War sovereign Soaring The Heavens 3600

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3600 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3600 : สุดปลายครึ่งก้าวเทพ

 

หลังกลับมาถึงภูเขาไร้สิ้นสุดอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ลุถึงหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ในเวลาอันสั้น

 

กล่าวให้ถูกคือ มาถึงน่านฟ้าด้านหน้าประตูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงน่านฟ้าหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็พบว่าค่ายกลลวงตาได้สลายไปแล้ว นอกจากนั้นสิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาเขา ก็คือซากอาคารปรักหักพัง ไร้อาคารหลังใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยคราบโลหิตคาวคลุ้ง

 

และมีคนที่กำลังทยอยกันเก็บศพของผู้คนหมู่บบ้านสกุลต้วนทิศใต้กันอยู่…

 

จากนั้นไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงพูดคุยด้วยความสะทกสะท้อนใจของเหล่าผู้ที่กำลังเก็บศพด้านล่าง

 

“เฮ่อ คราวนี้หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ช่างโชคร้ายยิ่งนัก ไปล่วงเกินผู้ใดไม่ล่วงเกิน ดันไปล่วงเกินคุณชายรองตระกูลเฉียนซะได้…”

 

“ถึงแม้จะไม่ใช่คนของหมู่บ้านทิศเดียวกับพวกเรา แต่จะอย่างไรก็ถือเป็นกิ่งก้านสาขาของสกุลต้วนเราอยู่ดี”

 

“ต้วนฉิงหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ กับต้วนอี้เตาผู้นั้นตกตายไปเช่นนี้ ก็ถือว่าพลังรบโดยรวมของสกุลต้วนเราก็ตกลงไม่น้อย อย่างไรเสียพวกมันทั้งคู่ก็ถือเป็นมือดีระดับต้นๆของสกุลต้วนพวกเรา”

 

“เฮ่อ ทุกเรื่องราวมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป…หาไม่แล้วสกุลต้วนทั้งหมดของพวกเราต้องระดมกำลังมาช่วยเหลือพวกมันได้ทันเวลาแน่ อย่างน้อยๆต้วนฉิงหรือต้วนอี้เตาคนใดคนหนึ่งก็น่าจะรอดชีวิต…”

 

 

ฟังจากเสียงของผู้คนที่กำลังเก็บศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าสมควรเป็นคนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศอื่น

 

เพราะหมู่บ้านสกุลต้วนนั้น นอกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้แล้ว ยังมีหมู่บ้านสกุลต้วนทิศ เหนือ ออก ตก อีก 3 หมู่บ้านย่อย

 

“ตระกูลเฉียน…เฉียนเฟย!”

 

เมื่อเห็นว่าคนของหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นนั้นจัดการศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้อย่างดี ไม่ได้ทำอย่างลวกๆเป็นการดูหมิ่นผู้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะแสดงตัวออกไป อย่างไรเสียในดวงตาของเขาตอนนี้มันเต็มไปด้วโทสะอันล้นปรี่นัก!

 

ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นานนัก

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาสั้นๆที่เขาอยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็ได้รับการต้อนรับขับสู้จากทุกคนอย่างอบอุ่น

 

ก่อนหน้านี้ต้วนล่างที่สนิทสนมกับเขาที่สุด ถูกบีบคั้นจนต้องฆ่าตัวตาย เขาก็มีโมโหมากแล้ว…พอมาเห็นผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ทั้งหมดถูกฆ่าล้าง ในใจเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะทันที

 

และในใจเขาก็ปรากฏร่างผู้คนขึ้นทีละคนๆ

 

เหล่าคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านสกุลต้วนที่เข้ามาสนทนากับเขา และสอบถามว่าขาดเหลืออะไรบ้าง…ผู้ที่นำอาหารมามอบให้เขาอย่างกระตือรือร้น ยังมีชาวบ้านที่อัธาศัยดีคนอื่นๆ ไม่เว้นเหล่าเด็กน้อยซุกซนที่ลอบมาปีนกำแพงชะเง้อมองเขาในบ้าน และชวนเขาไปเล่นตามประสา…สิ่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นัก

 

ทว่าตอนนี้ทุกคนตกตาหมดสิ้น…

 

‘แย่งชิงภรรยาของผู้อื่นยังไม่พอ…บีบคั้นให้ผู้อื่นตกตายก็แล้ว แต่ยังมาฆ้างหมู่บ้านที่ผู้อื่นอยู่…คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย เจ้าทำได้ประเสริฐนัก!’

 

ทันใดนั้นมุมปากของต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มอำมหิต

 

หลังจากมาถึงต้วนหลิงเทียนก็เพียงมองชมเรื่องราวเงียบๆ

 

ขณะจากไปเขาก็หายตัวไปอย่างเงียบงัน ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นค้นพบการมาของเขาเลย

 

 

หลังออกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปเมืองหลินซาน และมได้ไปเหลาสุราเลิศล้ำอะไรสืบต่อ แต่เลือกที่จะกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่พักที่เขาพักมาตลอดทันที

 

และต้วนหลิงเทียนก็ได้จองห้องพักที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เอาไว้เป็นเวลา 3 เดือน ยังจ่ายผลึกอมตะขั้นสูงไปนับพันชิ้น ทว่าจำนวนเพียงเท่านี้สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันแค่เล็กน้อย ไม่นับเป็นอะไร

 

ย้อนกลับไป ตอนที่เขาไปถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนครั้งแรก และยังไม่ทันได้พบเจออาจารย์เขาฟงชิงหยาง ผู้เฒ่าหั่วก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขามากมาย ต่อมาหลังได้พบเจอฟงชิงหยางอาจารย์เขา อีกฝ่ายก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขาอีกเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าผลึกอมตะที่มอบให้เขา ล้วนแล้วแต่เป็นระดับสูงทั้งสิ้น…ทำให้ยามมาจับจ่ายอะไรในเมืองหลินซาน แม้แต่ทิปให้เสี่ยวเอ้อ เขาก็มอบผลึกอมตะขั้นสูงให้มันตลอด เพราะเขาไม่มีผลึกอมตะขั้นกลางหรือต่ำ…

 

อาจารย์ของเขาดีกับเขามาก และในฐานะจักรพรรดิสวรรค์เช่นนั้นสายแร่ผลึกอมตะที่ครอบครองก็มากที่สุดในจี้เมี่ยเทียน กล่าวได้ว่าสำหรับเขาแล้วผลึกอมตะเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น

 

ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในระนาบเทวโลก เขาไม่ขาดผลึกอมตะเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีแต่รายรับไม่มีรายจ่ายด้วยซ้ำ…

 

พอมาถึงระนาบเทพและอยู่ในเมืองไกลห่างซึ่งมีสกุลเงินหลักเป็นผลึกอมตะแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมมีผลึกอมตะจับจ่ายอย่างไม่ขาดมือ

 

‘รอวันที่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพเมื่อไหร่ คุณชายรองตระกูลเฉียนนั่นมันต้องชดใช้ชีวิตให้คนหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้!’

 

หลังกลับมาถึงห้องพักในโรงเตี๊ยม ต้วนหลิงเทียนก็ปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และก่อนที่สองตาจะหลับลง เพลิงโทสะอันเยียบเย็นก็เรืองขึ้นในดวงตาวาบหนึ่ง

 

เขาถามตัวเอง ก็ตอบได้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณชายรองตระกูลเฉียนกระทำมันล้ำเส้นเขาเกินไป เกินขีดจำกัดล่างที่เขาจะรับได้ไหว!

 

กล่าวได้ว่าตอนนี้ความตายของคุณชายรองตระกูลเฉียน ก็ได้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการบ่มเพาะของเขาในระดับหนึ่ง…หลังจากนี้เขาจะบรรลุถึงขอบเขตเทพหรือไม่ คุณชายรองตระกูลเฉียนก็นับว่ามีส่วนไม่น้อย

 

เพราะเขารู้ดีว่าคุณชายรองตระกูลเฉียนมีตัวตนขอบเขตเทพติดตามคุ้มครอง

 

เช่นนั้นหากเขาคิดจะฆ่ามัน อย่างน้อยๆเขาต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพเสียก่อน

 

ภายใต้ขอบเขตเทพ ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เขาก็มั่นใจว่าทั่วทั้งเมืองหลิวซานไม่มีหน้าไหนรับมือเขาได้แน่แม้พวกมันจะใช้อุปกรณ์เทพก็ตาม…เพราะผู้คนที่อยู่ในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้ของระนาบเทพ ถึงแม้จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเทพแล้ว แต่ความเข้าใจในความลึกซึ้งของกฏนั้นไม่ได้สูงอะไรเลย และแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะบรรลุถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก

 

‘รอบๆเมืองหลินซาน ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุด…หากพวกมันไปอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ไม่ว่าเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนก็ฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ’

 

เท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา แม้จะเป็นต้วนฉิงครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ แต่ความเข้าใจในกฏก็ไม่ได้สูงอะไรเลย อีกฝ่ายแค่หลอมรวมความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการได้แค่ 4 ชุดเท่านั้น ยังไม่แม้แต่จะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการสักชุดด้วยซ้ำ…และต้วนอี้เตา ยอดฝีมืออันดับ 2 ของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ก็พึ่งจะหลอมรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการได้แค่ชุดเดียว…

 

และยังมีครึ่งก้าวเทพมากมายรอบๆเมืองหลินซาน ที่ยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏเลยด้วยซ้ำ…

 

สาเหตุที่ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่าชนพื้นเมืองของระนาบเทพนั้นเกิดมาก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่เหนือกว่าระนาบเทวโลก ทำให้พวกมันสามารถบ่มเพาะพลังในขอบเขตเซียนอมตะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะกระทั่งครึ่งก้าวเทพ…แต่เรื่องการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏนั้น ถึงจะเป็นระนาบเทพก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้เข้าใจได้ง่ายกว่าระนาบเทวโลก เทียบกับคนในระนาบเทวโลกแล้วจุดนี้จึงไม่มีความเหนือกว่าแต่อย่างใด

 

และด้วยความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน เขามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าทันทีที่เขาบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นต่ำ ต่อให้จะไม่ได้ใช้วิถีควบคุมหรือมรรคากระบี่มิติ เขาก็มั่นใจว่าสามารถกวาดล้างทั้งเมืองหลินซานได้ง่ายๆ

 

หากเขาใช้พลังของวิถีควบคุมกับมรรคากระบี่มิติในการต่อสู้ ต่อให้เป็นเทพขั้นสูงทั่วๆไป ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าพวกมันได้!

 

‘บ่มเพาะ บ่มเพาะพลัง…!’

 

‘ข้าต้องทะลวงถึงขอบเขตเทพให้เร็วที่สุด’

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในการสั่งสมพลังตอนนี้ก็คือ ‘เคล็ดเทพมายาพันวิถี’ ที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางถ่ายทอดให้เขา และเคล็ดวิชานี้มันแตกต่างจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะมันมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับต่ำ ให้ถือกำเนิดใหม่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะในระดับเดียวกับเคล็ดเทพมายาพันวิถี! และเคล็ดเทพมายาพันวิถียังถือเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะชั้นยอดในระนาบเทพแล้ว…เคล็ดวิชาระดับนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด และสืบทอดต่อกันในตระกูลใหญ่ระดับแนวหน้าของระนาบเทพเท่านั้น

 

แน่นอนว่าใครก็ตามที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาบ่มเพาะมาพันวิถี จะมีโอกาสเดียวในการเปลี่ยนเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เลือกให้ยกระดับไปเป็นเคล็ดวิชาเทพชั้นยอด

 

และเคล็ดวิชาที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปลี่ยนก็คือ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ที่เขาใช้มันฝึกฝนบ่มเพาะตั้งแต่แรกเข้าสู่เส้นทางฝึกฝน และยังเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังอำนาจและครอบงำเคล็ดวิชาอื่นๆในอดีตยิ่งนัก จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ทุ่มเทเวลาชั่วชีวิตคิดค้นขึ้น…

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ ได้สลักลึกอยู่ในใจของต้วนหลิงเทียนไม่เคยลืมเลือน

 

แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะได้รับถ่ายทอดเคล็ดเทพมายาพันวิถีมาจากอาจารย์ เขาก็คงไม่นึกถึงมันอีก…

 

ในปัจจุบัน เคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขา ได้ยกระดับพัฒนาไปอย่างมโหราฬ รูปแบบการโคจรใช้พลังในร่างก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เพราะมันสามารถชักนำพลังความลึกซึ้งของกฏมาผสานรวมได้ทันที และยังทำให้พลังที่เกิดจากการผสานรวมธาตุของกฏใดๆที่ใช้ ทวีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะในระนาบเทพที่ทำอะไรแบบนี้ได้ มีแต่เคล็ดวิชาเทพขั้นสูงๆเท่านั้น

 

และในระนาบเทพ จะดูว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะไหนดีหรือไม่ดี นอกจากว่าสามารถใช้บ่มเพาะได้ถึงระดับไหนแล้ว ก็ให้ดูว่ามันสามารถผสานรวมพลังเทพเข้ากับพลังธาตุของกฏได้เร็วแค่ไหน แล้วสามารถเพิ่มพลังจากความลึกซึ้งของกฏได้สูงขึ้นเท่าไร แน่นอนว่าการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏก็เช่นกัน

 

ในปัจจุบันขณะที่ต้วนหลิงเทียนโคจรพลังในร่าง พลังเซียนอมตะที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วนของเขา ก็โคจรแล่นพล่านไปตามชีพจรพลังอย่างไหลลื่นปานน้ำหลาก แถมในกระแสพลังดั่งน้ำเชี่ยวที่ว่ายังมีแสงพลังสีเทาของกฏมิติที่เขาเชี่ยวชาญรวมผสานอยู่ด้วย ที่สำคัญพลังจากความลึกซึ้งต่างๆก็ปรากฏอยู่ในชีพจรพลังของเขา และรวมผสานเข้ากับพลังในร่างอย่างสมบูรณ์

 

การบ่มเพาะพลังไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จได้ในเวลาชั่วข้ามคืน

 

อย่างน้อยๆ หนทางสู่ขอบเขตเทพก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

 

“อีแค่ครึ่งก้าว!”

 

ด้วยโทสะที่มีต่อคุณชายรองตระกูลเฉียน ต้วนหลิงเทียนได้สั่งสมพลังในร่างจนบรรลุถึงจุดสูงสุดขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ในที่สุด ห่างจากขอบเขตเทพเสมือนย่ำเท้าออกไปแค่ก้าวสั้นๆเท่านั้น แต่ยังไม่อาจทะลวงผ่านได้…

 

ด้วยประสบการณ์ในการบ่มเพาะของเขา เขารู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้นั่งบ่มเพาะสั่งสมพลังไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงตื่นจากการบ่มเพาะทันที

 

‘ครั้งนี้ข้าปิดด่านไป ครึ่งเดือน…’

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองนาฬิกาทรายหลายเรือนที่เขาตั้งไว้เบื้องหน้า เพื่อดูว่าเขาใช้เวลาในการปิดด่านบ่มเพาะไปเท่าไหร่ และนาฬิกาทราบที่ว่าก็มีทั้งสิ้น 4 เรือนที่มีขนาดแตกต่างกัน เรียงจากเล็กไปใหญ่ซ้ายไปขวา

 

นาฬิการทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้น หากทรายไหลลงไปกกองด้านล่างทั้งหมด จะบ่งบอกว่าใช้เวลาไปทั้งสิ้น 10 ปี

 

นาฬิกาทรายรองลงมา การไหลตัวของทรายจะใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ปี

 

นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 นั้น ใช้เวลาไหลตัว 1 เดือน

 

ส่วนนาฬิกาทรายที่เล็กที่สุด ใช้เวลาไหลตัวเพียง 1 วัน

 

นาฬิกาทรายทั้ง 4 ได้ถูกต้วนหลิงเทียนกลับด้านก่อนการปิดด่าน และตอนนี้นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 ก็มีทรายไหลลงไปกองด้านล่างแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลาครึ่งเดือนพอดี…

 

‘การจะทะลวงผ่านขอบเขตครึ่งก้าวเทพไปยังขอบเขตเทพ สมควรมีโอสถเทพบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือได้…และโอสถเทพที่ว่าไม่น่าจะเป็นโอสถเทพที่หายากสักเท่าไหร่ในระนาบเทพ ขอเพียงมีหินเทพก็น่าจะหาซื้อได้’

 

‘ก่อนอื่น ต่องเอาผลึกอมตะไปแลกเป็นหินเทพก่อน’

 

ก่อนจะมายังเมืองหลินซานต้วนหลิงเทียนก็ได้สอบถามคนในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้มาแล้ว จึงรู้ว่าเขาจะหาหินเทพได้อย่างไรคร่าวๆ และหลังจากมาถึงเมืองหลินซาน เขาก็สังเกตเห็นว่าร้านค้าต่างๆ หากเป็นร้านใหญ่ๆในเมืองหลินซานก็มีบริการรับแลกเปลี่ยนผลึกอมตะเป็นหินเทพ แน่นอนว่ามีเพียงแค่ผลึกอมตะขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถแลกเป็นหินเทพได้

 

หากคิดจะแลกหินเทพมาใช้สักก้อน ก็จำต้องใช้ผลึกอมตะขั้นสูง 100 ชิ้น

 

ผลึกอมตะขั้นสูงนั้น ขนาดของพวกมันก็พอๆกัน จึงอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่มีหินเทพในมือ แต่เขาก็มีผลึกอมตะจำนวนมาก และเป็นผลึกอมตะขั้นสูงทั้งหมด…กล่าวได้ว่าในแหวนพื้นที่ของเขา มีผลึกอมตะขั้นสูงกองเป็นภูเขา ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองผ่านๆก็พอจะประมาณได้ว่า ‘ข้าน่าจะมีผลึกอมตะขั้นสูงราวๆ 10 กว่าล้าน…’

 

ผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้าน เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร?

 

ผลึกอมตะขั้นสูงจำนวน 100 ชิ้นสามารถแลกหินเทพได้ 1 ก้อน

 

กล่าวได้ว่าอาศัยผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้านที่เขามี อย่างน้อยๆก็สมควรแลกหินเทพได้ 100,000 กว่าชิ้น!

 

ในเมืองหลินซานแม้แต่ขุมกำลังที่หยั่งรากลึกและมีอำนาจระดับต้นๆ ไม่เว้นตระกูลเฉียน เต็มที่ก็มีผลึกเทพหมุนเวียนหลักหมื่นเท่านั้น…

 

กล่าวได้ว่าความมั่งคั่งของต้วนหลิงเทียน ในแง่หินเทพที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนได้ มันมากมายมหาศาลยิ่งกว่าขุมกำลังใดๆในเมืองหลินซานเสียอีก!

 

“ข้าอยากแลกหินเทพมาใช้พันก้อน”

 

หลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็มาถึงร้านหนึ่งในเครือตระกูลเฉียน หมายแลกเปลี่ยนผลึกอมตะขั้นสูงเป็นหินเทพ

 

และร้านของตระกูลเฉียนร้านนี้ ยังเป็นร้านขายเม็ดยาอีกด้วย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

War sovereign Soaring The Heavens 3600

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 3600 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3600 : สุดปลายครึ่งก้าวเทพ

 

หลังกลับมาถึงภูเขาไร้สิ้นสุดอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ลุถึงหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ในเวลาอันสั้น

 

กล่าวให้ถูกคือ มาถึงน่านฟ้าด้านหน้าประตูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงน่านฟ้าหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็พบว่าค่ายกลลวงตาได้สลายไปแล้ว นอกจากนั้นสิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาเขา ก็คือซากอาคารปรักหักพัง ไร้อาคารหลังใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยคราบโลหิตคาวคลุ้ง

 

และมีคนที่กำลังทยอยกันเก็บศพของผู้คนหมู่บบ้านสกุลต้วนทิศใต้กันอยู่…

 

จากนั้นไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงพูดคุยด้วยความสะทกสะท้อนใจของเหล่าผู้ที่กำลังเก็บศพด้านล่าง

 

“เฮ่อ คราวนี้หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ช่างโชคร้ายยิ่งนัก ไปล่วงเกินผู้ใดไม่ล่วงเกิน ดันไปล่วงเกินคุณชายรองตระกูลเฉียนซะได้…”

 

“ถึงแม้จะไม่ใช่คนของหมู่บ้านทิศเดียวกับพวกเรา แต่จะอย่างไรก็ถือเป็นกิ่งก้านสาขาของสกุลต้วนเราอยู่ดี”

 

“ต้วนฉิงหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ กับต้วนอี้เตาผู้นั้นตกตายไปเช่นนี้ ก็ถือว่าพลังรบโดยรวมของสกุลต้วนเราก็ตกลงไม่น้อย อย่างไรเสียพวกมันทั้งคู่ก็ถือเป็นมือดีระดับต้นๆของสกุลต้วนพวกเรา”

 

“เฮ่อ ทุกเรื่องราวมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป…หาไม่แล้วสกุลต้วนทั้งหมดของพวกเราต้องระดมกำลังมาช่วยเหลือพวกมันได้ทันเวลาแน่ อย่างน้อยๆต้วนฉิงหรือต้วนอี้เตาคนใดคนหนึ่งก็น่าจะรอดชีวิต…”

 

 

ฟังจากเสียงของผู้คนที่กำลังเก็บศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าสมควรเป็นคนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศอื่น

 

เพราะหมู่บ้านสกุลต้วนนั้น นอกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้แล้ว ยังมีหมู่บ้านสกุลต้วนทิศ เหนือ ออก ตก อีก 3 หมู่บ้านย่อย

 

“ตระกูลเฉียน…เฉียนเฟย!”

 

เมื่อเห็นว่าคนของหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นนั้นจัดการศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้อย่างดี ไม่ได้ทำอย่างลวกๆเป็นการดูหมิ่นผู้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะแสดงตัวออกไป อย่างไรเสียในดวงตาของเขาตอนนี้มันเต็มไปด้วโทสะอันล้นปรี่นัก!

 

ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นานนัก

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาสั้นๆที่เขาอยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็ได้รับการต้อนรับขับสู้จากทุกคนอย่างอบอุ่น

 

ก่อนหน้านี้ต้วนล่างที่สนิทสนมกับเขาที่สุด ถูกบีบคั้นจนต้องฆ่าตัวตาย เขาก็มีโมโหมากแล้ว…พอมาเห็นผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ทั้งหมดถูกฆ่าล้าง ในใจเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะทันที

 

และในใจเขาก็ปรากฏร่างผู้คนขึ้นทีละคนๆ

 

เหล่าคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านสกุลต้วนที่เข้ามาสนทนากับเขา และสอบถามว่าขาดเหลืออะไรบ้าง…ผู้ที่นำอาหารมามอบให้เขาอย่างกระตือรือร้น ยังมีชาวบ้านที่อัธาศัยดีคนอื่นๆ ไม่เว้นเหล่าเด็กน้อยซุกซนที่ลอบมาปีนกำแพงชะเง้อมองเขาในบ้าน และชวนเขาไปเล่นตามประสา…สิ่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นัก

 

ทว่าตอนนี้ทุกคนตกตาหมดสิ้น…

 

‘แย่งชิงภรรยาของผู้อื่นยังไม่พอ…บีบคั้นให้ผู้อื่นตกตายก็แล้ว แต่ยังมาฆ้างหมู่บ้านที่ผู้อื่นอยู่…คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย เจ้าทำได้ประเสริฐนัก!’

 

ทันใดนั้นมุมปากของต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มอำมหิต

 

หลังจากมาถึงต้วนหลิงเทียนก็เพียงมองชมเรื่องราวเงียบๆ

 

ขณะจากไปเขาก็หายตัวไปอย่างเงียบงัน ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นค้นพบการมาของเขาเลย

 

 

หลังออกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปเมืองหลินซาน และมได้ไปเหลาสุราเลิศล้ำอะไรสืบต่อ แต่เลือกที่จะกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่พักที่เขาพักมาตลอดทันที

 

และต้วนหลิงเทียนก็ได้จองห้องพักที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เอาไว้เป็นเวลา 3 เดือน ยังจ่ายผลึกอมตะขั้นสูงไปนับพันชิ้น ทว่าจำนวนเพียงเท่านี้สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันแค่เล็กน้อย ไม่นับเป็นอะไร

 

ย้อนกลับไป ตอนที่เขาไปถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนครั้งแรก และยังไม่ทันได้พบเจออาจารย์เขาฟงชิงหยาง ผู้เฒ่าหั่วก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขามากมาย ต่อมาหลังได้พบเจอฟงชิงหยางอาจารย์เขา อีกฝ่ายก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขาอีกเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าผลึกอมตะที่มอบให้เขา ล้วนแล้วแต่เป็นระดับสูงทั้งสิ้น…ทำให้ยามมาจับจ่ายอะไรในเมืองหลินซาน แม้แต่ทิปให้เสี่ยวเอ้อ เขาก็มอบผลึกอมตะขั้นสูงให้มันตลอด เพราะเขาไม่มีผลึกอมตะขั้นกลางหรือต่ำ…

 

อาจารย์ของเขาดีกับเขามาก และในฐานะจักรพรรดิสวรรค์เช่นนั้นสายแร่ผลึกอมตะที่ครอบครองก็มากที่สุดในจี้เมี่ยเทียน กล่าวได้ว่าสำหรับเขาแล้วผลึกอมตะเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น

 

ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในระนาบเทวโลก เขาไม่ขาดผลึกอมตะเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีแต่รายรับไม่มีรายจ่ายด้วยซ้ำ…

 

พอมาถึงระนาบเทพและอยู่ในเมืองไกลห่างซึ่งมีสกุลเงินหลักเป็นผลึกอมตะแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมมีผลึกอมตะจับจ่ายอย่างไม่ขาดมือ

 

‘รอวันที่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพเมื่อไหร่ คุณชายรองตระกูลเฉียนนั่นมันต้องชดใช้ชีวิตให้คนหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้!’

 

หลังกลับมาถึงห้องพักในโรงเตี๊ยม ต้วนหลิงเทียนก็ปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และก่อนที่สองตาจะหลับลง เพลิงโทสะอันเยียบเย็นก็เรืองขึ้นในดวงตาวาบหนึ่ง

 

เขาถามตัวเอง ก็ตอบได้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณชายรองตระกูลเฉียนกระทำมันล้ำเส้นเขาเกินไป เกินขีดจำกัดล่างที่เขาจะรับได้ไหว!

 

กล่าวได้ว่าตอนนี้ความตายของคุณชายรองตระกูลเฉียน ก็ได้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการบ่มเพาะของเขาในระดับหนึ่ง…หลังจากนี้เขาจะบรรลุถึงขอบเขตเทพหรือไม่ คุณชายรองตระกูลเฉียนก็นับว่ามีส่วนไม่น้อย

 

เพราะเขารู้ดีว่าคุณชายรองตระกูลเฉียนมีตัวตนขอบเขตเทพติดตามคุ้มครอง

 

เช่นนั้นหากเขาคิดจะฆ่ามัน อย่างน้อยๆเขาต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพเสียก่อน

 

ภายใต้ขอบเขตเทพ ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เขาก็มั่นใจว่าทั่วทั้งเมืองหลิวซานไม่มีหน้าไหนรับมือเขาได้แน่แม้พวกมันจะใช้อุปกรณ์เทพก็ตาม…เพราะผู้คนที่อยู่ในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้ของระนาบเทพ ถึงแม้จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเทพแล้ว แต่ความเข้าใจในความลึกซึ้งของกฏนั้นไม่ได้สูงอะไรเลย และแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะบรรลุถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก

 

‘รอบๆเมืองหลินซาน ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุด…หากพวกมันไปอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ไม่ว่าเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนก็ฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ’

 

เท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา แม้จะเป็นต้วนฉิงครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ แต่ความเข้าใจในกฏก็ไม่ได้สูงอะไรเลย อีกฝ่ายแค่หลอมรวมความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการได้แค่ 4 ชุดเท่านั้น ยังไม่แม้แต่จะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการสักชุดด้วยซ้ำ…และต้วนอี้เตา ยอดฝีมืออันดับ 2 ของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ก็พึ่งจะหลอมรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการได้แค่ชุดเดียว…

 

และยังมีครึ่งก้าวเทพมากมายรอบๆเมืองหลินซาน ที่ยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏเลยด้วยซ้ำ…

 

สาเหตุที่ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่าชนพื้นเมืองของระนาบเทพนั้นเกิดมาก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่เหนือกว่าระนาบเทวโลก ทำให้พวกมันสามารถบ่มเพาะพลังในขอบเขตเซียนอมตะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะกระทั่งครึ่งก้าวเทพ…แต่เรื่องการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏนั้น ถึงจะเป็นระนาบเทพก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้เข้าใจได้ง่ายกว่าระนาบเทวโลก เทียบกับคนในระนาบเทวโลกแล้วจุดนี้จึงไม่มีความเหนือกว่าแต่อย่างใด

 

และด้วยความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน เขามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าทันทีที่เขาบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นต่ำ ต่อให้จะไม่ได้ใช้วิถีควบคุมหรือมรรคากระบี่มิติ เขาก็มั่นใจว่าสามารถกวาดล้างทั้งเมืองหลินซานได้ง่ายๆ

 

หากเขาใช้พลังของวิถีควบคุมกับมรรคากระบี่มิติในการต่อสู้ ต่อให้เป็นเทพขั้นสูงทั่วๆไป ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าพวกมันได้!

 

‘บ่มเพาะ บ่มเพาะพลัง…!’

 

‘ข้าต้องทะลวงถึงขอบเขตเทพให้เร็วที่สุด’

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในการสั่งสมพลังตอนนี้ก็คือ ‘เคล็ดเทพมายาพันวิถี’ ที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางถ่ายทอดให้เขา และเคล็ดวิชานี้มันแตกต่างจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะมันมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับต่ำ ให้ถือกำเนิดใหม่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะในระดับเดียวกับเคล็ดเทพมายาพันวิถี! และเคล็ดเทพมายาพันวิถียังถือเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะชั้นยอดในระนาบเทพแล้ว…เคล็ดวิชาระดับนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด และสืบทอดต่อกันในตระกูลใหญ่ระดับแนวหน้าของระนาบเทพเท่านั้น

 

แน่นอนว่าใครก็ตามที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาบ่มเพาะมาพันวิถี จะมีโอกาสเดียวในการเปลี่ยนเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เลือกให้ยกระดับไปเป็นเคล็ดวิชาเทพชั้นยอด

 

และเคล็ดวิชาที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปลี่ยนก็คือ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ที่เขาใช้มันฝึกฝนบ่มเพาะตั้งแต่แรกเข้าสู่เส้นทางฝึกฝน และยังเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังอำนาจและครอบงำเคล็ดวิชาอื่นๆในอดีตยิ่งนัก จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ทุ่มเทเวลาชั่วชีวิตคิดค้นขึ้น…

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ ได้สลักลึกอยู่ในใจของต้วนหลิงเทียนไม่เคยลืมเลือน

 

แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะได้รับถ่ายทอดเคล็ดเทพมายาพันวิถีมาจากอาจารย์ เขาก็คงไม่นึกถึงมันอีก…

 

ในปัจจุบัน เคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขา ได้ยกระดับพัฒนาไปอย่างมโหราฬ รูปแบบการโคจรใช้พลังในร่างก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เพราะมันสามารถชักนำพลังความลึกซึ้งของกฏมาผสานรวมได้ทันที และยังทำให้พลังที่เกิดจากการผสานรวมธาตุของกฏใดๆที่ใช้ ทวีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

เคล็ดวิชาบ่มเพาะในระนาบเทพที่ทำอะไรแบบนี้ได้ มีแต่เคล็ดวิชาเทพขั้นสูงๆเท่านั้น

 

และในระนาบเทพ จะดูว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะไหนดีหรือไม่ดี นอกจากว่าสามารถใช้บ่มเพาะได้ถึงระดับไหนแล้ว ก็ให้ดูว่ามันสามารถผสานรวมพลังเทพเข้ากับพลังธาตุของกฏได้เร็วแค่ไหน แล้วสามารถเพิ่มพลังจากความลึกซึ้งของกฏได้สูงขึ้นเท่าไร แน่นอนว่าการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏก็เช่นกัน

 

ในปัจจุบันขณะที่ต้วนหลิงเทียนโคจรพลังในร่าง พลังเซียนอมตะที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วนของเขา ก็โคจรแล่นพล่านไปตามชีพจรพลังอย่างไหลลื่นปานน้ำหลาก แถมในกระแสพลังดั่งน้ำเชี่ยวที่ว่ายังมีแสงพลังสีเทาของกฏมิติที่เขาเชี่ยวชาญรวมผสานอยู่ด้วย ที่สำคัญพลังจากความลึกซึ้งต่างๆก็ปรากฏอยู่ในชีพจรพลังของเขา และรวมผสานเข้ากับพลังในร่างอย่างสมบูรณ์

 

การบ่มเพาะพลังไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จได้ในเวลาชั่วข้ามคืน

 

อย่างน้อยๆ หนทางสู่ขอบเขตเทพก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

 

“อีแค่ครึ่งก้าว!”

 

ด้วยโทสะที่มีต่อคุณชายรองตระกูลเฉียน ต้วนหลิงเทียนได้สั่งสมพลังในร่างจนบรรลุถึงจุดสูงสุดขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ในที่สุด ห่างจากขอบเขตเทพเสมือนย่ำเท้าออกไปแค่ก้าวสั้นๆเท่านั้น แต่ยังไม่อาจทะลวงผ่านได้…

 

ด้วยประสบการณ์ในการบ่มเพาะของเขา เขารู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้นั่งบ่มเพาะสั่งสมพลังไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงตื่นจากการบ่มเพาะทันที

 

‘ครั้งนี้ข้าปิดด่านไป ครึ่งเดือน…’

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองนาฬิกาทรายหลายเรือนที่เขาตั้งไว้เบื้องหน้า เพื่อดูว่าเขาใช้เวลาในการปิดด่านบ่มเพาะไปเท่าไหร่ และนาฬิกาทราบที่ว่าก็มีทั้งสิ้น 4 เรือนที่มีขนาดแตกต่างกัน เรียงจากเล็กไปใหญ่ซ้ายไปขวา

 

นาฬิการทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้น หากทรายไหลลงไปกกองด้านล่างทั้งหมด จะบ่งบอกว่าใช้เวลาไปทั้งสิ้น 10 ปี

 

นาฬิกาทรายรองลงมา การไหลตัวของทรายจะใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ปี

 

นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 นั้น ใช้เวลาไหลตัว 1 เดือน

 

ส่วนนาฬิกาทรายที่เล็กที่สุด ใช้เวลาไหลตัวเพียง 1 วัน

 

นาฬิกาทรายทั้ง 4 ได้ถูกต้วนหลิงเทียนกลับด้านก่อนการปิดด่าน และตอนนี้นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 ก็มีทรายไหลลงไปกองด้านล่างแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลาครึ่งเดือนพอดี…

 

‘การจะทะลวงผ่านขอบเขตครึ่งก้าวเทพไปยังขอบเขตเทพ สมควรมีโอสถเทพบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือได้…และโอสถเทพที่ว่าไม่น่าจะเป็นโอสถเทพที่หายากสักเท่าไหร่ในระนาบเทพ ขอเพียงมีหินเทพก็น่าจะหาซื้อได้’

 

‘ก่อนอื่น ต่องเอาผลึกอมตะไปแลกเป็นหินเทพก่อน’

 

ก่อนจะมายังเมืองหลินซานต้วนหลิงเทียนก็ได้สอบถามคนในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้มาแล้ว จึงรู้ว่าเขาจะหาหินเทพได้อย่างไรคร่าวๆ และหลังจากมาถึงเมืองหลินซาน เขาก็สังเกตเห็นว่าร้านค้าต่างๆ หากเป็นร้านใหญ่ๆในเมืองหลินซานก็มีบริการรับแลกเปลี่ยนผลึกอมตะเป็นหินเทพ แน่นอนว่ามีเพียงแค่ผลึกอมตะขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถแลกเป็นหินเทพได้

 

หากคิดจะแลกหินเทพมาใช้สักก้อน ก็จำต้องใช้ผลึกอมตะขั้นสูง 100 ชิ้น

 

ผลึกอมตะขั้นสูงนั้น ขนาดของพวกมันก็พอๆกัน จึงอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่มีหินเทพในมือ แต่เขาก็มีผลึกอมตะจำนวนมาก และเป็นผลึกอมตะขั้นสูงทั้งหมด…กล่าวได้ว่าในแหวนพื้นที่ของเขา มีผลึกอมตะขั้นสูงกองเป็นภูเขา ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองผ่านๆก็พอจะประมาณได้ว่า ‘ข้าน่าจะมีผลึกอมตะขั้นสูงราวๆ 10 กว่าล้าน…’

 

ผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้าน เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร?

 

ผลึกอมตะขั้นสูงจำนวน 100 ชิ้นสามารถแลกหินเทพได้ 1 ก้อน

 

กล่าวได้ว่าอาศัยผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้านที่เขามี อย่างน้อยๆก็สมควรแลกหินเทพได้ 100,000 กว่าชิ้น!

 

ในเมืองหลินซานแม้แต่ขุมกำลังที่หยั่งรากลึกและมีอำนาจระดับต้นๆ ไม่เว้นตระกูลเฉียน เต็มที่ก็มีผลึกเทพหมุนเวียนหลักหมื่นเท่านั้น…

 

กล่าวได้ว่าความมั่งคั่งของต้วนหลิงเทียน ในแง่หินเทพที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนได้ มันมากมายมหาศาลยิ่งกว่าขุมกำลังใดๆในเมืองหลินซานเสียอีก!

 

“ข้าอยากแลกหินเทพมาใช้พันก้อน”

 

หลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็มาถึงร้านหนึ่งในเครือตระกูลเฉียน หมายแลกเปลี่ยนผลึกอมตะขั้นสูงเป็นหินเทพ

 

และร้านของตระกูลเฉียนร้านนี้ ยังเป็นร้านขายเม็ดยาอีกด้วย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+