าวจะมีการสร้างม่านแสงรายชื่ออัจฉริยะ 300 คนรวมถึงข้อมูล และหนึ่งในนั้นย่อมมีข้อมูลของเจียงเหิงอวี่…แต่ถ้าไม่ใช่คนที่วิหารเฟิงฮ่าวให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะจำ
คนที่ต้วนหลิงเทียนจำ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ววิหารเฟิงฮ่าวลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราขึ้นไป
ในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่มีเจียงเหิงอวี่
“เจียงเหิงอวี่ เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของศาลาหยวนเซียน ขุมกำลังระดับสวรรค์แห่งชื่อเหยียนเทียน แม้จะมีอายุแค่ 800 กว่าปีแต่พลังฝีมือก็บรรลุถึงเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว หลายคนกล่าวกันว่าเจียงเหิงอวี่สมควรบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 4 ดาราได้ก่อนมีอายุครบพันแน่นอน”
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่น…เห็นว่าเป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเฟิงชิงเทียนหรือ?”
“ถึงมันเป็นผู้ฝึกตนพเนจรแล้วอย่างไร ข้าได้ยินมาว่าในบรรดาคนนับสิบที่ผ่านการทดสอบและมากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ร้ายกาจที่สุด นอกจากนั้นในรอบที่ 2 มันก็เผยความแข็งแกร่งไม่น้อย แถมยังลงมือได้น่ากลัวยิ่ง…กระทั่งเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ยังถูกมันกระชากหัวหลุดได้ง่ายดายปานสุนัข พลังฝีมือของมันอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 3 ดารา!”
“ข้าได้ยินอัจฉริยะที่มากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนบอกวว่า พลังฝีมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หากไม่ใช่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา ก็ต้องเป็นถึงเทพสงคราม 4 ดารา!”

วาจาทำนองดังกล่าวดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งหลังต่างๆ เห็นได้ชัดว่าเหล่าอัจฉริยะก็ทำการบ้านมาดี มีไปหาข้อมูลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมาเรียบร้อย
ตอนนี้องด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็เหินร่างออกจากอัฒจันทร์ที่นั่ง ไปลอยร่างเผชิญหน้ากับเจียงเหิงอวี่เรียบร้อย
เจียงเหิงอวี่เป็นชายหนุ่มที่แลดูจริงจัง มาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่าย และบัดนี้สีหน้ามันกก็เคร่งขรึมนัก มองจ้องตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เย็นชาเบื้องหน้าอย่างเงียบงันไม่กล่าวคำใด และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายพูดก่อน สุดท้ายทั้งคู่จึงเอาแต่มองจ้องกันเงียบๆพักหนึ่ง
ขวับ!
สุดท้ายเจียงเหิงอวี่ก็เป็นฝ่ายลงมือก่อน และทันทีที่ลงมือ มันก็นำอาวุธอมตะของมันออกมา เป็นอาวุธอมตะที่แลดูแปลกพิกล เพราะมันเป็นเตาหลอมขนาดเล็ก ทว่าเตาหลอมขนาดเล็กดังกล่าววหลังถูกมันโยนขึ้นฟ้าแล้ว ก็ขยายใหญ่ในฉับพลัน แถมยังปรากฏเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาจากเตาร้อนแรง! ร่วงถล่มลงจากฟ้าเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นปานภูเขาไฟที่กำลังระเบิดปะทุ!!
เผชิญหน้ากับเตาหลอมมหึมาอันเต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชนร่วงเข้าใส่ปานดาวตก สีหน้าท่าทีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังแลดูสงบเฉยเมย ไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
จนเมื่อเตาหลอมขนาดใหญ่เข้ามาใกล้ ก็ปรากฏร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกคนแยกออกมา เป็นร่างแกแห่งความตายของกฏแห่งความตาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยไอพลังสีดำ มองไปคล้ายมีมังกรทมิฬเวีนวนรอบกาย โจนทะยานขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับเตาหลอมอันเขื่องอย่างห้าวหาญ!
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ชกเข้าใส่เตาหลอมอันเขื่องอย่างจัง และสามารถหยุดยั้งพลังสภาวะเตาหลอมได้ชะงัด! ทว่าเตาหลอมยังไม่สิ้นหลาย เพลิงไฟในเตาพลันพวยพุ่งขึ้นมาดั่งลาวาปะทุ จากนั้นก็โถมถันหมายกลืนร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที!!
มองไปยังสีหน้าของเจียงเหิงอวี่ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งปรากฏเส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นที่ขมับ ก็บอกให้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังใช้พลังควบคุมเตาหลอมเต็มกำลัง!
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเสียท่าหรือไม่?”
ในขณะที่หลายคนกำลังคิดไปแบบนี้เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า
“กรรร—!!”
เสียงสนั่นปานสัตว์ร้ายคำรามพลันดังขึ้น ท่ามกลางเพลิงไฟที่โถมมาดั่งลาวา ร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นบัดนี้สองตาทอแสงสีเลือดแดงฉาน อ้าปากคำรามออกมาอย่างดุดัน จากนั้นไอพลังแห่งความตายทั่วร่างพลันระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายคมกล้าของกระบี่! จากนั้นเพลิงไฟที่ดั่งธารลาวาไหลหลากดังกล่าว พอกระทบเข้ากับไอพลังอันน่ากลัวนั่นก็ดับมอดลงทันที!!
เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ไอพลังแห่งความตายที่ระเบิดออกมาก็รวมรั้งสู่หมัดขวาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นฉับไว จากนั้นร่างแยกแห่งความตายก็ ชกหมัดขวาเข้าใส่เตาหลอมมหึมาเต็มเหนี่ยว! ไอพลังแห่งความตายที่อัดแน่นไว้ พลันระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว!!
ตูมมมม!!
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เตาหลอมอันเขื่องก็กระเด็นละลิ่วไปปานดาวตก เพลิงไฟบนเตาได้ดับมอดลงไม่เหลือแม้สะเก็ดไฟ ถูกทำลายจนหมดสิ้น!
เจียงเหิงอวี่ที่ลอยร่างควบคุมเตาหลอมอยู่ไม่ไกล พลันกระอักโลหิตออกคำหนึ่ง ร่างยังผงะถอยไปหลายก้าวใหญ่ สีหน้าแลดูยักแย่ยักยันนัก
“ข้าแพ้”
เจียงเหิงอวี่สะบัดมือเรียกเตาหลอมอันเขื่องที่ปลิดปลิวให้ย้อนกลับมาอย่างอ่อนล้า…หรือกล่าวให้ชัดคือเตาหลอมที่ค่อยๆหดเล็กลง!
เนื่องจากเตาหลอมดังกล่าวค่อยๆหดเล็กลงขณะลอบกลับมา เช่นนั้นพอมาถึงมือของเจีงเหิงอวี่ ขนาดก็พอๆกับฝ่ามือของมันแล้ว จึงคว้าจับไว้ง่ายดาย
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ชนะไปในลักษณะนี้
เรื่องราวทั้งหมดมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาเดียว รวดเร็วจนอัจฉริยะส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวด้วยซ้ำ
นั่นเพราะมีแต่อัจฉริยะที่มีพลังสูงถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมองเห็นการประมือในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อครู่ และถึงจะเป้นแค่การประมือกันสั้นๆแต่เจียงเหิงอวี่ก็ได้ทุ่มพลังทั้งหมดออกไปแล้ว..ไอลีนโนเวล
อนิจจาพังทั้งหมดของเจียงเหิงอวี่ ภายใต้เงื้อมมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มันช่างเปราะบางเหลือเกิน…
แต่ต้นจนจบหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพียงส่งร่างแยกแห่งความตายออกไปลงมือเท่านั้น ร่างจริงยังลอยแน่นิ่งไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะอีกด้วย
“เหอะๆ หากจะบอกว่าเจียงเหิงอวี่เป็นเทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นยอดฝีมือล่ะก็…เช่นนั้นข้าพูดได้เลยยว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!”
“ไม่ผิด! อาศัยเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไป ไม่มีทางเอาชนะเจียงเหิงอวี่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแน่!”

ชัยชนะอันเด็ดขาดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกระตุ้นความสนใจของผู้ชมไม่น้อย จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ชนะศึกแล้ว ก็เหินร่างกลับไปนั่งข้างๆต้วนหลิงเทียนเหมือนเดิม
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียน กับคนอื่นๆ…ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ”
“อืม ข้าเห็นตั้งแต่รอบแรกแล้ว พวกมันนั่งด้วยกันตรงนั้นประจำ”
“โอย! นี่มันเป็นการรวมตัวอันใดกันเนี่ย? ต้วนหลิงเทียนก็ดี ซูหลี่ กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดี…แถมยังมีถังซานเป่าที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราอีกคน!”

เดิมทีก็มีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนกับพวก แต่ตอนนี้พอเห็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดอีกคน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนนัก
และตอนนี้ก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า พวกต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่ด้วกันตลอด แลดูจะรู้จักมักคุ้นกันดี
“หรือจะเป็นดั่งคำว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์…ยอดฝีมือก็มักจะอยู่กับยอดฝีมือ?”
เมื่อโดนหลายคนมองจ้องมา ทั้งได้ยินวาจาดังกล่าว พวกจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ ที่นั่งรวมกลุ่มอยู่กับพวกต้วนหลิงเทียนด้วยก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล พวกมันยังรู้สึกกดดันไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพอเสียงจากการประมือกันของคู่ประลองอีก 4 คู่ดังขึ้น ความสนใจของหลายๆคนก็เริ่มละออกไป
เวลาค่อยๆล่วงเลยไปอย่างเงียบงัน และพอฟ้าเริ่มมืดอีกครั้ง ช่วงแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ก็ถึงกาลยุติ…และช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ ถังซานเป่า และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเท่านั้นที่ทำผลงานได้ดี ยังมีอัจฉริยะที่เผยพลังฝีมือร้ายกาจออกมาไม่น้อย
อย่างเช่นจงกุ้ยอวี่ ผู้ฝึกตนจากอู๋หยาเทียนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง แต่พอลงมือในรอบที่ 4 ก็สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนยกใหญ่
และอวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน ก็ได้เผพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมา แต่ไม่ทราบว่านั่นใช่พลังทั้งหมดของมันแล้วหรือไม่ หากจะรู้ได้ก็คงต้องรอให้มันพบเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้มันลงมือจริงจังเท่านั้น
นอกจากนั้นก็มีอัจฉริยะบางคนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาให้เห็น
อย่างไรก็ตามแต่ จนถึงบัดนี้ก็มีเพียงจงกุ้ยอวี่และถังซานเป่า 2 คนเท่านั้น ที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาให้เห็นกันชัดๆ และเหตุผลที่แนทั้งคู่เผยพลังระดับนี้ออกมาก็เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันเป็นเทพสงคราม 4 ดารา หากไม่ลงมือจริงจังหน่อยก็คงยากจะเอาชนะได้…
ทุกคนเชื่อว่าต้องมีเทพสงคราม 5 ดาราอีกแน่นอน เพียงแค่คู่ต่อสู้ที่พบเจอไม่ใช่เทพสงคราม 4 ดารา เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการสบคู่ต่อสู้
ในเมื่อคู่ต่อสู้อ่อนด้อยกว่ามาก อาศัยพลังแค่บางส่วนก็เอาชนะได้ ยังจะมีใครบ้าจี้ลงมือเต็มกำลัง?
นั่นไม่ใช่เป็นการเผยไต๋โดยใช่เหตุหรือไร?
สำหรับจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่านั้น ไม่มีทางเลือก เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันคือเทพสงคราม 4 ดารา หากม่ำสแดงพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเลย ก็ไม่พ้นต้องเสียเวลาสู้ยืดเยื้อ ยากจะเอาชนะได้ง่ายๆ
“หลังจากนี้อีก 3 วัน ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ช่วงที่ 2 จักเริ่มขึ้น และจะเป็นการจับคู่ประลองตัวต่อตัว!”
เสียงของ ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักพลันดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการปิดม่านการประลองช่วงที่ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ลงแต่เพียงเท่านี้
และวันเวลาแค่ 3 วัน ก็ผ่านพ้นไปในพริบตาสำหรับทุกคน
อีกทั้งเวลา 3 วันก็มากพอให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นฟูรักษาตัวให้กลับมาพร้อมสมบูรณ์แว
สุดท้ายในรอบที่ 4 เมื่อทุกคนเห็นว่าท่าไม่ดีและสู้ผู้อื่นไม่ได้ ก็ไม่มีใครเลือกจะดันทุรังให้เจ็บตัว ทั้งหมดชิงบดขยี้ป้ายหยกเพื่อยอมแพ้ออกมาทั้งสิ้น
ก่อนที่จะเริ่มช่วงที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ อัจฉริยะทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูชมไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม พอมันเริ่มขึ้นจริงๆทุกคนก็พบว่า…
ผู้ที่ทำงานโดดเด่นในรอบก่อนๆ จะไม่พบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งมากนัก ล้วนพบเจอแต่ผู้ที่อ่อนด้อยกว่าทั้งสิ้น…ด้วยสาเหตุนี้ นับประสาอะไรกับผู้ที่ไม่ได้ลงมือจริงจังมาก่อน ต่อให้เป็นจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่าเอง ก็ไม่ได้ใช้พลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา
สุดท้าย 75 คนที่ลอยลำไปก่อน ก็ล้วนแต่แสดงผลงานเลิศล้ำในช่วงแรกทั้งสิ้น
75 คนที่แสดงผลงานเลิศล้ำที่ว่า ก็รวมถึงต้วนหลิงเทียนด้วย
“ดูเหมือนวิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจจัดการประลองเด็ดๆไว้รอบท้ายๆ…หากบอบกว่าช่วงแรกพวกมันยังไม่รู้ว่าผู้ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามและไร้ข้อมูลมากพอมีพลังฝีมือระดับไหน…หลังผ่านช่วงแรกของรอบที่ 4 ไป พวกมันก็พอกะประมาณได้คร่าวๆแล้ว”
จางเทียนโย่วกล่าว
“ก็จริงของเจ้า…”
ว่างถิงพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นตลอดช่วงที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และถังซานเป่า ก็กลายเป็นผู้ชมเช่นกัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3483

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3483 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คำพูดของถังซานเป่าใม่เพียงทำให้ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเท่านั้น ยังทำให้จางเทียนโย่วรู้สึกไร้คำจะกล่าว
ไฉนคนที่แลดูเหมือนตัวเหลวไหลไร้มาดยอดฝีมือผู้นี้ ถึงเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันที่บรรลุพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราได้?
เรื่องพรรค์นี้ต่อให้คิดในหัวก็ไม่น่าจะพูดออกมาไม่ใช่หรือไง?
ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลย?
“พี่น้องต้วน…ท่านเมตตาบอกข้าสักครั้งไม่ได้หรือ?”
หลังถังซานเป่าได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้ามันก็ฉายความกังวลขึ้นมาให้เห็น แต่ไม่นานก็หวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “อย่างไรก็ตาม…เรื่องสู้กัน ข้าว่าพี่น้องต้วนท่านกับข้าคงไม่ได้เจอกันเร็วๆนี้แน่”
“ขอเพียงหลังจากนี้คู่ต่อสู้ของพี่น้องต้วนร้ายกาจเข้าหน่อย พี่น้องต้วนท่านอย่างไรก็ต้องเผยพลังฝีมือออกมา ถึงตอนนั้นข้าค่อยชมดูเอาเองก็ได้ว่าข้าจะสู้ได้รึเปล่า ถ้ารู้สึกว่าสู้ไม่ได้ต่อให้เจอพี่น้องต้วนท่าน ข้าก็จะยอมแพ้ทันที”
พอได้ฟังวาจาประโยคต่อมาของถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกไร้คำจะกล่าวอีกคน
“จะว่าไปตอนนี้ในบรรดาพวกเรา 4 คน ก็เหลือแต่พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้วสิที่ยังไม่ได้ลงมือ?”
จากนั้นถังซานเป่าก็เบนความสนใจไปยังหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดื้อๆ
หลังจากจบการประลองของวันแล้ว เช้าวันต่อมาในชุดที่ 3 ก็ปรากฏชื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเหนือสังเวียนจนได้ และคู่ต่อสู้ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือ เจียงเหิงอวี่
“ในที่สุดเจียงเหิงอวี่ก็ลงสนามเสียที…เมื่อ 10 ปีก่อน เจียงเหิงอวี่ผู้นี้ก็มีพลังเทียบได้กับเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว ตอนนี้ไม่พ้นต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่”
มีเสียงดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งอีกฝั่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆพอจะรับทราบพลังฝีมือของคู่ต่อสู้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคร่าวๆ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้วิหารเฟิงฮ่าวจะมีการสร้างม่านแสงรายชื่ออัจฉริยะ 300 คนรวมถึงข้อมูล และหนึ่งในนั้นย่อมมีข้อมูลของเจียงเหิงอวี่…แต่ถ้าไม่ใช่คนที่วิหารเฟิงฮ่าวให้ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะจำ
คนที่ต้วนหลิงเทียนจำ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ววิหารเฟิงฮ่าวลงความเห็นว่าน่าจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราขึ้นไป
ในบรรดาคนเหล่านั้น ไม่มีเจียงเหิงอวี่
“เจียงเหิงอวี่ เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของศาลาหยวนเซียน ขุมกำลังระดับสวรรค์แห่งชื่อเหยียนเทียน แม้จะมีอายุแค่ 800 กว่าปีแต่พลังฝีมือก็บรรลุถึงเทพสงคราม 3 ดาราแล้ว หลายคนกล่าวกันว่าเจียงเหิงอวี่สมควรบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 4 ดาราได้ก่อนมีอายุครบพันแน่นอน”
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่น…เห็นว่าเป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเฟิงชิงเทียนหรือ?”
“ถึงมันเป็นผู้ฝึกตนพเนจรแล้วอย่างไร ข้าได้ยินมาว่าในบรรดาคนนับสิบที่ผ่านการทดสอบและมากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ร้ายกาจที่สุด นอกจากนั้นในรอบที่ 2 มันก็เผยความแข็งแกร่งไม่น้อย แถมยังลงมือได้น่ากลัวยิ่ง…กระทั่งเทพสงคราม 2 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ยังถูกมันกระชากหัวหลุดได้ง่ายดายปานสุนัข พลังฝีมือของมันอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 3 ดารา!”
“ข้าได้ยินอัจฉริยะที่มากับวิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนบอกวว่า พลังฝีมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หากไม่ใช่ยอดฝีมือเทพสงคราม 3 ดารา ก็ต้องเป็นถึงเทพสงคราม 4 ดารา!”

วาจาทำนองดังกล่าวดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งหลังต่างๆ เห็นได้ชัดว่าเหล่าอัจฉริยะก็ทำการบ้านมาดี มีไปหาข้อมูลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมาเรียบร้อย
ตอนนี้องด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็เหินร่างออกจากอัฒจันทร์ที่นั่ง ไปลอยร่างเผชิญหน้ากับเจียงเหิงอวี่เรียบร้อย
เจียงเหิงอวี่เป็นชายหนุ่มที่แลดูจริงจัง มาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่าย และบัดนี้สีหน้ามันกก็เคร่งขรึมนัก มองจ้องตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เย็นชาเบื้องหน้าอย่างเงียบงันไม่กล่าวคำใด และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่คิดจะเป็นฝ่ายพูดก่อน สุดท้ายทั้งคู่จึงเอาแต่มองจ้องกันเงียบๆพักหนึ่ง
ขวับ!
สุดท้ายเจียงเหิงอวี่ก็เป็นฝ่ายลงมือก่อน และทันทีที่ลงมือ มันก็นำอาวุธอมตะของมันออกมา เป็นอาวุธอมตะที่แลดูแปลกพิกล เพราะมันเป็นเตาหลอมขนาดเล็ก ทว่าเตาหลอมขนาดเล็กดังกล่าววหลังถูกมันโยนขึ้นฟ้าแล้ว ก็ขยายใหญ่ในฉับพลัน แถมยังปรากฏเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นมาจากเตาร้อนแรง! ร่วงถล่มลงจากฟ้าเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นปานภูเขาไฟที่กำลังระเบิดปะทุ!!
เผชิญหน้ากับเตาหลอมมหึมาอันเต็มไปด้วยเปลวไฟลุกโชนร่วงเข้าใส่ปานดาวตก สีหน้าท่าทีหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังแลดูสงบเฉยเมย ไร้ความยินดียินร้ายใดๆ
จนเมื่อเตาหลอมขนาดใหญ่เข้ามาใกล้ ก็ปรากฏร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกคนแยกออกมา เป็นร่างแกแห่งความตายของกฏแห่งความตาย ทั่วร่างเต็มไปด้วยไอพลังสีดำ มองไปคล้ายมีมังกรทมิฬเวีนวนรอบกาย โจนทะยานขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับเตาหลอมอันเขื่องอย่างห้าวหาญ!
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ชกเข้าใส่เตาหลอมอันเขื่องอย่างจัง และสามารถหยุดยั้งพลังสภาวะเตาหลอมได้ชะงัด! ทว่าเตาหลอมยังไม่สิ้นหลาย เพลิงไฟในเตาพลันพวยพุ่งขึ้นมาดั่งลาวาปะทุ จากนั้นก็โถมถันหมายกลืนร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที!!
มองไปยังสีหน้าของเจียงเหิงอวี่ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทั้งปรากฏเส้นเลือดเขียวปูดโปนขึ้นที่ขมับ ก็บอกให้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังใช้พลังควบคุมเตาหลอมเต็มกำลัง!
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเสียท่าหรือไม่?”
ในขณะที่หลายคนกำลังคิดไปแบบนี้เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า
“กรรร—!!”
เสียงสนั่นปานสัตว์ร้ายคำรามพลันดังขึ้น ท่ามกลางเพลิงไฟที่โถมมาดั่งลาวา ร่างแยกแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นบัดนี้สองตาทอแสงสีเลือดแดงฉาน อ้าปากคำรามออกมาอย่างดุดัน จากนั้นไอพลังแห่งความตายทั่วร่างพลันระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายคมกล้าของกระบี่! จากนั้นเพลิงไฟที่ดั่งธารลาวาไหลหลากดังกล่าว พอกระทบเข้ากับไอพลังอันน่ากลัวนั่นก็ดับมอดลงทันที!!
เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ไอพลังแห่งความตายที่ระเบิดออกมาก็รวมรั้งสู่หมัดขวาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นฉับไว จากนั้นร่างแยกแห่งความตายก็ ชกหมัดขวาเข้าใส่เตาหลอมมหึมาเต็มเหนี่ยว! ไอพลังแห่งความตายที่อัดแน่นไว้ พลันระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว!!
ตูมมมม!!
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เตาหลอมอันเขื่องก็กระเด็นละลิ่วไปปานดาวตก เพลิงไฟบนเตาได้ดับมอดลงไม่เหลือแม้สะเก็ดไฟ ถูกทำลายจนหมดสิ้น!
เจียงเหิงอวี่ที่ลอยร่างควบคุมเตาหลอมอยู่ไม่ไกล พลันกระอักโลหิตออกคำหนึ่ง ร่างยังผงะถอยไปหลายก้าวใหญ่ สีหน้าแลดูยักแย่ยักยันนัก
“ข้าแพ้”
เจียงเหิงอวี่สะบัดมือเรียกเตาหลอมอันเขื่องที่ปลิดปลิวให้ย้อนกลับมาอย่างอ่อนล้า…หรือกล่าวให้ชัดคือเตาหลอมที่ค่อยๆหดเล็กลง!
เนื่องจากเตาหลอมดังกล่าวค่อยๆหดเล็กลงขณะลอบกลับมา เช่นนั้นพอมาถึงมือของเจีงเหิงอวี่ ขนาดก็พอๆกับฝ่ามือของมันแล้ว จึงคว้าจับไว้ง่ายดาย
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ชนะไปในลักษณะนี้
เรื่องราวทั้งหมดมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาเดียว รวดเร็วจนอัจฉริยะส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวด้วยซ้ำ
นั่นเพราะมีแต่อัจฉริยะที่มีพลังสูงถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงจะมองเห็นการประมือในช่วงเวลาสั้นๆเมื่อครู่ และถึงจะเป้นแค่การประมือกันสั้นๆแต่เจียงเหิงอวี่ก็ได้ทุ่มพลังทั้งหมดออกไปแล้ว..ไอลีนโนเวล
อนิจจาพังทั้งหมดของเจียงเหิงอวี่ ภายใต้เงื้อมมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มันช่างเปราะบางเหลือเกิน…
แต่ต้นจนจบหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพียงส่งร่างแยกแห่งความตายออกไปลงมือเท่านั้น ร่างจริงยังลอยแน่นิ่งไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้ใช้อุปกรณ์อมตะอีกด้วย
“เหอะๆ หากจะบอกว่าเจียงเหิงอวี่เป็นเทพสงคราม 3 ดาราชนชั้นยอดฝีมือล่ะก็…เช่นนั้นข้าพูดได้เลยยว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็คือเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!”
“ไม่ผิด! อาศัยเทพสงคราม 4 ดาราทั่วไป ไม่มีทางเอาชนะเจียงเหิงอวี่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแน่!”

ชัยชนะอันเด็ดขาดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกระตุ้นความสนใจของผู้ชมไม่น้อย จากนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ชนะศึกแล้ว ก็เหินร่างกลับไปนั่งข้างๆต้วนหลิงเทียนเหมือนเดิม
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียน กับคนอื่นๆ…ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันตลอดเลยนะ”
“อืม ข้าเห็นตั้งแต่รอบแรกแล้ว พวกมันนั่งด้วยกันตรงนั้นประจำ”
“โอย! นี่มันเป็นการรวมตัวอันใดกันเนี่ย? ต้วนหลิงเทียนก็ดี ซูหลี่ กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดี…แถมยังมีถังซานเป่าที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราอีกคน!”

เดิมทีก็มีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนกับพวก แต่ตอนนี้พอเห็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอาชนะได้อย่างเด็ดขาดอีกคน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนนัก
และตอนนี้ก็เริ่มมีคนสังเกตเห็นว่า พวกต้วนหลิงเทียนนั่งอยู่ด้วกันตลอด แลดูจะรู้จักมักคุ้นกันดี
“หรือจะเป็นดั่งคำว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์…ยอดฝีมือก็มักจะอยู่กับยอดฝีมือ?”
เมื่อโดนหลายคนมองจ้องมา ทั้งได้ยินวาจาดังกล่าว พวกจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอวี่ ที่นั่งรวมกลุ่มอยู่กับพวกต้วนหลิงเทียนด้วยก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล พวกมันยังรู้สึกกดดันไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพอเสียงจากการประมือกันของคู่ประลองอีก 4 คู่ดังขึ้น ความสนใจของหลายๆคนก็เริ่มละออกไป
เวลาค่อยๆล่วงเลยไปอย่างเงียบงัน และพอฟ้าเริ่มมืดอีกครั้ง ช่วงแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ก็ถึงกาลยุติ…และช่วงที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ ถังซานเป่า และหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเท่านั้นที่ทำผลงานได้ดี ยังมีอัจฉริยะที่เผยพลังฝีมือร้ายกาจออกมาไม่น้อย
อย่างเช่นจงกุ้ยอวี่ ผู้ฝึกตนจากอู๋หยาเทียนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง แต่พอลงมือในรอบที่ 4 ก็สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนยกใหญ่
และอวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน ก็ได้เผพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมา แต่ไม่ทราบว่านั่นใช่พลังทั้งหมดของมันแล้วหรือไม่ หากจะรู้ได้ก็คงต้องรอให้มันพบเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้มันลงมือจริงจังเท่านั้น
นอกจากนั้นก็มีอัจฉริยะบางคนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก เผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราออกมาให้เห็น
อย่างไรก็ตามแต่ จนถึงบัดนี้ก็มีเพียงจงกุ้ยอวี่และถังซานเป่า 2 คนเท่านั้น ที่เปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาให้เห็นกันชัดๆ และเหตุผลที่แนทั้งคู่เผยพลังระดับนี้ออกมาก็เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันเป็นเทพสงคราม 4 ดารา หากไม่ลงมือจริงจังหน่อยก็คงยากจะเอาชนะได้…
ทุกคนเชื่อว่าต้องมีเทพสงคราม 5 ดาราอีกแน่นอน เพียงแค่คู่ต่อสู้ที่พบเจอไม่ใช่เทพสงคราม 4 ดารา เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อจัดการสบคู่ต่อสู้
ในเมื่อคู่ต่อสู้อ่อนด้อยกว่ามาก อาศัยพลังแค่บางส่วนก็เอาชนะได้ ยังจะมีใครบ้าจี้ลงมือเต็มกำลัง?
นั่นไม่ใช่เป็นการเผยไต๋โดยใช่เหตุหรือไร?
สำหรับจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่านั้น ไม่มีทางเลือก เพราะคู่ต่อสู้ของพวกมันคือเทพสงคราม 4 ดารา หากม่ำสแดงพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเลย ก็ไม่พ้นต้องเสียเวลาสู้ยืดเยื้อ ยากจะเอาชนะได้ง่ายๆ
“หลังจากนี้อีก 3 วัน ศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ช่วงที่ 2 จักเริ่มขึ้น และจะเป็นการจับคู่ประลองตัวต่อตัว!”
เสียงของ ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักพลันดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการปิดม่านการประลองช่วงที่ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ลงแต่เพียงเท่านี้
และวันเวลาแค่ 3 วัน ก็ผ่านพ้นไปในพริบตาสำหรับทุกคน
อีกทั้งเวลา 3 วันก็มากพอให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นฟูรักษาตัวให้กลับมาพร้อมสมบูรณ์แว
สุดท้ายในรอบที่ 4 เมื่อทุกคนเห็นว่าท่าไม่ดีและสู้ผู้อื่นไม่ได้ ก็ไม่มีใครเลือกจะดันทุรังให้เจ็บตัว ทั้งหมดชิงบดขยี้ป้ายหยกเพื่อยอมแพ้ออกมาทั้งสิ้น
ก่อนที่จะเริ่มช่วงที่ 2 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ อัจฉริยะทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูชมไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม พอมันเริ่มขึ้นจริงๆทุกคนก็พบว่า…
ผู้ที่ทำงานโดดเด่นในรอบก่อนๆ จะไม่พบเจอกับผู้ที่แข็งแกร่งมากนัก ล้วนพบเจอแต่ผู้ที่อ่อนด้อยกว่าทั้งสิ้น…ด้วยสาเหตุนี้ นับประสาอะไรกับผู้ที่ไม่ได้ลงมือจริงจังมาก่อน ต่อให้เป็นจงกุ้ยอวี่กับถังซานเป่าเอง ก็ไม่ได้ใช้พลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมา
สุดท้าย 75 คนที่ลอยลำไปก่อน ก็ล้วนแต่แสดงผลงานเลิศล้ำในช่วงแรกทั้งสิ้น
75 คนที่แสดงผลงานเลิศล้ำที่ว่า ก็รวมถึงต้วนหลิงเทียนด้วย
“ดูเหมือนวิหารเฟิงฮ่าวตั้งใจจัดการประลองเด็ดๆไว้รอบท้ายๆ…หากบอบกว่าช่วงแรกพวกมันยังไม่รู้ว่าผู้ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามและไร้ข้อมูลมากพอมีพลังฝีมือระดับไหน…หลังผ่านช่วงแรกของรอบที่ 4 ไป พวกมันก็พอกะประมาณได้คร่าวๆแล้ว”
จางเทียนโย่วกล่าว
“ก็จริงของเจ้า…”
ว่างถิงพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้นตลอดช่วงที่ 3 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบที่ 4 ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และถังซานเป่า ก็กลายเป็นผู้ชมเช่นกัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+