War sovereign Soaring The Heavens 3541

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3541 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3541 : เสน่ห์ของเทพเบญจธาตุ!

 

“ในเมื่อเจ้าหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วแถมยังมั่นใจแบบนี้…ข้าก็วางใจ”

 

หมี่ชวนพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงหนัก “น้องเยี่ยนลงมือชิงร่างมันเลยเถอะ…รีบๆจัดการเสีย เจ้าจักได้รับทุกสิ่งทุกอย่างของมันเสียที”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนขานรับ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย

 

สําหรับหวูหงชิงกับหมีชวนนั้น สายตาที่พวกมันแต่ละคนใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับสายตาที่ใช้มองคนตายเลย

 

ทว่าในขณะที่ดวงตาของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเริ่มเปล่งแสงออกมาอย่างลี้ลับนั้นเอง

 

“ข้ามีข่าวของเทพเบญจธาตุ”

 

เผชิญหน้ากับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กําลังจะลงมือใช้ความสามารถชิงร่าง ต้วนหลิงเทียนเพียงกวาดตามองทั้ง 3 ด้วยสายตาสงบ เอ่ยคําออกมาด้วยน้ําเสียงไม่แยแส

 

เทพเบญจธาตุ

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กําลังจะลงมือก็ผงะไปทันที ส่วนหวูหงชิงกับหมีชวนก็หันกลับมามองจ้องเขาตาเขม็ง

 

“ห์!”

 

อย่างไรก็ตามไม่รอให้ใครพูดอะไร พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็พ่นลมขึ้นจมูกออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้ามีข่าวแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ข้าชิงร่างเจ้ามา ข้าก็ล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ารู้อยู่ดี! เช่นนั้นที่เจ้าพูดมาจะจริงหรือเท็จก็ไม่สําคัญ!”

 

“หากเป็นเรื่องจริง ข้าก็สามารถไปหาเทพเบญจธาตุนั่นได้ด้วยตัวเอง”

 

พระอาจารย์หมีเยี่ยนกล่าว

 

สิ้นคําของมัน ไม่ว่าจะหวูหงชิงหรือหมีชวนก็พยักหน้าออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว

 

“จ้าววิหารหวี่”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่แยแสพระอาจารย์หมี่เยี่ยน เพียงหันไปมองกล่าวกับหวูหงชิงเสียงเรียบ “ข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้ามีนั้น หากเป็นเท็จก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นความจริงมันที่ชิงร่างข้าแล้วก็สามารถเลือกจะโกหกว่าที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหล และเลือกที่จะอุบเงียบไว้ไม่แบ่งปันกับเจ้าได้”

 

“เพราะข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้าไม่ใช่ข่าวธรรมดาๆสถานที่แห่งนั้น เจ้าสามารถครอบครองเทพเบญจธาตุได้ครบทั้ง 5 ธาตุ”

 

“หากข้าพาพวกเจ้าไปที่นั่น…ไม่แน่ว่าพวกเจ้าแต่ละคนก็อาจจะได้ครอบครองเทพเบญจธาตุที่ ต้องการกันครบคน”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดจบ หวูหงชิงก็ขมวดคิ้วทันที เพราะก่อนหน้ามันไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ แต่พอได้ยินที่ต้วนหลิงเทียนพูดมา มันก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจริงๆ

 

“เจ้าหนู! อย่าได้คิดหว่านเมล็ดพันธุ์ความบาดหมางใส่พวกเราเสียให้ยาก!”

ใบหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชา มุมปากยกยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ในความคิดข้า เจ้ามิพ้นคิดใช้โอกาสนี้ออกจากวิหารเชิงย่าวเพื่อหาทางหลบหนีกระมัง?”

 

“ถึงข้าคิดแบบนั้นแล้วจะอย่างไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองพระอาจารย์หมี่เยี่ยนด้วยสายตาทําราวกับมองตัวโง่งม จากนั้นค่อยหันไปมองหวูหงชิง พลางกล่าวเสียงหนัก “จ้าววิหารหรู เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรได้แล้วกระมัง?”

 

“ทั้งหมดที่ข้าต้องการ ก็คือกลับไปชมดูบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้าย และหากเป็นไปได้ข้าก็อยากอยู่ที่นั่นในวาระสุดท้าย”

 

“นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของข้า”

 

“หากเจ้าสนองความต้องการสุดท้ายของข้าได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันสถานที่อันมีเทพเบญจธาตุแห่งนั้นออกไป..อ้อ ข้าลืมบอกไปว่า 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุที่อยู่ที่นั่น ตัวข้าได้รับมาแล้วธาตุหนึ่ง”

 

ขณะพูดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะใช้พลังของวารีเทพชําระโลกาให้แผ่ซ่านมาปกค ลุมไปทั่วร่างเขาทันที พลังอันอ่อนโยนปานสายน้ําขุมหนึ่งเริ่มฉาบเคลือบไปทั่วผิวกายเขา กลิ่น อายพลังลึกล้ําเริ่มกําจายออกไปในบรรยากาศ

 

“วารีเทพชําระโลกา!!”

 

และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้พลังของวารีเทพชําระโลกาออกมา ไม่ว่าจะหวูหงชิง หมี่ชวน หรือแม้แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยน แต่ละคนก็ตาลุกวาวขึ้นมาด้วยความโลภทันที!

 

เรื่องยึดครองร่างต้วนหลิงเทียนนั้น หวูหงชิงไม่เคยคิด หมี่ซวนไม่สนใจ จะมีก็แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนคนเดียวที่สนใจ

 

อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุ นั้นไม่มีใครไม่สนใจ!

 

ถึงแม้ว่าหมี่ซวนจะเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตที่ไม่มีร่างกาย แต่มันก็สามารถใช้พลังของเทพเบญจธาตุเพื่อช่วยเหลือในการเรียนรู้จตุรวิถีในสวรรค์และโลกได้

 

ต้องทราบด้วยว่า เทพเบญจธาตุนั้นเป็นหนึ่งในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด

 

ด้วยมีเทพเบญจธาตุไว้ในครอบครอง การทําความเข้าใจจตุรวิถีในสวรรค์และโลกก็เสมือนลงแรงครึ่งเดียวแต่ได้ผลเป็น 2 เท่า และสิ่งนี้ไม่แน่อาจทําให้มันทําลายโซ่ตรวนและขีดกําจัดที่มีกัน มาหลายยุคหลายสมัยของเผ่าภูต สามารถทะลวงผ่านขอบเขตราชาเทพขั้นสูง จนบรรลุถึงขอบเขตจอมราชั้นเทพได้!!

 

“นี่คือวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยสืบต่อออกมาด้วยน้ําเสียงเฉยเมย

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา สองตาหวูหงชิงกับหมี่เยี่ยนก็หดเล็กลงทันที กระทั่งร่างวิญญาณของหมีซวนยังสั่นไหวไปไม่น้อย

 

ถึงแม้พวกมันจะสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังแต่แรก ว่าวารีเทพชําระโลกาที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองไม่น่าจะใช่วารีเทพชําระโลกาธรรมดาๆ และสมควรมีขั้นสูงพอสมควร

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเป็นถึงวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7!

 

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเทพเบญจธาตุนั้นปกติแล้วจะมีแค่ 9 ขั้นเท่านั้น…กล่าวได้ว่าวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 มันก็ห่างจากขั้นที่ 9 อีกแค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นก็แค่รอเวลาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์

 

ในขณะที่ทั้ง 3 คนกําลังตื่นตระหนกตกใจ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาเสียงเฉยอีกครั้ง และไม่ต่างอะไรกับทิ้งระเบิดห่าใหญ่ลงกลางใจพวกมัน “สถานที่ๆข้ารู้ไม่เพียงมีเทพเบญจธาตุเหลืออยู่อีกถึง 4 ธาตุ…แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเหมือนวารีเทพชําระโอกาของข้าทั้งสิ้น พวกมันทั้งหมดเป็นเทพเบญจธาตุขั้นที่ 7”

 

“เดิมที่วารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่ข้ามีก็คิดชักชวนพวกมันให้ติดตามข้าไปด้วยกัน แต่พวกมันกลับปฏิเสธ และบอกว่าจะรอคอยผู้มีวาสนาที่มีชะตาต้องกันกับพวกมันมาพานพบ”

 

ตัวนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

 

“ข้ามีความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากวิญญาณข้าจะต้องถูกทําลาย ก็ขอให้ข้าไปใช้วาระสุดท้ายในชีวิตที่บ้านเกิดข้า…และเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่ข้าพูดถึง ก็อยู่ในระนาบโลกียะบ้านเกิดข้าเช่นกัน”

 

ถึงแม้ว่าคําพูดของต้วนหลิงเทียนจะกระตุ้นความโลภของทุกคน และมีความเย้ายวนใจถึงขีดสุด

 

อย่างไรก็ตามหรูหงชิง หมีชวนและหมี่เยี่ยนก็ไม่ใช่ตัวโง่งม เช่นนั้นพวกมันจึงไม่คิดเชื่อคําพูดของต้วนหลิงเทียนง่ายๆ ถึงต้วนหลิงเทียนจะเผยวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ออกมา แต่พวกมันก็ยัง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

“หมี่เยี่ยน”

 

หวูหงชิงหันไปมองกล่าวกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงเรียบ “เจ้าสามารถชิงร่างตัวนหลิง เทียนเสียตอนนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามข้าต้องการวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่มันมี!”

 

“สําหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือ ข้ายกให้เจ้ากับหมีชวน”

 

จังหวะนี้หวูหงชิงแลดูใจกว้างขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา

 

อันที่จริงก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่มันบังเกิดความโลภต่อวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ของต้วน หลิงเทียนอย่างยิ่งยวด สําหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุนั้น มันไม่รู้ว่าที่แท้มีอยู่จริงหรือไม่ เกิดต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมาล่ะ?

 

ในสถานการณ์แบบนี้ เลือกที่จะให้พระอาจารย์หมี่เยี่ยนมอบวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ออกมาก่อนเป็นดีที่สุด!

 

อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินคําพูดราวกับใจกว้างแต่คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวของหวูหงชิง หน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็เปลี่ยนสีทันที มันย่อมไม่เต็มใจเป็นธรรมดา จึงคลี่ยิ้มบางๆกล่าวว่า “เจ้าวิหารหวี่ขอท่านอย่าพึ่งรีบร้อน…”

 

“ในเมื่อมันอยากตายที่บ้านเกิด อีกทั้งเทพเบญญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือก็อยู่ที่บ้านเกิดมัน ไฉนพวกเราไม่ลองตามมันไปชมดูก่อนเล่า?”

 

“หากที่นั่นยังมีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุอยู่จริง ข้ายินดีมอบ 2 ธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าว ส่วนอีก 2 ธาตุรวมถึงวารีเทพชําระโลกาจะเป็นของข้ากับพี่ใหญ่…”

 

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าว

 

“แล้วถ้าหากมันโกหกเล่า?”

 

หวูหงชิงขมวดคิ้ว มันไม่อยากพลาดวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจริงๆ

 

“หากมันโกหก ข้าก็มิอาจทําอะไรได้เช่นกัน”

 

พระอาจารย์หมีเยี่ยนยักไหล่พลางกล่าว ความนัยวาจาของมันบอกชัดว่าหากเป็นแบบนั้นจริง หลังมันชิงร่างด้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ไม่คิดจะส่งมอบวารีเทพชําระโลกาออกมา

 

ทันใดนั้นสีหน้าของหวูหงชิงเปลี่ยนไปทันที

 

สุดท้ายหวูหงชิงก็ตัดสินใจเลือกจะเสี่ยงพาต้วนหลิงเทียนไปยังบ้านเกิดที่ว่าดู “เท่าที่ข้ารู้ ระนาบโลกียะบ้านเกิดเจ้ามิได้มีเพียงระนาบโลกียะเดียวกระมัง?”

 

“เช่นนั้นระนาบโลกียะบ้านเกิดที่เจ้ากําลังเอ่ยถึง ที่แท้เป็นระนาบเหยียนหวงหรือระนาบเซียนเล่า?”

 

พอได้ยินสิ่งที่หวูหงชิงพูดออกมารอบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจไม่ได้ เพราะไม่คิดเลยว่าหวูหงชิงจะรู้ความเป็นมาของเขาดีขนาดนี้

 

กล่าวให้ชัดคือ วิหารเฟิงฮ่าว รู้ความเป็นมาของเขาดี!

 

“ระนาบเหยียนหวง”

 

ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ถึงแม้ข้าจะถือว่ามีระนาบบ้านเกิด 2 แห่ง และอยู่ในระนาบเซียนนานกว่าระนาบเหยียนหวงจนทําให้ข้ารู้สึกผูกพันจนอยากกลับไปตายที่นั่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุที่เหลือทั้ง 4 ธาตุมันอยู่ในระนาบเหยียนหวง ไม่ใช่ระนาบเซียน”

 

“แต่แน่นอนว่าหลังจากพวกเจ้าได้รับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือแล้ว และยินดีที่จะพาข้ากับไปชมดูระนาบเซียนอีกสักครั้งก่อนจะจัดการข้า เช่นนั้นข้าจะขอบคุณพวกเจ้าเป็นอย่างมาก”

 

ฟังจากคําพูดไม่แยแสชีวิตของต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนจะปลงเรื่องที่ต้องตายได้แล้ว

 

“เจ้านับว่าเป็นคนฉลาด”

 

หวูหงชิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “หากเจ้าไม่ได้โกหกพวกเราจริงๆ เช่นนั้นหลังได้รับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว พวกเราจักพาเจ้าไปชมดูระนาบเซียนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้หมีเยี่ยนชิงร่างเจ้าที่นั้น”

 

สุดท้ายหวูหงชิงก็เลือกที่ให้หมี่เยี่ยนชิงร่างต้วนหลิงเทียนที่อื่น เพราะเทพเบญจธาตุมันมีเสน่ห์เย้ายวนยั่วใจมากเกินไป

 

กระทั่งหมี่ซวนเอง ก็เลือกที่จะพักเรื่องติดตามไปไล่ฆ่าร่างจริงกับร่างอวตารกฏอื่นๆของฟงชิงหยางไว้เป็นการชั่วคราว เลือกจะเดินทางไปยังระนาบเหยียนหวงกับหวูหงชิง หมีเยี่ยน และต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันเรื่องเทพเบญจธาตุก่อน

 

จากนั้นทุกคนก็เดินทางออกจากระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก โดยใช้ค่ายกลเคลี่อนย้ายเพื่อไปยังวิหารเชิงฮ่าวสาขาขี้เมียเทียนทันที

 

หลังจากไปถึงวิหารเชิงฮ่าวสาขาขี้เมียเทียนแล้ว ทั้งหมดก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังระนาบเหยียนหวง อันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดแห่งหนึ่งของต้วนหลิงเทียนต่ออย่างไม่รอช้า

 

“เทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุอยู่ที่ใด?”

 

หลังมาถึงระนาบเหยียนหวงแล้ว หวูหงชิง หมี่ซวน และหมี่เยี่ยนที่ติดตามด้วนหลิงเทียนมาอย่างใกล้ชิดก็เอ่ยถามขึ้น สองตาแต่ละคนมองจ้องเขาเขม็ง ราวกับจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาเด็ดขาด

 

กระทั่งหมีชวนเองยังเลือกจะเพ่งเล็งวิญญาณต้วนหลิงเทียนเอาไว้แต่แรก

 

“ไม่ใกล้ไม่ไกล สมควรเป็นทางนี้”

 

ต้วนหลิงเทียนพาทั้ง 3 เหินร่างท่องไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวของระนาบเหยียนหวง สองตากวาดมองไปรอบๆราวกับกําลังมองหาบางอย่าง

 

สํานึกเทวะเองก็แผ่ออกไปตลอดเวลา

 

สุดท้ายหลังจากเห็นร่างข้ามห้วงอวกาศอยู่เป็นเวลา 5 วัน ตัวนหลิงเทียนก็หยุดลง ก่อนจะมองจ้องไปยังดาวที่แลดูรกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่งเบื้องหน้า

 

ฟุบ!

 

จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติลงไปปรากฏตัวบนดาวอันรกร้างว่างเปล่าดังกล่าวก่อนใครอื่น

 

และแทบจะทันทีที่คนอื่นๆวูบร่างติดตามมาถึงบนดาว สีหน้าท่าทีของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะหมี่ซวนที่มีร่างเป็นวิญญาณ บัดนี้เรียกว่าร่างของมันสั่นไหวไปทั้งตัว!

 

“มีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือจริงๆ!”

 

“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเพลิงเทพโกลาหลนอกจากนั้นยังมีทองเทพสุดลี้ลับปฐพี เทพแรกกําเนิดฟ้าดิน และนั่นเป็นกลิ่นอายของพฤกษาเทพครองสวรรค์ไม่ผิดแน่!”

 

สองตาหวูหงซึ่งเป็นประกายสว่างจ้า เนื่องจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุบนดาวดวงนี้กําลังจะเป็นของวิหารเชิงฮ่าวของพวกมันถึง 2 ธาตุ!

 

ส่วนด้านพระอาจารย์หมี่เยี่ยน หลังได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุ สีหน้าแววตามันก็เต็มไปด้วยความเสียใจนัก! หากรู้แบบนี้มันคงไม่พูดจาคําโตรับปากว่าจะมอบเทพเบญจธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าวถึง 2 ธาตุหรอก!!

 

เนื่องเพราะมันคิดว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็แค่นั้นน้ําเป็นตัวเท่านั้น!

 

ด้านหมีชวนเองบัดนี้ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ได้ไหว เร่งโพล่งออกมาเสียงดังกว่าใคร “ในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้งหมด ข้าต้องการพฤกษาเทพครองสวรรค์!”

 

พฤกษาเทพครองสวรรค์นั้น เมื่อเทียบกับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว เป็นอะไรที่เหมาะสมกับร่างวิญญาณของมันมากกว่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากมันได้ครอบครองพฤกษาเทพครองสวรรค์แล้วล่ะก็ ขอเพียงหลอมผสานวิญญาณตัวเองลงไปได้ ถึงตอนนั้นมันก็อาศัยความสามารถของพฤกษาเทพครองสวรรค์ในการเปลี่ยนร่างวิญญาณของมันให้กลายเป็นรูปร่างอย่างอื่นได้ตามต้องการ!

 

ที่สําคัญที่สุดก็คือพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ ยังเหมาะสําหรับสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณของมันเป็นที่สุด! หากมันฝึกฝนโดยมีพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ช่วยเหลือ เรียกว่าลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์ถึง 2 เท่า!!

 

“ย่อมได้”

 

หวูหงชิงพยักหน้า “ข้าต้องการทองเทพสุดลี้ลับ กับเพลิงเทพโกลาหล

 

พอกล่าวออกมาอีกครั้ง หวูหงชิงก็จับจองเทพเบญจธาตุที่มุ่งเน้นในการโจมตีเป็นหลักทั้ง 2 ธาตุทันที!

 

“จ้าววิหารหวี่”

 

อย่างไรก็ตาม พอได้ยินคําพูดของหวูหงชิง พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ “แต่ไหนแต่ไรน้ํากับไฟล้วนเข้ากันไม่ได้ ข้าที่ถือครองวารีเทพชําระโลกาอยู่แล้ว เช่นนั้นเพลิงเทพโกลาหลสามารถมอบให้วิหารเฟิงฮาวท่านได้มิมีปัญหา”

 

“แต่ทองเทพสุดลี้ลับต้องเป็นของข้า!”

 

คําพูดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั้นก็เผยเจตนาชัดเจน ว่ามันต้องการวารีเทพชําระโลกากับทองเทพสุดลี้ลับ! ส่วนเพลิงเทพโกลาหลกับปฐพี่เทพแรกกําเนิดฟ้าดินนั้นสามารถมอบให้หวูหงชิงได้ไม่มีปัญหา

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3541

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3541 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3541 : เสน่ห์ของเทพเบญจธาตุ!

 

“ในเมื่อเจ้าหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วแถมยังมั่นใจแบบนี้…ข้าก็วางใจ”

 

หมี่ชวนพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงหนัก “น้องเยี่ยนลงมือชิงร่างมันเลยเถอะ…รีบๆจัดการเสีย เจ้าจักได้รับทุกสิ่งทุกอย่างของมันเสียที”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนขานรับ จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยตาเป็นประกาย

 

สําหรับหวูหงชิงกับหมีชวนนั้น สายตาที่พวกมันแต่ละคนใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับสายตาที่ใช้มองคนตายเลย

 

ทว่าในขณะที่ดวงตาของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเริ่มเปล่งแสงออกมาอย่างลี้ลับนั้นเอง

 

“ข้ามีข่าวของเทพเบญจธาตุ”

 

เผชิญหน้ากับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กําลังจะลงมือใช้ความสามารถชิงร่าง ต้วนหลิงเทียนเพียงกวาดตามองทั้ง 3 ด้วยสายตาสงบ เอ่ยคําออกมาด้วยน้ําเสียงไม่แยแส

 

เทพเบญจธาตุ

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่กําลังจะลงมือก็ผงะไปทันที ส่วนหวูหงชิงกับหมีชวนก็หันกลับมามองจ้องเขาตาเขม็ง

 

“ห์!”

 

อย่างไรก็ตามไม่รอให้ใครพูดอะไร พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็พ่นลมขึ้นจมูกออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “เจ้ามีข่าวแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ข้าชิงร่างเจ้ามา ข้าก็ล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้ารู้อยู่ดี! เช่นนั้นที่เจ้าพูดมาจะจริงหรือเท็จก็ไม่สําคัญ!”

 

“หากเป็นเรื่องจริง ข้าก็สามารถไปหาเทพเบญจธาตุนั่นได้ด้วยตัวเอง”

 

พระอาจารย์หมีเยี่ยนกล่าว

 

สิ้นคําของมัน ไม่ว่าจะหวูหงชิงหรือหมีชวนก็พยักหน้าออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัว

 

“จ้าววิหารหวี่”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่แยแสพระอาจารย์หมี่เยี่ยน เพียงหันไปมองกล่าวกับหวูหงชิงเสียงเรียบ “ข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้ามีนั้น หากเป็นเท็จก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นความจริงมันที่ชิงร่างข้าแล้วก็สามารถเลือกจะโกหกว่าที่ข้าพูดมาเป็นเรื่องเหลวไหล และเลือกที่จะอุบเงียบไว้ไม่แบ่งปันกับเจ้าได้”

 

“เพราะข่าวเทพเบญจธาตุที่ข้าไม่ใช่ข่าวธรรมดาๆสถานที่แห่งนั้น เจ้าสามารถครอบครองเทพเบญจธาตุได้ครบทั้ง 5 ธาตุ”

 

“หากข้าพาพวกเจ้าไปที่นั่น…ไม่แน่ว่าพวกเจ้าแต่ละคนก็อาจจะได้ครอบครองเทพเบญจธาตุที่ ต้องการกันครบคน”

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดจบ หวูหงชิงก็ขมวดคิ้วทันที เพราะก่อนหน้ามันไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ แต่พอได้ยินที่ต้วนหลิงเทียนพูดมา มันก็รู้สึกว่ามีเหตุผลจริงๆ

 

“เจ้าหนู! อย่าได้คิดหว่านเมล็ดพันธุ์ความบาดหมางใส่พวกเราเสียให้ยาก!”

ใบหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชา มุมปากยกยิ้มเยาะพลางกล่าวว่า “ในความคิดข้า เจ้ามิพ้นคิดใช้โอกาสนี้ออกจากวิหารเชิงย่าวเพื่อหาทางหลบหนีกระมัง?”

 

“ถึงข้าคิดแบบนั้นแล้วจะอย่างไร?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองพระอาจารย์หมี่เยี่ยนด้วยสายตาทําราวกับมองตัวโง่งม จากนั้นค่อยหันไปมองหวูหงชิง พลางกล่าวเสียงหนัก “จ้าววิหารหรู เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ข้ารู้ตัวเองดีว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรได้แล้วกระมัง?”

 

“ทั้งหมดที่ข้าต้องการ ก็คือกลับไปชมดูบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้าย และหากเป็นไปได้ข้าก็อยากอยู่ที่นั่นในวาระสุดท้าย”

 

“นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของข้า”

 

“หากเจ้าสนองความต้องการสุดท้ายของข้าได้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะแบ่งปันสถานที่อันมีเทพเบญจธาตุแห่งนั้นออกไป..อ้อ ข้าลืมบอกไปว่า 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุที่อยู่ที่นั่น ตัวข้าได้รับมาแล้วธาตุหนึ่ง”

 

ขณะพูดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะใช้พลังของวารีเทพชําระโลกาให้แผ่ซ่านมาปกค ลุมไปทั่วร่างเขาทันที พลังอันอ่อนโยนปานสายน้ําขุมหนึ่งเริ่มฉาบเคลือบไปทั่วผิวกายเขา กลิ่น อายพลังลึกล้ําเริ่มกําจายออกไปในบรรยากาศ

 

“วารีเทพชําระโลกา!!”

 

และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้พลังของวารีเทพชําระโลกาออกมา ไม่ว่าจะหวูหงชิง หมี่ชวน หรือแม้แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยน แต่ละคนก็ตาลุกวาวขึ้นมาด้วยความโลภทันที!

 

เรื่องยึดครองร่างต้วนหลิงเทียนนั้น หวูหงชิงไม่เคยคิด หมี่ซวนไม่สนใจ จะมีก็แต่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนคนเดียวที่สนใจ

 

อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุ นั้นไม่มีใครไม่สนใจ!

 

ถึงแม้ว่าหมี่ซวนจะเป็นคนของเผ่าพันธุ์ภูตที่ไม่มีร่างกาย แต่มันก็สามารถใช้พลังของเทพเบญจธาตุเพื่อช่วยเหลือในการเรียนรู้จตุรวิถีในสวรรค์และโลกได้

 

ต้องทราบด้วยว่า เทพเบญจธาตุนั้นเป็นหนึ่งในหนทางสู่ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด

 

ด้วยมีเทพเบญจธาตุไว้ในครอบครอง การทําความเข้าใจจตุรวิถีในสวรรค์และโลกก็เสมือนลงแรงครึ่งเดียวแต่ได้ผลเป็น 2 เท่า และสิ่งนี้ไม่แน่อาจทําให้มันทําลายโซ่ตรวนและขีดกําจัดที่มีกัน มาหลายยุคหลายสมัยของเผ่าภูต สามารถทะลวงผ่านขอบเขตราชาเทพขั้นสูง จนบรรลุถึงขอบเขตจอมราชั้นเทพได้!!

 

“นี่คือวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยสืบต่อออกมาด้วยน้ําเสียงเฉยเมย

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้ออกมา สองตาหวูหงชิงกับหมี่เยี่ยนก็หดเล็กลงทันที กระทั่งร่างวิญญาณของหมีซวนยังสั่นไหวไปไม่น้อย

 

ถึงแม้พวกมันจะสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังแต่แรก ว่าวารีเทพชําระโลกาที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองไม่น่าจะใช่วารีเทพชําระโลกาธรรมดาๆ และสมควรมีขั้นสูงพอสมควร

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจะเป็นถึงวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7!

 

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเทพเบญจธาตุนั้นปกติแล้วจะมีแค่ 9 ขั้นเท่านั้น…กล่าวได้ว่าวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 มันก็ห่างจากขั้นที่ 9 อีกแค่ไม่กี่ก้าว จากนั้นก็แค่รอเวลาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์

 

ในขณะที่ทั้ง 3 คนกําลังตื่นตระหนกตกใจ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาเสียงเฉยอีกครั้ง และไม่ต่างอะไรกับทิ้งระเบิดห่าใหญ่ลงกลางใจพวกมัน “สถานที่ๆข้ารู้ไม่เพียงมีเทพเบญจธาตุเหลืออยู่อีกถึง 4 ธาตุ…แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเหมือนวารีเทพชําระโอกาของข้าทั้งสิ้น พวกมันทั้งหมดเป็นเทพเบญจธาตุขั้นที่ 7”

 

“เดิมที่วารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่ข้ามีก็คิดชักชวนพวกมันให้ติดตามข้าไปด้วยกัน แต่พวกมันกลับปฏิเสธ และบอกว่าจะรอคอยผู้มีวาสนาที่มีชะตาต้องกันกับพวกมันมาพานพบ”

 

ตัวนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ

 

“ข้ามีความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น หากวิญญาณข้าจะต้องถูกทําลาย ก็ขอให้ข้าไปใช้วาระสุดท้ายในชีวิตที่บ้านเกิดข้า…และเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่ข้าพูดถึง ก็อยู่ในระนาบโลกียะบ้านเกิดข้าเช่นกัน”

 

ถึงแม้ว่าคําพูดของต้วนหลิงเทียนจะกระตุ้นความโลภของทุกคน และมีความเย้ายวนใจถึงขีดสุด

 

อย่างไรก็ตามหรูหงชิง หมีชวนและหมี่เยี่ยนก็ไม่ใช่ตัวโง่งม เช่นนั้นพวกมันจึงไม่คิดเชื่อคําพูดของต้วนหลิงเทียนง่ายๆ ถึงต้วนหลิงเทียนจะเผยวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ออกมา แต่พวกมันก็ยัง เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

“หมี่เยี่ยน”

 

หวูหงชิงหันไปมองกล่าวกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเสียงเรียบ “เจ้าสามารถชิงร่างตัวนหลิง เทียนเสียตอนนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามข้าต้องการวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่มันมี!”

 

“สําหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือ ข้ายกให้เจ้ากับหมีชวน”

 

จังหวะนี้หวูหงชิงแลดูใจกว้างขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตา

 

อันที่จริงก็ไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่มันบังเกิดความโลภต่อวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ของต้วน หลิงเทียนอย่างยิ่งยวด สําหรับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุนั้น มันไม่รู้ว่าที่แท้มีอยู่จริงหรือไม่ เกิดต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมาล่ะ?

 

ในสถานการณ์แบบนี้ เลือกที่จะให้พระอาจารย์หมี่เยี่ยนมอบวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ออกมาก่อนเป็นดีที่สุด!

 

อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินคําพูดราวกับใจกว้างแต่คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวของหวูหงชิง หน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็เปลี่ยนสีทันที มันย่อมไม่เต็มใจเป็นธรรมดา จึงคลี่ยิ้มบางๆกล่าวว่า “เจ้าวิหารหวี่ขอท่านอย่าพึ่งรีบร้อน…”

 

“ในเมื่อมันอยากตายที่บ้านเกิด อีกทั้งเทพเบญญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือก็อยู่ที่บ้านเกิดมัน ไฉนพวกเราไม่ลองตามมันไปชมดูก่อนเล่า?”

 

“หากที่นั่นยังมีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุอยู่จริง ข้ายินดีมอบ 2 ธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าว ส่วนอีก 2 ธาตุรวมถึงวารีเทพชําระโลกาจะเป็นของข้ากับพี่ใหญ่…”

 

พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าว

 

“แล้วถ้าหากมันโกหกเล่า?”

 

หวูหงชิงขมวดคิ้ว มันไม่อยากพลาดวารีเทพชําระโลกาขั้นที่ 7 ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าจริงๆ

 

“หากมันโกหก ข้าก็มิอาจทําอะไรได้เช่นกัน”

 

พระอาจารย์หมีเยี่ยนยักไหล่พลางกล่าว ความนัยวาจาของมันบอกชัดว่าหากเป็นแบบนั้นจริง หลังมันชิงร่างด้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ไม่คิดจะส่งมอบวารีเทพชําระโลกาออกมา

 

ทันใดนั้นสีหน้าของหวูหงชิงเปลี่ยนไปทันที

 

สุดท้ายหวูหงชิงก็ตัดสินใจเลือกจะเสี่ยงพาต้วนหลิงเทียนไปยังบ้านเกิดที่ว่าดู “เท่าที่ข้ารู้ ระนาบโลกียะบ้านเกิดเจ้ามิได้มีเพียงระนาบโลกียะเดียวกระมัง?”

 

“เช่นนั้นระนาบโลกียะบ้านเกิดที่เจ้ากําลังเอ่ยถึง ที่แท้เป็นระนาบเหยียนหวงหรือระนาบเซียนเล่า?”

 

พอได้ยินสิ่งที่หวูหงชิงพูดออกมารอบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดประหลาดใจไม่ได้ เพราะไม่คิดเลยว่าหวูหงชิงจะรู้ความเป็นมาของเขาดีขนาดนี้

 

กล่าวให้ชัดคือ วิหารเฟิงฮ่าว รู้ความเป็นมาของเขาดี!

 

“ระนาบเหยียนหวง”

 

ตัวนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ถึงแม้ข้าจะถือว่ามีระนาบบ้านเกิด 2 แห่ง และอยู่ในระนาบเซียนนานกว่าระนาบเหยียนหวงจนทําให้ข้ารู้สึกผูกพันจนอยากกลับไปตายที่นั่นมากกว่า อย่างไรก็ตาม เทพเบญจธาตุที่เหลือทั้ง 4 ธาตุมันอยู่ในระนาบเหยียนหวง ไม่ใช่ระนาบเซียน”

 

“แต่แน่นอนว่าหลังจากพวกเจ้าได้รับเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือแล้ว และยินดีที่จะพาข้ากับไปชมดูระนาบเซียนอีกสักครั้งก่อนจะจัดการข้า เช่นนั้นข้าจะขอบคุณพวกเจ้าเป็นอย่างมาก”

 

ฟังจากคําพูดไม่แยแสชีวิตของต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนจะปลงเรื่องที่ต้องตายได้แล้ว

 

“เจ้านับว่าเป็นคนฉลาด”

 

หวูหงชิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง “หากเจ้าไม่ได้โกหกพวกเราจริงๆ เช่นนั้นหลังได้รับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว พวกเราจักพาเจ้าไปชมดูระนาบเซียนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะให้หมีเยี่ยนชิงร่างเจ้าที่นั้น”

 

สุดท้ายหวูหงชิงก็เลือกที่ให้หมี่เยี่ยนชิงร่างต้วนหลิงเทียนที่อื่น เพราะเทพเบญจธาตุมันมีเสน่ห์เย้ายวนยั่วใจมากเกินไป

 

กระทั่งหมี่ซวนเอง ก็เลือกที่จะพักเรื่องติดตามไปไล่ฆ่าร่างจริงกับร่างอวตารกฏอื่นๆของฟงชิงหยางไว้เป็นการชั่วคราว เลือกจะเดินทางไปยังระนาบเหยียนหวงกับหวูหงชิง หมีเยี่ยน และต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันเรื่องเทพเบญจธาตุก่อน

 

จากนั้นทุกคนก็เดินทางออกจากระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก โดยใช้ค่ายกลเคลี่อนย้ายเพื่อไปยังวิหารเชิงฮ่าวสาขาขี้เมียเทียนทันที

 

หลังจากไปถึงวิหารเชิงฮ่าวสาขาขี้เมียเทียนแล้ว ทั้งหมดก็ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเพื่อไปยังระนาบเหยียนหวง อันเป็นระนาบโลกียะบ้านเกิดแห่งหนึ่งของต้วนหลิงเทียนต่ออย่างไม่รอช้า

 

“เทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุอยู่ที่ใด?”

 

หลังมาถึงระนาบเหยียนหวงแล้ว หวูหงชิง หมี่ซวน และหมี่เยี่ยนที่ติดตามด้วนหลิงเทียนมาอย่างใกล้ชิดก็เอ่ยถามขึ้น สองตาแต่ละคนมองจ้องเขาเขม็ง ราวกับจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาเด็ดขาด

 

กระทั่งหมีชวนเองยังเลือกจะเพ่งเล็งวิญญาณต้วนหลิงเทียนเอาไว้แต่แรก

 

“ไม่ใกล้ไม่ไกล สมควรเป็นทางนี้”

 

ต้วนหลิงเทียนพาทั้ง 3 เหินร่างท่องไปในท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยหมู่ดาวของระนาบเหยียนหวง สองตากวาดมองไปรอบๆราวกับกําลังมองหาบางอย่าง

 

สํานึกเทวะเองก็แผ่ออกไปตลอดเวลา

 

สุดท้ายหลังจากเห็นร่างข้ามห้วงอวกาศอยู่เป็นเวลา 5 วัน ตัวนหลิงเทียนก็หยุดลง ก่อนจะมองจ้องไปยังดาวที่แลดูรกร้างว่างเปล่าดวงหนึ่งเบื้องหน้า

 

ฟุบ!

 

จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติลงไปปรากฏตัวบนดาวอันรกร้างว่างเปล่าดังกล่าวก่อนใครอื่น

 

และแทบจะทันทีที่คนอื่นๆวูบร่างติดตามมาถึงบนดาว สีหน้าท่าทีของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะหมี่ซวนที่มีร่างเป็นวิญญาณ บัดนี้เรียกว่าร่างของมันสั่นไหวไปทั้งตัว!

 

“มีเทพเบญจธาตุอีก 4 ธาตุที่เหลือจริงๆ!”

 

“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของเพลิงเทพโกลาหลนอกจากนั้นยังมีทองเทพสุดลี้ลับปฐพี เทพแรกกําเนิดฟ้าดิน และนั่นเป็นกลิ่นอายของพฤกษาเทพครองสวรรค์ไม่ผิดแน่!”

 

สองตาหวูหงซึ่งเป็นประกายสว่างจ้า เนื่องจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุบนดาวดวงนี้กําลังจะเป็นของวิหารเชิงฮ่าวของพวกมันถึง 2 ธาตุ!

 

ส่วนด้านพระอาจารย์หมี่เยี่ยน หลังได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุ สีหน้าแววตามันก็เต็มไปด้วยความเสียใจนัก! หากรู้แบบนี้มันคงไม่พูดจาคําโตรับปากว่าจะมอบเทพเบญจธาตุให้วิหารเฟิงฮ่าวถึง 2 ธาตุหรอก!!

 

เนื่องเพราะมันคิดว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็แค่นั้นน้ําเป็นตัวเท่านั้น!

 

ด้านหมีชวนเองบัดนี้ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ได้ไหว เร่งโพล่งออกมาเสียงดังกว่าใคร “ในบรรดาเทพเบญจธาตุทั้งหมด ข้าต้องการพฤกษาเทพครองสวรรค์!”

 

พฤกษาเทพครองสวรรค์นั้น เมื่อเทียบกับเทพเบญจธาตุที่เหลืออีก 4 ธาตุแล้ว เป็นอะไรที่เหมาะสมกับร่างวิญญาณของมันมากกว่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากมันได้ครอบครองพฤกษาเทพครองสวรรค์แล้วล่ะก็ ขอเพียงหลอมผสานวิญญาณตัวเองลงไปได้ ถึงตอนนั้นมันก็อาศัยความสามารถของพฤกษาเทพครองสวรรค์ในการเปลี่ยนร่างวิญญาณของมันให้กลายเป็นรูปร่างอย่างอื่นได้ตามต้องการ!

 

ที่สําคัญที่สุดก็คือพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ ยังเหมาะสําหรับสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณของมันเป็นที่สุด! หากมันฝึกฝนโดยมีพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ช่วยเหลือ เรียกว่าลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้ผลลัพธ์ถึง 2 เท่า!!

 

“ย่อมได้”

 

หวูหงชิงพยักหน้า “ข้าต้องการทองเทพสุดลี้ลับ กับเพลิงเทพโกลาหล

 

พอกล่าวออกมาอีกครั้ง หวูหงชิงก็จับจองเทพเบญจธาตุที่มุ่งเน้นในการโจมตีเป็นหลักทั้ง 2 ธาตุทันที!

 

“จ้าววิหารหวี่”

 

อย่างไรก็ตาม พอได้ยินคําพูดของหวูหงชิง พระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็กล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ “แต่ไหนแต่ไรน้ํากับไฟล้วนเข้ากันไม่ได้ ข้าที่ถือครองวารีเทพชําระโลกาอยู่แล้ว เช่นนั้นเพลิงเทพโกลาหลสามารถมอบให้วิหารเฟิงฮาวท่านได้มิมีปัญหา”

 

“แต่ทองเทพสุดลี้ลับต้องเป็นของข้า!”

 

คําพูดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั้นก็เผยเจตนาชัดเจน ว่ามันต้องการวารีเทพชําระโลกากับทองเทพสุดลี้ลับ! ส่วนเพลิงเทพโกลาหลกับปฐพี่เทพแรกกําเนิดฟ้าดินนั้นสามารถมอบให้หวูหงชิงได้ไม่มีปัญหา

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+