ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 159.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 159.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บันดาลโทสะ

 

 

 

 

เมิ่งเสียวเถี่ยก็กำลังลากขาข้างหนึ่งทำงาน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาพูดขึ้น “ฉีเอ๋อร์บอกให้ข้าไปซื้อผักในเมืองกับเขา ข้าคิดดูแล้ว ข้าไม่ไปจะดีกว่า ข้าอยู่ในเมืองมาหลายปี เที่ยวอวดโอ้บารมีรังแกคนไปทั่ว ถ้ามีคนจำได้ จะสร้างความยุ่งยากให้พวกเจ้าเปล่าๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เรื่องนี้ข้าไม่เกี่ยว เมื่อท่านรับปากพี่รองแล้ว ท่านก็ต้องไป หากท่านไม่อยากไป ท่านก็ไปบอกเขาเอง เรื่องซื้อกับข้าวข้ามอบให้เขาตัดสินใจเองหมดแล้ว ตอนนี้ข้ามีหน้าที่ออกคำสั่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดอีก” 

 

 

เมิ่งเสียวเถี่ยจนใจ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพาเหวินเปียวเดินกลับ พูดกับเขา “พวกเจ้าพยายามอย่าพูดสถานะในอดีตของตัวเองกับคนในหมู่บ้าน หากมีคนอยากรู้อยากเห็นถามพวกเจ้า เจ้าก็บอกว่าครอบครัวประสบเคราะห์กรรม ทั้งครอบครัวเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด จำต้องขายตัวเป็นทาส” 

 

 

เหวินเปียวรับคำอย่างนอบน้อมแล้วถาม “แม่นางไม่อยากรู้ว่าพวกเรากระทำความผิดใด เหตุใดถึงถูกตัดสินเป็นทาสหลวงหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “เรื่องในอดีตของพวกเจ้า ข้าไม่อยากรู้ และไม่จำเป็นต้องรู้ เจ้าจำไว้เพียงว่าตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้าก็พอ” 

 

 

เหวินเปียวพยักหน้าหนักแน่น 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นอีก “ยังมี ให้พวกเจ้าใช้ชื่อแซ่เดิม เปลี่ยนมาเปลี่ยนไปยุ่งยาก” 

 

 

เหวินเปียวไม่คิดว่าตนเองและคนในครอบครัวจะยังรักษาชื่อแซ่เดิมของตัวเองไว้ได้ หากไม่ได้อยู่กลางถนน เขาแทบอยากคุกเข่าให้เมิ่งเชี่ยนโยว พร่ำพูดไม่หยุดปาก “ขอบคุณแม่นางๆ” 

 

 

เหวินเปียวกลับมาที่พัก บอกข่าวดีนี้กับทุกคน คนทั้งหมดต่างดีอกดีใจ โชคดีที่ได้มาเจอนายหญิงดี 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาบ้านตัวเอง เห็นหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนและเมิ่งชื่อเย็บผ้าห่มเสร็จหลายผืนแล้ว จึงพูดสัพยอกพวกเขา “วันนี้ทำพวกท่านเสียเวลาเย็บกระเป๋านักเรียน พวกท่านไม่ว่าอะไรนะ?” 

 

 

ผู้หญิงทั้งหมดรีบโบกมืออุตลุด พูดว่า “ที่ไหนกัน ได้ช่วยนายหญิงทำอะไรบ้างพวกเราดีใจเสียไม่ว่า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “แม้จะพูดเช่นนี้ ข้าจะให้พวกท่านช่วยเปล่าๆ ไม่ได้ เอาอย่างนี้ ถือว่าวันนี้เป็นหนึ่งวันทำงานของพวกท่าน ทุกคนได้รับเงินค่าแรงคนละสามสิบอีแปะ” 

 

 

ผู้หญิงคนหนึ่งพูด “ไม่ได้ๆ พวกเราทำงานเพียงครึ่งวัน จะรับค่าแรงหนึ่งวันได้อย่างไร” 

 

 

ผู้หญิงที่เหลือก็เห็นพ้อง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ตอนนี้พวกท่านเย็บกระเป๋านักเรียน ได้คนละห้าสิบอีแปะต่อวัน ครึ่งวันก็คือยี่สิบห้าอีแปะ บวกกับช่วงเวลาตอนเช้า ให้พวกท่านสามสิบอีแปะคิดคำนวณแล้วข้ายังเอาเปรียบพวกท่านอยู่เลย” 

 

 

เมิ่งชื่อก็พูดสมทบ “พวกเจ้าไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ไม่เช่นนั้นครั้งหน้าหากมีเรื่องอะไรจะไม่กล้าขอให้พวกเจ้าช่วยแล้ว” 

 

 

ผู้หญิงทั้งหมดได้ยินเมิ่งชื่อพูดเช่นนี้ ก็ไม่บอกปัดอีก 

 

 

ซุนเหลียงไฉถือแมลงปอไม้ไผ่วิ่งเหงื่อโทรมกายออกมาจากลานใหญ่ เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงบุ้ยปากเดินตามหลัง พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบฟ้อง “ท่านพี่ เขาถือแมลงปอไม้ไผ่คนเดียวไม่ยอมให้พวกเราเล่น” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองซุนเหลียงไฉเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม 

 

 

ซุนเหลียงไฉรีบวางแมลงปอไม้ไผ่ใส่มือเมิ่งเจี๋ย “ให้เจ้า เอาไปเล่น” 

 

 

เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงไชโยโห่ร้อง เล่นแมลงปอไม่ไผ่อย่างสนุกสนานในลานโล่ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “เมื่อเจ้าว่างไม่มีอะไรทำพอดี ไปเอาการบ้านมาให้ข้าตรวจหน่อย” 

 

 

ซุนเหลียงไฉทำการบ้านเสร็จแล้ว ย่อมไม่กลัวการตรวจสอบ กลับเข้าบ้านไปเอาการบ้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถือโอกาสหยิบไม้กระบองเรียวเล็กที่วางข้างประตูเดินตามเข้าไป 

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกำลังอ่านหนังสือกลอน เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวถือไม้กระบองเข้ามา มองซุนเหลียงไฉอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น 

 

 

ซุนเหลียงไฉยังไม่รู้ตัว หยิบการบ้านทั้งหมดออกมาอย่างหน้าชื่นตาบาน พูดว่า “เจ้าตรวจเถอะ” แต่พอเห็นไม้กระบองในมือเมิ่งเชี่ยนโยวร่างก็สั่นผับๆ ร้องอย่างไม่พอใจ “เจ้าถือมันมาทำอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเคาะไม้กระบองในมือสองครั้ง แสร้งถามอย่างอำมหิต “เจ้าว่าอย่างไรเล่า?” 

 

 

ซุนเหลียงไฉกลับยืดอกพูด “ข้าทำการบ้านเสร็จตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าจะตีข้าไม่ได้” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจเขา นั่งบนเก้าอี้ เปิดหนังสือกลอน ให้เขาท่องกลอนประโยคที่นางบอก 

 

 

ซุนเหลียงไฉก็ลงแรงไปไม่น้อยจริงๆ ไม่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้เขาท่องบทไหน เขาก็สามารถท่องออกมาได้ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าพอใจ “ไม่เลว” 

 

 

ซุนเหลียงไฉมองไม้กระบองในมือนางพูดอย่างลำพอง “แน่อยู่แล้ว ข้าจะไม่ให้เจ้ามีโอกาสตีข้าได้อีก” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ 

 

 

ตอนกลางคืนเมิ่งเอ้ออิ๋นกลับมาบ้าน ก็ตื่นเต้นดีใจ เอาแต่พูดว่าพรุ่งนี้จะได้ปลูกเรือนแล้ว 

 

 

เมิ่งชื่อก็ดีใจตามไปด้วย ถามว่า “พ่อเอ๊ย ข้าควรจะไปช่วยสักสองสามวันหรือไม่?” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นโบกมือ “ไม่ต้อง ครั้งนี้เรามีคนมาก ล้วนแต่เป็นคนทำงานเป็น เจ้าเย็บกระเป๋านักเรียนอยู่ในบ้านอย่างสบายใจเถอะ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ไม่ว่าอะไรดอก” 

 

 

เมิ่งชื่อจึงล้มเลิกความคิดจะไปช่วย 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวฉวยโอกาสนี้พูดกับเมิ่งเอ้ออิ๋นเรื่องที่ตัวเองซื้อคนสิบกว่าคนกลับมา 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ยินตื่นตกใจถาม “บ้านพวกเราไม่ขาดคน เจ้าซื้อคนกลับมามากเช่นนี้ทำอะไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอธิบาย “ต่อไปคนทั้งหมดของครอบครัวเราจะยุ่งหัวไม่วางหางไม่เว้น การส่งพวกอี้เซวียนไปโรงเรียนจึงเป็นปัญหาใหญ่ ข้าเห็นเหวินเปียวรู้วรยุทธ์ จึงซื้อพวกเขาทั้งครอบครัวไว้ ที่สำคัญก็คือ ครอบครัวพวกเขาน่าเวทนามาก เด็กหลายคนกำลังจะถูกขายไป ข้าทนไม่ได้ ก็เลยซื้อพวกเขามาทั้งหมด” 

 

 

พอได้ยินว่ายังมีเด็ก เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ไม่ตำหนิว่านางอีก พูดว่า “ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ตอนนี้ครอบครัวเราก็ไม่อัตคัดถ้าจะมีคนมากินข้าวเพิ่ม” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนึกว่าจะต้องพูดปากเปียกปากแฉะกว่านี้ ไม่คิดว่าเมิ่งเอ้ออิ๋นก็จะยอมรับง่ายๆ ดีใจลิงโลด ร้องพูดเสียงดังลั่น “ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านดีที่สุดเลย!” 

 

 

สองสามีภรรยาเมิ่งขบขันหัวเราะร่วน 

 

 

หลังจากหัวเราะ เมิ่งเอ้ออิ๋นก็ถามขึ้น “วันนี้บ่ายเจ้าพูดอะไรป้าใหญ่ ข้าเห็นหลังจากที่เจ้าออกไปจากที่ดิน นางก็เอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด” 

 

 

อารมณ์รื่นเริงของเมิ่งเชี่ยนโยวพลันหดหาย รอยยิ้มก็จางหายไปด้วย 

 

 

เมิ่งชื่อเห็นท่าทีเกิดเรื่องขึ้นอย่างชัดแจ้งของนาง ถามอย่างเป็นห่วง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกยอรอยยิ้มขึ้นอีกครั้งพูดกับคนทั้งสอง “เกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยกับพี่เมิ่งเหริน ไม่เป็นอะไรมาก อีกประเดี๋ยวข้าจะไปหาท่านปู่และลุงใหญ่ ไปถามความคิดเห็นพวกเขา แล้วค่อยมาเล่าให้พวกท่านอย่างละเอียด” 

 

 

เมิ่งเหรินเป็นความหวังของสกุลเมิ่งมาตลอด ทุกคนในครอบครัวต่างเฝ้ารอวันที่เขาเป็นใหญ่เป็นโต สร้างชื่อเสียงให้วงศ์สกุล พวกเขาจะได้เชิดหน้าชูตาไปด้วย ดังนั้นไม่ว่าครอบครัวจะลำบากเพียงใด ก็ไม่เคยให้เขาต้องเสียเวลาเลยสักวัน ตอนนี้มารู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเขา เมิ่งเอ้ออิ๋นเริ่มกระวนกระวาย ถามขึ้น “เช่นนั้นตอนบ่ายทำไมเจ้าถึงไม่ไปพูดกับท่านปู่ เสียเวลาเหรินเอ๋อร์ไปหนึ่งวันเต็มๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าสำหรับสกุลเมิ่ง เมิ่งเหรินมีความสำคัญมากแค่ไหน และเข้าใจถึงความทุรนทุรายใจของเมิ่งเอ้ออิ๋น พูดจริงจัง “ข้าคิดว่าเรื่องของพี่เมิ่งเหรินควรให้เขาเป็นคนพูดกับท่านปู่เอง ดังนั้นพอกลับมาบ้านข้าถึงไม่พูดออกมาทันที แต่เวลาล่วงเลยมานานแล้ว เขากลับไม่มีความเคลื่อนไหว ข้าจึงต้องเป็นคนไปทำเรื่องน่าขยะแขยงนี้ พูดเรื่องทั้งหมดของเขาออกมา ให้ท่านปู่และลุงใหญ่ตัดสินใจเอง” 

 

 

ได้ฟังนางพูดเช่นนี้ เมิ่งเอ้ออิ๋นตกใจตัวลอย ถามขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างนั้นหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เรื่องไม่ใหญ่ จะใหญ่ก็ตรงท่าทีของพี่เมิ่งเหริน” 

 

 

สองสามีภรรยาเมิ่งยิ่งทวีความกังขา เมิ่งเอ้ออิ๋นคิดจะถามอีก เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “อีกประเดี๋ยวท่านไปบ้านใหญ่กับข้าด้วยเถอะ ถึงที่นั่นท่านจะเข้าใจทุกอย่างเอง” 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นสะกดความว้าวุ่นในใจ กินข้าวอย่างเลื่อนลอย ไม่รอให้เมิ่งชื่อเก็บกวาดเสร็จ ก็เร่งเร้าเมิ่งเชี่ยนโยวให้รีบไปบ้านใหญ่ 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องเรียกเมิ่งเสียน ทั้งสามพร้อมหน้ามาที่บ้านใหญ่ 

 

 

ตั้งแต่บ่ายหลังจากที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนั้น หัวใจของภรรยาเมิ่งต้าจินก็ไม่เป็นสุข ตอนค่ำรีบกลับไปทำอาหารแต่หัววัน หลังจากทั้งครอบครัวกินเสร็จ ก็ล้างจาน แล้วนั่งรอเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ 

 

 

หญิงชราเมิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของนาง ถามขึ้น “สะใภ้ต้าจิน เจ้ามีเรื่องอะไรในใจ?” 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินฝืนยิ้มแข็งๆ พูดว่า “ไม่มี โยวเอ๋อร์บอกว่าอีกประเดี๋ยวจะเข้ามา ข้ากำลังรอนางอยู่” 

 

 

หญิงชราเมิ่งได้ยินก็วางใจ พูดว่า “โยวเอ๋อร์จะต้องเข้ามาเรื่องการแต่งงานของเหรินเอ๋อร์ เด็กคนนี้ ลำบากนางต้องเป็นเดือนเป็นร้อนแทนเหรินเอ๋อร์ไม่น้อย” 

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินยิ้มแหยๆ ไม่พูดอะไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด