War sovereign Soaring The Heavens 3540

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3540 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3540 : ฟงชิงหยางระเบิดร่างอวตารกฏ!

 

เผ่าพันธุ์ภูตนั้นนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์นัก เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรูปแบบวิญญาณ

  

สิ่งมีชีวิตแบบนี้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเรียกว่าสูงล้ำมาตั้งแต่กำเนิด และเมื่อบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว คิดจะฆ่าตัวตนขอบเขตพลังเดียวกัน อาศัยแค่การโจมตีทางวิญญาณก็เกินพอ

  

อีกทั้งเผ่าพันธุ์ภูตยังเก่งในเรื่องเพ่งเล็งตามรอยวิญญาณมากที่สุด! เรียกว่าในสมัยโบราณเผ่าพันธุ์ภูตเคยถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์นักฆ่าแต่กำเนิดด้วยซ้ำ! ยากจะมีใครหลบหนีความตายได้!!

  

ฆ่าเซียนอมตะ ประหารเทพ!

  

ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ หรือกระทั่งร่างอวตารกฏ หากถูกเผ่าพันธุ์ภูตเพ่งเล็งวิญญาณแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะร่างจริงหรือร่างอวตารกฏอื่นๆก็ตามที

  

ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หมี่ซวน ตัวช่วยที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลเผยพลังระดับราชาเทพขั้นกลางออกมา สองตาจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักอย่าง หวู่หงชิง ถึงได้ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที เพราะมันรู้ดีว่าฟงชิงหยางใกล้จบสิ้นแล้ว!

  

ฟงชิงหยางยังพึ่งเป็นราชาเทพขั้นต่ำเท่านั้น

  

การเผชิญหน้ากับเผ่าภูตที่เป็นราชาเทพขั้นกลางนั้น ต่อให้เป็นตัวมันเองถ้าไม่มีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณที่สืบทอดต่อกันมาในวิหารเฟิงฮ่าว ก็ไม่กล้าพูดว่าจะรอดชีวิตได้ด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงฟงชิงหยางที่ยังเป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำ และไม่น่าจะมีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณเลย!

  

‘เว้นเสียแต่มันจะมีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณ…แต่เรื่องพรรค์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย’

  

หวู่หงชิงลอบกล่าวในใจ

  

ซัว!

  

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เขาพบว่าเผ่าภูตที่พึ่งปรากฏตัวนั่น อยู่ๆก็ได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นลำแสงสีเลือดพุ่งไปดั่งเงาเลือนรางสายหนึ่ง และไม่ทันที่อาจารย์เขาจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว มันก็บรรลุถึงหว่างคิ้วอาจารย์เขาแล้ว!

  

ยังจมหายไปในชั่วพริบตา!

  

ต่อมาเขาก็พบว่าร่างอวตารกฏดินของอาจารย์ไม่เพียงจะปรากฏพลังเทพที่ผสานเข้ากับพลังของกฏธาตุดินปะทุออกมาอย่างรุนแรง ยังปรากฏคลื่นพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว และเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าคลื่นพลังวิญญาณดังกล่าวมันเกิดจากพลังวิญญาณ 2 ขุมปะทะกัน!

  

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเผ่าภูตนั่นมีเปรียบ!

  

‘ท่าไม่ดีแล้ว!’

  

เห็นฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฉับพลัน หน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนสีทันที อย่าว่าแต่ตอนนี้อาจารย์เขาเป็นแค่ร่างอวตารกฏดินที่พลังวิญญาณไม่อาจเทียบร่างจริงได้เลย…

  

อาศัยกลิ่นอายพลังวิญญาณมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างภูตนั่น เขาก็ตระหนักได้ชัดว่าพลังวิญญาณของมันร้ายกาจขนาดไหน กระทั่งให้เป็นร่างจริงของอาจารย์เขาก็เทียบไม่ได้!

  

กอปรกับเรื่องที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนสมควรรู้ทั้งรู้ว่าอาจารย์เขาบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว แต่มันยังเผยความมั่นใจออกมาเสียเต็มประดาเช่นนั้น ก็บ่งบอกชัดเจนว่าพี่ชายของมันแข็งแกร่งกว่าราชาเทพขั้นต่ำ และอย่างน้อยก็สมควรเป็นราชาเทพขั้นกลาง!

  

“อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้เจ้าเป็นแค่ร่างอวตารกฏดิน…ต่อให้ร่างจริงเจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าคิดจะฆ่าเจ้าอาศัยแค่หนึ่งห้วงคิดก็เหลือเฟือ!”

  

ทันใดนั้นเอง เสียงไม่แยแสของหมี่ซวนผู้นำเผ่าภูต พลันดังขึ้นจากร่างของฟงชิงหยางอย่างน่ากลัว!

  

และเสียงมันยังดังไม่ทันจบคำดี ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนหรือใคร ก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีกลิ่นอายพลังวิญญาณหนึ่งกำลังกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลิ่นอายพลังวิญญาณอีกหนึ่งกำลังอ่อนโทรมลงทุกขณะ…และที่อ่อนโทรมลงก็เป็นกลิ่นอายพังวิญญาณของฟงชิงหยางนั่นเอง! แค่เวลาชั่วพริบตาก็เบาบางจนคล้ายจะสลายไปกับสายลมได้ตลอดเวลาแล้ว!!

  

“หากเจ้ากล้าแตะต้องลูกศิษย์ข้า สักวันข้าจะไปเยือนโลกแห่งความตาย และฆ่าล้างทุกชีวิตในเผ่าพันธุ์ภูตของเจ้าให้สิ้น!”

  

ในขณะที่วิญญาณของฟงชิงหยางกำลังถูกทำลายลงทุกขณะ เสียงเย็นชาแฝงอำมหิตของฟงชิงหยางก็ดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกเสมือนมีไอเย็นแล่นผ่านร่างไปวูบหนึ่ง ชวนให้บังเกิดความหนาวเหน็บจับใจนัก!

  

“ข้าเชื่อว่าในอนาคตเจ้าต้องมีพลังสามารถทำเช่นนั้นได้แน่…”

  

เสียงของหมี่ซวนดังขึ้นอีกครั้ง “อาศัยเวลาเพียงแค่หมื่นปีเศษ เจ้ากลับประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้…เช่นนั้นอนาคตเจ้าจะกลายเป็นจอมราชันเทพ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิเทพก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าถูกลิขิตให้ไม่มีโอกาสเติบโตอีกแล้ว”

  

“เพราะหลังจากทำลายร่างอวตารกฏดินของเจ้าแล้วเสร็จ…ข้าจักตามรอยวิญญาณของเจ้าไป และทำลายร่างอวตารกฏทั้งหลายรวมถึงร่างจริงของเจ้าให้สิ้นซาก เพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม!”

  

กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของหมี่ซวนก็เยียบเย็นนัก

  

“เสี่ยวเทียน หนีไป!”

  

ฟงชิงหยางส่งเสียงผ่านพลังมาถึงต้วนหลิงเทียนอย่างรีบร้อน จากนั้นร่างกายก็บังเกิดการระเบิดขึ้นในฉับพลัน! และพลังอำนาจจากการระเบิดออกของพลังเทพทั้งหมดในร่างอวตารกฏดินก็กวาดสะท้านออกมาทั่วสารทิศ ซัดกระแทกเข้าใส่ทุกคนในที่เกิดเหตุอย่างแรง!!

  

ปง! ปง! ปง!!

  

เสียงกระแทกดังสนั่นขึ้น 3 ครั้งติด เป็นอาวุโสสูงของวิหารเฟิงฮ่าวที่เหลืออยู่หนึ่งคน กับรองจ้าววิหารทั้งสองรวมถึงฉีคงไห่ ถูกพลังระเบิดซัดกระแทกเข้าอย่างจัง คนปลิวละลิ่วไปราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร ระหว่างทางยังกระอักโลหิตออกเป็นสาย!

  

ขณะเดียวกันกับที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ร่างหวู่หงชิงก็อันตรธานหายไปในชั่วพริบตา ปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนอย่างอัศจรรย์ และกางกั้นม่านพลังปกป้องหมี่เยี่ยนจากแรงระเบิดเอาไว้.ไอลีนโนเวล

  

แม้แต่อาวุโสสูงและชนชั้นรองจ้าววิหารทั้ง 2 ของวิหารเฟิงฮ่าว หวู่หงชิง ยังไม่แยแส เลือกจะปกป้องก็แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนเท่านั้น

  

“ขอบคุณจ้าววิหารหวู่”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนเร่งกล่าวขอบคุณหวู่หงชิงด้วยเสียงผ่านพลังทันที

  

ก่อนหน้านี้มันมีคิดคาดไว้แล้ว ว่าหากฟงชิงหยางจนตรอก…ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะเลือกจะจุดชนวนพลังเทพทั้งหมดเพื่อระเบิดร่างอวตารกฏแห่งดินทิ้งก่อนที่วิญญาณจะถูกทำลาย หมายเปิดทางให้ต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งสุดท้าย

  

ดังนั้นมันจึงส่งเสียงผ่านพลังไปหาหวู่หงชิงล่วงหน้า ว่าหากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นก็ขอให้ช่วยปกป้องมันด้วย

  

ถึงแม้ว่าฟงชิงหยางจะไม่ได้ลงมือเจาะจง และร่างอวตารกฏแห่งดินก็มีพลังอ่อนด้อยกว่ากฏทำลายล้างอันเป็นกฏหลักที่เชี่ยวชาญที่สุด แต่การจุดชนวนพลังให้ระเบิดของราชาเทพใช่อะไรที่ล้อเล่นได้หรือ มันทรงพลังมากพอจะบดขยี้ตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตราชาเทพทั้งหมดด้วยซ้ำ!

  

ถึงแม้ราชาเทพจะมีด่านพลังเหนือกว่าเทพแค่ขอบเขตเดียว แต่ความแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกันประหนึ่งอยู่คนละโลก!

  

ดุจเดียวกับการระเบิดร่างอวตารกฏของฟงชิงหยางครั้งนี้ แม้จะไม่เจาะจงทำร้ายอาวุโสสูงของวิหารเฟิงฮ่าวที่เป็นถึงเทพขั้นสูง แต่อีกฝ่ายก็ถูกแรงระเบิดซวัดกระแทกจนอาการสาหัสนัก

  

สำหรับรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวทั้ง 2 รวมถึงฉีคงไห่ พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นไม่เหลือแรงพยุงร่างกลางหาวอีกต่อไป แต่ละคนร่วงตกฟ้าลงไปนอนกองกับพื้นด้วยสภาพเจียนอยู่เจียนตาย มองไปยังจุดที่ฟงชิงหยางระเบิดตัวเองอีกครั้ง ในสายตาก็เต็มไปด้วยความสยดสยองหวาดกลัวนัก

  

แค่ร่างอวตารกฏดินของฟงชิงหยาง ยังทรงพลังถึงขนาดนี้?

  

หากร่างจริงรวมถึงร่างอวตารกฏทำลายล้างมาที่นี่ด้วยตัวเอง มันจะทรงพลังถึงขนาดไหน!?

  

‘หนี!’

  

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงผ่านพลังของอาจารย์เขาก่อนระเบิดตัวเอง เขาก็ปะทุพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติเต็มกำลังติดต่อกันทันที พริบตาก็วูบร่างห่างออกจากจุดเดิมไปไกล

  

และในขณะที่วูบร่างจากมา พอมองย้อนกลับไปอีกครั้ง ก็พบว่าร่างอวตารกฏดินของอาจารย์ได้จุดชนวนระเบิด และอันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว…

  

‘อาจารย์เลือกจะระเบิดร่างอวตารกฏดินแบบนี้ เศษเสี้ยววิญญาณที่แฝงไว้ในนั้นไม่พ้นถูกทำลายเช่นกัน…และเมื่อเศษเสี้ยววิญญาณที่แบ่งออกมาสลายไป วิญญาณหลักของอาจารย์ก็สมควรได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง คิดจะฟื้นฟูกลับมารวมถึงสร้างร่างอวตารกฏดินอีกครั้งก็ต้องเสียเวลาควบรวมพลังไม่น้อย’

  

ถึงแม้ว่าการจุดชนวนร่างอวตารกฏดินของฟงชิงหยาง จะไม่ทำให้ร่างจริงของฟงชิงหยางได้รับผลกระทบอะไรมากมายนัก และขอเพียงพักฟื้นฟูพลังไม่นานก็สามารถกู้คืนพลังที่เสียไป รวมถึงควบสร้างร่างอวตารกฏดินได้ใหม่

  

อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอาจารย์เขาครั้งนี้ ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเดือดดาลถึงขีดสุด!

  

เผ่าภูตสารเลว!

  

“หืม?”

  

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนที่กำลังใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติหบหนีออกมาไม่หยุด อยู่ๆเขาก็พบว่าการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของเขาล้มเหลว พร้อมกันนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอาคมอันน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่วสารทิศ ‘ข่ายอาคมงั้นเหรอ!?’

  

ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ทันที

  

เขาย่อมรู้ว่าวิหารเฟิงฮ่าวลงมือแล้ว

  

ก่อนหน้านี้หลังจากอาจารย์เขาเผยพลังระดับราชาเทพ วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่กล้าก่อการบุ่มบ่ามอีก

  

ทว่าต่อมาพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลกลับปรากฏตัวขึ้น และยังมาพร้อมพี่ชายจากเผ่าภูตที่เขาสงสัยว่าน่าจะมีพลังฝึกปรือระดับราชาเทพขั้นกลางขึ้นไป และมันก็ทรงพลังถึงขั้นสามารถบีบให้อาจารย์เขาจุดชนวนร่างอวตารกฏดินทิ้ง…

  

ที่สำคัญ พี่ชายของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั่นก็ลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะตามล่าอาจารย์เขา

  

ซ้ำร้ายเผ่าพันธุ์ภูตมีความสามารถในการทำเช่นนั้นจริงๆ! วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่น่าจะกริ่งเกรงอะไรอาจารย์เขาสืบไป!!

  

เรื่องความสามารถของเผ่าพันธุ์ภูต ต้วนหลิงเทียนได้สอบถามรายละเอียดจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นตั้งแต่ตอนอยู่ในศึกอัจฉริยะสวรรค์จนรู้หมดแล้ว…อย่างไรเสียเขาก็ตกเป็นเป้าของเผ่าภูต หากไม่รู้ความสามารถอีกฝ่าย เกรงว่าวันหน้าคงได้ตายไม่รู้ตัว

  

ถึงแม้อาจารย์เขาจะทรงพลังไม่ใช่ชั่ว แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ไม่อาจอยู่ปกป้องเขาได้ตลอดเวลา

  

มีเพียงรู้เขารู้เราเท่านั้น รบร้อยครั้งจึงจะชนะร้อยครั้ง!

  

‘จ้าววิหารหวู่หงชิงนั่น ที่ไม่ทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้และเอาแต่เฝ้าดูอยู่ข้างๆเท่านั้น ไม่พ้นต้องกลัวร่างอวตารกฏทำลายล้างและร่างจริงของอาจารย์…แต่ตอนนี้พอร่างอวตารกฏดินของอาจารย์สลายไป รวมถึงมีราชาเทพของเผ่าภูตเข้ามาสอดมือ มันจึงตัดสินใจลงมือกับข้าต่อทันที ไม่พ้นคงเชื่อว่าอาจารย์ไม่อาจหลบหนีการตามล่าของเผ่าภูตนั่นได้แน่…ก็เลยไม่กลัวอีกต่อไป!’

  

ในห้วงเวลาพริบตาที่พลังอาคมปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่าง

  

อย่างไรก็ตามแม้จะครุ่นคิดเรื่องราวมากมายในหัว แต่สองมือเขาก็ไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว ปะทุพลังทั้งหมดเพื่อจู่โจมเข้าใส่ข่ายอาคมโดยรอบทันที อย่างไรก็ตามเขาพบว่าแม้พลังของเขาจะทำให้ข่ายอาคมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจฝ่าทำลายออกไปได้ และข่ายอาคมยังคงความแข็งแกร่งไม่แปรเปลี่ยน

  

“ไร้ประโยชน์”

  

ทันใดนั้นร่างหวู่หงชิงพลันวูบมาปรากฏตัวไม่ห่างจากต้วนหลิงเทียน มองกล่าวว่า “ค่ายกลของวิหารเฟิงฮ่าวเรา ทรงพลังมากพอหยุดยั้งตัวตนใต้ขอบเขตเทพได้ทั้งมวล…หากพลังของเจ้าไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นออกจากข่ายอาคมผนึกของพวกเรา”

  

“ฮ่าๆๆ!”

  

หลังหวู่หงชิงปรากฏตัวไม่ทันไร พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลก็ปรากฏตัวตามติด และตอนนี้มันก็กำลังมองร่างต้วนหลิงเทียนขึ้นๆลงๆด้วยสองตาเป็นประกายสว่างจ้า คล้ายกำลังชื่นชมผงานศิลปะอันสมบูรณ์แบบ “ต้วนหลิงเทียน สุดท้ายเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือข้าจนได้!”

  

ฟุ่บ!

  

หลังหวู่หงชิงกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนปรากฏตัวได้ไม่ทันไร ร่างวิญญาณหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และสองตามันก็กวาดมองร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ “น้องเยี่ยน นี่น่ะหรือร่างกายสมบูรณ์แบบที่เจ้าต้องการ?”

  

“ใช่แล้วพี่ใหญ่!”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนพยักหน้ารับ ตอนนี้ใบหน้ามันฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีนัก “พี่ใหญ่ ครั้งนี้ข้าต้องขอขอบคุณท่านอย่างยิ่ง!”

  

“วันหน้าหากมีโอกาส ข้าต้องตอบแทนท่านแน่!”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนตอนนี้ เรียกว่าดีใจปานลิงโลดแล้วจริงๆ

  

“ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องกล่าวคำขอบคุณอันใด”

  

หมี่ซวนส่ายหน้าไปมา “อย่างไรก็ตามน้องเยี่ยน หลังจากเจ้าชิงร่างมันแล้ว ก็ไปหาที่ซ่อนสักพักเถอะ…ข้าเกรงว่าฟงชิงหยางนั่นจะไปยังเผ่าภูตเราเพื่อเปิดเผยเรื่องนี้ก่อนที่ข้าจะพบตัวมัน”

  

“ท้ายที่สุดแล้ว กฏของเผ่าภูตเราที่ห้ามไม่ให้ใครยึดครองร่างผู้อื่นก็ไม่ได้รู้กันแค่ในเผ่าเท่านั้น…แม้แต่คนนอกก็ล่วงรู้เรื่องนี้กันไม่น้อย”

  

หมี่ซวนเผยความกังวลออกมา

  

“พี่ใหญ่ เรื่องนี้ขอท่านอย่าได้เป็นห่วง”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าวออกมาอย่างไม่ยึดถือเป็นจริงจัง “ข้าได้หารือกับจ้าววิหารหวู่แล้ว หลังจากข้าชิงร่างต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ ข้าจะแบ่งปัน 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลกของมันให้แก่วิหารเฟิงฮ่าว จากนั้นวิหารเฟิงฮ่าวจะเป็นผู้รับรองความปลอดภัยให้ข้าเอง”

  

“เมื่อข้าอาศัยอยู่ในวิหารเฟิงฮ่าว อาศัยพลังสะกดของวิหารเฟิงฮ่าว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในเผ่า ข้าเชื่อว่าก็ไม่กล้าก่อการวู่วามอะไรแน่”

  

เห็นได้ชัดว่าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนมั่นใจใน ‘ผู้สนับสนุน’ ที่มันหามาอย่างมาก

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3540

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3540 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3540 : ฟงชิงหยางระเบิดร่างอวตารกฏ!

 

เผ่าพันธุ์ภูตนั้นนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์นัก เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรูปแบบวิญญาณ

  

สิ่งมีชีวิตแบบนี้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเรียกว่าสูงล้ำมาตั้งแต่กำเนิด และเมื่อบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว คิดจะฆ่าตัวตนขอบเขตพลังเดียวกัน อาศัยแค่การโจมตีทางวิญญาณก็เกินพอ

  

อีกทั้งเผ่าพันธุ์ภูตยังเก่งในเรื่องเพ่งเล็งตามรอยวิญญาณมากที่สุด! เรียกว่าในสมัยโบราณเผ่าพันธุ์ภูตเคยถูกกล่าวขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์นักฆ่าแต่กำเนิดด้วยซ้ำ! ยากจะมีใครหลบหนีความตายได้!!

  

ฆ่าเซียนอมตะ ประหารเทพ!

  

ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพ หรือกระทั่งร่างอวตารกฏ หากถูกเผ่าพันธุ์ภูตเพ่งเล็งวิญญาณแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะร่างจริงหรือร่างอวตารกฏอื่นๆก็ตามที

  

ด้วยเหตุนี้ทันทีที่หมี่ซวน ตัวช่วยที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลเผยพลังระดับราชาเทพขั้นกลางออกมา สองตาจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักอย่าง หวู่หงชิง ถึงได้ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที เพราะมันรู้ดีว่าฟงชิงหยางใกล้จบสิ้นแล้ว!

  

ฟงชิงหยางยังพึ่งเป็นราชาเทพขั้นต่ำเท่านั้น

  

การเผชิญหน้ากับเผ่าภูตที่เป็นราชาเทพขั้นกลางนั้น ต่อให้เป็นตัวมันเองถ้าไม่มีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณที่สืบทอดต่อกันมาในวิหารเฟิงฮ่าว ก็ไม่กล้าพูดว่าจะรอดชีวิตได้ด้วยซ้ำ…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงฟงชิงหยางที่ยังเป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำ และไม่น่าจะมีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณเลย!

  

‘เว้นเสียแต่มันจะมีอุปกรณ์เทพป้องกันวิญญาณ…แต่เรื่องพรรค์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย’

  

หวู่หงชิงลอบกล่าวในใจ

  

ซัว!

  

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน เขาพบว่าเผ่าภูตที่พึ่งปรากฏตัวนั่น อยู่ๆก็ได้แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นลำแสงสีเลือดพุ่งไปดั่งเงาเลือนรางสายหนึ่ง และไม่ทันที่อาจารย์เขาจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว มันก็บรรลุถึงหว่างคิ้วอาจารย์เขาแล้ว!

  

ยังจมหายไปในชั่วพริบตา!

  

ต่อมาเขาก็พบว่าร่างอวตารกฏดินของอาจารย์ไม่เพียงจะปรากฏพลังเทพที่ผสานเข้ากับพลังของกฏธาตุดินปะทุออกมาอย่างรุนแรง ยังปรากฏคลื่นพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว และเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าคลื่นพลังวิญญาณดังกล่าวมันเกิดจากพลังวิญญาณ 2 ขุมปะทะกัน!

  

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเผ่าภูตนั่นมีเปรียบ!

  

‘ท่าไม่ดีแล้ว!’

  

เห็นฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฉับพลัน หน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนสีทันที อย่าว่าแต่ตอนนี้อาจารย์เขาเป็นแค่ร่างอวตารกฏดินที่พลังวิญญาณไม่อาจเทียบร่างจริงได้เลย…

  

อาศัยกลิ่นอายพลังวิญญาณมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างภูตนั่น เขาก็ตระหนักได้ชัดว่าพลังวิญญาณของมันร้ายกาจขนาดไหน กระทั่งให้เป็นร่างจริงของอาจารย์เขาก็เทียบไม่ได้!

  

กอปรกับเรื่องที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนสมควรรู้ทั้งรู้ว่าอาจารย์เขาบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว แต่มันยังเผยความมั่นใจออกมาเสียเต็มประดาเช่นนั้น ก็บ่งบอกชัดเจนว่าพี่ชายของมันแข็งแกร่งกว่าราชาเทพขั้นต่ำ และอย่างน้อยก็สมควรเป็นราชาเทพขั้นกลาง!

  

“อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้เจ้าเป็นแค่ร่างอวตารกฏดิน…ต่อให้ร่างจริงเจ้าอยู่ตรงนี้ ข้าคิดจะฆ่าเจ้าอาศัยแค่หนึ่งห้วงคิดก็เหลือเฟือ!”

  

ทันใดนั้นเอง เสียงไม่แยแสของหมี่ซวนผู้นำเผ่าภูต พลันดังขึ้นจากร่างของฟงชิงหยางอย่างน่ากลัว!

  

และเสียงมันยังดังไม่ทันจบคำดี ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนหรือใคร ก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีกลิ่นอายพลังวิญญาณหนึ่งกำลังกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลิ่นอายพลังวิญญาณอีกหนึ่งกำลังอ่อนโทรมลงทุกขณะ…และที่อ่อนโทรมลงก็เป็นกลิ่นอายพังวิญญาณของฟงชิงหยางนั่นเอง! แค่เวลาชั่วพริบตาก็เบาบางจนคล้ายจะสลายไปกับสายลมได้ตลอดเวลาแล้ว!!

  

“หากเจ้ากล้าแตะต้องลูกศิษย์ข้า สักวันข้าจะไปเยือนโลกแห่งความตาย และฆ่าล้างทุกชีวิตในเผ่าพันธุ์ภูตของเจ้าให้สิ้น!”

  

ในขณะที่วิญญาณของฟงชิงหยางกำลังถูกทำลายลงทุกขณะ เสียงเย็นชาแฝงอำมหิตของฟงชิงหยางก็ดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกเสมือนมีไอเย็นแล่นผ่านร่างไปวูบหนึ่ง ชวนให้บังเกิดความหนาวเหน็บจับใจนัก!

  

“ข้าเชื่อว่าในอนาคตเจ้าต้องมีพลังสามารถทำเช่นนั้นได้แน่…”

  

เสียงของหมี่ซวนดังขึ้นอีกครั้ง “อาศัยเวลาเพียงแค่หมื่นปีเศษ เจ้ากลับประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้…เช่นนั้นอนาคตเจ้าจะกลายเป็นจอมราชันเทพ หรือแม้กระทั่งจักรพรรดิเทพก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าถูกลิขิตให้ไม่มีโอกาสเติบโตอีกแล้ว”

  

“เพราะหลังจากทำลายร่างอวตารกฏดินของเจ้าแล้วเสร็จ…ข้าจักตามรอยวิญญาณของเจ้าไป และทำลายร่างอวตารกฏทั้งหลายรวมถึงร่างจริงของเจ้าให้สิ้นซาก เพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม!”

  

กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของหมี่ซวนก็เยียบเย็นนัก

  

“เสี่ยวเทียน หนีไป!”

  

ฟงชิงหยางส่งเสียงผ่านพลังมาถึงต้วนหลิงเทียนอย่างรีบร้อน จากนั้นร่างกายก็บังเกิดการระเบิดขึ้นในฉับพลัน! และพลังอำนาจจากการระเบิดออกของพลังเทพทั้งหมดในร่างอวตารกฏดินก็กวาดสะท้านออกมาทั่วสารทิศ ซัดกระแทกเข้าใส่ทุกคนในที่เกิดเหตุอย่างแรง!!

  

ปง! ปง! ปง!!

  

เสียงกระแทกดังสนั่นขึ้น 3 ครั้งติด เป็นอาวุโสสูงของวิหารเฟิงฮ่าวที่เหลืออยู่หนึ่งคน กับรองจ้าววิหารทั้งสองรวมถึงฉีคงไห่ ถูกพลังระเบิดซัดกระแทกเข้าอย่างจัง คนปลิวละลิ่วไปราวลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร ระหว่างทางยังกระอักโลหิตออกเป็นสาย!

  

ขณะเดียวกันกับที่เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ร่างหวู่หงชิงก็อันตรธานหายไปในชั่วพริบตา ปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนอย่างอัศจรรย์ และกางกั้นม่านพลังปกป้องหมี่เยี่ยนจากแรงระเบิดเอาไว้.ไอลีนโนเวล

  

แม้แต่อาวุโสสูงและชนชั้นรองจ้าววิหารทั้ง 2 ของวิหารเฟิงฮ่าว หวู่หงชิง ยังไม่แยแส เลือกจะปกป้องก็แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนเท่านั้น

  

“ขอบคุณจ้าววิหารหวู่”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนเร่งกล่าวขอบคุณหวู่หงชิงด้วยเสียงผ่านพลังทันที

  

ก่อนหน้านี้มันมีคิดคาดไว้แล้ว ว่าหากฟงชิงหยางจนตรอก…ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะเลือกจะจุดชนวนพลังเทพทั้งหมดเพื่อระเบิดร่างอวตารกฏแห่งดินทิ้งก่อนที่วิญญาณจะถูกทำลาย หมายเปิดทางให้ต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งสุดท้าย

  

ดังนั้นมันจึงส่งเสียงผ่านพลังไปหาหวู่หงชิงล่วงหน้า ว่าหากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นก็ขอให้ช่วยปกป้องมันด้วย

  

ถึงแม้ว่าฟงชิงหยางจะไม่ได้ลงมือเจาะจง และร่างอวตารกฏแห่งดินก็มีพลังอ่อนด้อยกว่ากฏทำลายล้างอันเป็นกฏหลักที่เชี่ยวชาญที่สุด แต่การจุดชนวนพลังให้ระเบิดของราชาเทพใช่อะไรที่ล้อเล่นได้หรือ มันทรงพลังมากพอจะบดขยี้ตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตราชาเทพทั้งหมดด้วยซ้ำ!

  

ถึงแม้ราชาเทพจะมีด่านพลังเหนือกว่าเทพแค่ขอบเขตเดียว แต่ความแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกันประหนึ่งอยู่คนละโลก!

  

ดุจเดียวกับการระเบิดร่างอวตารกฏของฟงชิงหยางครั้งนี้ แม้จะไม่เจาะจงทำร้ายอาวุโสสูงของวิหารเฟิงฮ่าวที่เป็นถึงเทพขั้นสูง แต่อีกฝ่ายก็ถูกแรงระเบิดซวัดกระแทกจนอาการสาหัสนัก

  

สำหรับรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวทั้ง 2 รวมถึงฉีคงไห่ พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นไม่เหลือแรงพยุงร่างกลางหาวอีกต่อไป แต่ละคนร่วงตกฟ้าลงไปนอนกองกับพื้นด้วยสภาพเจียนอยู่เจียนตาย มองไปยังจุดที่ฟงชิงหยางระเบิดตัวเองอีกครั้ง ในสายตาก็เต็มไปด้วยความสยดสยองหวาดกลัวนัก

  

แค่ร่างอวตารกฏดินของฟงชิงหยาง ยังทรงพลังถึงขนาดนี้?

  

หากร่างจริงรวมถึงร่างอวตารกฏทำลายล้างมาที่นี่ด้วยตัวเอง มันจะทรงพลังถึงขนาดไหน!?

  

‘หนี!’

  

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงผ่านพลังของอาจารย์เขาก่อนระเบิดตัวเอง เขาก็ปะทุพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยการเคลื่อนย้ายข้ามมิติเต็มกำลังติดต่อกันทันที พริบตาก็วูบร่างห่างออกจากจุดเดิมไปไกล

  

และในขณะที่วูบร่างจากมา พอมองย้อนกลับไปอีกครั้ง ก็พบว่าร่างอวตารกฏดินของอาจารย์ได้จุดชนวนระเบิด และอันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว…

  

‘อาจารย์เลือกจะระเบิดร่างอวตารกฏดินแบบนี้ เศษเสี้ยววิญญาณที่แฝงไว้ในนั้นไม่พ้นถูกทำลายเช่นกัน…และเมื่อเศษเสี้ยววิญญาณที่แบ่งออกมาสลายไป วิญญาณหลักของอาจารย์ก็สมควรได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง คิดจะฟื้นฟูกลับมารวมถึงสร้างร่างอวตารกฏดินอีกครั้งก็ต้องเสียเวลาควบรวมพลังไม่น้อย’

  

ถึงแม้ว่าการจุดชนวนร่างอวตารกฏดินของฟงชิงหยาง จะไม่ทำให้ร่างจริงของฟงชิงหยางได้รับผลกระทบอะไรมากมายนัก และขอเพียงพักฟื้นฟูพลังไม่นานก็สามารถกู้คืนพลังที่เสียไป รวมถึงควบสร้างร่างอวตารกฏดินได้ใหม่

  

อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอาจารย์เขาครั้งนี้ ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเดือดดาลถึงขีดสุด!

  

เผ่าภูตสารเลว!

  

“หืม?”

  

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนที่กำลังใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติหบหนีออกมาไม่หยุด อยู่ๆเขาก็พบว่าการเคลื่อนย้ายข้ามมิติของเขาล้มเหลว พร้อมกันนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอาคมอันน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่วสารทิศ ‘ข่ายอาคมงั้นเหรอ!?’

  

ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ทันที

  

เขาย่อมรู้ว่าวิหารเฟิงฮ่าวลงมือแล้ว

  

ก่อนหน้านี้หลังจากอาจารย์เขาเผยพลังระดับราชาเทพ วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่กล้าก่อการบุ่มบ่ามอีก

  

ทว่าต่อมาพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลกลับปรากฏตัวขึ้น และยังมาพร้อมพี่ชายจากเผ่าภูตที่เขาสงสัยว่าน่าจะมีพลังฝึกปรือระดับราชาเทพขั้นกลางขึ้นไป และมันก็ทรงพลังถึงขั้นสามารถบีบให้อาจารย์เขาจุดชนวนร่างอวตารกฏดินทิ้ง…

  

ที่สำคัญ พี่ชายของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั่นก็ลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะตามล่าอาจารย์เขา

  

ซ้ำร้ายเผ่าพันธุ์ภูตมีความสามารถในการทำเช่นนั้นจริงๆ! วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่น่าจะกริ่งเกรงอะไรอาจารย์เขาสืบไป!!

  

เรื่องความสามารถของเผ่าพันธุ์ภูต ต้วนหลิงเทียนได้สอบถามรายละเอียดจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นตั้งแต่ตอนอยู่ในศึกอัจฉริยะสวรรค์จนรู้หมดแล้ว…อย่างไรเสียเขาก็ตกเป็นเป้าของเผ่าภูต หากไม่รู้ความสามารถอีกฝ่าย เกรงว่าวันหน้าคงได้ตายไม่รู้ตัว

  

ถึงแม้อาจารย์เขาจะทรงพลังไม่ใช่ชั่ว แต่สุดท้ายอาจารย์ก็ไม่อาจอยู่ปกป้องเขาได้ตลอดเวลา

  

มีเพียงรู้เขารู้เราเท่านั้น รบร้อยครั้งจึงจะชนะร้อยครั้ง!

  

‘จ้าววิหารหวู่หงชิงนั่น ที่ไม่ทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้และเอาแต่เฝ้าดูอยู่ข้างๆเท่านั้น ไม่พ้นต้องกลัวร่างอวตารกฏทำลายล้างและร่างจริงของอาจารย์…แต่ตอนนี้พอร่างอวตารกฏดินของอาจารย์สลายไป รวมถึงมีราชาเทพของเผ่าภูตเข้ามาสอดมือ มันจึงตัดสินใจลงมือกับข้าต่อทันที ไม่พ้นคงเชื่อว่าอาจารย์ไม่อาจหลบหนีการตามล่าของเผ่าภูตนั่นได้แน่…ก็เลยไม่กลัวอีกต่อไป!’

  

ในห้วงเวลาพริบตาที่พลังอาคมปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดได้กระจ่าง

  

อย่างไรก็ตามแม้จะครุ่นคิดเรื่องราวมากมายในหัว แต่สองมือเขาก็ไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว ปะทุพลังทั้งหมดเพื่อจู่โจมเข้าใส่ข่ายอาคมโดยรอบทันที อย่างไรก็ตามเขาพบว่าแม้พลังของเขาจะทำให้ข่ายอาคมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่อาจฝ่าทำลายออกไปได้ และข่ายอาคมยังคงความแข็งแกร่งไม่แปรเปลี่ยน

  

“ไร้ประโยชน์”

  

ทันใดนั้นร่างหวู่หงชิงพลันวูบมาปรากฏตัวไม่ห่างจากต้วนหลิงเทียน มองกล่าวว่า “ค่ายกลของวิหารเฟิงฮ่าวเรา ทรงพลังมากพอหยุดยั้งตัวตนใต้ขอบเขตเทพได้ทั้งมวล…หากพลังของเจ้าไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นออกจากข่ายอาคมผนึกของพวกเรา”

  

“ฮ่าๆๆ!”

  

หลังหวู่หงชิงปรากฏตัวไม่ทันไร พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลก็ปรากฏตัวตามติด และตอนนี้มันก็กำลังมองร่างต้วนหลิงเทียนขึ้นๆลงๆด้วยสองตาเป็นประกายสว่างจ้า คล้ายกำลังชื่นชมผงานศิลปะอันสมบูรณ์แบบ “ต้วนหลิงเทียน สุดท้ายเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือข้าจนได้!”

  

ฟุ่บ!

  

หลังหวู่หงชิงกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนปรากฏตัวได้ไม่ทันไร ร่างวิญญาณหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และสองตามันก็กวาดมองร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ “น้องเยี่ยน นี่น่ะหรือร่างกายสมบูรณ์แบบที่เจ้าต้องการ?”

  

“ใช่แล้วพี่ใหญ่!”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนพยักหน้ารับ ตอนนี้ใบหน้ามันฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีนัก “พี่ใหญ่ ครั้งนี้ข้าต้องขอขอบคุณท่านอย่างยิ่ง!”

  

“วันหน้าหากมีโอกาส ข้าต้องตอบแทนท่านแน่!”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนตอนนี้ เรียกว่าดีใจปานลิงโลดแล้วจริงๆ

  

“ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องกล่าวคำขอบคุณอันใด”

  

หมี่ซวนส่ายหน้าไปมา “อย่างไรก็ตามน้องเยี่ยน หลังจากเจ้าชิงร่างมันแล้ว ก็ไปหาที่ซ่อนสักพักเถอะ…ข้าเกรงว่าฟงชิงหยางนั่นจะไปยังเผ่าภูตเราเพื่อเปิดเผยเรื่องนี้ก่อนที่ข้าจะพบตัวมัน”

  

“ท้ายที่สุดแล้ว กฏของเผ่าภูตเราที่ห้ามไม่ให้ใครยึดครองร่างผู้อื่นก็ไม่ได้รู้กันแค่ในเผ่าเท่านั้น…แม้แต่คนนอกก็ล่วงรู้เรื่องนี้กันไม่น้อย”

  

หมี่ซวนเผยความกังวลออกมา

  

“พี่ใหญ่ เรื่องนี้ขอท่านอย่าได้เป็นห่วง”

  

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าวออกมาอย่างไม่ยึดถือเป็นจริงจัง “ข้าได้หารือกับจ้าววิหารหวู่แล้ว หลังจากข้าชิงร่างต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ ข้าจะแบ่งปัน 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลกของมันให้แก่วิหารเฟิงฮ่าว จากนั้นวิหารเฟิงฮ่าวจะเป็นผู้รับรองความปลอดภัยให้ข้าเอง”

  

“เมื่อข้าอาศัยอยู่ในวิหารเฟิงฮ่าว อาศัยพลังสะกดของวิหารเฟิงฮ่าว ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดในเผ่า ข้าเชื่อว่าก็ไม่กล้าก่อการวู่วามอะไรแน่”

  

เห็นได้ชัดว่าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนมั่นใจใน ‘ผู้สนับสนุน’ ที่มันหามาอย่างมาก

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+