ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 248 จุดพลิกผันของเมิ่งอี้เซวียน (บทแรก)

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 248 จุดพลิกผันของเมิ่งอี้เซวียน (บทแรก) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อ๋องฉีตกตะลึงเล็กน้อย “แม่นางรู้จักข้า?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปิดบัง พูดว่า “เคยได้ยินตี้ซือเอ่ยถึงเจ้าค่ะ” 

 

 

อ๋องฉีหรี่นัยน์ตา ซักถาม “ตี้ซือ? โจวหยวน?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

อ๋องฉียิ่งให้ตื่นตะลึง “เขามิได้เกษียณตัวลากลับบ้านเกิดไปแล้วรึ? เหตุใดถึงมาข้องเกี่ยวกับแม่นางได้?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เขาเป็นพระอาจารย์ของอี้เซวียน ปีที่แล้วระหว่างทางกลับบ้านถูกข้าขวางรั้งไว้” 

 

 

อ๋องฉีมองนางอย่างลึกซึ้ง กล่าวโดยไม่รู้ว่าเป็นความหมายดีหรือร้าย “แม่นางช่างเก่งกล้าสามารถนัก ไม่เพียงปิดบังชาติกำเนิดเซวียนเอ๋อร์มายาวนาน ยังให้โจวหยวนช่วยเจ้าปิดบังได้ด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มอ่อน สีหน้าเรียบเฉย ตอบอย่างไม่ถ่อมตนแต่ก็ไม่แข็งกร้าว “บิดามารดาข้ารักอี้เซวียนดั่งลูกในไส้ หากไม่เพราะคิดถึงอนาคตของเขา เกรงว่ากระทั่งเขาเติบใหญ่ข้าก็ไม่มีวันบอกผู้ใด” 

 

 

อ๋องฉีเริ่มมีอารมณ์ขุ่นเคือง อานุภาพดุดันน่าเกรงขามพุ่งตรงมาที่เมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงแย้มยิ้ม มองเขาอย่างเป็นธรรมชาติ 

 

 

แม้อ๋องฉีจะเคืองขุ่น กลับอดที่จะเลื่อมใสแม่นางน้อยไม่ได้ เขาเคยผ่านการผลัดเปลี่ยนแย่งชิงบัลลังก์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมากลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่ายังไม่จางหายไป หากเขาไม่จงใจควบคุมไว้ แม้แต่เหล่าขุนนางในราชสำนักยังต้องกริ่งเกรงสามส่วน ทว่าแม่นางน้อยตรงหน้านี้กลับไร้สีหน้าหวาดกลัวใดๆ 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรับรู้ได้ถึงอานุภาพดุดันของอ๋องฉี เข้ามาขวางเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว เบิกโพลงดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกันกับเขา มองเขาเงียบๆ 

 

 

อ๋องฉีที่ต้องเผชิญหน้ากับบุตรชายคนโตที่ตนเองยังไม่ทันได้เห็นหน้าก็หายสาบสูญไปตั้งเกิดนั้น ในใจเต็มไปด้วยความละอาย จึงถอนคืนพลังอานุภาพ ยื่นมือออกไปหมายจะลูบศีรษะเขา เมิ่งอี้เซวียนกลับเบี่ยงศีรษะหลบ 

 

 

มือที่ยื่นออกไปของอ๋องฉีคว้าธาตุอากาศ รวดร้าวใจอย่างพูดไม่ออก 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกรงอ๋องฉีจะประดักประเดิด หาทางลงไม่ได้ พูดเสียงเบา “อี้เซวียน ข้ารู้สึกกระหาย เจ้าไปเทน้ำมาให้ข้าหน่อย” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนหันกลับไปพยักหน้าให้ แล้วรีบเดินไปข้างโต๊ะ 

 

 

สาวใช้ที่ยืนอีกด้านคิดจะเข้าช่วย ถูกเขาตวาดห้าม “อย่าขยับ ข้าทำเอง” 

 

 

สาวใช้ไม่กล้าขยับอีก วางมือลงยืนนิ่งในมุมหนึ่ง 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรินน้ำหนึ่งแก้ว ยกขึ้นเป่าเบาๆ รู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนแล้ว ถึงเดินกลับมาข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะประคองนางขึ้นดื่ม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นห่วงบาดแผลที่แขนเขา พูดว่า “ข้าลุกเอง!” ว่าแล้วก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น ทว่ายกตัวขึ้นได้เพียงกึ่งหนึ่งก็หมดแรงล้มนอนลงไปอีกครั้ง 

 

 

“โยวเอ๋อร์!” เมิ่งอี้เซวียนตกใจร้องลั่น รีบวางแก้วน้ำในมือลง ใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บประคองนางขึ้นมาอย่างทุลักทุเล 

 

 

อ๋องฉีมองดูทั้งหมดนี้ ขมวดคิ้วแน่น ชักสีหน้าขรึม 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนประคองนางเสร็จ ยกน้ำมาไว้ตรงหน้านาง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ค่อยๆ ดื่มน้ำจนหมดแก้ว ส่งสายตาให้สาวใช้ข้างๆ มารับแก้วน้ำไป 

 

 

สาวใช้เดินขึ้นหน้า สองมือรับแก้วมาอย่างอ่อนน้อม นำกลับมาวางบนโต๊ะ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เมิ่งอี้เซวียนวางตัวเองลง 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนประคองนางนอนลงบนเตียงด้วยความอ่อนโยน 

 

 

หลังจากนอนดีแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างอ่อนแรง “อี้เซวียน ข้าสลบไปนานเพียงใด?” 

 

 

“หนึ่งวัน” เมิ่งอี้เซวียนตอบเสียงแผ่ว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก พูดว่า “พวกลุงใหญ่จะต้องร้อนใจแย่แล้ว เจ้าบอกพวกเขาแล้วหรือยัง?” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า “พวกเขามาที่นี่แล้ว ลุงใหญ่และพี่เมิ่งเหรินรอเจ้าฟื้นอยู่ในอีกห้องหนึ่ง เหวินเปียวและเหวินหู่ตั้งแต่มาถึงก็คุกเข่าหน้าประตู บอกว่าตนเองคุ้มครองนายไม่ได้ รอรับการลงทัณฑ์หลังจากเจ้าฟื้นแล้ว” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้กระวนกระวายใจ “รีบไปบอกให้พวกเขาลุกขึ้น ขอเพียงพวกลุงใหญ่ไม่เป็นอะไร พวกเขาสองคนก็ถือว่าได้ทำความชอบแล้ว” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนส่ายหน้า “ข้าพูดทัดทานพวกเขาแล้ว พวกเขาดึงดันหาฟังไม่” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งให้กระสับกระส่าย ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นอีกครั้ง 

 

 

น้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจของอ๋องฉีดังขึ้น “ในฐานะทาส ยามที่นายเกิดเรื่องกลับไม่อยู่ข้างกาย คนเช่นนี้สมควรถูกโบยจนตาย ไยแม่นางต้องระทมใจให้กับทาสเช่นนี้ด้วยเล่า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงัก “ในสายตาท่านอ๋อง พวกเขาอาจจะเป็นเพียงทาส แต่ในสายตาข้า พวกเขาคือคนในครอบครัว อีกทั้ง พวกเขาก็มิได้กระทำความผิด ข้าเองที่สั่งพวกเขาให้คอยคุ้มครองพวกลุงใหญ่ไม่ให้คลาดสายตา บัดนี้ลุงใหญ่และพี่ใหญ่ข้าปลอดภัย ถือว่าพวกเขาปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างสมบูรณ์” 

 

 

อ๋องฉีได้ฟังนางพูดว่าทาสคือคนในครอบครัวตัวเอง สีหน้าไม่พอใจ คิดจะพูดบางอย่าง ครั้นเห็นสภาพอ่อนระโหยโรยแรงของนาง จึงไม่ได้พูดออกมา 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งอี้เซวียน “เจ้าจงไปบอกเหวินเปียวและเหวินหู่ บอกว่าข้าฟื้นแล้ว สั่งให้พวกเขาลุกขึ้น เรื่องลงโทษรอให้ข้าหายดีค่อยว่ากันอีกที” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้ เดินออกไปนอกประตู นำคำพูดของนางบอกพวกเขาทั้งสอง 

 

 

เหวินเปียวและเหวินหู่ขานรับคำ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวให้วางใจลง ความง่วงเริ่มโจมตีมาอีกระลอก จึงหันไปยิ้มพูดกับอ๋องฉี “ท่านอ๋อง ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว อยากจะนอนพักก่อน” 

 

 

อ๋องฉีรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บภายในสาหัส สามารถฟื้นขึ้นมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ คงเพราะยังมีห่วงในใจ ตอนนี้เห็นคนในครอบครัวปลอดภัยดี วางใจลงได้เต็มที่แล้ว ความง่วงงุนถาโถมเป็นเรื่องธรรมดา ผงกศีรษะเล็กน้อย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปิดเปลือกตาหนักอึ้ง นอนหลับไปอีกครั้ง 

 

 

ส่วนเมิ่งอี้เซวียนก็คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ห่าง 

 

 

แม้อ๋องฉีจะไม่เห็นด้วย แต่พ่อลูกเพิ่งจะพบหน้า เขาได้แต่คอยสงวนท่าทีเอาใจ ไม่อยากให้เกิดช่องว่างเพราะเรื่องพวกนี้ ยอมตามใจเขาทุกอย่าง 

 

 

อาจเป็นเพราะเห็นทุกคนปลอดภัยดีแล้ว วางใจลงได้เป็นปลิดทิ้ง อาจเป็นเพราะบาดเจ็บสาหัส ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหลับไปถึงสามวันเต็ม ส่วนเมิ่งอี้เซวียนก็คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงสามวันเต็มๆ 

 

 

ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ภายในห้องปกคลุมไปด้วยความสงัดเงียบ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา ลูบศีรษะอี้เซวียน 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนตกใจตื่น เงยหน้าพูดด้วยความยินดี “เจ้าฟื้นแล้ว?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มพยักหน้า 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนร้องตะโกนออกไปด้านนอก “มีใครอยู่บ้าง!” 

 

 

สาวใช้ขานรับคำผลักประตูเข้ามา ย่อเข่าทำความคำนับเมิ่งอี้เซวียน “องค์ชาย!” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนออกคำสั่งนาง “รีบไปตักโจ๊กเข้ามา” 

 

 

สาวใช้รับคำ ถอยออกไป ไม่นานก็ยกโจ๊กหนึ่งถ้วยเข้ามา 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนลุกขึ้น พูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวเสียงละมุน “ข้าจะประคองเจ้าขึ้นมานะ” 

 

 

หลังจากตื่นครั้งนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกเบาสบายตัวขึ้นมาก ความรู้สึกเจ็บปวดในใจก็มลายหายไปสิ้น แย้มยิ้มส่ายหน้าให้เขา ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง รับโจ๊กจากมือเมิ่งอี้เซวียนมาตักกินเอง 

 

 

ไม่ได้มีอาหารตกลงท้องสี่ห้าวัน เมิ่งเชี่ยนโยวให้รู้สึกหิวไม่น้อย กินโจ๊กหนึ่งถ้วยเล็กหมดโดยไว 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนสั่งสาวใช้ให้ไปยกเข้ามาอีกถ้วย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ข้าเพิ่งฟื้น ไม่ควรกินมากเกินไป ให้ข้าพักประเดี๋ยวค่อยกินอีก” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า สั่งสาวใช้ให้คอยอุ่นโจ๊กไว้ เมิ่งเชี่ยนโยวอยากกินอีกเมื่อไหร่ จะได้ยกเข้ามาได้ทันที 

 

 

สาวใช้น้อมรับคำ เก็บถ้วยแล้วถอยออกไปอย่างพินอบพิเทา 

 

 

สาวใช้เพิ่งจะถอยออกไป ฉู่เหวินเจี๋ยก็สาวเท้าก้าวเข้ามา เห็นสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ซีดขาวดังก่อนแล้ว เปล่งเสียงถาม “ตอนนี้แม่นางเมิ่งรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ภายในไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ดีขึ้นมาแล้ว ขอบคุณแม่ทัพฉู่ที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ “เจ้าต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะเซวียนเอ๋อร์ ข้ายังไม่ทันได้ขอบใจเจ้าเลยเล่า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ถาม “ท่านไม่ตำหนิที่ข้าปิดบังเรื่องอี้เซวียนหรือ?” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเปิดใจพูดว่า “เริ่มแรกที่ได้รับข่าวจากหลงจู๊ ข้าตกใจเป็นอย่างมาก โกรธเกรี้ยวขุ่นเคือง อี้เซวียนอยู่ที่บ้านเจ้าแท้ๆ เจ้ากลับไม่ยอมบอกข้า ทว่า พอเห็นเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยเพราะปกป้องอี้เซวียน ความขุ่นเคืองในใจข้าก็ไม่เหลือแล้ว พวกเรารู้จักกันมานาน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนอย่างไร เจ้ามิได้บอกข้าจะต้องมีเหตุผลของตัวเอง อีกทั้งครอบครัวพวกเจ้าก็สั่งสอนอี้เซวียนได้เป็นอย่างดี” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจโล่งอก กล่าวด้วยใจจริง “ขอบคุณท่านแม่ทัพ” 

 

 

หาเมิ่งอี้เซวียนพบแล้ว ภาระหนักอึ้งที่กดทับอยู่ในใจฉู่เหวินเจี๋ยมาสิบกว่าปี ในที่สุดก็วางลงได้ ให้รู้สึกอ่อนเยาว์สบายตัว ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนั้น ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก “แม่นางเมิ่งไยต้องขอบใจข้า เจ้าช่วยทั้งชีวิตข้าและอี้เซวียนไว้สมควรเป็นพวกเราขอบคุณเจ้าถึงจะถูก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มสรวลตามไปด้วย 

 

 

อ๋องฉีวาดเท้าก้าวเข้ามา 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยเก็บคืนรอยยิ้ม ประสานมือคำนับ “ท่านอ๋อง” 

 

 

อ๋องฉีผงกศีรษะเล็กน้อย ถามขึ้น “สืบสาวราวเรื่องไปถึงไหนแล้ว?” 

 

 

“เรียนท่านอ๋อง “ตรวจสอบเรื่องราวได้ความแน่ชัดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นท่านผู้ตรวจการ และท่านข้าหลวงยุติธรรมรวมถึงกรรมการควบคุมการสอบสามคนสมคบคิดกัน ฉวยโอกาสตอนอี้เซวียนเข้าสอบบุกชิงตัวอี้เซวียน นำไปขังไว้ที่เรือนนอกเมือง ม้อเอ้อเร่งพาคนตามมาที่หลัง เสียดายที่พวกเราช้าไปหนึ่งก้าว คนที่ร่วมลงมือชิงตัวถูกพวกเขาฆ่าปิดปากทั้งหมด” ฉู่เหวินเจี๋ยตอบ 

 

 

อ๋องฉีพยักหน้า พูดว่า “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ให้พวกเขาทั้งสามคนมาพบข้าโดยด่วน ข้าจะต้องรู้ให้ได้ ว่าใครกันที่ให้ความกล้าบ้าบิ่นนี้กับพวกเขา? ถึงกับบังอาจมาชิงตัวโอรสข้า” 

 

 

ฉู่เหวินเจี๋ยขานรับคำ เก็บคืนรอยยิ้มบนใบหน้า เดินออกไปพร้อมกลิ่นอายสังหารเข้มข้น 

 

 

อ๋องฉีหันกลับมา “ตอนนี้แม่นางเมิ่งรู้สึกอย่างไรบ้าง?” 

 

 

“ขอบคุณท่านอ๋องฉีที่เป็นห่วง ร่างกายข้าดีขึ้นมากแล้วเพคะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว 

 

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ประเดี๋ยวตอนที่ข้าลงทัณฑ์พวกเขา เจ้าจงเข้ามาดูด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ “ท่านอ๋องลงทัณฑ์ขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เหมาะที่ข้าจะเข้าไปดูกระมังเพคะ” 

 

 

อ๋องฉีมองเมิ่งอี้เซวียนแวบหนึ่ง พูดว่า “เซวียนเอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเจ้ามาตลอด หากเจ้าไม่ออกไป เขาก็คงไปเข้าไปดูเช่นกัน ข้าอยากให้เขารู้ว่า เกิดเป็นเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ จักต้องกระทำการด้วยความเด็ดขาด หากใจอ่อนมีเมตตาแม้เพียงน้อย จะนำภัยมาถึงชีวิตในภายหลังได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากมองไปทางเมิ่งอี้เซวียน 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนมองตอบนาง ถามเสียงเบา “เจ้าอยากให้ข้าไปหรือไม่?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องเขาเขม็ง อึดใจหนึ่ง แล้วพยักหน้า 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนสีหน้าเรียบเฉย ลุกขึ้นยืน หยิบรองเท้าใต้เตียงมาจ่อเท้านาง พูดว่า “ให้ข้าช่วยเจ้าสวมรองเท้า แล้วประคองเจ้าออกไปนะ” 

 

 

อ๋องฉีร้องพูดอย่างไม่เห็นด้วย “เซวียนเอ๋อร์!” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนทำเป็นไม่ได้ยิน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหดเท้ากลับ พูดว่า “ข้าทำเองเถอะ!” 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรั้นจับเท้านางออกมา ช่วยนางสวมรองเท้าอย่างทะนุถนอม 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักอึ้งมองเขา รู้สึกว่าเขามีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่พูดไม่ออกว่าคือตรงไหน 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด