ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 246-1 โยวเอ๋อร์ เจ้าไปซะ!

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 246-1 โยวเอ๋อร์ เจ้าไปซะ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวกลั้นลมหายใจ หลบหลังต้นไม้ไม่ไหวติง 

 

 

หัวหน้าม้อขมวดคิ้ว ตวัดมือ ลำแสงสะท้อนวาบ มีดเล็กเล่มหนึ่งพุ่งเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

ไม่อาจหลบเลี่ยง เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นไปบนกำแพง พลิกตัวตกลงเบื้องหน้าหัวหน้าม้อพอดี 

 

 

พอเห็นว่าเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง หัวหน้าม้อผงะเล็กน้อย ขมวดคิ้วร้องคำรามเสียงต่ำ “นังตัวดีไม่รู้จักที่ตายที่ไหน กล้ามาแอบฟังพวกเราพูดคุยกัน?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ตอบ ร่างขมวดเกร็ง จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ 

 

 

หัวหน้าม้อไม่รู้สึกถึงพลังภายในของนาง ให้คลายความระแวดระวัง ร้องจิ๊ๆ พูดว่า “ช่างเป็นเด็กสาวที่พริ้มเพราหมดจดนัก เสียแต่ว่า เจ้าแอบฟังพวกเราสนทนากัน วันนี้จักต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว” 

 

 

พูดจบ ถอยออกมาสองก้าว โบกมือไปด้านหลัง 

 

 

ม้อซื่อก้าวมาข้างหน้า คิดจะจัดการเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ถอยกลับเดินขึ้นหน้า เกิดลำแสงในมือสะท้อนวาบ ม้อซื่อยืนนิ่งอยู่กับที่ 

 

 

หัวหน้าม้อรู้สึกผิดปกติ ร้องตวาดลั่น “ม้อซื่อ!” 

 

 

ม้อซื่อร่างล้มคว่ำไปเบื้องหน้า ฟุบแน่นิ่งไปกับพื้น ไร้ซึ่งล้มหายใจแล้ว 

 

 

ม้อซื่อมีวรยุทธ์ไม่ด้อย ไม่คิดว่าเพียงกระบวนท่าเดียว เด็กสาวก็สามารถปลิดชีวิตเขาได้ หัวหน้าม้อตกตะลึง เก็บคืนความคิดดูแคลนนาง น้ำเสียงแฝงการสำรวจสืบสวน “เจ้าเป็นใคร? มาที่นี่เพื่ออะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด จ้องเขาเขม็ง 

 

 

หัวหน้าม้อหรี่นัยน์ตาลง ประเมินมองนางอย่างละเอียด 

 

 

ทั้งสองต่างไม่ไหวติง 

 

 

ผู้ชายในลานเรือนเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวปลิดชีพม้อซื่อได้ในกระบวนท่าเดียว ให้เกิดความประหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อย ผู้ชายสองคนที่ยืนเฝ้าประตูเรือนด้านในสองคนและผู้ชายที่เฝ้าเมิ่งอี้เซวียนล้อมเข้ามา ตีวงล้อมนางไว้กลางลานเรือน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจพวกเขา เพียงมองหัวหน้าม้ออย่างตื่นระวัง 

 

 

หัวหน้าม้อฆ่าคนเป็นประจำ รอบกายอบอวลไปด้วยพลังสังหาร คนทั่วไปเห็นเขาจะตกใจตัวสั่น แต่เมิ่งเชี่ยนโยวที่อยู่เบื้องหน้าเขากลับไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย 

 

 

แม้จะเป็นศัตรู หัวหน้าม้อก็ยังให้รู้สึกเลื่อมใสเมิ่งเชี่ยนโยว เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งกลับสงบนิ่งแน่วแน่ต่อหน้าเขาได้เช่นนี้ 

 

 

หัวหน้าม้อเอ่ยปากพูด น้ำเสียงเ**้ยมอำมหิต คนที่ได้ยินต่างตัวสั่นสะท้าน “นังตัวดี แม้เจ้าจะมีวรยุทธ์สูง แต่วันนี้อย่าหวังจะได้ออกไปจากเรือนแห่งนี้ หากเจ้ายังรู้ความ ก็ล้มเลิกความคิดขัดขืน ข้าจะให้เจ้าจากไปอย่างสบาย ไม่เช่นนั้น เกรงว่าเจ้าจะต้องตายอย่างทรมาน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวสีหน้าเรียบเฉย แสยะยิ้มอ่อน “เช่นนั้นก็ลองดู กวางตายในมือใคร[1] ยังไม่แน่หรอก” 

 

 

หัวหน้าม้อเปล่งน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “วาจาสามหาวนัก! วันนี้ข้าจะดูว่าเจ้ามีความสามารถมากแค่ไหน” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ต่อปากอีก จ้องมองเขาเขม็ง ในมือถือกริชงามเล่มหนึ่ง 

 

 

หัวหน้าม้อโบกมือ ชายสองคนที่ล้อมนางไว้ หยิบอาวุธในมือตรงเข้าหานางทันที 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงตัวหลบหนึ่งคนในนั้น ไถลร่างต่ำลอดผ่านขาชายอีกคน กริชในมือตัดฉับขาส่วนน่องของชายคนนั้นไปด้วย 

 

 

ชายคนนั้นหวีดร้อง ทิ้งอาวุธในมือ กุมน่องเปลือยเห็นกระดูกขาวนอนกลิ้งเกลือกไปมา 

 

 

ชายกำยำอีกคนชะงักอึ้ง ไม่รอให้เขาได้สติกลับมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ถีบตัวลุกขึ้น พุ่งเข้าไปเบื้องหน้าเขา กริชในมือฟันฉับพาดผ่านลำคอ ชายกำยำเบิกตาโพลง มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา หันมาจ้องหัวหน้าม้อตาไม่กะพริบ 

 

 

ชายกำยำด้านหลังล้มตึงเสียงดังสนั่น เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แยแส ยังคงจับจ้องหัวหน้าม้อ 

 

 

พวกชายกำยำเห็นทั้งหมดนี้ให้หวาดหวั่นพรั่นกลัวหาใดเทียบ พวกเราต่างนึกว่าเมื่อครู่ม้อซื่อประมาทคู่ต่อสู้ ถึงถูกนางสังหารได้ แต่ครั้งนี้ ชายกำยำทั้งสองคนเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี กลับมีคนหนึ่งเจ็บคนหนึ่งตายภายในสองกระบวนท่า การออกอาวุธของนางก็แปลกประหลาด ไม่อาจคาดเดากระบวนท่าของนางได้เลย 

 

 

หัวหน้าม้อก็แสดงสีหน้าตกตะลึง เขาสัมผัสได้ว่าชัดแจ้งว่าเด็กสาวผู้นี้ไร้ซึ่งกำลังภายใน เหตุใดถึงทำร้ายคนของตัวเองสองคนได้ในสองกระบวนท่า 

 

 

ชายสองคนที่เฝ้าเมิ่งอี้เซวียนอยู่ภายในห้อง ได้ยินเสียงชายกำยำกรีดร้องเจ็บปวด ออกมาดูอย่างทนไม่ไหว ตอนที่เห็นว่าเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งในลานเรือน ก็ตื่นตะลึงถลึงตาโต 

 

 

ชายกำยำร้องโหยหวนเสียงลั่น ท่ามกลางราตรีสงบเสียงดังสะท้อนไปไกล หัวหน้าม้อขมวดคิ้ว หันไปโบกมือให้ชายกำยำด้านหลังเมิ่งเชี่ยนโยว ชายกำยำเข้าใจทันที เดินมาข้างชายที่ร้องโหยหวน ยกดาบฟันฉับ ชายกำยำที่ได้รับบาดเจ็บไร้ซึ่งเส้นเสียง 

 

 

คนอื่นๆ ราวกับเห็นเหตุการณ์เช่นนี้จนชินตาแล้ว สายตาไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย 

 

 

ลานเรือนเงียบสงบแล้ว 

 

 

หัวหน้าม้อหรี่ตามองนางครู่หนึ่ง ประเมินว่านางมีวรยุทธ์ร้ายกาจเพียงใด 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ขยับ มองเขาอย่างตื่นระวัง 

 

 

หัวหน้าม้อโบกมือกะทันหัน ชายกำยำพลันกระโดดลอยเข้ามา เข้าล้อมนางไว้ตรงกลางพร้อมกับชายกำยำที่เหลืออีกสองคน 

 

 

หัวหน้าม้อเปล่งเสียงเ**้ยมอำมหิต “พวกเจ้าจงปลิดชีพนาง หากทำไม่ได้ ฆ่าตัวตายชดใช้ความผิด” 

 

 

“ขอรับ ท่านหัวหน้า” ชายกำยำขานรับคำ ทะยานเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมกัน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวป้องซ้ายหลบขวา รับมือคนทั้งหมดอย่างมั่นคง ไม่สับสนลนลาน 

 

 

เหล่าชายกำยำติดตามหัวหน้าม้อมาหลายปี วรยุทธ์ไม่ด้อย อีกทั้งพวกเขามีสติแน่วแน่ เมิ่งเชี่ยนโยวจึงหาโอกาสลงมือไม่ได้ 

 

 

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันหนึ่งเค่อ เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกแรงกำลังเริ่มถดถอย ลอบคิดหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะต้องพ่ายแพ้ให้พวกเขา ในตอนที่จิตใจวอกแวกนี้ ชายกำยำคนหนึ่งเล็งเห็นจังหวะเหมาะ ยกดาบฟันมาที่แขนนาง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้สติ พลิกตัวกลับ หลบคมดาบไปได้อย่างหวุดหวิด กลับถูกปลายดาบฝากรอยแผลรอยหนึ่งไว้บนแขน 

 

 

ชายกำยำทั้งหมดเห็นนางได้รับบาดเจ็บ เกิดความฮึกเหิม พร้อมกันเพิ่มความเร็วจู่โจมนาง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มรู้สึกไร้เรี่ยวแรง พลาดพลั้งลื่นไถล ชายกำยำกระโจนตะปบใส่ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัว ชายกำยำกระโจนคว้าลม หมายจะกระโจนใส่อีกครั้ง กริชในมือเมิ่งเชี่ยนโยวก็มาจ่อตรงหน้าเขา 

 

 

ชายกำยำตกใจชะงัก กริชของเมิ่งเชี่ยนโยวกรีดพาดกลางใบหน้าเขา ใบหน้าชายกำยำแยกออกเป็นสองส่วนทันที 

 

 

ชายกำยำกรีดร้องเสียงหลง ความเจ็บปวดนั้น ทำเอาคนที่เหลือได้ยินแล้วหัวใจสั่นสะท้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รอช้า ฉวยโอกาสที่คนอื่นผงะอึ้ง เข้าทำร้ายอีกสองคนติด 

 

 

ลานเรือนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน 

 

 

หัวหน้าม้อขมวดคิ้ว ร้องตวาดลั่น “พวกเจ้าถอยไปให้หมด!” 

 

 

ชายกำยำที่เหลือรีบลากชายกำยำที่ได้รับบาดเจ็บถอยไปอยู่อีกด้าน 

 

 

หัวหน้าม้อเหล่มองพวกเขาแวบหนึ่ง แม้พวกเขาจะทำใจไม่ได้ แต่ก็ยกดาบฟันฉับ ปลิดชีพชายที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสามคน 

 

 

หัวหน้าม้อเปล่งเสียงพูด “นังตัวดี เจ้าสังหารคนของข้าไปหลายคนแล้ว เจ้าหมายมุ่งสิ่งใดกันแน่?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพ่นออกมาเบาๆ หนึ่งคำ “ช่วยน้องชายข้า!” 

 

 

หัวหน้าม้อขมวดคิ้วย้อนถาม “น้องชายเจ้า?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดสายตาไปทางห้องที่เมิ่งอี้เซวียนอยู่ 

 

 

หัวหน้าม้อเข้าใจพลัน “เด็กคนนั้นเป็นน้องชายเจ้า?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปาก ไม่ตอบความ 

 

 

หัวหน้าม้อหัวเราะร่วน “น่าสนใจ นังตัวดี คิดว่าเจ้าคงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร หากเจ้ารู้ คงไม่กล้าพูดเช่นนี้ แต่น่าเสียดาย พวกเราเก็บเขาไว้ยังมีประโยชน์อื่น ยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้ แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ข้ากำลังจะส่งเจ้าไปปรโลก เมื่อเจ้าพบท่านพญายมราชอย่าได้ฟ้องความข้า จะโทษก็โทษที่ในตอนนั้นพวกเจ้าอยากเก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยงเอง แต่วางใจได้ บนเส้นทางนรกภูมิเจ้าจะไม่เดียวดาย อีกไม่นานคนในครอบครัวเจ้าก็จะไปอยู่กับเจ้าด้วย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่พูด 

 

 

หัวหน้าม้อทำสมาธิ ขับเคลื่อนลมปราณ เมิ่งเชี่ยนโยวพลันรู้สึกว่าอวัยวะถูกบีบอัดจนหายใจไม่ออก ถอยหลังไปหลายก้าว 

 

 

หัวหน้าม้อเก็บคืนกำลังภายใน ฉวยโอกาสตอนที่นางถอยหลัง รุกฆาตไปข้างหน้า ยื่นมือหมายจะคว้าลำคอนาง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังก้าวถอยหลังไม่หยุด วาดกริชในมือถูกมือของเขาอย่างจัง 

 

 

หัวหน้าม้อตกใจ ชักมือกลับคืน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวล้มถลาไปกับพื้น ไถลร่างเตรียมโจมตีกลับ 

 

 

หัวหน้าม้อที่เฝ้าดูมานาน คล้ายว่าจะพอเข้าใจกระบวนท่าการออกอาวุธของนาง กระโดดลอยตัว หลบพ้นการโจมตีของนาง 

 

 

โจมตีไม่สำเร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดลอยตัว ถือกริชเข้าจู่โจมหัวหน้าม้อที่เพิ่งจะลงสู่พื้น 

 

 

หัวหน้าม้อถอยหลังอย่างทุลักทะเล เมิ่งเชี่ยนโยวเดินต้อนไม่หยุด 

 

 

หัวหน้าม้อไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะจัดการยาก ร่างอยู่ห่างจากนางเพียงคืบ ใช้กริชโจมตีอย่างว่องไว แต่ละครั้งล้วนพุ่งเป้าหมายมุ่งชีวิต ภายใต้ความคับขัน ชักดาบอ่อนข้างเอวออกมา สกัดให้นางออกห่าง ถึงพอจะมีเวลาหายใจได้บ้าง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอยไปสองก้าว ออกห่างจากขอบเขตดาบอ่อนของเขา หายใจหอบเล็กน้อย ยังคงชักสีหน้านิ่ง 

 

 

 

 

 

 

 

 

[1] 鹿死谁手 เป็นสำนวนหมายความว่า สุดท้ายแล้วอำนาจและชัยชนะจะตกอยู่ในมือผู้ใดก็ยังไม่มีใครรู้ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด