ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 138.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 138.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
เมิ่งเสียนหวั่นไหว

 

 

 

 

เซี่ยเหอได้ฟัง โมโหร้องโวยวายใส่เมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าเด็กบ้านนอกหยาบกระด้าง เจ้าสิที่ป่วย” 

 

 

คุณหนูตำหนินางอย่างอ่อนแรง “หุบปาก!” 

 

 

เซี่ยเหอถลึงตามองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่พอใจ ไม่พูดอะไรอีก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกว่าตนเองพูดตรงเกินไป กล่าวคำขอขมา “ขออภัยคุณหนูท่านนี้ด้วย ข้าเห็นเจ้าผ่ายผอมถึงเช่นนี้ภายในเวลาอันสั้น ตกใจฉับพลัน จึงโพล่งปากถามออกไป ขอเจ้าอย่าได้ถือโทษ” 

 

 

คุณหนูโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้ารู้ ข้าไม่ตำหนิโทษเจ้า” พูดจบ ถอนหายใจยาวแล้วพูดว่า “เจ้าอย่าเอาแต่เรียกข้าว่าคุณหนูเลย ข้าชื่ออวี้อวี่ หากเจ้าไม่รังเกียจ ต่อไปเรียกข้าว่าพี่อวี้ก็ได้” 

 

 

หลังจากพูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไม่ได้เรียกนางพี่อวี้เหมือนที่นางคาดคิด แต่กลับใช้สายตาคลางแคลงมองไปที่นาง 

 

 

อวี้อวี่ร้อนตัวกะพริบตาปริบ ถามอย่างอ่อนแรง “ข้ามีอะไรผิดปกติหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนแววตา ส่ายศีรษะ 

 

 

แม่อวี้เช็ดน้ำตา พูดอย่างปวดหัวใจ “อวี่เอ๋อร์ หมอกำชับให้เจ้าพักรักษาตัวอยู่บนเตียง เจ้าจะมาทำไม” 

 

 

อวี้อวี่กระแอมสองครั้ง ตอบอย่างอ่อนแรง “ท่านแม่ ข้าได้ยินเซี่ยเหอบอกว่าพวกท่านเชิญคุณชายท่านนี้เข้ามาในจวน กลัวพวกท่านจะตำหนิโทษเขา ข้าจึงออกมา” 

 

 

พ่ออวี้ได้ฟังตำหนิเซี่ยเหอ “ข้าบอกพวกเจ้าห้ามไม่ให้คุณหนูรู้เรื่องนี้ พวกเจ้าเห็นคำพูดข้าเป็นเพียงลมผ่านข้างหูเรอะ” 

 

 

เซี่ยเหอลนลานคุกเข่า พูดตัวสั่นเทิ้ม “นายท่าน ผู้น้อยเผลอพูดออกไป ทำให้คุณหนูได้ยินเข้า” 

 

 

อวี้อวี่ก็ช่วยขอร้อง “ท่านพ่อ ท่านอย่าตำหนิโทษเซี่ยเหอเลย เรื่องนี้ช้าเร็วข้าก็ต้องรู้” 

 

 

พ่ออวี้พูดกับเซี่ยเหออย่างเฉียบขาด “เห็นแก่ที่ปกติเจ้าดูแลคุณหนูอย่างตั้งใจจริง ครั้งนี้ข้าจะอภัยให้ หากครั้งหน้ายังกระทำผิดอีก จะให้พ่อบ้านนำเจ้าไปขายทิ้ง” 

 

 

เซี่ยเหอตกใจโขกศีรษะ “นายท่านวางใจ ต่อไปข้าไม่กล้าแล้ว” 

 

 

พ่ออวี้ไม่สนใจนางอีก ผ่อนปรนน้ำเสียงแล้วพูดกับอวี้อวี่ “อวี่เอ๋อร์ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน เรื่องนี้ให้พ่อและแม่เจ้าจัดการเอง” 

 

 

อวี้อวี่ไม่ยอม พูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องที่ข้าถูกม้าทำให้ตกใจล้มไปกับพื้น จะโทษคุณชายท่านนี้ไม่ได้ หากเขาไม่ยอมรับเรื่องการแต่งงานนี้ พวกท่านอย่าให้เขาต้องลำบากใจเด็ดขาด” 

 

 

เมิ่งเสียนรีบร้อนพูด “ไม่ลำบากใจ ไม่ลำบากใจ” 

 

 

เห็นท่าทีของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวมุ่นหัวคิ้ว 

 

 

ใบหน้าอวี้อวี่แดงเรื่อ ถามอย่างยินดี “คุณชายยอมรับงานแต่งงานนี้แล้ว” 

 

 

เมิ่งเสียนกำลังจะพูด เมิ่งเชี่ยนโยวกลับแย่งพูดขึ้น “แต่ไหนแต่เรื่องไรเรื่องการแต่งงานพ่อแม่จัดการ แม่สื่อดำเนินการ เรื่องนี้พวกเราต้องกลับไปถามท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราก่อน ถึงจะให้คำตอบพวกท่านได้” 

 

 

อวี้อวี่แสดงสีหน้าผิดหวัง พูดงึมงำกับตัวเอง “แต่ข้ารอไม่ไหวแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหูดี ได้ยินคำพูดนาง มองนางอย่างคับข้องใจ 

 

 

แม่อวี้ที่พอได้ยินว่าบ้านเมิ่งเสียนไม่มีอะไรสักอย่าง ความคิดที่จะเกี่ยวดองด้วยไม่เหลือแล้ว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ จึงรีบพูด “ใช่ๆๆ พวกเจ้ากลับไปปรึกษากับคนที่บ้านก่อน ไม่ต้องรีบร้อน นานแค่ไหนก็ได้” 

 

 

พ่ออวี้ก็พูดบ้าง “เรื่องการแต่งงานนี้พวกเราก็ต้องคิดทบทวนให้ดีๆ เราสองครอบครัวไม่เหมาะสมกันสักอย่าง ต่อให้แต่งงานกันไปจริงๆ เรื่องบางอย่างพวกเราก็ต้องยกมาพูดให้ชัดเจนก่อน” 

 

 

อวี้อวี่พูดอย่างกระวนกระวาย “ท่านพ่อ ท่านแม่ ชื่อเสียงข้าป่นปี้แล้ว ไม่มีใครมาทาบทามสู่ขออีก หากคุณชายท่านนี้ตอบตกลง พวกเราก็รีบจัดการงานแต่งงานนี้ให้เสร็จโดยเร็วเถอะ” 

 

 

แม่อวี้พูดอย่างทำใจยอมไม่ได้ “เด็กโง่ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต จะตัดสินใจบุ่มบ่ามได้อย่างไร วางใจเถอะ หากช่วงเวลานี้ยังไม่มีใครมาทาบทามสู่ขอ แม่จะพาเจ้ากลับบ้านเกิด หาคู่แต่งงานที่เหมาะสมให้” 

 

 

อวี้อวี่กัดริมฝีปาก รวบรวมความกล้าแล้วพูด “ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อข้า แต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นคุณชายท่านนี้ก็แอบพึงพอใจเขาแล้ว” 

 

 

พ่ออวี้แม่อวี้ตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วแน่น 

 

 

เมิ่งเสียนหน้าแดงฉับพลัน 

 

 

ทั้งห้องพลันเงียบสนิท 

 

 

ครู่ใหญ่แม่อวี้ถึงได้สติกลับมา ถามอย่างไม่เชื่อ “อวี่เอ๋อร์ เจ้าพูดเป็นความจริง” 

 

 

อวี้อวี่พยักหน้า 

 

 

พ่ออวี้ชี้นางโมโหจนพูดไม่ออก 

 

 

อวี้อวี่ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินไปคุกเข่าเบื้องหน้าพ่อแม่ตัวเอง พูดอย่างอ่อนแรง “ลูกรู้ว่าทำเช่นนี้ทำให้พวกท่านอับอาย แต่ลูกควบคุมหัวใจตนเองไม่ได้ หลังจากคุณชายท่านนี้จากไป ลูกก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ รอคอยจะได้เจอคุณชายท่านนี้อีกครั้ง ขอร้องพวกท่านสงเคราะห์ข้าด้วยเถอะ” 

 

 

เมิ่งเสียนเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าวอย่างทนไม่ไหว เมิ่งเชี่ยนโยวมือเท้าไวรั้งเขาเอาไว้ 

 

 

พ่ออวี้ด่าทออย่างฉุนเฉียว “เจ้าลูกไม่รักดีหน้าไม่อาย วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึก” พูดจบเดินหาสิ่งของอย่างโกรธเกรี้ยว 

 

 

แม่อวี้รีบเข้าขวาง “ท่านพี่ ใจเย็นก่อน อวี่เอ๋อร์อายุยังน้อย เห็นชายที่พึงใจเผลอใจรักใคร่ก็เป็นเรื่องปกติ” 

 

 

พ่ออวี้หาสิ่งของที่เหมาะสมไม่ได้ บันดาลโทสะก่นด่า “พ่อแม่รังแกฉันแล้ว เพราะเจ้าที่ปกติตามใจนางจนเกินไป ถึงทำให้นางทำเรื่องไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้” 

 

 

แม่อวี้ก็โมโหบ้าง พูดโต้กลับ “ข้าตามใจนางอย่างไร ที่ผ่านมาท่านเองก็พะเน้าพะนอตามใจไม่ใช่น้อย” 

 

 

“เจ้า…” พ่ออวี้โมโหเดือดดาล พูดอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “เคราะห์ร้ายของสกุล เคราะห์ร้ายของสกุล” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจับเมิ่งเสียนไว้แน่น มองทั้งหมดนี้ด้วยแววตาเย็นชา 

 

 

อวี้อวี่คลานขึ้นหน้าสองสามก้าว ร่ำไห้พูดพร่ำ “ท่านพ่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของลูก ท่านจะตบตีว่ากล่าวข้าอย่างไรก็ได้ แต่ท่านอย่าโมโหจนเสียสุขภาพเด็ดขาด” 

 

 

พ่ออวี้มองสภาพน่าเวทนาของบุตรสาว ถอนหายใจทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ 

 

 

แม่อวี้เดินไปตรงหน้าอวี้อวี่พูดอย่างปวดใจ “อวี่เอ๋อร์ รีบลุกขึ้น ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี ไปคุกเข่าบนพื้นทำไม วางใจเถอะ ไม่ว่าอย่างไรแม่จะต้องจัดงานแต่งของเจ้ากับคุณชายท่านนี้ให้จงได้” พูดจบคิดจะพยุงนางขึ้นพร้อมเซี่ยเหอ 

 

 

อวี้อวี่ไม่ยอมขยับ ยังคงคุกเข่า หันไปพูดกับพ่ออวี้ “ท่านพ่อ ไม่ว่าครอบครัวของคุณชายท่านนี้เป็นอย่างไร ลูกปักใจกับเขาแล้ว ท่านสงเคราะห์ลูกเถอะ” 

 

 

พ่ออวี้โมโหไม่พูดอะไร 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเอ่ยปากพูด “พี่อวี้ คล้ายว่าพวกเรายังไม่ได้ตอบรับเรื่องการแต่งงานนี้ ท่าทีมุ่งมั่นของท่านนี้ แน่ใจแล้วว่าพวกเราจะตอบตกลง” 

 

 

อวี้อวี่ไม่คิดว่านางจะถามเช่นนี้ พลันตอบกลับไม่ถูก 

 

 

เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นหน้าประตู “พ่อบ้าน เจ้ามายืนทำอะไรหน้าประตู” 

 

 

พ่อบ้านตอบอย่างพินอบพิเทา “คุณชาย นายท่านและฮูหยินกำลังรับรองแขก ผู้น้อยเฝ้าหน้าประตูเผื่อมีอะไรเรียกใช้” 

 

 

ชายหนุ่มถามขึ้น “แขกที่ไหน” 

 

 

พ่อบ้านไม่ได้ตอบ 

 

 

ชายหนุ่มผลักประตูเข้ามา เห็นเหตุการณ์ตรงนี้ กะพริบตาปริบๆ ถามขึ้น “ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสาว เกิดเรื่องอะไรขึ้น” 

 

 

แม่อวี้คร่ำครวญพูด “เทียนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาพอดี รีบมาเกลี้ยกล่อมน้องสาวเจ้า” 

 

 

ชายหนุ่มเดินมาตรงหน้าอวี้อวี่ ถามเสียงเบา “น้องสาว เกิดเรื่องอันใดขึ้น” 

 

 

อวี้อวี่กัดริมฝีปาก ร้องเรียกพี่ชายเสียงแผ่ว เผยอปากคิดจะพูดอะไร กลับไม่ได้พูดออกมา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากพูด “พวกเราพี่น้องออกมานานแล้ว หากยังไม่กลับไป ท่านพ่อท่านแม่จะเป็นห่วง พวกเราขอตัวลา สำหรับเรื่องการแต่งงานกับคุณหนูอวี้ พวกเราจะกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ หากพวกเขาเห็นด้วย อีกสองวันพวกเราจะให้แม่สื่อมาพูดทามทามสู่ขอ” 

 

 

พูดจบ หันหลังเดินจากไป เมิ่งอี้เซวียนเดินตามหลัง เมิ่งเสียนมองอวี้อวี่อย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง แล้วเดินตามออกไป 

 

 

อวี้เทียนร้องตะโกนเสียงดัง “ช้าก่อน!” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุดฝีเท้า ยังคงเดินต่อไป 

 

 

อวี้เทียนเห็นเช่นนั้นแผดเสียงคำราม “เด็กๆ ขวางพวกเขาไว้” 

 

 

เหล่าคนรับใช้ได้ฟังก็ปรากฏตัวหน้าประตูห้องรับแขก 

 

 

แม่อวี้ถามอย่างลืมตัว “เทียนเอ๋อร์ เจ้าจะทำอะไร” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักฝีเท้า หันกลับหลังถาม “คุณชายอวี้คิดจะทำสิ่งใด” 

 

 

อวี้เทียนเดินไปตรงหน้านาง มองประเมินนางขึ้นลงหลายครั้ง พูดอย่างดูแคลน “แค่เด็กสาวบ้านนอกตัวกระเปี๊ยก กล้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา เจ้าออกไปถามใครดูก็ได้ว่าข้าอวี้เทียนเป็นใคร” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือกอดอก พูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “คุณชายอวี้ พอจะเปลี่ยนคำกล่าวลาหน่อยได้หรือไม่ คำพูดนี้วันนี้ข้าฟังจนใกล้อาเจียนแล้ว” 

 

 

อวี้เทียนสะอึกกึก 

 

 

อวี้อวี่ลนลานพูด “พี่ใหญ่ เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังที่หลัง ท่านอย่าทำพวกเขาลำบากใจเด็ดขาด ให้พวกเขาไปเถอะ” 

 

 

อวี้เทียนหันกลับไปมองอวี้อวี่แวบหนึ่ง โบกมือออกไปนอกประตู คนรับใช้ล่าถอยไป 

 

 

พวกเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคนเดินออกไปจากประตูห้องรับแขก มุ่งหน้าไปยังประตูใหญ่ 

 

 

พ่อบ้านรีบพาคนทั้งหมดไปส่งที่ด้านนอกประตูใหญ่อย่างนบนอบ มองดูเมิ่งเสียนบังคับรถม้าจากไปไกล ถึงลอบหายใจโล่งอก 

 

 

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีแก่ใจเดินเที่ยวแล้ว พูดกับเมิ่งเสียนว่า “พี่ใหญ่ พวกเรากลับบ้านเถอะ” 

 

 

เมิ่งเสียนพยักหน้า บังคับรถม้ามุ่งหน้ากลับบ้าน พอออกมาจากตัวตำบล คนบนถนนลดน้อยลง เมิ่งเสียนถามเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ “น้องสาว เหตุใดเจ้าต้องพูดโกหกกับคนในครอบครัวคุณหนูอวี้ด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขา ไม่ตอบกลับย้อนถาม “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าคุณหนูอวี้เป็นอย่างไร” 

 

 

เมิ่งเสียนไม่ได้ตอบ กลับหน้าแดงก่ำ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจ พูดอย่างจนใจ “ข้ารู้แล้ว” 

 

 

เมิ่งเสียนเห็นนางถอนใจ ถามอย่างระวัง “คุณหนูอวี้มีตรงไหนไม่ดีหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเผยอปาก กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

เมิ่งเสียนยิ่งทวีความข้องใจ คิดจะถามต่อ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับปิดม่านบังตาลง เมิ่งเสียนจำต้องกลืนคำพูดที่ปลายลิ้นลงไป ตั้งใจบังคับรถม้ากลับบ้าน 

 

 

ตอนที่ทั้งสามกลับมาถึงบ้าน ก็เกือบเที่ยงแล้ว เมิ่งชื่อและคนที่เหลืออีกสองคนกำลังเตรียมจะทำอาหารเที่ยงให้คนงาน เห็นพวกเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมา รีบเดินออกมาจากครัวถามไถ่ “โยวเอ๋อร์ เหตุใดพวกเจ้า…” กลับเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าเมิ่งอี้เซวียนโยนผักสดในมือทิ้ง สาวเท้ามาตรงหน้าเขา ร้องถามเสียงหลง “อี้เซวียน ใบหน้าเจ้าเป็นอะไร” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่งยิ้มให้เมิ่งชื่อ ตอบกลับ “ท่านแม่ ไม่เป็นไร ไม่กี่วันก็หายแล้ว” 

 

 

เมิ่งชื่อประคองใบหน้าเขามองแล้วมองอีกอย่างปวดใจ พูดว่า “รอยฟกช้ำเป็นจ้ำเช่นนี้ ไม่กี่วันจะหายได้อย่างไร บอกแม่มา เจ้าไปมีเรื่องวิวาทมาอีกแล้วใช่หรือไม่” 

 

 

ไม่รอให้เมิ่งอี้เซวียนตอบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดขึ้น “ท่านแม่ อาการบาดเจ็บบนใบหน้าอี้เซวียนไม่เป็นอะไรจริงๆ ข้าและพี่ใหญ่พาเขาไปหาหมอที่ร้านยาเต๋อเหรินแล้ว หมอชราให้ยาทาภายนอกมาทาวันละครั้ง ไม่กี่วันก็หายดี” 

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินนางบอกว่าไปร้านยาเต๋อเหรินมาแล้ว จึงวางใจ แต่ก็ยังถามต่อ “อี้เซวียนไปมีเรื่องวิวาทกับใครมาอีกแล้วใช่หรือไม่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

เมิ่งชื่อถามอย่างตกใจ “เหตุใดถึงมีเรื่องกับคนอื่นได้ มีคนเจตนารังแกพวกเจ้าหรือ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องที่โรงเรียนทั้งหมดออกมา 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด