War sovereign Soaring The Heavens 3580

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3580 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3580 : ในอดีตไม่ปรากฏ อนาคตไม่พบเจอ

 

หวงเอ้อนั้นเป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นอุปกรณ์เทพ ยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด

 

แต่มันก็ดุจเดียวกับอุปกรณ์เทพขั้นอื่นๆ อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเพื่อให้สามารถใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของมันได้ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง

 

หลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างด้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน อันที่จริงการบรรลุครั้งนี้สิ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มักซ่อนอยู่ในร่างกายเขาต่างหาก!

 

และพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน ดูจากพลังอํานาจของหวงเอ้อในตอนนี้ก็ชัดเจนที่สุด!

 

‘ความแข็งแกร่งของหวงเฮ้อในตอนนี้มัน’

 

ฉากเรื่องราวการลงมือเข่นฆ่าเยว่เขาฉวินในพริบตาของหวงเฮ้อ ได้แล่นย้อนในหัวต้วนหลิงเทียนซ้ําๆ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโซ่วเทียน ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า กลับไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่นิดเดียว ตกตายในกระบี่เดียว ทั้งยังเป็นการลงมือส่งๆของหวงเอ้อ…

 

นั่นจะอย่างไรก็คือเทพสงคราม 9 ดารา! ไม่ใช่ไก่สุนัขที่ไหน!

 

ถึงแม้เขาจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาเองก็สามารถฆ่าเยว่เชาฉวินรวมถึงอีก 2 คนที่เหลือได้แน่นอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็จําต้องใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกับพลังฟื้นฟูของพฤกษา เทพกําเนิดชีพ รวมถึงพลังของกระบีหลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

แต่บัดนี้ หวงเอ้อกลับใช้พลังของตัวเองเพื่อกระตุ้นพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเข่นฆ่าเยว่เชาฉวินลงได้อย่างง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…ช่างเป็นการลงมืออันทรงพลังสุดที่เขาจะจินตนาการได้ออก!

 

“นี่…”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

 

บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองหวงเอ้อ ไม่คล้ายมองโฉมสะคราญด้วยความหลงใหลน่าทึ่ง แต่เป็นความหวาดผวาพรั่นกลัว พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าโฉมสะคราญอันน่าทึ่งนางนี้ ที่แท้จะร้ายกาจทั้งลงมือได้อย่างน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น!

 

จะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่สร้างชื่อลือชาในสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งอดีต..!

 

แต่วันนี้กลับถูกโฉมสะคราญนางนั้นเข่นฆ่าง่ายๆราวมดตัวน้อยที่ถูกบี้ย

 

กระบวนการทั้งหมดไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้สึกเสมือนฝันไปก็ไม่ปาน

 

“พวกเรา มิได้ฝัน!”

 

หลายๆคนฟื้นคืนสติได้เร็วไว และตระหนักได้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพฝัน แต่ทั้งหมดเป็นความจริง

 

“นาง…เมื่อครู่นางเรียกต้วนหลิงเทียนว่านายท่านรึ?”

 

ไม่นานก็มีคนที่เอะใจถึงจุดนี้ สีหน้าคนผู้นั้นยังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พอมองไปยังหวงเอ้ออีกครั้ง สองตาก็เหลือบมองไปยังกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่นางย่ําอยู่ต่างยานพาหนะ “นาง…นางคงไม่ใช่ว่าเป็นจิตวิญญาณของกระบี่เล่มนั้นหรอกนะ?”

 

“จิตวิญญาณอุปกรณ์?!”

 

หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าที่แท้หวงเอ้อเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร หลายๆคนก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

และคนที่อยู่มานานและมีประสบการณ์รวมถึงความรู้สูง หลังเห็นพลังอํานาจของหวงเอ้อแล้วก็อดพึมพําออกมาไม่ได้ “ปกติแล้ว…จิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพหากเป็นแค่ขั้นต่ํา ไม่มีทางมีพลังระดับนั้นได้แน่ นั่นสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลางไม่สิ! สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

“อุปกรณ์เทพขั้นสูง!? อาวุโสท่านนี้ท่านจะบอกว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือ?”

 

“สวรรค์! อุปกรณ์เทพขั้นสูง ทั้งยังกําเนิดจิตวิญญาณ…ต่อให้เป็นในระนาบเทพก็เป็นสมบัติล้ําค่าไม่ใช่หรือไร มากพอให้เหล่าจอมราชันเทพหรือแม้แต่จักรพรรดิเทพแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ํา! แล้วทําไมต้วนหลิงเทียนถึงมีอุปกรณ์เทพเลิศล้ําขนาดนี้ได้เล่า!?”

 

พอตระหนักได้ว่าอย่างน้อยๆอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลายคนในที่เกิดเหตุก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

 

ด้านคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนที่เหลืออย่าง จี้หยิ่ง และฉเตาเค่อเองก็ไม่ต่างกัน

 

พอทั้งคู่เห็นเยว่เขาฉวินถูกฆ่าได้ง่ายดาย ไม่ต่างมดตัววกระจ้อยถูกผู้คนบดบี้ พวกมันก็ตระหนักได้ถึงลางแห่งความตาย พอมารู้ว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งมีพลังอํานาจเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้ง่ายๆ ใจของพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตื่นตระหนกเสียขวัญนัก

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ ที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขึ้นขม กล่าวออกด้วยแววตาหมองเศร้า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้หยิ่งบีบคั้นข้า…วันนี้ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจักเป็นหนี้ชีวิตของท่าน”

 

จูเตาเค่อก้มหัว กล่าวคําเสียงอ่อน

 

แทบจะไม่ต่างอะไรจากขอความเมตตา

 

พลังอํานาจของอุปกรณ์เทพอันกําเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือตัวนหลิงเทียน ทําให้ใจมันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว และมันรู้ตัวดีว่าคงยากจะหลบหนีไปได้ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย

 

ได้ยินคำพูดขอชีวิตของฉูเตาเค่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆอย่างไม่แยแส ไม่เอ่ยคําใดตอบกลับ

 

ด้านคนอื่นๆพอมองไปยังฉุเตาเค่ออีกครั้ง ก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้ “จอมดาบเดียวดาย ฉุเตาเค่อ…หากวันนี้มันไม่ลงมือก็แล้วไป เพราะไม่ต่างอะไรกับผู้ชมเหมือนเราๆ…แต่ตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะสอดมือออกหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งตัวเองไปยังเส้นทางไร้หวนกลับ…”

 

“บางครั้ง การเลือกผิดแค่ครั้งเดียวก็เป็นเหตุแห่งความตาย…”

 

“จอมดาบเดียวดาย…น่าเสียดายยิ่ง”

 

วินาทีไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าฉเตาเค่อจะรอดพ้นความตายไปได้

 

อย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง หากปล่อยไว้ไม่ฆ่า ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อย เสือคืนป่า และอาจจะกลายเป็นภัยซ่อนเร้น ที่ย้อนกลับมาทําให้เสียใจภายหลัง

 

ครู่ต่อ การคาดเดาของพวกมันก็ได้รับการยืนยัน

 

ซู่มมม!

 

เป็นหวงเอ้อที่จี้ดัชนีออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉเตาเค่อจะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมด รวมถึงใช้พลังอํานาจหนุนเสริมของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ในมืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานลําแสงทําลายล้างของหวงเอ้อได้แม้เสี้ยวเดียว หว่างคิ้วถูกเจาะทะลวงวิญญาณ สลายตกตายตามรอยเยว่เขาฉวินไปอีกคน..

 

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เรียกว่าแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ํา เทพสงคราม 9 ดารา 2 คน กลับจบชีวิตลงเสียแล้ว

 

เหนือฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใดอีกครั้ง

 

กระทั่งร่างของหลายๆคนยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ากาลครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สะท้านขวัญเช่นนี้…

 

“ตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นเทพสงคราม 9 ดารา 2 คนตกตายไปต่อหน้าต่อตา…”

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

และคําพูดของมันก็ไปตรงกับใจใครหลายๆคน “ในชีวิตของใครคนไหน เพียงได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราร่วงหล่นกับตา ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แต่วันนี้พริบตาเดียว พวกเรากลับได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตกตายถึง 2 คน กระทั่งให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของสมรภูมิ 9 ยมโลก เรื่องราวทํานองนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนกระมัง?”

 

“ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ กลับมีเทพสงคราม 9 ดาราตกตายถึง 2เสิ่งนี้ถูกกําหนดให้กลายเป็นหน้าสําคัญในประวัติศาสตร์!”

 

“บางที…วันนี้อาจมีเทพสงคราม 9 ดาราที่ต้องตกตายอีกคน”

 

หลังจากผู้ชมกระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกเหมือนฝันพักหนึ่ง สายตาของพวกมันก็เริ่มจับจ้องไปยังจี้หยิ่งที่บัดนี้หน้าคนซีดไม่ต่างอะไรกับไก่ต้มเสียแล้ว

 

และหากใครสังเกตุให้ดี จะพบว่าหน้าผากจี้หยิ่งนั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

 

เห็นได้ชัดว่าการตกตายลงอย่างง่ายดายของเยว่เขาฉวินกับนูเตาเค่อ ได้สร้างแรงกดดันให้แก่จี้หยิ่งอย่างหนักหน่วง

 

ซู่มมม!

 

ในขณะที่จี้หยิ่งกําลังตึงเครียดทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด หวงเอ้อพลันลงมือออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีที่จออกตามอําเภอใจของนางครั้งนี้ กลับไม่ได้พรากชีวิตของจีหยิ่งไปอย่างที่ทุกคนคิด

 

นั่นเพราะเงาร่างของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน จี้โยว ได้ปรากฏตัวขึ้น!

 

กล่าวให้ชัดคือรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างจี้หยิ่ง ได้สําแดงอานุภาพปกป้องจี้หยิ่งเอาไว้ในห้วงเวลาเป็นตาย! ทว่าหลังต้านทานลําแสงกระบี่ทําลายล้างของหวงเอ้อได้แล้ว เงาร่างของจี้โยววก็อ่อนจางลงปานภูตผี คล้ายจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เรื่องจะให้ต้านรับหวงเอ้ออีกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้

 

และหลังจากที่เงาร่างปานวิญญาณของจี้โยวปรากฏขึ้น มันก็ไม่ได้มองหวงเฮ้อผู้ลงมือแต่อย่างใด เพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพราะมันรู้ดีว่าผู้ที่กุมชะตาชีวิตศิษย์มันเอาไว้ตอนนี้ ก็คือต้วนหลิงเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

จี้โยวที่แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งกล่าวออกมาเสียงหนัก หากแต่ถ้อยคํากลับเป็นการขอประนีประนอมหมายรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนชัดเจน “วันนี้ขอเพียงเจ้าปล่อยศิษย์ข้าไปสักครั้งข้าจะสะบั้นความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าทิ้งเสีย”

 

“ข้าจะไม่หาความเจ้า เรื่องที่เจ้าฆ่า หวู่หลง ศิษย์คนที่ 2 ของข้าอีกต่อไป!”

 

ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองอํานาจเบ็ดเสร็จในระนาบเทวโลกระนาบหนึ่ง ทั้งยังเป็นถึง อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ คําพูดของจี้โยวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้มหัวให้ตัวนหลิงเทียน พาลให้ผู้คนรอบๆอดชมดูจนละลานตาไม่ได้

 

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน ที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเทพ.กลับยอมลงต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?”

 

ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ

 

“ท่านอาจารย์!”

 

อย่างไรก็ตาม จี้หยิ่งที่ได้ฟังคําพูดยอมลงของอาจารย์ หลังสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งมันก็กัดฟันออกมาด้วยน้ําเสียงดื้อรั้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ําด้วยความอัดอั้น “ท่านอาจารย์! ท่านไม่ต้องลดตัวลงไปขอความเมตตาจากมัน! ต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่คู่ควรให้ท่านต้องก้มหัวให้!”

 

“เจ้าหุบปากไปเสีย!”

 

จี้โยวตวาดคําออกมาเสียงเย็น จนทําให้จี้หยิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก แม้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ร่างมายาจากรอยประทับจิตเทพ แต่ความน่าเกรงขามของผู้เป็นอาจารย์และบิดาบุญธรรมนั้นได้ฝังลึกลงไปในใจของมันนานแล้ว มันย่อมไม่กล้าขัดคําพูดของอีกฝ่าย

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไว้หน้า จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์สวรรค์งี้ฟานเทียนต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาสั้นๆเสียงเรียบ “หวงเอ้อ ฆ่ามัน”

 

พอเสียงกล่าวของเขาดังจบคํา หวงเอ้อก็ลงมือทันที

 

สีหน้าของโยวเองก็เปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะแค้นถึงขีดสุด โพล่งตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าจักต้องเสียใจ! ข้าจักทําให้เจ้าต้องสํานึกเสียใจ!!”

 

ซู่มมม!!

 

ลําแสงกระบี่ทําลายล้างหลากสีสัน พุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว ทําลายเงาร่างอี้โยวจากรอย ประทับจิตเทพ จากนั้นก็พรากชีวิตจี้หยิ่งไปในพริบตา

 

ด้วยพลังที่หวงเอ้อสําแดงออกมาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนพอจะกะประมาณได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดของครึ่งก้าวขอบเขตเทพแล้ว เรียกว่าภายใต้ขอบเขตเทพ คนที่สามารถต่อกรกับนางได้ ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็คงมีแค่หยิบมือเดียว

 

ฆ่าเทพสงคราม 9 ดารา ง่ายดายพอๆกับตัดหญ้าฆ่าไก่!

 

‘เพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน พลังที่แท้จริงของหวงเอ้อก็เลยตื่นขึ้นมา’

 

ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอยู่ๆพลังของหวงเอ้อถึงร้ายกาจขึ้นขนาดนี้ สาเหตุคงไม่พ้นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างเขา เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วแน่นอน

 

อุปกรณ์เทพ ที่ไฉนถึงใช้คําว่าเทพ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สําหรับตัวตนขอบเขตเทพ

 

มีเพียงแต่ตัวตนขอบเขตเทพเท่านั้นถึงจะใช้พลังอํานาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ

 

ขุมพลังหลักของเหล่าตัวตนขอบเขตเทพ ก็คือพลังเทพ

 

ถึงแม้ตอนนี้เข้าจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ในเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว เช่นนั้นก็มากพอจะให้เขาเปิดใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของอุปกรณ์เทพ!

 

หลังจากจี้หยิ่งตกตาย ผู้คนโดยรอบก็พากันเงียบลงอีกครั้ง

 

เมื่อครู่ รอยประทับจิตเทพของจี้โยวสําแดงเดช สร้างเงาร่างของจี้โวขึ้นมา และยอมก้มหัวลดตัวมาประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ฆ่าจี้หยิ่งอีกต่อไป..

 

มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสคําพูดของจี้โยว ปล่อยให้จิตวิญญาณกระบี่ฆ่าจี้หยิ่งทิ้งหน้าตาเฉย…

 

สรุปได้ว่า…เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ที่ร่วมมือกันหมายสังหารต้วนหลิงเทียน ได้ทอดร่างเป็นศพนอนตัวเย็นกันทั้งหมด!

 

ภายในวันเดียว จบชีวิตเทพสงคราม 9 ดาราไปถึง 3…

 

เรื่องพรรค์นี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่เคยมีใครทําได้มาก่อน และไม่น่าจะมีใครทําได้ในอนาคต

 

วู้มมม

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างหวงเอ้อค่อยๆกลายเป็นเงาเลือนหายไปในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็แปรสภาพเป็นอณูแสงหายเข้าไปในร่างด้วนหลิงเทียน

 

อุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว!

 

ในสายตาของทุกคน สมบัติระดับนี้ มันล้ําค่ามากพอให้ทุกคนเผชิญอันตราย 9 ตาย 1 รอดเพื่อเสียงให้ได้มา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะเคลื่อนไหวนุ่มบ่าม

 

เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากนุ่มบ่ามลงมือตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย!

 

รู้ทั้งรู้ว่าเข้าไปก็มีแต่ตาย นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความโง่เขลา!

 

ภายใต้สายตาของทุกคนในที่เกิดเหตุ ต้วนหลิงเทียนที่เก็บกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ก็กวาดตามองไปรอบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้วนหลิงเทียนจะยึดค่ายพันธมิตรฟานเทียนเป็นสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะ…”

 

“หลังจากวันนี้ไป อย่าให้ข้าเห็นใครในสายตา…”

 

“ใครฝ่าฝืน…ตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3580

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3580 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3580 : ในอดีตไม่ปรากฏ อนาคตไม่พบเจอ

 

หวงเอ้อนั้นเป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นอุปกรณ์เทพ ยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด

 

แต่มันก็ดุจเดียวกับอุปกรณ์เทพขั้นอื่นๆ อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเพื่อให้สามารถใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของมันได้ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง

 

หลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างด้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน อันที่จริงการบรรลุครั้งนี้สิ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มักซ่อนอยู่ในร่างกายเขาต่างหาก!

 

และพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน ดูจากพลังอํานาจของหวงเอ้อในตอนนี้ก็ชัดเจนที่สุด!

 

‘ความแข็งแกร่งของหวงเฮ้อในตอนนี้มัน’

 

ฉากเรื่องราวการลงมือเข่นฆ่าเยว่เขาฉวินในพริบตาของหวงเฮ้อ ได้แล่นย้อนในหัวต้วนหลิงเทียนซ้ําๆ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโซ่วเทียน ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า กลับไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่นิดเดียว ตกตายในกระบี่เดียว ทั้งยังเป็นการลงมือส่งๆของหวงเอ้อ…

 

นั่นจะอย่างไรก็คือเทพสงคราม 9 ดารา! ไม่ใช่ไก่สุนัขที่ไหน!

 

ถึงแม้เขาจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาเองก็สามารถฆ่าเยว่เชาฉวินรวมถึงอีก 2 คนที่เหลือได้แน่นอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็จําต้องใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกับพลังฟื้นฟูของพฤกษา เทพกําเนิดชีพ รวมถึงพลังของกระบีหลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

แต่บัดนี้ หวงเอ้อกลับใช้พลังของตัวเองเพื่อกระตุ้นพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเข่นฆ่าเยว่เชาฉวินลงได้อย่างง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…ช่างเป็นการลงมืออันทรงพลังสุดที่เขาจะจินตนาการได้ออก!

 

“นี่…”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

 

บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองหวงเอ้อ ไม่คล้ายมองโฉมสะคราญด้วยความหลงใหลน่าทึ่ง แต่เป็นความหวาดผวาพรั่นกลัว พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าโฉมสะคราญอันน่าทึ่งนางนี้ ที่แท้จะร้ายกาจทั้งลงมือได้อย่างน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น!

 

จะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่สร้างชื่อลือชาในสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งอดีต..!

 

แต่วันนี้กลับถูกโฉมสะคราญนางนั้นเข่นฆ่าง่ายๆราวมดตัวน้อยที่ถูกบี้ย

 

กระบวนการทั้งหมดไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้สึกเสมือนฝันไปก็ไม่ปาน

 

“พวกเรา มิได้ฝัน!”

 

หลายๆคนฟื้นคืนสติได้เร็วไว และตระหนักได้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพฝัน แต่ทั้งหมดเป็นความจริง

 

“นาง…เมื่อครู่นางเรียกต้วนหลิงเทียนว่านายท่านรึ?”

 

ไม่นานก็มีคนที่เอะใจถึงจุดนี้ สีหน้าคนผู้นั้นยังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พอมองไปยังหวงเอ้ออีกครั้ง สองตาก็เหลือบมองไปยังกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่นางย่ําอยู่ต่างยานพาหนะ “นาง…นางคงไม่ใช่ว่าเป็นจิตวิญญาณของกระบี่เล่มนั้นหรอกนะ?”

 

“จิตวิญญาณอุปกรณ์?!”

 

หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าที่แท้หวงเอ้อเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร หลายๆคนก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

และคนที่อยู่มานานและมีประสบการณ์รวมถึงความรู้สูง หลังเห็นพลังอํานาจของหวงเอ้อแล้วก็อดพึมพําออกมาไม่ได้ “ปกติแล้ว…จิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพหากเป็นแค่ขั้นต่ํา ไม่มีทางมีพลังระดับนั้นได้แน่ นั่นสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลางไม่สิ! สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

“อุปกรณ์เทพขั้นสูง!? อาวุโสท่านนี้ท่านจะบอกว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือ?”

 

“สวรรค์! อุปกรณ์เทพขั้นสูง ทั้งยังกําเนิดจิตวิญญาณ…ต่อให้เป็นในระนาบเทพก็เป็นสมบัติล้ําค่าไม่ใช่หรือไร มากพอให้เหล่าจอมราชันเทพหรือแม้แต่จักรพรรดิเทพแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ํา! แล้วทําไมต้วนหลิงเทียนถึงมีอุปกรณ์เทพเลิศล้ําขนาดนี้ได้เล่า!?”

 

พอตระหนักได้ว่าอย่างน้อยๆอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลายคนในที่เกิดเหตุก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

 

ด้านคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนที่เหลืออย่าง จี้หยิ่ง และฉเตาเค่อเองก็ไม่ต่างกัน

 

พอทั้งคู่เห็นเยว่เขาฉวินถูกฆ่าได้ง่ายดาย ไม่ต่างมดตัววกระจ้อยถูกผู้คนบดบี้ พวกมันก็ตระหนักได้ถึงลางแห่งความตาย พอมารู้ว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งมีพลังอํานาจเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้ง่ายๆ ใจของพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตื่นตระหนกเสียขวัญนัก

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ ที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขึ้นขม กล่าวออกด้วยแววตาหมองเศร้า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้หยิ่งบีบคั้นข้า…วันนี้ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจักเป็นหนี้ชีวิตของท่าน”

 

จูเตาเค่อก้มหัว กล่าวคําเสียงอ่อน

 

แทบจะไม่ต่างอะไรจากขอความเมตตา

 

พลังอํานาจของอุปกรณ์เทพอันกําเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือตัวนหลิงเทียน ทําให้ใจมันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว และมันรู้ตัวดีว่าคงยากจะหลบหนีไปได้ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย

 

ได้ยินคำพูดขอชีวิตของฉูเตาเค่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆอย่างไม่แยแส ไม่เอ่ยคําใดตอบกลับ

 

ด้านคนอื่นๆพอมองไปยังฉุเตาเค่ออีกครั้ง ก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้ “จอมดาบเดียวดาย ฉุเตาเค่อ…หากวันนี้มันไม่ลงมือก็แล้วไป เพราะไม่ต่างอะไรกับผู้ชมเหมือนเราๆ…แต่ตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะสอดมือออกหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งตัวเองไปยังเส้นทางไร้หวนกลับ…”

 

“บางครั้ง การเลือกผิดแค่ครั้งเดียวก็เป็นเหตุแห่งความตาย…”

 

“จอมดาบเดียวดาย…น่าเสียดายยิ่ง”

 

วินาทีไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าฉเตาเค่อจะรอดพ้นความตายไปได้

 

อย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง หากปล่อยไว้ไม่ฆ่า ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อย เสือคืนป่า และอาจจะกลายเป็นภัยซ่อนเร้น ที่ย้อนกลับมาทําให้เสียใจภายหลัง

 

ครู่ต่อ การคาดเดาของพวกมันก็ได้รับการยืนยัน

 

ซู่มมม!

 

เป็นหวงเอ้อที่จี้ดัชนีออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉเตาเค่อจะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมด รวมถึงใช้พลังอํานาจหนุนเสริมของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ในมืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานลําแสงทําลายล้างของหวงเอ้อได้แม้เสี้ยวเดียว หว่างคิ้วถูกเจาะทะลวงวิญญาณ สลายตกตายตามรอยเยว่เขาฉวินไปอีกคน..

 

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เรียกว่าแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ํา เทพสงคราม 9 ดารา 2 คน กลับจบชีวิตลงเสียแล้ว

 

เหนือฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใดอีกครั้ง

 

กระทั่งร่างของหลายๆคนยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ากาลครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สะท้านขวัญเช่นนี้…

 

“ตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นเทพสงคราม 9 ดารา 2 คนตกตายไปต่อหน้าต่อตา…”

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

และคําพูดของมันก็ไปตรงกับใจใครหลายๆคน “ในชีวิตของใครคนไหน เพียงได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราร่วงหล่นกับตา ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แต่วันนี้พริบตาเดียว พวกเรากลับได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตกตายถึง 2 คน กระทั่งให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของสมรภูมิ 9 ยมโลก เรื่องราวทํานองนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนกระมัง?”

 

“ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ กลับมีเทพสงคราม 9 ดาราตกตายถึง 2เสิ่งนี้ถูกกําหนดให้กลายเป็นหน้าสําคัญในประวัติศาสตร์!”

 

“บางที…วันนี้อาจมีเทพสงคราม 9 ดาราที่ต้องตกตายอีกคน”

 

หลังจากผู้ชมกระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกเหมือนฝันพักหนึ่ง สายตาของพวกมันก็เริ่มจับจ้องไปยังจี้หยิ่งที่บัดนี้หน้าคนซีดไม่ต่างอะไรกับไก่ต้มเสียแล้ว

 

และหากใครสังเกตุให้ดี จะพบว่าหน้าผากจี้หยิ่งนั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

 

เห็นได้ชัดว่าการตกตายลงอย่างง่ายดายของเยว่เขาฉวินกับนูเตาเค่อ ได้สร้างแรงกดดันให้แก่จี้หยิ่งอย่างหนักหน่วง

 

ซู่มมม!

 

ในขณะที่จี้หยิ่งกําลังตึงเครียดทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด หวงเอ้อพลันลงมือออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีที่จออกตามอําเภอใจของนางครั้งนี้ กลับไม่ได้พรากชีวิตของจีหยิ่งไปอย่างที่ทุกคนคิด

 

นั่นเพราะเงาร่างของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน จี้โยว ได้ปรากฏตัวขึ้น!

 

กล่าวให้ชัดคือรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างจี้หยิ่ง ได้สําแดงอานุภาพปกป้องจี้หยิ่งเอาไว้ในห้วงเวลาเป็นตาย! ทว่าหลังต้านทานลําแสงกระบี่ทําลายล้างของหวงเอ้อได้แล้ว เงาร่างของจี้โยววก็อ่อนจางลงปานภูตผี คล้ายจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เรื่องจะให้ต้านรับหวงเอ้ออีกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้

 

และหลังจากที่เงาร่างปานวิญญาณของจี้โยวปรากฏขึ้น มันก็ไม่ได้มองหวงเฮ้อผู้ลงมือแต่อย่างใด เพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพราะมันรู้ดีว่าผู้ที่กุมชะตาชีวิตศิษย์มันเอาไว้ตอนนี้ ก็คือต้วนหลิงเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

จี้โยวที่แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งกล่าวออกมาเสียงหนัก หากแต่ถ้อยคํากลับเป็นการขอประนีประนอมหมายรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนชัดเจน “วันนี้ขอเพียงเจ้าปล่อยศิษย์ข้าไปสักครั้งข้าจะสะบั้นความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าทิ้งเสีย”

 

“ข้าจะไม่หาความเจ้า เรื่องที่เจ้าฆ่า หวู่หลง ศิษย์คนที่ 2 ของข้าอีกต่อไป!”

 

ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองอํานาจเบ็ดเสร็จในระนาบเทวโลกระนาบหนึ่ง ทั้งยังเป็นถึง อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ คําพูดของจี้โยวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้มหัวให้ตัวนหลิงเทียน พาลให้ผู้คนรอบๆอดชมดูจนละลานตาไม่ได้

 

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน ที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเทพ.กลับยอมลงต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?”

 

ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ

 

“ท่านอาจารย์!”

 

อย่างไรก็ตาม จี้หยิ่งที่ได้ฟังคําพูดยอมลงของอาจารย์ หลังสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งมันก็กัดฟันออกมาด้วยน้ําเสียงดื้อรั้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ําด้วยความอัดอั้น “ท่านอาจารย์! ท่านไม่ต้องลดตัวลงไปขอความเมตตาจากมัน! ต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่คู่ควรให้ท่านต้องก้มหัวให้!”

 

“เจ้าหุบปากไปเสีย!”

 

จี้โยวตวาดคําออกมาเสียงเย็น จนทําให้จี้หยิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก แม้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ร่างมายาจากรอยประทับจิตเทพ แต่ความน่าเกรงขามของผู้เป็นอาจารย์และบิดาบุญธรรมนั้นได้ฝังลึกลงไปในใจของมันนานแล้ว มันย่อมไม่กล้าขัดคําพูดของอีกฝ่าย

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไว้หน้า จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์สวรรค์งี้ฟานเทียนต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาสั้นๆเสียงเรียบ “หวงเอ้อ ฆ่ามัน”

 

พอเสียงกล่าวของเขาดังจบคํา หวงเอ้อก็ลงมือทันที

 

สีหน้าของโยวเองก็เปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะแค้นถึงขีดสุด โพล่งตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าจักต้องเสียใจ! ข้าจักทําให้เจ้าต้องสํานึกเสียใจ!!”

 

ซู่มมม!!

 

ลําแสงกระบี่ทําลายล้างหลากสีสัน พุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว ทําลายเงาร่างอี้โยวจากรอย ประทับจิตเทพ จากนั้นก็พรากชีวิตจี้หยิ่งไปในพริบตา

 

ด้วยพลังที่หวงเอ้อสําแดงออกมาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนพอจะกะประมาณได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดของครึ่งก้าวขอบเขตเทพแล้ว เรียกว่าภายใต้ขอบเขตเทพ คนที่สามารถต่อกรกับนางได้ ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็คงมีแค่หยิบมือเดียว

 

ฆ่าเทพสงคราม 9 ดารา ง่ายดายพอๆกับตัดหญ้าฆ่าไก่!

 

‘เพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน พลังที่แท้จริงของหวงเอ้อก็เลยตื่นขึ้นมา’

 

ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอยู่ๆพลังของหวงเอ้อถึงร้ายกาจขึ้นขนาดนี้ สาเหตุคงไม่พ้นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างเขา เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วแน่นอน

 

อุปกรณ์เทพ ที่ไฉนถึงใช้คําว่าเทพ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สําหรับตัวตนขอบเขตเทพ

 

มีเพียงแต่ตัวตนขอบเขตเทพเท่านั้นถึงจะใช้พลังอํานาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ

 

ขุมพลังหลักของเหล่าตัวตนขอบเขตเทพ ก็คือพลังเทพ

 

ถึงแม้ตอนนี้เข้าจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ในเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว เช่นนั้นก็มากพอจะให้เขาเปิดใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของอุปกรณ์เทพ!

 

หลังจากจี้หยิ่งตกตาย ผู้คนโดยรอบก็พากันเงียบลงอีกครั้ง

 

เมื่อครู่ รอยประทับจิตเทพของจี้โยวสําแดงเดช สร้างเงาร่างของจี้โวขึ้นมา และยอมก้มหัวลดตัวมาประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ฆ่าจี้หยิ่งอีกต่อไป..

 

มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสคําพูดของจี้โยว ปล่อยให้จิตวิญญาณกระบี่ฆ่าจี้หยิ่งทิ้งหน้าตาเฉย…

 

สรุปได้ว่า…เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ที่ร่วมมือกันหมายสังหารต้วนหลิงเทียน ได้ทอดร่างเป็นศพนอนตัวเย็นกันทั้งหมด!

 

ภายในวันเดียว จบชีวิตเทพสงคราม 9 ดาราไปถึง 3…

 

เรื่องพรรค์นี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่เคยมีใครทําได้มาก่อน และไม่น่าจะมีใครทําได้ในอนาคต

 

วู้มมม

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างหวงเอ้อค่อยๆกลายเป็นเงาเลือนหายไปในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็แปรสภาพเป็นอณูแสงหายเข้าไปในร่างด้วนหลิงเทียน

 

อุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว!

 

ในสายตาของทุกคน สมบัติระดับนี้ มันล้ําค่ามากพอให้ทุกคนเผชิญอันตราย 9 ตาย 1 รอดเพื่อเสียงให้ได้มา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะเคลื่อนไหวนุ่มบ่าม

 

เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากนุ่มบ่ามลงมือตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย!

 

รู้ทั้งรู้ว่าเข้าไปก็มีแต่ตาย นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความโง่เขลา!

 

ภายใต้สายตาของทุกคนในที่เกิดเหตุ ต้วนหลิงเทียนที่เก็บกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ก็กวาดตามองไปรอบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้วนหลิงเทียนจะยึดค่ายพันธมิตรฟานเทียนเป็นสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะ…”

 

“หลังจากวันนี้ไป อย่าให้ข้าเห็นใครในสายตา…”

 

“ใครฝ่าฝืน…ตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3580

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3580 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3580 : ในอดีตไม่ปรากฏ อนาคตไม่พบเจอ

 

หวงเอ้อนั้นเป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นอุปกรณ์เทพ ยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด

 

แต่มันก็ดุจเดียวกับอุปกรณ์เทพขั้นอื่นๆ อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเพื่อให้สามารถใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของมันได้ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง

 

หลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างด้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน อันที่จริงการบรรลุครั้งนี้สิ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มักซ่อนอยู่ในร่างกายเขาต่างหาก!

 

และพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน ดูจากพลังอํานาจของหวงเอ้อในตอนนี้ก็ชัดเจนที่สุด!

 

‘ความแข็งแกร่งของหวงเฮ้อในตอนนี้มัน’

 

ฉากเรื่องราวการลงมือเข่นฆ่าเยว่เขาฉวินในพริบตาของหวงเฮ้อ ได้แล่นย้อนในหัวต้วนหลิงเทียนซ้ําๆ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโซ่วเทียน ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า กลับไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่นิดเดียว ตกตายในกระบี่เดียว ทั้งยังเป็นการลงมือส่งๆของหวงเอ้อ…

 

นั่นจะอย่างไรก็คือเทพสงคราม 9 ดารา! ไม่ใช่ไก่สุนัขที่ไหน!

 

ถึงแม้เขาจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาเองก็สามารถฆ่าเยว่เชาฉวินรวมถึงอีก 2 คนที่เหลือได้แน่นอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็จําต้องใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกับพลังฟื้นฟูของพฤกษา เทพกําเนิดชีพ รวมถึงพลังของกระบีหลิงหลง 7 เปลี่ยน

 

แต่บัดนี้ หวงเอ้อกลับใช้พลังของตัวเองเพื่อกระตุ้นพลังอํานาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเข่นฆ่าเยว่เชาฉวินลงได้อย่างง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…ช่างเป็นการลงมืออันทรงพลังสุดที่เขาจะจินตนาการได้ออก!

 

“นี่…”

 

ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ

 

บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองหวงเอ้อ ไม่คล้ายมองโฉมสะคราญด้วยความหลงใหลน่าทึ่ง แต่เป็นความหวาดผวาพรั่นกลัว พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าโฉมสะคราญอันน่าทึ่งนางนี้ ที่แท้จะร้ายกาจทั้งลงมือได้อย่างน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น!

 

จะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่สร้างชื่อลือชาในสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งอดีต..!

 

แต่วันนี้กลับถูกโฉมสะคราญนางนั้นเข่นฆ่าง่ายๆราวมดตัวน้อยที่ถูกบี้ย

 

กระบวนการทั้งหมดไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้สึกเสมือนฝันไปก็ไม่ปาน

 

“พวกเรา มิได้ฝัน!”

 

หลายๆคนฟื้นคืนสติได้เร็วไว และตระหนักได้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพฝัน แต่ทั้งหมดเป็นความจริง

 

“นาง…เมื่อครู่นางเรียกต้วนหลิงเทียนว่านายท่านรึ?”

 

ไม่นานก็มีคนที่เอะใจถึงจุดนี้ สีหน้าคนผู้นั้นยังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พอมองไปยังหวงเอ้ออีกครั้ง สองตาก็เหลือบมองไปยังกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่นางย่ําอยู่ต่างยานพาหนะ “นาง…นางคงไม่ใช่ว่าเป็นจิตวิญญาณของกระบี่เล่มนั้นหรอกนะ?”

 

“จิตวิญญาณอุปกรณ์?!”

 

หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าที่แท้หวงเอ้อเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร หลายๆคนก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

และคนที่อยู่มานานและมีประสบการณ์รวมถึงความรู้สูง หลังเห็นพลังอํานาจของหวงเอ้อแล้วก็อดพึมพําออกมาไม่ได้ “ปกติแล้ว…จิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพหากเป็นแค่ขั้นต่ํา ไม่มีทางมีพลังระดับนั้นได้แน่ นั่นสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลางไม่สิ! สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

“อุปกรณ์เทพขั้นสูง!? อาวุโสท่านนี้ท่านจะบอกว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือ?”

 

“สวรรค์! อุปกรณ์เทพขั้นสูง ทั้งยังกําเนิดจิตวิญญาณ…ต่อให้เป็นในระนาบเทพก็เป็นสมบัติล้ําค่าไม่ใช่หรือไร มากพอให้เหล่าจอมราชันเทพหรือแม้แต่จักรพรรดิเทพแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ํา! แล้วทําไมต้วนหลิงเทียนถึงมีอุปกรณ์เทพเลิศล้ําขนาดนี้ได้เล่า!?”

 

พอตระหนักได้ว่าอย่างน้อยๆอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลายคนในที่เกิดเหตุก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า

 

ด้านคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนที่เหลืออย่าง จี้หยิ่ง และฉเตาเค่อเองก็ไม่ต่างกัน

 

พอทั้งคู่เห็นเยว่เขาฉวินถูกฆ่าได้ง่ายดาย ไม่ต่างมดตัววกระจ้อยถูกผู้คนบดบี้ พวกมันก็ตระหนักได้ถึงลางแห่งความตาย พอมารู้ว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งมีพลังอํานาจเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้ง่ายๆ ใจของพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตื่นตระหนกเสียขวัญนัก

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

จอมดาบเดียวดาย ฉเตาเค่อ ที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขึ้นขม กล่าวออกด้วยแววตาหมองเศร้า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้หยิ่งบีบคั้นข้า…วันนี้ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจักเป็นหนี้ชีวิตของท่าน”

 

จูเตาเค่อก้มหัว กล่าวคําเสียงอ่อน

 

แทบจะไม่ต่างอะไรจากขอความเมตตา

 

พลังอํานาจของอุปกรณ์เทพอันกําเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือตัวนหลิงเทียน ทําให้ใจมันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว และมันรู้ตัวดีว่าคงยากจะหลบหนีไปได้ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย

 

ได้ยินคำพูดขอชีวิตของฉูเตาเค่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆอย่างไม่แยแส ไม่เอ่ยคําใดตอบกลับ

 

ด้านคนอื่นๆพอมองไปยังฉุเตาเค่ออีกครั้ง ก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้ “จอมดาบเดียวดาย ฉุเตาเค่อ…หากวันนี้มันไม่ลงมือก็แล้วไป เพราะไม่ต่างอะไรกับผู้ชมเหมือนเราๆ…แต่ตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะสอดมือออกหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งตัวเองไปยังเส้นทางไร้หวนกลับ…”

 

“บางครั้ง การเลือกผิดแค่ครั้งเดียวก็เป็นเหตุแห่งความตาย…”

 

“จอมดาบเดียวดาย…น่าเสียดายยิ่ง”

 

วินาทีไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าฉเตาเค่อจะรอดพ้นความตายไปได้

 

อย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง หากปล่อยไว้ไม่ฆ่า ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อย เสือคืนป่า และอาจจะกลายเป็นภัยซ่อนเร้น ที่ย้อนกลับมาทําให้เสียใจภายหลัง

 

ครู่ต่อ การคาดเดาของพวกมันก็ได้รับการยืนยัน

 

ซู่มมม!

 

เป็นหวงเอ้อที่จี้ดัชนีออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉเตาเค่อจะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมด รวมถึงใช้พลังอํานาจหนุนเสริมของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ในมืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานลําแสงทําลายล้างของหวงเอ้อได้แม้เสี้ยวเดียว หว่างคิ้วถูกเจาะทะลวงวิญญาณ สลายตกตายตามรอยเยว่เขาฉวินไปอีกคน..

 

ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เรียกว่าแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ํา เทพสงคราม 9 ดารา 2 คน กลับจบชีวิตลงเสียแล้ว

 

เหนือฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใดอีกครั้ง

 

กระทั่งร่างของหลายๆคนยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ากาลครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สะท้านขวัญเช่นนี้…

 

“ตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นเทพสงคราม 9 ดารา 2 คนตกตายไปต่อหน้าต่อตา…”

 

หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

และคําพูดของมันก็ไปตรงกับใจใครหลายๆคน “ในชีวิตของใครคนไหน เพียงได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราร่วงหล่นกับตา ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แต่วันนี้พริบตาเดียว พวกเรากลับได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตกตายถึง 2 คน กระทั่งให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของสมรภูมิ 9 ยมโลก เรื่องราวทํานองนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนกระมัง?”

 

“ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ กลับมีเทพสงคราม 9 ดาราตกตายถึง 2เสิ่งนี้ถูกกําหนดให้กลายเป็นหน้าสําคัญในประวัติศาสตร์!”

 

“บางที…วันนี้อาจมีเทพสงคราม 9 ดาราที่ต้องตกตายอีกคน”

 

หลังจากผู้ชมกระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกเหมือนฝันพักหนึ่ง สายตาของพวกมันก็เริ่มจับจ้องไปยังจี้หยิ่งที่บัดนี้หน้าคนซีดไม่ต่างอะไรกับไก่ต้มเสียแล้ว

 

และหากใครสังเกตุให้ดี จะพบว่าหน้าผากจี้หยิ่งนั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

 

เห็นได้ชัดว่าการตกตายลงอย่างง่ายดายของเยว่เขาฉวินกับนูเตาเค่อ ได้สร้างแรงกดดันให้แก่จี้หยิ่งอย่างหนักหน่วง

 

ซู่มมม!

 

ในขณะที่จี้หยิ่งกําลังตึงเครียดทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด หวงเอ้อพลันลงมือออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีที่จออกตามอําเภอใจของนางครั้งนี้ กลับไม่ได้พรากชีวิตของจีหยิ่งไปอย่างที่ทุกคนคิด

 

นั่นเพราะเงาร่างของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน จี้โยว ได้ปรากฏตัวขึ้น!

 

กล่าวให้ชัดคือรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างจี้หยิ่ง ได้สําแดงอานุภาพปกป้องจี้หยิ่งเอาไว้ในห้วงเวลาเป็นตาย! ทว่าหลังต้านทานลําแสงกระบี่ทําลายล้างของหวงเอ้อได้แล้ว เงาร่างของจี้โยววก็อ่อนจางลงปานภูตผี คล้ายจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เรื่องจะให้ต้านรับหวงเอ้ออีกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้

 

และหลังจากที่เงาร่างปานวิญญาณของจี้โยวปรากฏขึ้น มันก็ไม่ได้มองหวงเฮ้อผู้ลงมือแต่อย่างใด เพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพราะมันรู้ดีว่าผู้ที่กุมชะตาชีวิตศิษย์มันเอาไว้ตอนนี้ ก็คือต้วนหลิงเทียน

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

จี้โยวที่แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งกล่าวออกมาเสียงหนัก หากแต่ถ้อยคํากลับเป็นการขอประนีประนอมหมายรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนชัดเจน “วันนี้ขอเพียงเจ้าปล่อยศิษย์ข้าไปสักครั้งข้าจะสะบั้นความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าทิ้งเสีย”

 

“ข้าจะไม่หาความเจ้า เรื่องที่เจ้าฆ่า หวู่หลง ศิษย์คนที่ 2 ของข้าอีกต่อไป!”

 

ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองอํานาจเบ็ดเสร็จในระนาบเทวโลกระนาบหนึ่ง ทั้งยังเป็นถึง อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ คําพูดของจี้โยวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้มหัวให้ตัวนหลิงเทียน พาลให้ผู้คนรอบๆอดชมดูจนละลานตาไม่ได้

 

“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟานเทียน ที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเทพ.กลับยอมลงต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?”

 

ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ

 

“ท่านอาจารย์!”

 

อย่างไรก็ตาม จี้หยิ่งที่ได้ฟังคําพูดยอมลงของอาจารย์ หลังสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งมันก็กัดฟันออกมาด้วยน้ําเสียงดื้อรั้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ําด้วยความอัดอั้น “ท่านอาจารย์! ท่านไม่ต้องลดตัวลงไปขอความเมตตาจากมัน! ต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่คู่ควรให้ท่านต้องก้มหัวให้!”

 

“เจ้าหุบปากไปเสีย!”

 

จี้โยวตวาดคําออกมาเสียงเย็น จนทําให้จี้หยิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก แม้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ร่างมายาจากรอยประทับจิตเทพ แต่ความน่าเกรงขามของผู้เป็นอาจารย์และบิดาบุญธรรมนั้นได้ฝังลึกลงไปในใจของมันนานแล้ว มันย่อมไม่กล้าขัดคําพูดของอีกฝ่าย

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไว้หน้า จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์สวรรค์งี้ฟานเทียนต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาสั้นๆเสียงเรียบ “หวงเอ้อ ฆ่ามัน”

 

พอเสียงกล่าวของเขาดังจบคํา หวงเอ้อก็ลงมือทันที

 

สีหน้าของโยวเองก็เปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะแค้นถึงขีดสุด โพล่งตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าจักต้องเสียใจ! ข้าจักทําให้เจ้าต้องสํานึกเสียใจ!!”

 

ซู่มมม!!

 

ลําแสงกระบี่ทําลายล้างหลากสีสัน พุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว ทําลายเงาร่างอี้โยวจากรอย ประทับจิตเทพ จากนั้นก็พรากชีวิตจี้หยิ่งไปในพริบตา

 

ด้วยพลังที่หวงเอ้อสําแดงออกมาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนพอจะกะประมาณได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดของครึ่งก้าวขอบเขตเทพแล้ว เรียกว่าภายใต้ขอบเขตเทพ คนที่สามารถต่อกรกับนางได้ ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็คงมีแค่หยิบมือเดียว

 

ฆ่าเทพสงคราม 9 ดารา ง่ายดายพอๆกับตัดหญ้าฆ่าไก่!

 

‘เพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน พลังที่แท้จริงของหวงเอ้อก็เลยตื่นขึ้นมา’

 

ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอยู่ๆพลังของหวงเอ้อถึงร้ายกาจขึ้นขนาดนี้ สาเหตุคงไม่พ้นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างเขา เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วแน่นอน

 

อุปกรณ์เทพ ที่ไฉนถึงใช้คําว่าเทพ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สําหรับตัวตนขอบเขตเทพ

 

มีเพียงแต่ตัวตนขอบเขตเทพเท่านั้นถึงจะใช้พลังอํานาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ

 

ขุมพลังหลักของเหล่าตัวตนขอบเขตเทพ ก็คือพลังเทพ

 

ถึงแม้ตอนนี้เข้าจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ในเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดในร่างบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว เช่นนั้นก็มากพอจะให้เขาเปิดใช้พลังอํานาจที่แท้จริงของอุปกรณ์เทพ!

 

หลังจากจี้หยิ่งตกตาย ผู้คนโดยรอบก็พากันเงียบลงอีกครั้ง

 

เมื่อครู่ รอยประทับจิตเทพของจี้โยวสําแดงเดช สร้างเงาร่างของจี้โวขึ้นมา และยอมก้มหัวลดตัวมาประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ฆ่าจี้หยิ่งอีกต่อไป..

 

มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสคําพูดของจี้โยว ปล่อยให้จิตวิญญาณกระบี่ฆ่าจี้หยิ่งทิ้งหน้าตาเฉย…

 

สรุปได้ว่า…เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ที่ร่วมมือกันหมายสังหารต้วนหลิงเทียน ได้ทอดร่างเป็นศพนอนตัวเย็นกันทั้งหมด!

 

ภายในวันเดียว จบชีวิตเทพสงคราม 9 ดาราไปถึง 3…

 

เรื่องพรรค์นี้ในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่เคยมีใครทําได้มาก่อน และไม่น่าจะมีใครทําได้ในอนาคต

 

วู้มมม

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างหวงเอ้อค่อยๆกลายเป็นเงาเลือนหายไปในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็แปรสภาพเป็นอณูแสงหายเข้าไปในร่างด้วนหลิงเทียน

 

อุปกรณ์เทพขั้นสูง! 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กําเนิดจิตวิญญาณแล้ว!

 

ในสายตาของทุกคน สมบัติระดับนี้ มันล้ําค่ามากพอให้ทุกคนเผชิญอันตราย 9 ตาย 1 รอดเพื่อเสียงให้ได้มา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะเคลื่อนไหวนุ่มบ่าม

 

เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากนุ่มบ่ามลงมือตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย!

 

รู้ทั้งรู้ว่าเข้าไปก็มีแต่ตาย นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความโง่เขลา!

 

ภายใต้สายตาของทุกคนในที่เกิดเหตุ ต้วนหลิงเทียนที่เก็บกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ก็กวาดตามองไปรอบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้วนหลิงเทียนจะยึดค่ายพันธมิตรฟานเทียนเป็นสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะ…”

 

“หลังจากวันนี้ไป อย่าให้ข้าเห็นใครในสายตา…”

 

“ใครฝ่าฝืน…ตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3580

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3580 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หวงเอ้อนั้นเป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นอุปกรณ์เทพ ยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด
แต่มันก็ดุจเดียวกับอุปกรณ์เทพขั้นอื่นๆ อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเพื่อให้สามารถใช้พลังอำนาจที่แท้จริงของมันได้ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง
หลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน อันที่จริงการบรรลุครั้งนี้สิ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มักซ่อนอยู่ในร่างกายเขาต่างหาก!
และพลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน ดูจากพลังอำนาจของหวงเอ้อในตอนนี้ก็ชัดเจนที่สุด!
‘ความแข็งแกร่งของหวงเอ้อในตอนนี้มัน…’
ฉากเรื่องราวการลงมือเข่นฆ่าเยว่เชาฉวินในพริบตาของหวงเอ้อ ได้แล่นย้อนในหัวต้วนหลิงเทียนซ้ำๆ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า กลับไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่นิดเดียว ตกตายในกระบี่เดียว ทั้งยังเป็นการลงมือส่งๆของหวงเอ้อ…
นั่นจะอย่างไรก็คือเทพสงคราม 9 ดารา! ไม่ใช่ไก่สุนัขที่ไหน!!
ถึงแม้เขาจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาเองก็สามารถฆ่าเยว่เชาฉวินรวมถึงอีก 2 คนที่เหลือได้แน่นอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็จำต้องใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกับพลังฟื้นฟูของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ รวมถึงพลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
แต่บัดนี้ หวงเอ้อกลับใช้พลังของตัวเองเพื่อกระตุ้นพลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เข่นฆ่าเยว่เชาฉวินลงได้อย่างง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…ช่างเป็นการลงมืออันทรงพลังสุดที่เขาจะจินตนาการได้ออก!
“นี่…”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ
บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองหวงเอ้อ ไม่คล้ายมองโฉมสะคราญด้วยความหลงใหลน่าทึ่ง แต่เป็นความหวาดผวาพรั่นกลัว พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าโฉมสะคราญอันน่าทึ่งนางนี้ ที่แท้จะร้ายกาจทั้งลงมือได้อย่างน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น!
จะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่สร้างชื่อลือชาในสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งอดีต…!
แต่วันนี้กลับถูกโฉมสะคราญนางนั้นเข่นฆ่าง่ายๆราวมดตัวน้อยที่ถูกบี้ยี…
กระบวนการทั้งหมดไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้สึกเสมือนฝันไปก็ไม่ปาน…
“พวกเรา มิได้ฝัน!”
หลายๆคนฟื้นคืนสติได้เร็วไว และตระหนักได้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพฝัน แต่ทั้งหมดเป็นความจริง
“นาง…เมื่อครู่นางเรียกต้วนหลิงเทียนว่านายท่านรึ?”
ไม่นานก็มีคนที่เอะใจถึงจุดนี้ สีหน้าคนผู้นั้นยังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พอมองไปยังหวงเอ้ออีกครั้ง สองตาก็เหลือบมองไปยังกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่นางย่ำอยู่ต่างยานพาหนะ “นาง…นางคงไม่ใช่ว่า…เป็นจิตวิญญาณของกระบี่เล่มนั้นหรอกนะ?”
“จิตวิญญาณอุปกรณ์?!”
หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าที่แท้หวงเอ้อเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร หลายๆคนก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
และคนที่อยู่มานานและมีประสบการณ์รวมถึงความรู้สูง หลังเห็นพลังอำนาจของหวงเอ้อแล้ว ก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ “ปกติแล้ว…จิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพหากเป็นแค่ขั้นต่ำ ไม่มีทางมีพลังระดับนั้นได้แน่ นั่นสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลาง…ไม่สิ! สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง!!”
“อุปกรณ์เทพขั้นสูง!? อาวุโสท่านนี้…ท่านจะบอกว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือ?!”
“สวรรค์! อุปกรณ์เทพขั้นสูง ทั้งยังกำเนิดจิตวิญญาณ…ต่อให้เป็นในระนาบเทพก็เป็นสมบัติล้ำค่าไม่ใช่หรือไร มากพอให้เหล่าจอมราชันเทพหรือแม้แต่จักรพรรดิเทพแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ำ! แล้วทำไม…ต้วนหลิงเทียนถึงมีอุปกรณ์เทพเลิศล้ำขนาดนี้ได้เล่า!?”

พอตระหนักได้ว่าอย่างน้อยๆอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลายคนในที่เกิดเหตุก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ด้านคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนที่เหลืออย่าง จี้หยิ่ง และฉูเตาเค่อเองก็ไม่ต่างกัน
พอทั้งคู่เห็นเยว่เชาฉวินถูกฆ่าได้ง่ายดาย ไม่ต่างมดตัววกระจ้อยถูกผู้คนบดบี้ พวกมันก็ตระหนักได้ถึงลางแห่งความตาย พอมารู้ว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งมีพลังอำนาจเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้ง่ายๆ ใจของพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตื่นตระหนกเสียขวัญนัก
“ต้วนหลิงเทียน…”
จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ ที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขื่นขม กล่าวออกด้วยแววตาหมองเศร้า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้หยิ่งบีบคั้นข้า…วันนี้ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจักเป็นหนี้ชีวิตของท่าน”
ฉูเตาเค่อก้มหัว กล่าวคำเสียงอ่อน
แทบจะไม่ต่างอะไรจากขอความเมตตา
พลังอำนาจของอุปกรณ์เทพอันกำเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือต้วนหลิงเทียน ทำให้ใจมันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว และมันรู้ตัวดีว่าคงยากจะหลบหนีไปได้ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย
ได้ยินคำพูดขอชีวิตของฉูเตาเค่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆอย่างไม่แยแส ไม่เอ่ยคำใดตอบกลับ
ด้านคนอื่นๆพอมองไปยังฉูเตาเค่ออีกครั้ง ก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้ “จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ…หากวันนี้มันไม่ลงมือก็แล้วไป เพราะไม่ต่างอะไรกับผู้ชมเหมือนเราๆ…แต่ตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะสอดมือออกหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งตัวเองไปยังเส้นทางไร้หวนกลับ…”
“บางครั้ง การเลือกผิดแค่ครั้งเดียวก็เป็นเหตุแห่งความตาย…”
“จอมดาบเดียวดาย…น่าเสียดายยิ่ง”

วินาทีไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าฉูเตาเค่อจะรอดพ้นความตายไปได้
อย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง หากปล่อยไว้ไม่ฆ่า ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยเสือคืนป่า และอาจจะกลายเป็นภัยซ่อนเร้น ที่ย้อนกลับมาทำให้เสียใจภายหลัง…
ครู่ต่อ การคาดเดาของพวกมันก็ได้รับการยืนยัน
ซู่มมม!
เป็นหวงเอ้อที่จี้ดัชนีออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉูเตาเค่อจะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมด รวมถึงใช้พลังอำนาจหนุนเสริมของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ในมืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานลำแสงทำลายล้างของหวงเอ้อได้แม้เสี้ยวเดียว หว่างคิ้วถูกเจาะทะลวง วิญญาณสลายตกตายตามรอยเยว่เชาฉวินไปอีกคน…
ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เรียกว่าแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำ เทพสงคราม 9 ดารา 2 คน กลับจบชีวิตลงเสียแล้ว
เหนือฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใดอีกครั้ง.Aileen-novel.
กระทั่งร่างของหลายๆคนยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ากาลครั้งหนึ่งในชีวิต จะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สะท้านขวัญเช่นนี้…
“ตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นเทพสงคราม 9 ดารา 2 คนตกตายไปต่อหน้าต่อตา…”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
และคำพูดของมันก็ไปตรงกับใจใครหลายๆคน “ในชีวิตของใครคนไหน เพียงได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราร่วงหล่นกับตา ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว…แต่วันนี้พริบตาเดียว พวกเรากลับได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตกตายถึง 2 คน กระทั่งให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของสมรภูมิ 9 ยมโลก เรื่องราวทำนองนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนกระมัง?”
“ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ กลับมีเทพสงคราม 9 ดาราตกตายถึง 2! สิ่งนี้ถูกกำหนดให้กลายเป็นหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์!”
“บางที…วันนี้อาจมีเทพสงคราม 9 ดาราที่ต้องตกตายอีกคน”

หลังจากผู้ชมกระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกเหมือนฝันพักหนึ่ง สายตาของพวกมันก็เริ่มจับจ้องไปยังจี้หยิ่งที่บัดนี้หน้าคนซีดไม่ต่างอะไรกับไก่ต้มเสียแล้ว
และหากใครสังเกตุให้ดี จะพบว่าหน้าผากจี้หยิ่งนั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
เห็นได้ชัดว่าการตกตายลงอย่างง่ายดายของเยว่เชาฉวินกับฉูเตาเค่อ ได้สร้างแรงกดดันให้แก่จี้หยิ่งอย่างหนักหน่วง
ซู่มมม!
ในขณะที่จี้หยิ่งกำลังตึงเครียดทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด หวงเอ้อพลันลงมือออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีที่จี้ออกตามอำเภอใจของนางครั้งนี้ กลับไม่ได้พรากชีวิตของจี้หยิ่งไปอย่างที่ทุกคนคิด
นั่นเพราะเงาร่างของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว ได้ปรากฏตัวขึ้น!
กล่าวให้ชัดคือรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างจี้หยิ่ง ได้สำแดงอานุภาพปกป้องจี้หยิ่งเอาไว้ในห้วงเวลาเป็นตาย! ทว่าหลังต้านทานลำแสงกระบี่ทำลายล้างของหวงเอ้อได้แล้ว เงาร่างของจี้โยววก็อ่อนจางลงปานภูตผี คล้ายจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เรื่องจะให้ต้านรับหวงเอ้ออีกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้…
และหลังจากที่เงาร่างปานวิญญาณของจี้โยวปรากฏขึ้น มันก็ไม่ได้มองหวงเอ้อผู้ลงมือแต่อย่างใด เพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพราะมันรู้ดีว่าผู้ที่กุมชะตาชีวิตศิษย์มันเอาไว้ตอนนี้ ก็คือต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน”
จี้โยวที่แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งกล่าวออกมาเสียงหนัก หากแต่ถ้อยคำกลับเป็นการขอประนีประนอมหมายรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนชัดเจน “วันนี้ขอเพียงเจ้าปล่อยศิษย์ข้าไปสักครั้ง…ข้าจะสะบั้นความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าทิ้งเสีย”
“ข้าจะไม่หาความเจ้า เรื่องที่เจ้าฆ่า หวู่หลง ศิษย์คนที่ 2 ของข้าอีกต่อไป!”
ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในระนาบเทวโลกระนาบหนึ่ง ทั้งยังเป็นถึง อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ คำพูดของจี้โยวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียน พาลให้ผู้คนรอบๆอดชมดูจนละลานตาไม่ได้
“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเทพ…กลับยอมลงต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?”
ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ
“ท่านอาจารย์!”
อย่างไรก็ตาม จี้หยิ่งที่ได้ฟังคำพูดยอมลงของอาจารย์ หลังสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งมันก็กัดฟันออกมาด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอัดอั้น “ท่านอาจารย์! ท่านไม่ต้องลดตัวลงไปขอความเมตตาจากมัน! ต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่คู่ควรให้ท่านต้องก้มหัวให้!!”
“เจ้าหุบปากไปเสีย!!”
จี้โยวตวาดคำออกมาเสียงเย็น จนทำให้จี้หยิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก แม้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ร่างมายาจากรอยประทับจิตเทพ แต่ความน่าเกรงขามของผู้เป็นอาจารย์และบิดาบุญธรรมนั้นได้ฝังลึกลงไปในใจของมันนานแล้ว มันย่อมไม่กล้าขัดคำพูดของอีกฝ่าย
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไว้หน้า จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์สวรรค์จี้ฟ่านเทียน ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาสั้นๆเสียงเรียบ “หวงเอ้อ ฆ่ามัน”
พอเสียงกล่าวของเขาดังจบคำ หวงเอ้อก็ลงมือทันที
สีหน้าของจี้โยวเองก็เปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะแค้นถึงขีดสุด โพล่งตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าจักต้องเสียใจ! ข้าจักทำให้เจ้าต้องสำนึกเสียใจ!!”
ซู่มมม!!
ลำแสงกระบี่ทำลายล้างหลากสีสัน พุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว ทำลายเงาร่างจี้โยวจากรอยประทับจิตเทพ จากนั้นก็พรากชีวิตจี้หยิ่งไปในพริบตา…
ด้วยพลังที่หวงเอ้อสำแดงออกมาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนพอจะกะประมาณได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดของครึ่งก้าวขอบเขตเทพแล้ว เรียกว่าภายใต้ขอบเขตเทพ คนที่สามารถต่อกรกับนางได้ ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็คงมีแค่หยิบมือเดียว…
ฆ่าเทพสงคราม 9 ดารา ง่ายดายพอๆกับตัดหญ้าฆ่าไก่!
‘เพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน พลังที่แท้จริงของหวงเอ้อก็เลยตื่นขึ้นมา..’
ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอยู่ๆพลังของหวงเอ้อถึงร้ายกาจขึ้นขนาดนี้ สาเหตุคงไม่พ้นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างเขา เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วแน่นอน
อุปกรณ์เทพ ที่ไฉนถึงใช้คำว่าเทพ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สำหรับตัวตนขอบเขตเทพ
มีเพียงแต่ตัวตนขอบเขตเทพเท่านั้นถึงจะใช้พลังอำนาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ
ขุมพลังหลักของเหล่าตัวตนขอบเขตเทพ ก็คือพลังเทพ
ถึงแม้ตอนนี้เข้าจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ในเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว เช่นนั้นก็มากพอจะให้เขาเปิดใช้พลังอำนาจที่แท้จริงของอุปกรณ์เทพ!
หลังจากจี้หยิ่งตกตาย ผู้คนโดยรอบก็พากันเงียบลงอีกครั้ง
เมื่อครู่ รอยประทับจิตเทพของจี้โยวสำแดงเดช สร้างเงาร่างของจี้โวขึ้นมา และยอมก้มหัวลดตัวมาประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ฆ่าจี้หยิ่งอีกต่อไป…
มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสคำพูดของจี้โยว ปล่อยให้จิตวิญญาณกระบี่ฆ่าจี้หยิ่งทิ้งหน้าตาเฉย…
สรุปได้ว่า…เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ที่ร่วมมือกันหมายสังหารต้วนหลิงเทียน ได้ทอดร่างเป็นศพนอนตัวเย็นกันทั้งหมด!
ภายในวันเดียว จบชีวิตเทพสงคราม 9 ดาราไปถึง 3…
เรื่องพรรค์นี้ ในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และไม่น่าจะมีใครทำได้ในอนาคต
วู้มมม
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างหวงเอ้อค่อยๆกลายเป็นเงาเลือนหายไปในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน จากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็แปรสภาพเป็นอณูแสงหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน…
อุปกรณ์เทพขั้นสูง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว!
ในสายตาของทุกคน สมบัติระดับนี้ มันล้ำค่ามากพอให้ทุกคนเผชิญอันตราย 9 ตาย 1 รอดเพื่อเสี่ยงให้ได้มา…
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม
เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากบุ่มบ่ามลงมือตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย!
รู้ทั้งรู้ว่าเข้าไปก็มีแต่ตาย นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความโง่เขลา!
ภายใต้สายตาของทุกคนในที่เกิดเหตุ ต้วนหลิงเทียนที่เก็บกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ก็กวาดตามองไปรอบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้วนหลิงเทียนจะยึดค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนเป็นสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะ…”
“หลังจากวันนี้ไป อย่าให้ข้าเห็นใครในสายตา…”
“ใครฝ่าฝืน…ตาย!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+