ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 221-3 กลัว ก็ต้องทน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 221-3 กลัว ก็ต้องทน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากมาถึงอำเภอชิงเหอ ก็เป็นเวลาบ่ายแก่แล้ว พอเข้ามาถึงอำเภอเหวินเปียวก็สอบถามหาร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปก่อน แล้วบังคับรถม้ามุ่งตรงไปทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ลงจากรถม้า มอบเงินให้เหวินเปียว ให้เขาเข้าไปซื้อเสื้อผ้าเอง

 

 

เหวินเปียวซื้อเสื้อผ้าง่ายๆ ออกมาสองชุด โยนให้เหวินหู่ชุดหนึ่ง ใส่เองชุดหนึ่ง

 

 

เหวินเปียวกลับขึ้นมาบนรถม้า กำลังจะบังคับรถม้าไปรับซุนเหลียงไฉที่จวนจู

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านรถ สั่งการเหวินหู่ “เจ้าไปรับเหลียงไฉที่จวนจูกลับไปบ้าน บอกท่านพ่อท่านแม่ว่าข้าติดขัดเรื่องการค้า อีกสองวันถึงจะกลับไป อีกอย่าง ห้ามบอกคนอื่นว่าพวกเราอยู่ในอำเภอ”

 

 

เหวินหู่ขานรับ บังคับรถม้าจากไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งเหวินเปียว “ไปโรงเตี๊ยมที่พวกเจ้าเข้าพักครั้งก่อน พวกเราจะพักสองสามวัน รอจนอี้เซวียนหายดีค่อยกลับไป เลี่ยงไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่กังวลใจที่เห็นเขาในสภาพนี้”

 

 

เหวินเปียวพยักหน้า บังคับรถม้าไปโรงเตี๊ยม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้ามาในห้องโดยสาร เห็นเมิ่งอี้เซวียนนอนหลับไม่เป็นสุข ขมวดคิ้วเกร็งแน่น

 

 

เหวินเปียวมาถึงโรงเตี๊ยมโดยไว จอดเทียบรถม้า

 

 

เสี่ยวเอ้อร์โรงเตี๊ยมจำเขาได้ เข้ามาไต่ถามอย่างเป็นมิตร “วันนี้ยังคงมากับคุณชายเมิ่งหรือเปล่าขอรับ?”

 

 

เหวินเปียวตอบกลับ “วันนี้คุณหนูของพวกเรามากับคุณชายน้อย”

 

 

“แม่นางเมิ่งมาด้วย” เสี่ยวเอ้อร์ถามด้วยความยินดี

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดอยู่ในห้องโดยสาร “ข้าเอง รีบไปบอกหลงจู๊ ให้เขาเปิดห้องพักสองห้องให้พวกเรา”

 

 

เสี่ยวเอ้อร์ขานรับ วิ่งเหยาะเข้าไปบอกหลงจู๊ด้านใน

 

 

หลงจู๊แสดงสีหน้ายิ้มกริ่ม หยิบกุญแจสองดอกจากในโต๊ะคิดเงินออกมา คล้องไว้ในมือ เดินออกมาหน้าประตูโรงเตี๊ยม ถามด้วยความดีใจ “แม่นางเมิ่ง ยังเป็นห้องชั้นดีสองห้องนั้นใช่หรือไม่ขอรับ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดม่านรถ ลงจากรถม้า ยกยิ้มพูดว่า “ได้ รบกวนหลงจู๊แล้ว”

 

 

หลงจู๊โบกมือพัลวัน “ไม่รบกวน ไม่รบกวน”

 

 

“น้องชายข้านอนอยู่บนรถม้า รบกวนหลงจู๊ช่วยไปเปิดห้องให้ก่อน พวกเราค่อยตามไปที่หลัง” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด

 

 

หลงจู๊พยักหน้า หันหลังเดินขึ้นชั้นสอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเหวินเปียว “อุ้มอี้เซวียนขึ้นไปชั้นสอง”

 

 

เหวินเปียวขานรับ เปิดม่านรถ เตรียมจะอุ้มเมิ่งอี้เซวียน

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลับสะดุ้งตื่น มองเขาด้วยใบหน้าหวาดผวา

 

 

เหวินเปียวถูกเขามองจนขนลุกชัน ยืดตัวตรงพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นาง คุณชายน้อยตื่นแล้วขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา พูดด้วยเสียงละมุน “ตื่นแล้วก็ลงมาเถอะ พวกเรายังไม่กลับบ้าน ข้าจะพาเจ้าเที่ยวเล่นในอำเภอสักสองวัน”

 

 

ในอดีตหากเมิ่งอี้เซวียนได้ยินนางพูดเช่นนี้ จักต้องดีใจลิงโลด ฉีกยิ้มหวานเจิดจ้า ทว่าตอนนี้กลับมองนางด้วยใบหน้าซังกะตาย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยปากถามเขา “เจ้าไม่ยินดีหรือ?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่ได้ตอบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องตาเขา “หากเจ้าไม่ยินดี พวกเราก็กลับบ้าน หากเจ้ายินดี ก็จงพูดออกมา”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตวาดเสียงเขียว “พูด”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตกใจตัวสั่น เค้นเสียงพูดอย่างยากลำบาก “ข้ายินดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป เมิ่งอี้เซวียนลังเลเล็กน้อย แล้วจับมือนางลงจากรถม้า เดินตามนางขึ้นไปชั้นบน

 

 

หลงจู๊เปิดห้องพักทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เห็นพวกเขาขึ้นมา ร้องทักทายเมิ่งอี้เซวียนอย่างคุ้นเคย “คุณชายน้อยก็มาแล้ว”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนไม่พูด

 

 

หลงจู๊อึ้งเล็กน้อย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “น้องชายข้าไม่สบาย พูดน้อยไปบ้าง หากมีตรงไหนไม่เหมาะสม ขอหลงจู๊อย่าเก็บไปใส่ใจ”

 

 

ตัวเองเป็นหลงจู๊โรงเตี๊ยม แต่ละวันต้องแย้มยิ้มต้อนรับคน บางครั้งยังต้องรองรับอารมณ์โกรธเกรี้ยวของลูกค้า ไหนเลยจะเจอลูกค้าที่พูดจาสุภาพกับตนเองเช่นนี้ หลงจู๊เกิดความซาบซึ้งใจ ยิ่งแสดงท่าทีอย่างมีมิตรไมตรี ถามด้วยความห่วงใย “จะให้พวกเราไปเชิญท่านหมอมาดูอาการให้คุณชายน้อยไหมขอรับ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ขอบใจหลงจู๊มาก คงเพราะนั่งรถม้านานก็เลยเป็นแบบนี้ นอนพักสักหน่อยก็คงหายดี”

 

 

หลงจู๊พยักหน้า มองดูคนทั้งหมดเข้าไปในห้อง ถึงหันหลังลงมาชั้นล่าง

 

 

พอเข้ามาในห้อง เมิ่งอี้เซวียนก็เอนตัวนอนลงบนเตียงอีกฝั่งอย่างกะปลกกะเปลี้ย เมิ่งเชี่ยนโยวถามเขา “นอนพอหรือยัง ถ้ายังนอนไม่พอก็นอนต่ออีกหน่อย”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า หลับตาลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างตัวเขา เลิกผ้าห่มนวมบนเตียงขึ้น คลุมร่างให้เขา แล้วหันกลับหลัง คิดจะสั่งการบางอย่างกับเหวินเปียว

 

 

เมิ่งอี้เซวียนได้ยินเสียงฝีเท้านางเดินห่างออกไป ลืมตาโพลง ถลึงตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง พูดอย่างว้าวุ่นใจ “เจ้าอย่าไป ข้ากลัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า หันกลับมามองสภาพน่าเวทนาของเขา เดินกลับเข้ามา นั่งบนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียง พูดอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่ไป เจ้านอนเถอะ”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนจ้องนางเขม็งครู่หนึ่ง คว้ามือข้างหนึ่งของนางมากุมไว้ ถึงเอนตัวลงอีกครั้ง แล้วหลับตา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มืออีกข้างของตัวเองตีตัวเขาเบาๆ

 

 

แม้จะหลับตาสนิทแล้ว แต่เมิ่งอี้เซวียนกลับไม่ได้หลับ ขนตายาวเป็นแพกะพริบไหว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เปิดโปงเขา ตีตัวเขาเบาๆ อย่างอดทน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเมิ่งอี้เซวียนก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ดึงมือที่ถูกเขากำแน่นออกมา ได้แต่ถอนหายใจยาว ทบทวนเรื่องในวันนี้ หรือจะเป็นตัวเองที่ทำผิดไปจริงๆ

 

 

คิดมาคิดไป ก็ฟุบหลับไปข้างเตียง

 

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เมิ่งเชี่ยนโยวที่กำลังหลับสนิทรู้สึกว่ามือที่กุมมือตัวเองอยู่นั้น ราวกับหัวแร้งบัดกีที่ถูกเผาจนร้อนระอุ สะดุ้งตกใจตื่น ยื่นมือออกไปทาบหน้าผากเมิ่งอี้เซวียน ตัวร้อนจี๋ตามคาด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดคำสบถ ชักมือของตัวเองออกมา รีบลุกขึ้นออกมาหน้าประตูห้อง ร้องเรียกเหวินเปียวอย่างกระวนกระวาย

 

 

เหวินเปียวกำลังพักผ่อนอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงว้าวุ่นใจของนาง ไม่ทันได้สวมรองเท้าก็วิ่งออกมาถามไถ่ “แม่นาง มีอะไรหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนรนพูด “อี้เซวียนไข้ขึ้น ข้าจะเขียนใบสั่งยา เจ้าจงรีบตามเสี่ยวเอ้อร์ไปจัดยาที่ร้านยามา” พูดจบ ไม่รอเหวินเปียวขานรับ รีบตรงไปหน้าโต๊ะคิดเงินชั้นล่าง พูดกับหลงจู๊พรวดเดียว “ข้าขอยืมกระดาษกับพู่กันของท่านหน่อยเถิด”

 

 

หลงจู๊เห็นท่าทีร้อนรนของนางรีบส่งกระดาษพู่กันในมือให้นาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เขียนใบสั่งยาอย่างว่องไว

 

 

เหวินเปียวกลับเข้าไปใส่รองเท้าในห้อง แล้วรีบเดินตามลงมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมอบใบสั่งยาให้เขา พูดกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอีกด้าน “น้องชายข้าไข้ขึ้น รบกวนเจ้าช่วยพาเขาไปจัดยามาสองสามเทียบ”

 

 

เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้า ก้าวนำหน้าอาดๆ ออกไป เหวินเปียวก็สาวเท้าก้าวตามหลังไป

 

 

“ข้าจะกลับไปดูแลน้องชายที่ห้อง พอพวกเขาจัดยากลับมาแล้ว หลงจู๊ช่วยให้เสี่ยวเอ้อร์นำไปต้มแล้วส่งมาให้พวกเราที่ห้องด้วย” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

หลงจู๊พยักหน้า “เจ้ารีบไปดูแลน้องชายเถอะ ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ข้าจะสั่งเสี่ยวเอ้อร์ให้จัดการเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ จ้ำอ้าววิ่งกลับไปชั้นบน

 

 

เมิ่งอี้เซวียนจับไข้จนพูดเพ้อแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่ง ชุบน้ำในกะละมัง พับเป็นชั้นแล้ววางไว้บนศีรษะเมิ่งอี้เซวียน ทั้งร้องเรียกเขาเบาๆ

 

 

คล้ายว่าเมิ่งอี้เซวียนจะไม่ได้ยิน เอาแต่พูดเพ้อ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคอยใช้มือทาบศีรษะเขา ทั้งนำผ้าขนหนูชุบน้ำวางบนศีรษะเขาใหม่ซ้ำไปซ้ำมา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนจับไข้จนเลอะเลือนแล้ว นอกจากจะเอาแต่พูดเพ้อไม่หยุด ก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าเวลาช่างยาวนาน ยาวนานจนตอนที่นางจะตะโกนร้องด่าเหวินเปียว เสี่ยวเอ้อร์ถึงยกถ้วยยาขึ้นมาพร้อมเหวินเปียว

 

 

ได้ยินเสียงฝีเท้าพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินมาหน้าประตู ออกคำสั่งเหวินเปียว “ยกถ้วยยาเข้ามา”

 

 

เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของนาง คล้ายว่าจะกำลังโกรธ จึงไม่ยืนหยัดอย่างรู้ความ มอบถ้วยยาให้กับเหวินเปียว

 

 

เหวินเปียวได้ยินเมิ่งอี้เซวียนพูดเพ้อลางๆ รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่อยากให้เสี่ยวเอ้อร์ได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน รีบรับถ้วยยาจากมือเสี่ยวเอ้อร์แล้วเดินเข้าไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับเข้ามาในห้อง นั่งบนเตียง โอบร่างท่อนบนของเมิ่งอี้เซวียนขึ้น พิงเข้าหาร่างกายส่วนหน้าของตัวเอง แล้วรับถ้วยยามาจากมือเหวินเปียว พูดกล่อมเสียงแผ่ว “อี้เซวียน อ้าปาก จะได้กินยา”

 

 

ในจิตใต้สำนึกส่วนลึกของเมิ่งอี้เซวียนยังคงเชื่อฟังคำพูดนาง หยุดพูดเพ้อ เผยอปากออก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนำถ้วยยาวางข้างปากเขา ค่อยๆ ป้อนใส่ปากเขาทีละน้อย

 

 

หลังจากดื่มยาหมด เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นถ้วยให้เหวินเปียว สั่งการเขา “ไปขอเหล้าจำนวนหนึ่งจากหลงจู๊มา”

 

 

เหวินเปียวขานรับนำถ้วยยาเดินออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ วางเมิ่งอี้เซวียนลงบนเตียง ห่มผ้านวมให้เขา

 

 

เหวินเปียวนำเหล้าขึ้นมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรินเหล้าลงในถ้วยชา สั่งเหวินเปียวจุดไฟ แล้วให้เขาไปยืนเฝ้าหน้าห้อง ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา

 

 

เหวินเปียวสาวเท้าก้าวออกไปด้านนอก ปิดประตู ยืนเฝ้าด้านนอกเงียบๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเลิกผ้านวมที่ห่มร่างเมิ่งอี้เซวียนออก แล้วถอดเสื้อผ้าของเขาออกอย่างเหนื่อยยาก หยิบถ้วยชาขึ้น ใช้มือจุ่มลงในเหล้าที่ถูกเผาจนร้อน ออกแรงทาถูไปตามแผ่นอกและแผ่นหลังเขาหนึ่งรอบ

 

 

หลังจากทาถูเสร็จ ก็ล้างมือแล้วนำเสื้อผ้าของเมิ่งอี้เซวียนออกมายื่นให้เหวินเปียวที่หน้าประตู “ไปซื้อเสื้อผ้าให้อี้เซวียนตามขนาดของชุดนี้”

 

 

เหวินเปียวขานรับ ถือเสื้อผ้าลงไปชั้นล่างโดยไว

 

 

พอกินยาเข้าไปไม่นานก็ออกฤทธิ์ หน้าผากของเมิ่งอี้เซวียนมีเหงื่อเม็ดโตผุดพรายออกมาไม่ขาด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบผ้าขนหนูอีกผืน นั่งบนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียง บรรจงเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมออกมาให้เขา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนก็ไม่พูดเพ้ออีกแล้ว อาการสงบนิ่งลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถึงโล่งใจขึ้น เสียใจที่ตัวเองเลินเล่อเกินไป ไม่คาดคิดว่าเมิ่งอี้เซวียนจะตกใจจนมีไข้สูงได้

 

 

เวลาเดินผ่านไป กระทั่งไข้ลดไม่เหลือแล้ว เมิ่งอี้เซวียนเริ่มรู้สึกร้อน พยายามเลิกผ้านวมที่คลุมกายออกอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเขาเบาๆ “อี้เซวียน อี้เซวียน”

 

 

ร้องเรียกหลายครั้ง เมิ่งอี้เซวียนถึงงัวๆ เงียๆ ลืมตาขึ้นมองนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงอาการยินดี พูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าจับไข้ เหงื่อออกชุ่มไปทั้งตัว เจ้าอย่าสะบัดผ้าน่วมออก”

 

 

เหมือนเมิ่งอี้เซวียนจะฟังนางเข้าใจ สะลึมสะลือผงกศีรษะ แล้วหลับตานอนสลบไสลไปอีกครั้ง ทว่าไม่ได้เตะผ้านวมออกอีก

 

 

เหวินเปียวเคาะประตูจากด้านนอกสองสามครั้ง “แม่นาง ซื้อเสื้อผ้ามาแล้วขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นเดินออกมาด้านนอก รับเสื้อผ้ามา แล้วกำชับเขา “เจ้าไปบอกเสี่ยวเอ้อร์ต้มโจ๊กเข้ามา ประเดี๋ยวอี้เซวียนฟื้นจะได้เอาให้เขากิน”

 

 

เหวินเปียวรับคำ หันหลังลงไปชั้นล่าง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนำเสื้อผ้าเข้ามาวางในห้อง แล้วกลับไปนั่งบนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียงเช็ดเหงื่อที่ผุดพรายออกมาเต็มหน้าผากให้เขา

 

 

ผ่านไปอีกสองเค่อ ในที่สุดใบหน้าแดงร้อนผ่าวของเมิ่งอี้เซวียนก็คลายลง ลมหายใจค่อยๆ กลับมานิ่งสงบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจโล่งอก ถือผ้าขนหนูยื่นเข้าไปในผ้านวม เช็ดเหงื่อตามร่างกาย เขาจะได้นอนหลับสบายขึ้น

 

 

คล้ายว่าเมิ่งอี้เซวียนยังคงหวาดกลัว คว้ามือที่สอดเข้ามาเช็ดตัวของนางหมับ แล้วเกาะกุมไว้ในมือแน่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักเล็กน้อย กลับไม่ได้ชักมือออก ใช้มืออีกข้างหยิบผ้าขนหนูที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขาออกมา โยนไปที่ขอบโต๊ะ นั่งนิ่งคอยดูเขาบนเก้าอี้เตี้ย

 

 

เหวินเปียวยกโจ๊กที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เขาวางไว้บนโต๊ะ

 

 

เหวินเปียวเห็นเมิ่งอี้เซวียนกลับมาเป็นปกติแล้ว พูดเสียงเบา “แม่นาง ข้าจะดูคุณชายเอง ท่านออกไปกินอะไรบ้างเถิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด