ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 240-1 ซักถามพระอาจารย์

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 240-1 ซักถามพระอาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กลับมาหลายวัน แม้เหวินหู่จะกลับมาส่งข่าว บอกว่านางไม่เป็นอะไร แต่หลังจากทราบเรื่องที่หมอชราถูกฆ่าตายจากปากเหวินหู่ ครอบครัวเมิ่งเอ้ออิ๋นต่างจิตใจระส่ำระส่าย ตอนไปสวัสดีปีใหม่บ้านฝ่ายแม่ เมิ่งชื่อก็เอาแต่ใจลอย หลังจากกินอาหารเช้าง่ายๆ เสร็จ ก็รีบร้อนกลับมาบ้าน เกรงเมิ่งเชี่ยนโยวจัดการเรื่องเสร็จกลับมาจะไม่มีใครอยู่บ้าน ไม่คิดว่านางก็ยังไม่กลับมา ความวิตกกังวลของเมิ่งชื่อกลายเป็นความหวาดกลัว จะให้เมิ่งเสียนเข้าไปดูในเมือง

 

 

เมิ่งเสียนจำคำสั่งเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ขึ้นใจ ให้คอยเฝ้าระวังในครอบครัว ได้ฟังคำพูดเมิ่งชื่อจึงพูดเกลี้ยกล่อมนาง “ท่านแม่ ท่านนายอำเภอและคุณชายเปาก็มาตำบลชิงซีแล้ว มีพวกเขาอยู่ จะต้องไม่เกิดเรื่องอันใดกับน้องสาว พวกเราวางใจรออยู่ที่บ้านเถิด เมื่อสืบพบความจริงแล้ว น้องสาวก็จะกลับมาเอง”

 

 

เมิ่งชื่อรู้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริง ความหวาดกลัวในใจค่อยบรรเทาลง แต่ก็ยังไปยืนชะเง้อคอที่หน้าประตู เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวจนป่านนี้ยังไม่กลับมา เพิ่งจะเดินสิ้นหวังเข้ามานั่งในบ้าน พลันได้ยินเสียงร้องของบุตรสาว กระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวเท้าฉับๆ ออกมานอกบ้านพลัน

 

 

นางยังไม่ทันปริปาก เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถลาเข้ามา กอดนางไว้แน่น พูดกระเง้ากระงอด “ท่านแม่ หลายวันมานี้ ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลยเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งชื่อน้ำตารื้นขอบตา ตบแผ่นหลังนางเบาๆ พูดเสียงแผ่ว “แม่ก็คิดถึงเจ้า”

 

 

เพราะการกระทำของตนเอง ทำให้ร้านยาเต๋อเหรินโดนหางเลขไปด้วย ทำให้หมอชราต้องมาจบชีวิต ทั้งเกือบจะทำลายครอบครัวเมิ่งทั้งสกุล จนถึงตอนนี้เมิ่งเชี่ยนโยวยังหวาดผวาไม่คลาย ดังนั้นแรงมือที่กอดเมิ่งชื่อจึงกระชับแน่นขึ้น

 

 

เมิ่งชื่อนึกว่านางกลัว ตบหลังปลอบใจนางเบาๆ “ไม่ต้องกลัวแล้ว ไม่ว่าเรื่องอันใดก็จะมีพ่อกับแม่อยู่ด้วย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกดวงตาเอ่อชื้น กลบเกลื่อนด้วยการฟุบหน้าลงบนไหล่เมิ่งชื่อ ไม่เงยหน้าขึ้น

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งเสียนกับภรรยารวมถึงเมิ่งฉี เมิ่งอี้เซวียน เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงทยอยออกมาจากในบ้าน เห็นท่าทางของเมิ่งเชี่ยนโยว ให้สะท้อนหัวใจแปลบ มีเพียงเมิ่งเจี๋ยที่ยังไม่รู้ความยกมือกระจิริดขึ้น ถูแก้มของตัวเอง พูดอย่างไร้เดียงสา “กิ๊วๆๆ ท่านพี่โตขนาดนี้แล้วยังต้องให้ท่านแม่กอดอีก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพรืดออกมา ความรู้สึกประหลาดสลายไปแล้ว คลายเมิ่งชื่อออก เดินไปตรงหน้าเมิ่งเจี๋ย ลูบศีรษะเขา แย้มยิ้มพูดว่า “เจ้าเด็กทะเล้น”

 

 

เมิ่งเจ๋ยหัวเราะ “ฮี่ๆ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้ามองคนในครอบครัว คลี่ยิ้มพูดว่า “ท่านพ่อ พี่ใหญ่พี่สะใภ้ พี่รอง อี้เซวียน เจี๋ยเอ๋อร์ ชิงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเกิดอาการตื้นตันใจ พยักหน้ายิ้ม ข่มอารมณ์พูดว่า “กลับมาก็ดีแล้ว หลายวันมานี้ท่านแม่เป็นห่วงเจ้าแทบแย่แล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อเถียงเขา “มีแต่ข้าเป็นห่วงคนเดียวหรือไร? ตอนกลางคืนเจ้าเองก็กลัดกลุ้มจนนอนไม่หลับเช่นกัน”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นหัวเราะตาใส

 

 

เมิ่งเสียนยิ้มถามต่อ “จัดการเรื่องเสร็จแล้วรึ? ตามหาคนร้ายที่ฆ่าหมอชราได้หรือไม่?”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวจางหาย พูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “หาพบแล้ว ท่านนายอำเภอจัดการเสร็จสิ้น นายท่านเหวินก็นำโลงศพเขาและพนักงานทั้งหมดกลับเมืองหลวง ต่อไปในเมืองจะไม่มีร้านยาเต๋อเหรินอีก”

 

 

เมิ่งเสียนตกใจผงะ รับรู้ได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา กำลังจะเอ่ยปาก ซุนเชี่ยนก็พูดห้ามปราบเขา “ท่านดูใต้ตาดำคล้ำของโยวเอ๋อร์เถิด หลายวันมานี้จะต้องไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ มีเรื่องอะไรค่อยพูดกันวันหลัง ให้นางกลับไปพักผ่อนในห้องให้สบายก่อนเถอะ”

 

 

ทุกคนถึงสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียของเมิ่งเชี่ยนโยว บนตัวยังคงสวมเสื้อผ้าชุดที่จากไปวันนั้น เมิ่งชื่อรีบพูดขึ้นทันที “โยวเอ๋อร์ แม่จะไปต้มน้ำเดี๋ยวนี้ หลังจากเจ้าอาบน้ำอาบท่าแล้ว กลับเข้าไปนอนในห้องให้สบายนะ”

 

 

พูดจบ หันหลังเดินไปห้องครัว

 

 

“ท่านแม่” ซุนเชี่ยนร้องเรียกนาง ส่งสายตาเรียกสาวใช้ “ให้พวกนางทำเถิด หลายวันมานี้ท่านเอาแต่เป็นกังวลน้องสาว ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลยเช่นกัน รีบกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องบ้างเถิดเจ้าค่ะ”

 

 

สองสาวใช้ขานรับคำ เข้ามาต้มน้ำในห้องครัว

 

 

เมิ่งชื่อบอกให้ทุกคนแยกย้าย ดึงเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องนาง ตรวจดูอย่างถี่ถ้วน เห็นนางเหมือนจะผอมลงไป ก็ยิ่งให้ปวดใจ

 

 

สาวใช้ต้มน้ำเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ล้มตัวนอนลงบนเตียงเตา หลับตาเข้าสู่ห้วงนิทรา

 

 

เป็นการนอนหลับที่ลึกและยาวนานมาถึงช่วงค่ำ แต่ความตื่นระวังของร่างกายยังคงแจ้งเตือนนางเมื่อมีคนเข้ามายืนจ้องนางภายในห้อง นางตกใจสะดุ้งลืมตา เห็นร่างเงามืดยืนอยู่เบื้องหน้าตนเอง ครั้นรับรู้ได้ถึงลมหายใจคุ้นเคย เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ขยับ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรู้ว่านางตื่นแล้ว ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าทำเจ้าตกใจตื่นหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาในความมืด ไม่พูดอะไร

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเข้ามายืนอยู่ในห้องได้ครู่หนึ่ง ปรับตัวเข้ากับความมืดในห้องแล้ว เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเอาแต่จับจ้องเขาไม่พูดไม่จา หัวใจกระวนกระวาย ยื่นมือออกไปหมายจะจับหน้าผาก ดูว่านางไม่สบายหรือไม่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงศีรษะ หลบพ้นมือเขา ถามขึ้น “นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว? คนในครอบครัวเล่า?”

 

 

เห็นนางหลบตนเอง สีหน้าเมิ่งอี้เซวียนหมองเศร้าฉับพลัน ตอบว่า “เพิ่งจะยามซวี[1] ท่านแม่เห็นเจ้าหลับสนิท จึงไม่ปลุกเจ้าขึ้นมากินข้าว แบ่งอาหารเก็บไว้ในกระทะให้เจ้า หากเจ้าหิวแล้ว ข้าจะไปยกมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธ “ไม่ต้อง ตอนนี้ข้าไม่หิว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูดอีก จ้องมองนางไม่วางตา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดว่า “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”

 

 

“บอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?” เมิ่งอี้เซวียนถามเสียงเบา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างเปิดเผย “เป็นเรื่องความแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่ต้องถามความแล้ว”

 

 

“โยวเอ๋อร์” เมิ่งอี้เซวียนร้องเรียกนางด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ตอนที่เจ้ากลับมา สีหน้าระทมทุกข์ อ่อนระโหยโรยแรง จะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โต ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่แสดงอาการเช่นนั้นแน่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจเล็กน้อย แต่มิได้แสดงออกมา พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าออกไปหลายวันหลายคืน ช่วยนายท่านเหวินสืบหาคนร้าย ไม่ได้พักผ่อน ย่อมต้องเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา ไยต้องตื่นตกใจเช่นนี้”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “เจ้าหลอกข้าไม่ได้หรอก จะต้องไม่ใช่เพียงเพราะเหนื่อยล้า จักต้องเกิดเรื่องใหญ่บางอย่างขึ้น” พูดจบหยั่งเชิงถาม “หรือว่าเกี่ยวข้องกับข้า?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถลึงตาใส่เขา พูดว่า “ร้านยาเต๋อเหรินเกิดเรื่อง จะเกี่ยวกับเจ้าได้อย่างไร?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนปักใจพูด “เช่นนั้นก็ต้องเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัว ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่มีทางมีปฏิกิริยาเช่นนั้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก รีบเอ็ดเขากลบเกลื่อน “ไม่ว่าเกี่ยวข้องกับใคร ตอนนี้เจ้าจงไสหัวออกไปจากห้องข้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้น ข้าจะตีเจ้าให้ลงจากเตียงไม่ไหวจนกว่าจะถึงวันเปิดเรียน”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหวาดกลัวตัวสั่น พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ทุกครั้งจะต้องใช้วิธีนี้มาข่มขู่ข้า…”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตัดบทเขา “วิธีนี้ก็เพียงพอแล้ว แน่จริงเจ้าตั้งใจฝึกวรยุทธ์ มาเอาชนะข้าเล่า เช่นนั้นข้าก็จะข่มขู่เจ้าไม่ได้อีก”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แน่นอน”

 

 

พูดจบหันหลังเดินออกไป พูดว่า “เจ้าลุกขึ้นมาก่อนเถอะ ข้าจะไปยกอาหารเข้ามาให้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองร่างเขาเดินออกไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเขาสูงขึ้นมากอย่างไม่รู้ตัว

 

 

แล้วส่ายหน้า สะบัดความคิดทั้งหมด สวมใส่เสื้อผ้าอย่างว่องไว ลุกขึ้นมาจุดไฟ

 

 

เมิ่งอี้เซวียนยกอาหารเข้ามา วางไว้บนโต๊ะ

 

 

เมิ่งชื่อได้ยินเสียงภายในห้อง เดินออกมาจากห้องตัวเอง เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นแล้ว เมิ่งอี้เซวียนก็ยกอาหารที่ตนเองเก็บไว้ให้ในกระทะมาให้นาง แสดงสีหน้าดีใจ พูดว่า “พอกินข้าวเสร็จ ก็เอาไปวางไว้ในกระทะ ไม่ต้องเก็บล้าง พรุ่งนี้เช้าแม่จะตื่นมาเก็บล้างเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”

 

 

เมิ่งชื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าแดงเรื่อ ดูมีชีวิตชีวา ก็ให้วางใจ กำชับอีกสองสามคำ ทั้งไม่ได้บอกให้เมิ่งอี้เซวียนกลับไปที่ห้อง ก็กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องตัวเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกินอาหารค่ำเงียบๆ จนหมด เมิ่งอี้เซวียนช่วยเก็บถ้วยชามออกไป ยังคิดจะกลับเข้ามาในห้องเมิ่งเชี่ยนโยว แต่ถูกสายตาพิฆาตของเมิ่งเชี่ยนโยวจ้องเขม็ง ทำปากขมุบขมิบ กลับเข้าห้องตัวเองอย่างไม่เต็มใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองแผ่นหลังเขา นั่งขบคิดบนเก้าอี้เป็นนาน

 

 

กระทั่งความง่วงโจมตี ถึงถอดเสื้อผ้าเอนตัวนอนลงบนเตียงเตา หลับสนิทไปอีกครั้ง

 

 

 

 

 

 

[1] ยามซวี คือเวลา 19.00-21.00 น.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด