War sovereign Soaring The Heavens 3579

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3579 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3579 : หวงเอ้อบังเกิดความเปลี่ยนแปลง?

 

ไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าอยู่ๆฉเตาเค่อจะมาร่วมวงลงมือด้วยอีกคนแบบนี้

 

ในตอนแรกที่ฉเตาเค่อมาถึง ทุกคนเพียงเข้าใจว่ามันมาเพื่อชมดูความบันเทิง แต่ไม่คิดเลย ว่าในห้วงเวลาแตกหักแบบนี้ อยู่ๆฉเตาเค่อจะออกไปช่วยเหลือจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเพื่อจัดการกับ ต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!

 

ฉเตาเค่อ กับเย่วเชาฉวิน ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามากประสบการณ์ในสมรภูมิ 9 ยมโลก

 

ถึงแม้จี้หยิ่งจะประสบผลสําเร็จและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราช้าก ว่าทั้งคู่มาก แต่พอเอาไปเทียบกับตัวนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลายเป็นเทพดาราหยกๆ จี้หยิ่งก็ไม่ต่าง อะไรจากเทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์

 

3 เทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์ กําลังกลุ้มรุมเทพสงคราม 9 ดาราหน้าให ม่คนเดียว?

 

หากไม่ใช่เพราะทุกคนเห็นได้มาเรื่องราวกับตา เกรงว่าให้ใครมาเล่าให้ฟังให้ตายพวกมันก็ไม่ เชื่อแน่นอน

 

เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีตไร้ยางอายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

 

แต่ความจริงตรงหน้าบอกชัดเจนว่าพวกมันไร้ยางอายกว่าที่คิด!

 

แน่นอนว่าต่อให้คนของพันธมิตรฟานเทียนจะคิดว่าผู้นําตัวเองไร้ยางอายแค่ไหน ทั้งหมดก็ได้ แค่พูดในใจไม่กล่าวออกมา

 

แต่ยังมีบางคนที่คิดเข้าข้างผู้นําตัวเอง โดยให้เหตุผลว่ากระทั่งสิงโตจับกระตายยังทุ่มกําลัง งหมด…

 

“ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ที่ข้าออกจากสมรภูมิ 9 โลกไปปีนั้น…เจ้านับเป็นคนแรกที่ทําให้ข้าต้อง ใช้สิ่งนี้อีกครั้ง”

 

เสียงกล่าวเข้มขรึมของเยว่เชาฉวินดังขึ้น จากนั้นในมือมันไม่ทราบปรากฏไม้เท้าขึ้นมาตั้งแต่ เมื่อไหร่ มองสังเกตให้ดีไม้เท้าในมือมันคล้ายทําจากแก้วผลึกแลดูโปร่งใส ยังปรากฏไอพลังราวมัง กรสีครามโลดแล่นม้วนวนปานเริงระบํา

 

พอมันตวัดไม้เท้าไปมา พลังสายน้ําที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังอานุภาพขึ้นทันตา เห็น สภาวะพลังดุร้ายปานสายน้ําหลากกําลังจะถล่มตลิ่งเปราะบาง

 

รู้มมม!!

 

แม้จี้หยิ่งจะไม่พูดคําใด แต่ในมือก็ปรากฏลูกแก้วลี้ลับหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ตัวลูกแก้วเอ่อล้นไป ด้วยไอพลังสีเขียว ไอพลังดังกล่าวคล้ายก่อตัวควบแน่นรอบๆลูกแก้ว กลายเป็นดาบพลังไร้สภาพ แผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมาหนาแน่น

 

เป็นจี้หยิ่งถ่ายทอดพลังลงไปยังตัวลูกแก้ว จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็สําแดงอานุภาพหนุนเสริม พลังให้กับสายลมคมมีดรอบกาย ทั้งยังสร้างดาบสาลมขึ้นมานับพัน!

 

ด้านนูเตาเค่อ มันได้ชักดาบอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

ดาบระดับจักรพรรดิที่ฉเตาเค่อชักออกมา ตั้งแต่ใบดาบหลุดพ้นออกจากผัก มันก็แผ่กลิ่นอาย แหลมคมกําจายไปสะท้านสะเทือนบรรยากาศโดยรอบ ยังปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองรอง นมาก่อเกิดเงาร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นจิตวิญญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะชิ้นนี้

 

ถึงแม้จะไม่ใช่อุปกรณ์เทพ แต่เมื่อเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพของมันก็ไล่ตาม อุปกรณ์กึ่งเทพ” มาติดๆ

 

ในระนาบเทวโลกนั้น สําหรับอาวุธเทพขั้นต่ําที่ไร้จิตวิญญาณกําเนิดแล้ว หลายๆคนไม่ อว่ามันเป็นอาวุธเทพที่แท้จริง เพียงแค่เรียกมันว่า อุปกรณ์กึ่งเทพ” เท่านั้น เพราะพลังของมันจะ ไม่ได้แตกต่างไปจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์มากนัก

 

เนื่องจากมีเพียงตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราขึ้นไป ที่ในร่างเริ่มก่อเกิดพลังเทพแล้วเท่า นั้น ถึงจะใช้พลังอานุภาพของอุปกรณ์กึ่งเทพให้มันมีพลังงอานุภาพเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับ จักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ชัดเจน

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ข้าเกรงว่าวันนี้คงรอดยากแล้วล่ะ”

 

ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหน

 

“เฮ่อ..โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนร่วมมือ ข้าก็ว่ายากจะรับมือได้กระมัง?”

 

“จริง โดน 3 เทพสงคราม 9 ดารากลุ้มรุมแบบนี้ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเท่านั้นค่ะ ที่รับมือไหว…”

 

พอเห็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ลงมือกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้แล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้วแน่นอน แต่พวกมันก็รู้สึกว่าวันนี้ตัว นหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ

 

ไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเลย

 

“โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนลงมือพร้อมกันเช่นนั้น…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเชี่ยวชาญกฏ มิติแค่ไหน ก็ยากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนี้ได้”

 

หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

“มิผิด…พลังอันมหาศาลของเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ต้องรบกวนพื้นที่อย่างแรง…ภายใต้ สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนคิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังยากไม่ต่างคนธรรมดาคิด ขึ้นสวรรค์”

 

“อย่าว่าแต่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเลย ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะผสานรวมความลึกซึ้งเคลี่ อนมิติกับความลึกซึ่งส่งผ่าน ก็ยังยากจะหลบหนีออกจากวงล้อมได้”

 

ผู้ชมโดยรอบมองจ้องไปยังฉากพายุพลังโหมกระหน่ําเบื้องหน้าด้วยความหวั่นกลัว พลังสีฟ้า อันเกรียดกราดนั้นประหนึ่งมังกรวารีพิโรธไม่มีผิด สายลมที่พัดวนรุนแรงกับดาบสายลมนั้น พอ เกาะกลุ่มจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรวายุอันดุร้าย ไหนจะยังมีปราณกระบี่สี ทองเล่มเขื่อง จากพลังกฏแห่งทองอันแหลมคมของนูเตาเค่ออีก!

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง

 

วินาทีนี้ ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรอดชีวิตได้สักคน!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ ณ ตาของมรสุมพลัง ได้ใช้พลังอํานาจของวิถีควบคุมออกมา วง รัศมีรอบตัว 10 หมี่เต็มไปด้วยพลังของห้ววงมิติอันบิดเบือนผันผวน ต้านทานสลายพลังจากสายล มสายน้ําอย่างแข็งขัน

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสุดไพศาลของพลังทั้ง 2 ขุม แม้แต่พลังอํานาจของวิถีควบคุมตัวนหลิง เทียนก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ

 

เขาทําได้แค่ฝืนทนรับไว้เท่านั้น

 

พอมามีอูเตาเค่อ อันเป็นเทพสงคราม 9 ดาราใช้พลังของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิต วิญญาณสถิตย์หนุนเสริมอีกคน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังเซียนอมตะและพลังเทพที่ใช้ออกได้ อย่างต่อเนื่องเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจประคองสภาวะป้องกันไว้ได้นาน

 

“ยังมีคนที่ 3 อีกงั้นรึ?”

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ศัตรูเขามีเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร สอง ตาเพียงทอประกายเยียบเย็นเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “ไม่ว่าจะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี คนของจักรพร รดิสวรรค์จี้ฟานเทียนก็ดี แต่วันนี้มันต้องตาย!”

 

“ต้นไม้เทพสนหลิว!”

 

“กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!”

 

เพียงใจคิด เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มควบ แน่นจนมีสภาพ และหลังจากตัวนหลิงเทียนเปิดโลกใบเล็กภายในกาย มันที่ได้รับพลังจากพฤก ษาเทพกําเนิดชีพ ก็ยิ่งทวีความสมจริงไปกันใหญ่!

 

เรียกว่าหลังได้รับพลังจากพฤกษาเทพกําเนิดชีพ ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิง เทียน ก็เสมือนเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่มีชีวิตจริงๆ ทั้งลําต้นและกิ่งสนหลิวยังปรากฏแสงพลังสี ขาวเรืองรองขึ้นมา

 

พลังน้ํากับพลังลมรวมถึงปราณกระบี่สีทอง ที่บุกฝาพลังอํานาจของวิถีควบคุมมาได้ ก็ถูก กิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดทุบทําลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆหมดสิ้น แม้ตัวกิ่งสนหลิวเองจะพังพิ นาศไปพร้อมๆกัน แต่มันก็งอกเงยขึ้นมาฉับไว ฟื้นสภาพเดิมแทบจะทันที!

 

เป็นพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่ฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว!

 

นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบหลังจากบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา

 

เขาสามารถใช้พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน ทําให้ร่า งอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวสามารถเชื่อมต่อกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพภายในร่าง ในขั้นตอน ดังกล่าวทําให้เกิดการสั่นพ้องของพลังบางอย่าง จนสามารถแบ่งปันพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูรักษาได้

 

“นายท่าน ชีวิตพวกมันทั้ง 3 มอบให้หวงเอ้อจัดการเถอะ”

 

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพอปรากฏขึ้นมา เงาร่างหวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งและดูงดงาม ตระการตาก็ลอยออกมา ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน โค้งหัวขออนุญาตต้วนหลิงเทียนอย่าง นอบน้อม

 

ทันใดนั้นเอง หว่างคิ้วของหวงเอ้อก็ปรากฏปานรูปกระบี่ หนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์

 

พอปานกระบี่ปรากฏมันก็เปล่งแสงพลังหลากสีสันออกไปรวมผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนใต้เท้าหวงเอ้อ จากนั้นตัวกระบี่พลันเปล่งรังสีกระบี่ทําลายล้างออกมานับหมื่นสาย พุ่งวาบ ไปดั่งเงาเลือนสับสะบั้นพลัง 3 ทั้ง 3 ขุมจนแหลกพินาศได้อย่างง่ายดาย!

 

ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่จําเป็นต้องทําอะไรอีกต่อไป

 

ต้วนหลิงเทียนพอเห็นฉากดังกล่าวก็ถอนพลังที่ใช้ก่อสร้างร่างต้นไม้เทพสนหลิว จนร่างอวตา รกฏต้นไม้เทพสนหลิวจางหายไป คนปรากฏขึ้นกลางหาวอีกครั้ง

 

เดิมทีหลังจากเข้าใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว เขาก็กะใช้พลังอํานาจหนุนเสริมขอ งกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่จะคอยฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อจัดการกับเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3

 

ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าแค่พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างเดียว ก็จัดการปัญหาต รงหน้าได้ง่ายๆ!

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวพลังอํานาจของรังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวง เอ้อใช้ออกเมื่อครู่

 

ชิง! อึ้ง! ซึ้ง! อึ้ง! อึ้ง! จิ้ง!

 

รังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวงเอ้อปลดปล่อยออกไป ไม่ต่างอะไรกับปราการแกร่งไร้ทลาย ยังแน่ นหนาราวขายฟ้าแหสวรรค์ ไม่อาจมีพลังอํานาจใดๆล่วงล้ําเฉียดกรายเข้าใกล้ตัวนหลิงเทียนได้เลย และเมื่อข่ายกระบี่ที่ทําลายได้ทุกสิ่งอย่างอุบัติขึ้นกลางพายุพลังเช่นนี้ ก็ทําให้มันแลดูโดดเด่ นเป็นพิเศษ!

 

“นั่นมันอะไรกันแน่!?”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทําให้ผู้ชมโดยรอบตกตะลึงแล้วจริงๆ

 

ตอนแรกที่พวกมันเห็นตัวนหลิงเทียนตกอยู่ในพายุพลัง 3 ขุม พวกมันก็คิดว่าตัวนหลิงเทีย นต้องตายอย่างแน่นอนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะอุบัติฉากเรื่องราวตรงหน้าขึ้นมาได้ “พลัง 7 สีนั่นมันอะไรกันแน่? ไฉนมันถึงได้เจิดจ้าขนาดนั้น!?”

 

“นั่นเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรือ?”

 

“ได้อย่างไรกัน!? ไฉนข้ารู้สึกว่าพลัง 3 ประสานจากเย่วเขาฉวิน จี้หยิ่ง กับฉุเตา เค่อมันอ่อนด้อยกว่าพลัง 7 สีที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาคล้ายข่ายกระบี่นั่นมากโขเลยเล่า?”

 

“ให้ตายเถอะ ทั้ง 3 มิใช่เทพสงคราม 9 ดาราหรือไร ทั้งๆที่รวมพลังกลุ้มรุมแล้วแต่ไฉนยังไม่ ได้เปรียบเลยเล่า?”

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังตกตะลึง สีหน้าแลดูอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้ จนได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่าง เลื่อนลอย

 

วิ่งงงง!!

 

เสียงพลังกร้องหนึ่งพลันอุบัติขึ้นจากตาพายุพลังเบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็บังเกิดแสง 7 สีระเบิดออกมาสว่างจ้า ปานตะวันดวงที่ 2 ทําให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตา หยีตาหลบแสงแทบไม่ทัน

 

ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็กําจายออกไปในบรรยากาศ จากนั้นก็อุบัติคลื่น กระแทกจากการระเบิดของพลังแสง 7 สี กวาดสะท้านออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!

 

คนของพันธมิตรฟานเทียนที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยถึงกับตกตายอย่างไม่รู้ตัว!

 

ต่อให้เป็นผู้ที่มีพังฝีมือสูงๆก็ยังได้รับบาดเจ็บ!

 

มีก็แต่เทพสงคราม 7 ดาราเท่านั้น ที่รู้ตัวและล่าถอยได้ทันท่วงที จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามสีหน้าของทุกคนซีดลงด้วยความหวาดกลัวนัก “ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันบรรลุถึง ขอบเขตเทพแล้วหรือไร?!”

 

“เป็นไปไม่ได้! พลังอํานาจของขอบเขตเทพมิได้มีแค่เท่านี้!”

 

“แต่พลังนั่นข้าเกรงว่ายากจะมีเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนต้านทานได้เ”

 

ท่ามกลางสาตาตกตะลึงของทุกคน ข่ายรังสีกระบี่ 7 สีสันก็กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ทําลายพลังทั้งหมดจนพินาศสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางพายุพลังจึงเผยโฉมออกมาสู่สาย ตาทุกคนอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ต้วนหลิงเทียน แต่อยู่กับร่างสตรีในชุดก ระโปรงสีรุ้งที่ท่องกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “นางเป็นผู้ใดกัน!?”

 

หวงเฮ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งนั้น แลดูงดงามทั้งเลอค่าหาใดเปรียบ รูปโฉมของนางมากพอ จะสะกดทุกสายตาให้เลื่อนลอย สองตาคู่งามปานสารทแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวกับจะผลัก ไสผู้คนให้ห่างออกไปแสนแปดพันลี้นั่น ให้ก่อเกิดเป็นโฉมสะคราญแสนเย็นชา แต่เสน่ห์เหลือร้าย จนยากต้านทานได้นางหนึ่ง

 

“มันผู้ใดคิดร้ายต่อนายท่าน มันผู้นั้นต้องตาย!”

 

ในขณะที่เย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง และเตาเค่อกําลังมองจ้องหวงเอ้อด้วยสายตาหวาดกลัวระแวด ระวัง หวงเอ้อพลันปริปากกล่าวคําออกมา น้ําเสียงของนางแม้ไพเราะเสนาะหู แต่กลับ เย็นชาจนทําให้พวกมันทั้ง 3 หนาวใจจับจิต!

 

วินาทีต่อมา หวงเอ้อพลันลงมือเคลื่อนไหว!

 

ซูมมม!

 

เป็นหนึ่งดัชนีที่จื้ออกตามอําเภอใจ แต่อุบัติลําแสงกระบี่ 7 สีอันมีสภาวะพลังปานจะทะลวง ฟ้า เจาะทะลุหว่างคิ้วเย่วเชาฉวิน ปนดวงจิตสลายวิญญาณของมันจนแหลกไปโดยไม่รู้ตัว

 

น่านฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใด

 

ร่างไร้วิญญาณของเย่วเชาฉวินร่วงฟ้าตกพื้นดังตุบ! ดวงตาของมันเบิกโพลง ฉายชัดถึงความห วาดกลัวทั้งเหลือเชื่อ สามารถบอกได้เลยว่า จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย มันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัว เองต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้!

 

“ไฉนพลังของหวงเอ้อถึงได้..?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองหวงเอ้อด้วยความประหลาดใจ “นาง…หรือว่าหลังจากที่พลังเซียนอมตะ ต้นกําเนิดของข้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว นางเองก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ไม่ทันไร เขาก็พบแค่ว่าเขาสามารถเชื่อม โยงกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพ และสามารถชักนําพลังชีวิตมาหนุนเสริมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพส นหลิวได้เท่านั้น

 

การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อเขาไม่รู้มาก่อนเลย พึ่งได้เห็นกับตาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3579

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3579 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3579 : หวงเอ้อบังเกิดความเปลี่ยนแปลง?

 

ไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าอยู่ๆฉเตาเค่อจะมาร่วมวงลงมือด้วยอีกคนแบบนี้

 

ในตอนแรกที่ฉเตาเค่อมาถึง ทุกคนเพียงเข้าใจว่ามันมาเพื่อชมดูความบันเทิง แต่ไม่คิดเลย ว่าในห้วงเวลาแตกหักแบบนี้ อยู่ๆฉเตาเค่อจะออกไปช่วยเหลือจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเพื่อจัดการกับ ต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!

 

ฉเตาเค่อ กับเย่วเชาฉวิน ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามากประสบการณ์ในสมรภูมิ 9 ยมโลก

 

ถึงแม้จี้หยิ่งจะประสบผลสําเร็จและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราช้าก ว่าทั้งคู่มาก แต่พอเอาไปเทียบกับตัวนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลายเป็นเทพดาราหยกๆ จี้หยิ่งก็ไม่ต่าง อะไรจากเทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์

 

3 เทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์ กําลังกลุ้มรุมเทพสงคราม 9 ดาราหน้าให ม่คนเดียว?

 

หากไม่ใช่เพราะทุกคนเห็นได้มาเรื่องราวกับตา เกรงว่าให้ใครมาเล่าให้ฟังให้ตายพวกมันก็ไม่ เชื่อแน่นอน

 

เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีตไร้ยางอายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

 

แต่ความจริงตรงหน้าบอกชัดเจนว่าพวกมันไร้ยางอายกว่าที่คิด!

 

แน่นอนว่าต่อให้คนของพันธมิตรฟานเทียนจะคิดว่าผู้นําตัวเองไร้ยางอายแค่ไหน ทั้งหมดก็ได้ แค่พูดในใจไม่กล่าวออกมา

 

แต่ยังมีบางคนที่คิดเข้าข้างผู้นําตัวเอง โดยให้เหตุผลว่ากระทั่งสิงโตจับกระตายยังทุ่มกําลัง งหมด…

 

“ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ที่ข้าออกจากสมรภูมิ 9 โลกไปปีนั้น…เจ้านับเป็นคนแรกที่ทําให้ข้าต้อง ใช้สิ่งนี้อีกครั้ง”

 

เสียงกล่าวเข้มขรึมของเยว่เชาฉวินดังขึ้น จากนั้นในมือมันไม่ทราบปรากฏไม้เท้าขึ้นมาตั้งแต่ เมื่อไหร่ มองสังเกตให้ดีไม้เท้าในมือมันคล้ายทําจากแก้วผลึกแลดูโปร่งใส ยังปรากฏไอพลังราวมัง กรสีครามโลดแล่นม้วนวนปานเริงระบํา

 

พอมันตวัดไม้เท้าไปมา พลังสายน้ําที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังอานุภาพขึ้นทันตา เห็น สภาวะพลังดุร้ายปานสายน้ําหลากกําลังจะถล่มตลิ่งเปราะบาง

 

รู้มมม!!

 

แม้จี้หยิ่งจะไม่พูดคําใด แต่ในมือก็ปรากฏลูกแก้วลี้ลับหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ตัวลูกแก้วเอ่อล้นไป ด้วยไอพลังสีเขียว ไอพลังดังกล่าวคล้ายก่อตัวควบแน่นรอบๆลูกแก้ว กลายเป็นดาบพลังไร้สภาพ แผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมาหนาแน่น

 

เป็นจี้หยิ่งถ่ายทอดพลังลงไปยังตัวลูกแก้ว จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็สําแดงอานุภาพหนุนเสริม พลังให้กับสายลมคมมีดรอบกาย ทั้งยังสร้างดาบสาลมขึ้นมานับพัน!

 

ด้านนูเตาเค่อ มันได้ชักดาบอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

ดาบระดับจักรพรรดิที่ฉเตาเค่อชักออกมา ตั้งแต่ใบดาบหลุดพ้นออกจากผัก มันก็แผ่กลิ่นอาย แหลมคมกําจายไปสะท้านสะเทือนบรรยากาศโดยรอบ ยังปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองรอง นมาก่อเกิดเงาร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นจิตวิญญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะชิ้นนี้

 

ถึงแม้จะไม่ใช่อุปกรณ์เทพ แต่เมื่อเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพของมันก็ไล่ตาม อุปกรณ์กึ่งเทพ” มาติดๆ

 

ในระนาบเทวโลกนั้น สําหรับอาวุธเทพขั้นต่ําที่ไร้จิตวิญญาณกําเนิดแล้ว หลายๆคนไม่ อว่ามันเป็นอาวุธเทพที่แท้จริง เพียงแค่เรียกมันว่า อุปกรณ์กึ่งเทพ” เท่านั้น เพราะพลังของมันจะ ไม่ได้แตกต่างไปจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์มากนัก

 

เนื่องจากมีเพียงตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราขึ้นไป ที่ในร่างเริ่มก่อเกิดพลังเทพแล้วเท่า นั้น ถึงจะใช้พลังอานุภาพของอุปกรณ์กึ่งเทพให้มันมีพลังงอานุภาพเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับ จักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ชัดเจน

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ข้าเกรงว่าวันนี้คงรอดยากแล้วล่ะ”

 

ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหน

 

“เฮ่อ..โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนร่วมมือ ข้าก็ว่ายากจะรับมือได้กระมัง?”

 

“จริง โดน 3 เทพสงคราม 9 ดารากลุ้มรุมแบบนี้ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเท่านั้นค่ะ ที่รับมือไหว…”

 

พอเห็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ลงมือกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้แล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้วแน่นอน แต่พวกมันก็รู้สึกว่าวันนี้ตัว นหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ

 

ไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเลย

 

“โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนลงมือพร้อมกันเช่นนั้น…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเชี่ยวชาญกฏ มิติแค่ไหน ก็ยากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนี้ได้”

 

หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

“มิผิด…พลังอันมหาศาลของเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ต้องรบกวนพื้นที่อย่างแรง…ภายใต้ สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนคิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังยากไม่ต่างคนธรรมดาคิด ขึ้นสวรรค์”

 

“อย่าว่าแต่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเลย ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะผสานรวมความลึกซึ้งเคลี่ อนมิติกับความลึกซึ่งส่งผ่าน ก็ยังยากจะหลบหนีออกจากวงล้อมได้”

 

ผู้ชมโดยรอบมองจ้องไปยังฉากพายุพลังโหมกระหน่ําเบื้องหน้าด้วยความหวั่นกลัว พลังสีฟ้า อันเกรียดกราดนั้นประหนึ่งมังกรวารีพิโรธไม่มีผิด สายลมที่พัดวนรุนแรงกับดาบสายลมนั้น พอ เกาะกลุ่มจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรวายุอันดุร้าย ไหนจะยังมีปราณกระบี่สี ทองเล่มเขื่อง จากพลังกฏแห่งทองอันแหลมคมของนูเตาเค่ออีก!

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง

 

วินาทีนี้ ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรอดชีวิตได้สักคน!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ ณ ตาของมรสุมพลัง ได้ใช้พลังอํานาจของวิถีควบคุมออกมา วง รัศมีรอบตัว 10 หมี่เต็มไปด้วยพลังของห้ววงมิติอันบิดเบือนผันผวน ต้านทานสลายพลังจากสายล มสายน้ําอย่างแข็งขัน

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสุดไพศาลของพลังทั้ง 2 ขุม แม้แต่พลังอํานาจของวิถีควบคุมตัวนหลิง เทียนก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ

 

เขาทําได้แค่ฝืนทนรับไว้เท่านั้น

 

พอมามีอูเตาเค่อ อันเป็นเทพสงคราม 9 ดาราใช้พลังของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิต วิญญาณสถิตย์หนุนเสริมอีกคน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังเซียนอมตะและพลังเทพที่ใช้ออกได้ อย่างต่อเนื่องเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจประคองสภาวะป้องกันไว้ได้นาน

 

“ยังมีคนที่ 3 อีกงั้นรึ?”

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ศัตรูเขามีเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร สอง ตาเพียงทอประกายเยียบเย็นเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “ไม่ว่าจะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี คนของจักรพร รดิสวรรค์จี้ฟานเทียนก็ดี แต่วันนี้มันต้องตาย!”

 

“ต้นไม้เทพสนหลิว!”

 

“กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!”

 

เพียงใจคิด เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มควบ แน่นจนมีสภาพ และหลังจากตัวนหลิงเทียนเปิดโลกใบเล็กภายในกาย มันที่ได้รับพลังจากพฤก ษาเทพกําเนิดชีพ ก็ยิ่งทวีความสมจริงไปกันใหญ่!

 

เรียกว่าหลังได้รับพลังจากพฤกษาเทพกําเนิดชีพ ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิง เทียน ก็เสมือนเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่มีชีวิตจริงๆ ทั้งลําต้นและกิ่งสนหลิวยังปรากฏแสงพลังสี ขาวเรืองรองขึ้นมา

 

พลังน้ํากับพลังลมรวมถึงปราณกระบี่สีทอง ที่บุกฝาพลังอํานาจของวิถีควบคุมมาได้ ก็ถูก กิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดทุบทําลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆหมดสิ้น แม้ตัวกิ่งสนหลิวเองจะพังพิ นาศไปพร้อมๆกัน แต่มันก็งอกเงยขึ้นมาฉับไว ฟื้นสภาพเดิมแทบจะทันที!

 

เป็นพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่ฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว!

 

นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบหลังจากบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา

 

เขาสามารถใช้พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน ทําให้ร่า งอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวสามารถเชื่อมต่อกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพภายในร่าง ในขั้นตอน ดังกล่าวทําให้เกิดการสั่นพ้องของพลังบางอย่าง จนสามารถแบ่งปันพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูรักษาได้

 

“นายท่าน ชีวิตพวกมันทั้ง 3 มอบให้หวงเอ้อจัดการเถอะ”

 

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพอปรากฏขึ้นมา เงาร่างหวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งและดูงดงาม ตระการตาก็ลอยออกมา ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน โค้งหัวขออนุญาตต้วนหลิงเทียนอย่าง นอบน้อม

 

ทันใดนั้นเอง หว่างคิ้วของหวงเอ้อก็ปรากฏปานรูปกระบี่ หนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์

 

พอปานกระบี่ปรากฏมันก็เปล่งแสงพลังหลากสีสันออกไปรวมผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนใต้เท้าหวงเอ้อ จากนั้นตัวกระบี่พลันเปล่งรังสีกระบี่ทําลายล้างออกมานับหมื่นสาย พุ่งวาบ ไปดั่งเงาเลือนสับสะบั้นพลัง 3 ทั้ง 3 ขุมจนแหลกพินาศได้อย่างง่ายดาย!

 

ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่จําเป็นต้องทําอะไรอีกต่อไป

 

ต้วนหลิงเทียนพอเห็นฉากดังกล่าวก็ถอนพลังที่ใช้ก่อสร้างร่างต้นไม้เทพสนหลิว จนร่างอวตา รกฏต้นไม้เทพสนหลิวจางหายไป คนปรากฏขึ้นกลางหาวอีกครั้ง

 

เดิมทีหลังจากเข้าใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว เขาก็กะใช้พลังอํานาจหนุนเสริมขอ งกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่จะคอยฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อจัดการกับเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3

 

ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าแค่พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างเดียว ก็จัดการปัญหาต รงหน้าได้ง่ายๆ!

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวพลังอํานาจของรังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวง เอ้อใช้ออกเมื่อครู่

 

ชิง! อึ้ง! ซึ้ง! อึ้ง! อึ้ง! จิ้ง!

 

รังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวงเอ้อปลดปล่อยออกไป ไม่ต่างอะไรกับปราการแกร่งไร้ทลาย ยังแน่ นหนาราวขายฟ้าแหสวรรค์ ไม่อาจมีพลังอํานาจใดๆล่วงล้ําเฉียดกรายเข้าใกล้ตัวนหลิงเทียนได้เลย และเมื่อข่ายกระบี่ที่ทําลายได้ทุกสิ่งอย่างอุบัติขึ้นกลางพายุพลังเช่นนี้ ก็ทําให้มันแลดูโดดเด่ นเป็นพิเศษ!

 

“นั่นมันอะไรกันแน่!?”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทําให้ผู้ชมโดยรอบตกตะลึงแล้วจริงๆ

 

ตอนแรกที่พวกมันเห็นตัวนหลิงเทียนตกอยู่ในพายุพลัง 3 ขุม พวกมันก็คิดว่าตัวนหลิงเทีย นต้องตายอย่างแน่นอนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะอุบัติฉากเรื่องราวตรงหน้าขึ้นมาได้ “พลัง 7 สีนั่นมันอะไรกันแน่? ไฉนมันถึงได้เจิดจ้าขนาดนั้น!?”

 

“นั่นเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรือ?”

 

“ได้อย่างไรกัน!? ไฉนข้ารู้สึกว่าพลัง 3 ประสานจากเย่วเขาฉวิน จี้หยิ่ง กับฉุเตา เค่อมันอ่อนด้อยกว่าพลัง 7 สีที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาคล้ายข่ายกระบี่นั่นมากโขเลยเล่า?”

 

“ให้ตายเถอะ ทั้ง 3 มิใช่เทพสงคราม 9 ดาราหรือไร ทั้งๆที่รวมพลังกลุ้มรุมแล้วแต่ไฉนยังไม่ ได้เปรียบเลยเล่า?”

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังตกตะลึง สีหน้าแลดูอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้ จนได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่าง เลื่อนลอย

 

วิ่งงงง!!

 

เสียงพลังกร้องหนึ่งพลันอุบัติขึ้นจากตาพายุพลังเบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็บังเกิดแสง 7 สีระเบิดออกมาสว่างจ้า ปานตะวันดวงที่ 2 ทําให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตา หยีตาหลบแสงแทบไม่ทัน

 

ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็กําจายออกไปในบรรยากาศ จากนั้นก็อุบัติคลื่น กระแทกจากการระเบิดของพลังแสง 7 สี กวาดสะท้านออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!

 

คนของพันธมิตรฟานเทียนที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยถึงกับตกตายอย่างไม่รู้ตัว!

 

ต่อให้เป็นผู้ที่มีพังฝีมือสูงๆก็ยังได้รับบาดเจ็บ!

 

มีก็แต่เทพสงคราม 7 ดาราเท่านั้น ที่รู้ตัวและล่าถอยได้ทันท่วงที จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามสีหน้าของทุกคนซีดลงด้วยความหวาดกลัวนัก “ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันบรรลุถึง ขอบเขตเทพแล้วหรือไร?!”

 

“เป็นไปไม่ได้! พลังอํานาจของขอบเขตเทพมิได้มีแค่เท่านี้!”

 

“แต่พลังนั่นข้าเกรงว่ายากจะมีเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนต้านทานได้เ”

 

ท่ามกลางสาตาตกตะลึงของทุกคน ข่ายรังสีกระบี่ 7 สีสันก็กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ทําลายพลังทั้งหมดจนพินาศสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางพายุพลังจึงเผยโฉมออกมาสู่สาย ตาทุกคนอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ต้วนหลิงเทียน แต่อยู่กับร่างสตรีในชุดก ระโปรงสีรุ้งที่ท่องกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “นางเป็นผู้ใดกัน!?”

 

หวงเฮ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งนั้น แลดูงดงามทั้งเลอค่าหาใดเปรียบ รูปโฉมของนางมากพอ จะสะกดทุกสายตาให้เลื่อนลอย สองตาคู่งามปานสารทแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวกับจะผลัก ไสผู้คนให้ห่างออกไปแสนแปดพันลี้นั่น ให้ก่อเกิดเป็นโฉมสะคราญแสนเย็นชา แต่เสน่ห์เหลือร้าย จนยากต้านทานได้นางหนึ่ง

 

“มันผู้ใดคิดร้ายต่อนายท่าน มันผู้นั้นต้องตาย!”

 

ในขณะที่เย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง และเตาเค่อกําลังมองจ้องหวงเอ้อด้วยสายตาหวาดกลัวระแวด ระวัง หวงเอ้อพลันปริปากกล่าวคําออกมา น้ําเสียงของนางแม้ไพเราะเสนาะหู แต่กลับ เย็นชาจนทําให้พวกมันทั้ง 3 หนาวใจจับจิต!

 

วินาทีต่อมา หวงเอ้อพลันลงมือเคลื่อนไหว!

 

ซูมมม!

 

เป็นหนึ่งดัชนีที่จื้ออกตามอําเภอใจ แต่อุบัติลําแสงกระบี่ 7 สีอันมีสภาวะพลังปานจะทะลวง ฟ้า เจาะทะลุหว่างคิ้วเย่วเชาฉวิน ปนดวงจิตสลายวิญญาณของมันจนแหลกไปโดยไม่รู้ตัว

 

น่านฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใด

 

ร่างไร้วิญญาณของเย่วเชาฉวินร่วงฟ้าตกพื้นดังตุบ! ดวงตาของมันเบิกโพลง ฉายชัดถึงความห วาดกลัวทั้งเหลือเชื่อ สามารถบอกได้เลยว่า จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย มันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัว เองต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้!

 

“ไฉนพลังของหวงเอ้อถึงได้..?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองหวงเอ้อด้วยความประหลาดใจ “นาง…หรือว่าหลังจากที่พลังเซียนอมตะ ต้นกําเนิดของข้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว นางเองก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ไม่ทันไร เขาก็พบแค่ว่าเขาสามารถเชื่อม โยงกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพ และสามารถชักนําพลังชีวิตมาหนุนเสริมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพส นหลิวได้เท่านั้น

 

การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อเขาไม่รู้มาก่อนเลย พึ่งได้เห็นกับตาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3579

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3579 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3579 : หวงเอ้อบังเกิดความเปลี่ยนแปลง?

 

ไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าอยู่ๆฉเตาเค่อจะมาร่วมวงลงมือด้วยอีกคนแบบนี้

 

ในตอนแรกที่ฉเตาเค่อมาถึง ทุกคนเพียงเข้าใจว่ามันมาเพื่อชมดูความบันเทิง แต่ไม่คิดเลย ว่าในห้วงเวลาแตกหักแบบนี้ อยู่ๆฉเตาเค่อจะออกไปช่วยเหลือจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเพื่อจัดการกับ ต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!

 

ฉเตาเค่อ กับเย่วเชาฉวิน ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามากประสบการณ์ในสมรภูมิ 9 ยมโลก

 

ถึงแม้จี้หยิ่งจะประสบผลสําเร็จและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราช้าก ว่าทั้งคู่มาก แต่พอเอาไปเทียบกับตัวนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลายเป็นเทพดาราหยกๆ จี้หยิ่งก็ไม่ต่าง อะไรจากเทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์

 

3 เทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์ กําลังกลุ้มรุมเทพสงคราม 9 ดาราหน้าให ม่คนเดียว?

 

หากไม่ใช่เพราะทุกคนเห็นได้มาเรื่องราวกับตา เกรงว่าให้ใครมาเล่าให้ฟังให้ตายพวกมันก็ไม่ เชื่อแน่นอน

 

เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีตไร้ยางอายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

 

แต่ความจริงตรงหน้าบอกชัดเจนว่าพวกมันไร้ยางอายกว่าที่คิด!

 

แน่นอนว่าต่อให้คนของพันธมิตรฟานเทียนจะคิดว่าผู้นําตัวเองไร้ยางอายแค่ไหน ทั้งหมดก็ได้ แค่พูดในใจไม่กล่าวออกมา

 

แต่ยังมีบางคนที่คิดเข้าข้างผู้นําตัวเอง โดยให้เหตุผลว่ากระทั่งสิงโตจับกระตายยังทุ่มกําลัง งหมด…

 

“ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ที่ข้าออกจากสมรภูมิ 9 โลกไปปีนั้น…เจ้านับเป็นคนแรกที่ทําให้ข้าต้อง ใช้สิ่งนี้อีกครั้ง”

 

เสียงกล่าวเข้มขรึมของเยว่เชาฉวินดังขึ้น จากนั้นในมือมันไม่ทราบปรากฏไม้เท้าขึ้นมาตั้งแต่ เมื่อไหร่ มองสังเกตให้ดีไม้เท้าในมือมันคล้ายทําจากแก้วผลึกแลดูโปร่งใส ยังปรากฏไอพลังราวมัง กรสีครามโลดแล่นม้วนวนปานเริงระบํา

 

พอมันตวัดไม้เท้าไปมา พลังสายน้ําที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังอานุภาพขึ้นทันตา เห็น สภาวะพลังดุร้ายปานสายน้ําหลากกําลังจะถล่มตลิ่งเปราะบาง

 

รู้มมม!!

 

แม้จี้หยิ่งจะไม่พูดคําใด แต่ในมือก็ปรากฏลูกแก้วลี้ลับหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ตัวลูกแก้วเอ่อล้นไป ด้วยไอพลังสีเขียว ไอพลังดังกล่าวคล้ายก่อตัวควบแน่นรอบๆลูกแก้ว กลายเป็นดาบพลังไร้สภาพ แผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมาหนาแน่น

 

เป็นจี้หยิ่งถ่ายทอดพลังลงไปยังตัวลูกแก้ว จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็สําแดงอานุภาพหนุนเสริม พลังให้กับสายลมคมมีดรอบกาย ทั้งยังสร้างดาบสาลมขึ้นมานับพัน!

 

ด้านนูเตาเค่อ มันได้ชักดาบอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

ดาบระดับจักรพรรดิที่ฉเตาเค่อชักออกมา ตั้งแต่ใบดาบหลุดพ้นออกจากผัก มันก็แผ่กลิ่นอาย แหลมคมกําจายไปสะท้านสะเทือนบรรยากาศโดยรอบ ยังปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองรอง นมาก่อเกิดเงาร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นจิตวิญญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะชิ้นนี้

 

ถึงแม้จะไม่ใช่อุปกรณ์เทพ แต่เมื่อเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพของมันก็ไล่ตาม อุปกรณ์กึ่งเทพ” มาติดๆ

 

ในระนาบเทวโลกนั้น สําหรับอาวุธเทพขั้นต่ําที่ไร้จิตวิญญาณกําเนิดแล้ว หลายๆคนไม่ อว่ามันเป็นอาวุธเทพที่แท้จริง เพียงแค่เรียกมันว่า อุปกรณ์กึ่งเทพ” เท่านั้น เพราะพลังของมันจะ ไม่ได้แตกต่างไปจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์มากนัก

 

เนื่องจากมีเพียงตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราขึ้นไป ที่ในร่างเริ่มก่อเกิดพลังเทพแล้วเท่า นั้น ถึงจะใช้พลังอานุภาพของอุปกรณ์กึ่งเทพให้มันมีพลังงอานุภาพเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับ จักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ชัดเจน

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ข้าเกรงว่าวันนี้คงรอดยากแล้วล่ะ”

 

ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหน

 

“เฮ่อ..โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนร่วมมือ ข้าก็ว่ายากจะรับมือได้กระมัง?”

 

“จริง โดน 3 เทพสงคราม 9 ดารากลุ้มรุมแบบนี้ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเท่านั้นค่ะ ที่รับมือไหว…”

 

พอเห็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ลงมือกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้แล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้วแน่นอน แต่พวกมันก็รู้สึกว่าวันนี้ตัว นหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ

 

ไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเลย

 

“โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนลงมือพร้อมกันเช่นนั้น…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเชี่ยวชาญกฏ มิติแค่ไหน ก็ยากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนี้ได้”

 

หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

“มิผิด…พลังอันมหาศาลของเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ต้องรบกวนพื้นที่อย่างแรง…ภายใต้ สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนคิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังยากไม่ต่างคนธรรมดาคิด ขึ้นสวรรค์”

 

“อย่าว่าแต่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเลย ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะผสานรวมความลึกซึ้งเคลี่ อนมิติกับความลึกซึ่งส่งผ่าน ก็ยังยากจะหลบหนีออกจากวงล้อมได้”

 

ผู้ชมโดยรอบมองจ้องไปยังฉากพายุพลังโหมกระหน่ําเบื้องหน้าด้วยความหวั่นกลัว พลังสีฟ้า อันเกรียดกราดนั้นประหนึ่งมังกรวารีพิโรธไม่มีผิด สายลมที่พัดวนรุนแรงกับดาบสายลมนั้น พอ เกาะกลุ่มจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรวายุอันดุร้าย ไหนจะยังมีปราณกระบี่สี ทองเล่มเขื่อง จากพลังกฏแห่งทองอันแหลมคมของนูเตาเค่ออีก!

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง

 

วินาทีนี้ ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรอดชีวิตได้สักคน!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ ณ ตาของมรสุมพลัง ได้ใช้พลังอํานาจของวิถีควบคุมออกมา วง รัศมีรอบตัว 10 หมี่เต็มไปด้วยพลังของห้ววงมิติอันบิดเบือนผันผวน ต้านทานสลายพลังจากสายล มสายน้ําอย่างแข็งขัน

 

อย่างไรก็ตามด้วยความสุดไพศาลของพลังทั้ง 2 ขุม แม้แต่พลังอํานาจของวิถีควบคุมตัวนหลิง เทียนก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ

 

เขาทําได้แค่ฝืนทนรับไว้เท่านั้น

 

พอมามีอูเตาเค่อ อันเป็นเทพสงคราม 9 ดาราใช้พลังของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิต วิญญาณสถิตย์หนุนเสริมอีกคน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังเซียนอมตะและพลังเทพที่ใช้ออกได้ อย่างต่อเนื่องเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจประคองสภาวะป้องกันไว้ได้นาน

 

“ยังมีคนที่ 3 อีกงั้นรึ?”

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ศัตรูเขามีเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร สอง ตาเพียงทอประกายเยียบเย็นเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “ไม่ว่าจะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี คนของจักรพร รดิสวรรค์จี้ฟานเทียนก็ดี แต่วันนี้มันต้องตาย!”

 

“ต้นไม้เทพสนหลิว!”

 

“กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!”

 

เพียงใจคิด เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มควบ แน่นจนมีสภาพ และหลังจากตัวนหลิงเทียนเปิดโลกใบเล็กภายในกาย มันที่ได้รับพลังจากพฤก ษาเทพกําเนิดชีพ ก็ยิ่งทวีความสมจริงไปกันใหญ่!

 

เรียกว่าหลังได้รับพลังจากพฤกษาเทพกําเนิดชีพ ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิง เทียน ก็เสมือนเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่มีชีวิตจริงๆ ทั้งลําต้นและกิ่งสนหลิวยังปรากฏแสงพลังสี ขาวเรืองรองขึ้นมา

 

พลังน้ํากับพลังลมรวมถึงปราณกระบี่สีทอง ที่บุกฝาพลังอํานาจของวิถีควบคุมมาได้ ก็ถูก กิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดทุบทําลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆหมดสิ้น แม้ตัวกิ่งสนหลิวเองจะพังพิ นาศไปพร้อมๆกัน แต่มันก็งอกเงยขึ้นมาฉับไว ฟื้นสภาพเดิมแทบจะทันที!

 

เป็นพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่ฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว!

 

นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบหลังจากบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา

 

เขาสามารถใช้พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน ทําให้ร่า งอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวสามารถเชื่อมต่อกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพภายในร่าง ในขั้นตอน ดังกล่าวทําให้เกิดการสั่นพ้องของพลังบางอย่าง จนสามารถแบ่งปันพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูรักษาได้

 

“นายท่าน ชีวิตพวกมันทั้ง 3 มอบให้หวงเอ้อจัดการเถอะ”

 

กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพอปรากฏขึ้นมา เงาร่างหวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งและดูงดงาม ตระการตาก็ลอยออกมา ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน โค้งหัวขออนุญาตต้วนหลิงเทียนอย่าง นอบน้อม

 

ทันใดนั้นเอง หว่างคิ้วของหวงเอ้อก็ปรากฏปานรูปกระบี่ หนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์

 

พอปานกระบี่ปรากฏมันก็เปล่งแสงพลังหลากสีสันออกไปรวมผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนใต้เท้าหวงเอ้อ จากนั้นตัวกระบี่พลันเปล่งรังสีกระบี่ทําลายล้างออกมานับหมื่นสาย พุ่งวาบ ไปดั่งเงาเลือนสับสะบั้นพลัง 3 ทั้ง 3 ขุมจนแหลกพินาศได้อย่างง่ายดาย!

 

ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่จําเป็นต้องทําอะไรอีกต่อไป

 

ต้วนหลิงเทียนพอเห็นฉากดังกล่าวก็ถอนพลังที่ใช้ก่อสร้างร่างต้นไม้เทพสนหลิว จนร่างอวตา รกฏต้นไม้เทพสนหลิวจางหายไป คนปรากฏขึ้นกลางหาวอีกครั้ง

 

เดิมทีหลังจากเข้าใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว เขาก็กะใช้พลังอํานาจหนุนเสริมขอ งกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงพลังของพฤกษาเทพกําเนิดชีพที่จะคอยฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อจัดการกับเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3

 

ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าแค่พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างเดียว ก็จัดการปัญหาต รงหน้าได้ง่ายๆ!

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวพลังอํานาจของรังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวง เอ้อใช้ออกเมื่อครู่

 

ชิง! อึ้ง! ซึ้ง! อึ้ง! อึ้ง! จิ้ง!

 

รังสีกระบี่ทําลายล้างที่หวงเอ้อปลดปล่อยออกไป ไม่ต่างอะไรกับปราการแกร่งไร้ทลาย ยังแน่ นหนาราวขายฟ้าแหสวรรค์ ไม่อาจมีพลังอํานาจใดๆล่วงล้ําเฉียดกรายเข้าใกล้ตัวนหลิงเทียนได้เลย และเมื่อข่ายกระบี่ที่ทําลายได้ทุกสิ่งอย่างอุบัติขึ้นกลางพายุพลังเช่นนี้ ก็ทําให้มันแลดูโดดเด่ นเป็นพิเศษ!

 

“นั่นมันอะไรกันแน่!?”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทําให้ผู้ชมโดยรอบตกตะลึงแล้วจริงๆ

 

ตอนแรกที่พวกมันเห็นตัวนหลิงเทียนตกอยู่ในพายุพลัง 3 ขุม พวกมันก็คิดว่าตัวนหลิงเทีย นต้องตายอย่างแน่นอนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะอุบัติฉากเรื่องราวตรงหน้าขึ้นมาได้ “พลัง 7 สีนั่นมันอะไรกันแน่? ไฉนมันถึงได้เจิดจ้าขนาดนั้น!?”

 

“นั่นเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรือ?”

 

“ได้อย่างไรกัน!? ไฉนข้ารู้สึกว่าพลัง 3 ประสานจากเย่วเขาฉวิน จี้หยิ่ง กับฉุเตา เค่อมันอ่อนด้อยกว่าพลัง 7 สีที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาคล้ายข่ายกระบี่นั่นมากโขเลยเล่า?”

 

“ให้ตายเถอะ ทั้ง 3 มิใช่เทพสงคราม 9 ดาราหรือไร ทั้งๆที่รวมพลังกลุ้มรุมแล้วแต่ไฉนยังไม่ ได้เปรียบเลยเล่า?”

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังตกตะลึง สีหน้าแลดูอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้ จนได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่าง เลื่อนลอย

 

วิ่งงงง!!

 

เสียงพลังกร้องหนึ่งพลันอุบัติขึ้นจากตาพายุพลังเบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็บังเกิดแสง 7 สีระเบิดออกมาสว่างจ้า ปานตะวันดวงที่ 2 ทําให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตา หยีตาหลบแสงแทบไม่ทัน

 

ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็กําจายออกไปในบรรยากาศ จากนั้นก็อุบัติคลื่น กระแทกจากการระเบิดของพลังแสง 7 สี กวาดสะท้านออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!

 

คนของพันธมิตรฟานเทียนที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยถึงกับตกตายอย่างไม่รู้ตัว!

 

ต่อให้เป็นผู้ที่มีพังฝีมือสูงๆก็ยังได้รับบาดเจ็บ!

 

มีก็แต่เทพสงคราม 7 ดาราเท่านั้น ที่รู้ตัวและล่าถอยได้ทันท่วงที จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามสีหน้าของทุกคนซีดลงด้วยความหวาดกลัวนัก “ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันบรรลุถึง ขอบเขตเทพแล้วหรือไร?!”

 

“เป็นไปไม่ได้! พลังอํานาจของขอบเขตเทพมิได้มีแค่เท่านี้!”

 

“แต่พลังนั่นข้าเกรงว่ายากจะมีเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนต้านทานได้เ”

 

ท่ามกลางสาตาตกตะลึงของทุกคน ข่ายรังสีกระบี่ 7 สีสันก็กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ทําลายพลังทั้งหมดจนพินาศสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางพายุพลังจึงเผยโฉมออกมาสู่สาย ตาทุกคนอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ต้วนหลิงเทียน แต่อยู่กับร่างสตรีในชุดก ระโปรงสีรุ้งที่ท่องกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “นางเป็นผู้ใดกัน!?”

 

หวงเฮ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งนั้น แลดูงดงามทั้งเลอค่าหาใดเปรียบ รูปโฉมของนางมากพอ จะสะกดทุกสายตาให้เลื่อนลอย สองตาคู่งามปานสารทแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวกับจะผลัก ไสผู้คนให้ห่างออกไปแสนแปดพันลี้นั่น ให้ก่อเกิดเป็นโฉมสะคราญแสนเย็นชา แต่เสน่ห์เหลือร้าย จนยากต้านทานได้นางหนึ่ง

 

“มันผู้ใดคิดร้ายต่อนายท่าน มันผู้นั้นต้องตาย!”

 

ในขณะที่เย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง และเตาเค่อกําลังมองจ้องหวงเอ้อด้วยสายตาหวาดกลัวระแวด ระวัง หวงเอ้อพลันปริปากกล่าวคําออกมา น้ําเสียงของนางแม้ไพเราะเสนาะหู แต่กลับ เย็นชาจนทําให้พวกมันทั้ง 3 หนาวใจจับจิต!

 

วินาทีต่อมา หวงเอ้อพลันลงมือเคลื่อนไหว!

 

ซูมมม!

 

เป็นหนึ่งดัชนีที่จื้ออกตามอําเภอใจ แต่อุบัติลําแสงกระบี่ 7 สีอันมีสภาวะพลังปานจะทะลวง ฟ้า เจาะทะลุหว่างคิ้วเย่วเชาฉวิน ปนดวงจิตสลายวิญญาณของมันจนแหลกไปโดยไม่รู้ตัว

 

น่านฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใด

 

ร่างไร้วิญญาณของเย่วเชาฉวินร่วงฟ้าตกพื้นดังตุบ! ดวงตาของมันเบิกโพลง ฉายชัดถึงความห วาดกลัวทั้งเหลือเชื่อ สามารถบอกได้เลยว่า จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย มันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัว เองต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้!

 

“ไฉนพลังของหวงเอ้อถึงได้..?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองหวงเอ้อด้วยความประหลาดใจ “นาง…หรือว่าหลังจากที่พลังเซียนอมตะ ต้นกําเนิดของข้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว นางเองก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วย?”

 

ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ไม่ทันไร เขาก็พบแค่ว่าเขาสามารถเชื่อม โยงกับพฤกษาเทพกําเนิดชีพ และสามารถชักนําพลังชีวิตมาหนุนเสริมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพส นหลิวได้เท่านั้น

 

การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อเขาไม่รู้มาก่อนเลย พึ่งได้เห็นกับตาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3579

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3579 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าอยู่ๆฉูเตาเค่อจะมาร่วมวงลงมือด้วยอีกคนแบบนี้
ในตอนแรกที่ฉูเตาเค่อมาถึง ทุกคนเพียงเข้าใจว่ามันมาเพื่อชมดูความบันเทิง แต่ไม่คิดเลยว่าในห้วงเวลาแตกหักแบบนี้ อยู่ๆฉูเตาเค่อจะออกไปช่วยเหลือจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเพื่อจัดการกับต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!
ฉูเตาเค่อ กับเย่วเชาฉวิน ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามากประสบการณ์ในสมรภูมิ 9 ยมโลก
ถึงแม้จี้หยิ่งจะประสบผลสำเร็จและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราช้ากว่าทั้งคู่มาก แต่พอเอาไปเทียบกับต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลายเป็นเทพดาราหยกๆ จี้หยิ่งก็ไม่ต่างอะไรจากเทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์…
3 เทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์ กำลังกลุ้มรุมเทพสงคราม 9 ดาราหน้าใหม่คนเดียว?
หากไม่ใช่เพราะทุกคนเห็นได้มาเรื่องราวกับตา เกรงว่าให้ใครมาเล่าให้ฟังให้ตายพวกมันก็ไม่เชื่อแน่นอน
เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีตไร้ยางอายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
แต่ความจริงตรงหน้าบอกชัดเจน…ว่าพวกมันไร้ยางอายกว่าที่คิด!
แน่นอนว่าต่อให้คนของพันธมิตรฟ่านเทียนจะคิดว่าผู้นำตัวเองไร้ยางอายแค่ไหน ทั้งหมดก็ได้แค่พูดในใจไม่กล่าวออกมา
แต่ยังมีบางคนที่คิดเข้าข้างผู้นำตัวเอง โดยให้เหตุผลว่ากระทั่งสิงโตจับกระตายยังทุ่มกำลังทั้งหมด…
“ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ที่ข้าออกจากสมรภูมิ 9 โลกไปปีนั้น…เจ้านับเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าต้องใช้สิ่งนี้อีกครั้ง”
เสียงกล่าวเข้มขรึมของเยว่เชาฉวินดังขึ้น จากนั้นในมือมันไม่ทราบปรากฏไม้เท้าขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มองสังเกตให้ดีไม้เท้าในมือมันคล้ายทำจากแก้วผลึกแลดูโปร่งใส ยังปรากฏไอพลังราวมังกรสีครามโลดแล่นม้วนวนปานเริงระบำ
พอมันตวัดไม้เท้าไปมา พลังสายน้ำที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังอานุภาพขึ้นทันตาเห็น สภาวะพลังดุร้ายปานสายน้ำหลากกำลังจะถล่มตลิ่งเปราะบาง!
วู้มมม!!
แม้จี้หยิ่งจะไม่พูดคำใด แต่ในมือก็ปรากฏลูกแก้วลี้ลับหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ตัวลูกแก้วเอ่อล้นไปด้วยไอพลังสีเขียว ไอพลังดังกล่าวคล้ายก่อตัวควบแน่นรอบๆลูกแก้ว กลายเป็นดาบพลังไร้สภาพ แผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมาหนาแน่น
เป็นจี้หยิ่งถ่ายทอดพลังลงไปยังตัวลูกแก้ว จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็สำแดงอานุภาพหนุนเสริมพลังให้กับสายลมคมมีดรอบกาย ทั้งยังสร้างดาบสาลมขึ้นมานับพัน!
ด้านฉูเตาเค่อ มันได้ชักดาบอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาตั้งแต่แรกแล้ว
ดาบระดับจักรพรรดิที่ฉูเตาเค่อชักออกมา ตั้งแต่ใบดาบหลุดพ้นออกจากฝัก มันก็แผ่กลิ่นอายแหลมคมกำจายไปสะท้านสะเทือนบรรยากาศโดยรอบ ยังปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองรองขึ้นมาก่อเกิดเงาร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นจิตวิญญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะชิ้นนี้
ถึงแม้จะไม่ใช่อุปกรณ์เทพ แต่เมื่อเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพของมันก็ไล่ตาม ‘อุปกรณ์กึ่งเทพ’ มาติดๆ…
ในระนาบเทวโลกนั้น สำหรับอาวุธเทพขั้นต่ำที่ไร้จิตวิญญาณกำเนิดแล้ว หลายๆคนไม่ถือว่ามันเป็นอาวุธเทพที่แท้จริง เพียงแค่เรียกมันว่า ‘อุปกรณ์กึ่งเทพ’ เท่านั้น เพราะพลังของมันจะไม่ได้แตกต่างไปจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์มากนัก
เนื่องจากมีเพียงตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราขึ้นไป ที่ในร่างเริ่มก่อเกิดพลังเทพแล้วเท่านั้น ถึงจะใช้พลังอานุภาพของอุปกรณ์กึ่งเทพให้มันมีพลังงอานุภาพเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ชัดเจน…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ข้าเกรงว่าวันนี้คงรอดยากแล้วล่ะ”
“เฮ่อ…โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนร่วมมือกันกลุ้มรุม ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหน ข้าก็ว่ายากจะรับมือได้กระมัง?”
“จริง โดน 3 เทพสงคราม 9 ดารากลุ้มรุมแบบนี้ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเท่านั้นล่ะ ที่รับมือไหว…”
……
พอเห็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ลงมือกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนสมควรกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้วแน่นอน แต่พวกมันก็รู้สึกว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ
ไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเลย
“โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนลงมือพร้อมกันเช่นนั้น…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเชี่ยวชาญกฏมิติแค่ไหน ก็ยากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนีได้”
หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“มิผิด…พลังอันมหาศาลของเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ต้องรบกวนพื้นที่อย่างแรง…ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนคิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังยากไม่ต่างคนธรรมดาคิดขึ้นสวรรค์”.ไอรีนโนเวล.
“อย่าว่าแต่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเลย ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะผสานรวมความลึกซึ้งเคลื่อนมิติกับความลึกซึ้งส่งผ่าน ก็ยังยากจะหลบหนีออกจากวงล้อมได้”
……
ผู้ชมโดยรอบมองจ้องไปยังฉากพายุพลังโหมกระหน่ำเบื้องหน้าด้วยความหวั่นกลัว พลังสีฟ้าอันเกรียดกราดนั่นประหนึ่งมังกรวารีพิโรธไม่มีผิด สายลมที่พัดวนรุนแรงกับดาบสายลมนั่น พอเกาะกลุ่มจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรวายุอันดุร้าย ไหนจะยังมีปราณกระบี่สีทองเล่มเขื่อง จากพลังกฏแห่งทองอันแหลมคมของฉูเตาเค่ออีก!
จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง
วินาทีนี้ ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรอดชีวิตได้สักคน!
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ ณ ตาของมรสุมพลัง ได้ใช้พลังอำนาจของวิถีควบคุมออกมา วงรัศมีรอบตัว 10 หมี่เต็มไปด้วยพลังของห้ววงมิติอันบิดเบือนผันผวน ต้านทานสลายพลังจากสายลมสายน้ำอย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตามด้วยความสุดไพศาลของพลังทั้ง 2 ขุม แม้แต่พลังอำนาจของวิถีควบคุมต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ
เขาทำได้แค่ฝืนทนรับไว้เท่านั้น
พอมามีฉูเตาเค่อ อันเป็นเทพสงคราม 9 ดาราใช้พลังของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์หนุนเสริมอีกคน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังเซียนอมตะและพลังเทพที่ใช้ออกได้อย่างต่อเนื่องเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจประคองสภาวะป้องกันไว้ได้นาน
“ยังมีคนที่ 3 อีกงั้นรึ?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ศัตรูเขามีเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร สองตาเพียงทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ไม่ว่าจะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี คนของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนก็ดี…แต่วันนี้มันต้องตาย!”
‘ต้นไม้เทพสนหลิว!’
‘กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!’
เพียงใจคิด เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มควบแน่นจนมีสภาพ และหลังจากต้วนหลิงเทียนเปิดโลกใบเล็กภายในกาย มันที่ได้รับพลังจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ก็ยิ่งทวีความสมจริงไปกันใหญ่!
เรียกว่าหลังได้รับพลังจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียน ก็เสมือนเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่มีชีวิตจริงๆ ทั้งลำต้นและกิ่งสนหลิวยังปรากฏแสงพลังสีขาวเรืองรองขึ้นมา
พลังน้ำกับพลังลมรวมถึงปราณกระบี่สีทอง ที่บุกฝ่าพลังอำนาจของวิถีควบคุมมาได้ ก็ถูกกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดทุบทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆหมดสิ้น แม้ตัวกิ่งสนหลิวเองจะพังพินาศไปพร้อมๆกัน แต่มันก็งอกเงยขึ้นมาฉับไว ฟื้นสภาพเดิมแทบจะทันที!
เป็นพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว!
นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบหลังจากบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา
เขาสามารถใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน ทำให้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวสามารถเชื่อมต่อกับพฤกษาเทพกำเนิดชีพภายในร่าง ในขั้นตอนดังกล่าวทำให้เกิดการสั่นพ้องของพลังบางอย่าง จนสามารถแบ่งปันพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูรักษาได้
“นายท่าน ชีวิตพวกมันทั้ง 3 มอบให้หวงเอ้อจัดการเถอะ”
กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพอปรากฏขึ้นมา เงาร่างหวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งและดูงดงามตระการตาก็ลอยออกมา ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน โค้งหัวขออนุญาตต้วนหลิงเทียนอย่างนอบน้อม
ทันใดนั้นเอง หว่างคิ้วของหวงเอ้อก็ปรากฏปานรูปกระบี่ หนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์
พอปานกระบี่ปรากฏมันก็เปล่งแสงพลังหลากสีสันออกไปรวมผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนใต้เท้าหวงเอ้อ จากนั้นตัวกระบี่พลันเปล่งรังสีกระบี่ทำลายล้างออกมานับหมื่นสาย พุ่งวาบไปดั่งเงาเลือนสับสะบั้นพลัง 3 ทั้ง 3 ขุมจนแหลกพินาศได้อย่างง่ายดาย!
ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกต่อไป…
ต้วนหลิงเทียนพอเห็นฉากดังกล่าวก็ถอนพลังที่ใช้ก่อสร้างร่างต้นไม้เทพสนหลิว จนร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวจางหายไป คนปรากฏขึ้นกลางหาวอีกครั้ง
เดิมทีหลังจากเข้าใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว เขาก็กะใช้พลังอำนาจหนุนเสริมของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่จะคอยฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อจัดการกับเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าแค่พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างเดียว ก็จัดการปัญหาตรงหน้าได้ง่ายๆ!
กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวพลังอำนาจของรังสีกระบี่ทำลายล้างที่หวงเอ้อใช้ออกเมื่อครู่!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
รังสีกระบี่ทำลายล้างที่หวงเอ้อปลดปล่อยออกไป ไม่ต่างอะไรกับปราการแกร่งไร้ทลาย ยังแน่นหนาราวข่ายฟ้าแหสวรรค์ ไม่อาจมีพลังอำนาจใดๆล่วงล้ำเฉียดกรายเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนได้เลย และเมื่อข่ายกระบี่ที่ทำลายได้ทุกสิ่งอย่างอุบัติขึ้นกลางพายุพลังเช่นนี้ ก็ทำให้มันแลดูโดดเด่นเป็นพิเศษ!
“นั่นมันอะไรกันแน่!?”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทำให้ผู้ชมโดยรอบตกตะลึงแล้วจริงๆ
ตอนแรกที่พวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในพายุพลัง 3 ขุม พวกมันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายอย่างแน่นอนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะอุบัติฉากเรื่องราวตรงหน้าขึ้นมาได้ “พลัง 7 สีนั่นมันอะไรกันแน่? ไฉนมันถึงได้เจิดจ้าขนาดนั้น!?”
“นั่นเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรือ?”
“ได้อย่างไรกัน!? ไฉนข้ารู้สึกว่าพลัง 3 ประสานจากเย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง กับฉูเตาเค่อมันอ่อนด้อยกว่าพลัง 7 สีที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาคล้ายข่ายกระบี่นั่นมากโขเลยเล่า?”
“ให้ตายเถอะ ทั้ง 3 มิใช่เทพสงคราม 9 ดาราหรือไร ทั้งๆที่รวมพลังกลุ้มรุมแล้วแต่ไฉนยังไม่ได้เปรียบเลยเล่า?”
……
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง สีหน้าแลดูอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้ จนได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่างเลื่อนลอย
วิ้งงงง!!
เสียงพลังกู่ร้องหนึ่งพลันอุบัติขึ้นจากตาพายุพลังเบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็บังเกิดแสง 7 สีระเบิดออกมาสว่างจ้า ปานตะวันดวงที่ 2 ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตา หยีตาหลบแสงแทบไม่ทัน
ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็กำจายออกไปในบรรยากาศ จากนั้นก็อุบัติคลื่นกระแทกจากการระเบิดของพลังแสง 7 สี กวาดสะท้านออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!
คนของพันธมิตรฟ่านเทียนที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยถึงกับตกตายอย่างไม่รู้ตัว!
ต่อให้เป็นผู้ที่มีพังฝีมือสูงๆก็ยังได้รับบาดเจ็บ!
มีก็แต่เทพสงคราม 7 ดาราเท่านั้น ที่รู้ตัวและล่าถอยได้ทันท่วงที จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามสีหน้าของทุกคนซีดลงด้วยความหวาดกลัวนัก “ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือไร?!”
“เป็นไปไม่ได้! พลังอำนาจของขอบเขตเทพมิได้มีแค่เท่านี้!”
“แต่พลังนั่น…ข้าเกรงว่ายากจะมีเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนต้านทานได้!”
……
ท่ามกลางสาตาตกตะลึงของทุกคน ข่ายรังสีกระบี่ 7 สีสันก็กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ทำลายพลังทั้งหมดจนพินาศสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางพายุพลังจึงเผยโฉมออกมาสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ต้วนหลิงเทียน แต่อยู่กับร่างสตรีในชุดกระโปรงสีรุ้งที่ท่องกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “นางเป็นผู้ใดกัน!?”
หวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งนั้น แลดูงดงามทั้งเลอค่าหาใดเปรียบ รูปโฉมของนางมากพอจะสะกดทุกสายตาให้เลื่อนลอย สองตาคู่งามปานสารทแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวกับจะผลักไสผู้คนให้ห่างออกไปแสนแปดพันลี้นั่น ให้ก่อเกิดเป็นโฉมสะคราญแสนเย็นชา แต่เสน่ห์เหลือร้ายจนยากต้านทานได้นางหนึ่ง…
“มันผู้ใดคิดร้ายต่อนายท่าน มันผู้นั้นต้องตาย!”
ในขณะที่เย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง และฉูเตาเค่อกำลังมองจ้องหวงเอ้อด้วยสายตาหวาดกลัวระแวดระวัง หวงเอ้อพลันปริปากกล่าวคำออกมา น้ำเสียงของนางแม้ไพเราะเสนาะหู แต่กลับเย็นชาจนทำให้พวกมันทั้ง 3 หนาวใจจับจิต!
วินาทีต่อมา หวงเอ้อพลันลงมือเคลื่อนไหว!
ซู่มมม!
เป็นหนึ่งดัชนีที่จี้ออกตามอำเภอใจ แต่อุบัติลำแสงกระบี่ 7 สีอันมีสภาวะพลังปานจะทะลวงฟ้า เจาะทะลุหว่างคิ้วเย่วเชาฉวิน ป่นปี้ดวงจิตสลายวิญญาณของมันจนแหลกไปโดยไม่รู้ตัว…
น่านฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใด
ร่างไร้วิญญาณของเย่วเชาฉวินร่วงฟ้าตกพื้นดังตุบ! ดวงตาของมันเบิกโพลง ฉายชัดถึงความหวาดกลัวทั้งเหลือเชื่อ สามารถบอกได้เลยว่า…จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย มันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้!
‘ไฉนพลังของหวงเอ้อถึงได้…?’
ต้วนหลิงเทียนมองหวงเอ้อด้วยความประหลาดใจ ‘นาง…หรือว่าหลังจากที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว นางเองก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ไม่ทันไร เขาก็พบแค่ว่าเขาสามารถเชื่อมโยงกับพฤกษาเทพกำเนิดชีพ และสามารถชักนำพลังชีวิตมาหนุนเสริมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวได้เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อเขาไม่รู้มาก่อนเลย พึ่งได้เห็นกับตาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+