ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 210 เปาอีฝานที่ไม่เดินตามแผน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 210 เปาอีฝานที่ไม่เดินตามแผน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มีความเป็นไปได้สองแบบ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “แบบที่หนึ่งพวกเขาฆ่าสาวใช้และบ่าวรับใช้ แล้วลอบลักพาตัวพวกท่านไปทั้งครอบครัว ส่วนอีกแบบหนึ่งคือพวกเขาฆ่าล้างพวกท่านหมดทั้งศาลาว่าการ”

 

 

เปาชิงเหอตะลึงงัน “อย่างไรข้าก็เป็นบิดาแห่งประชาราษฎร์ ใครกันที่บังอาจเ**้ยมหาญ กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ได้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววิเคราะห์ “เช่นนั้นท่านใต้เท้าเปาคงต้องคิดให้ดีแล้ว เจ็ดปีก่อนพวกเขาก็เริ่มส่งชิวผิงมาดักซุ่มอยู่ข้างกายพวกท่าน จักต้องไม่ใช่คนธรรมดาที่ท่านไปล่วงเกินเข้า น่าจะเชื่อมโยงท่านไปถึงเรื่องใหญ่บางอย่าง พวกเขาถึงคิดจะอาศัยเรื่องที่ท่านทำเป็นทางผ่าน เพื่อควานหาเบาะแส ตอนนี้ไม่ว่าพวกเขาต้องการจะลอบลักพาตัวพวกท่าน หรือฆ่าพวกท่านทิ้ง คงเพราะเรื่องที่เกี่ยวโยงกันมีเค้าลางแล้ว หรือไม่พวกเขาก็แน่ใจเรื่องบางอย่างแล้ว กลัวว่าจากนี้ไปการมีอยู่ของท่านจะขัดขวางพวกเขา ถึงได้เกิดแผนการนี้ และเลือกที่จะลงมือตอนกลางคืน แม้ฟ้าสางแล้ว มีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ก็ไม่ทันการ พวกเขาต่างหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว”

 

 

สิ้นเสียงนาง เปาชิงเหอหรี่นัยน์ตาลง

 

 

สีหน้าเปาอีฝานเริ่มมีอาการปรวนแปร

 

 

สองพ่อลูกหันสบตากัน คล้ายว่าจะคิดอะไรขึ้นได้พร้อมกัน ขมวดคิ้วแน่น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบสังเกตความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอาการของพวกเขา

 

 

อึดใจหนึ่งเปาชิงเหอถึงพูดว่า “หากเป็นอย่างที่แม่นางพูดจริงๆ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ควรทิ้งเจ้าหน้าที่ไว้ในศาลาว่าการ ให้พวกเขาต้องเสี่ยงเสียชีวิตไปโดยเปล่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร พลันลุกขึ้นยืนพูดว่า “เรื่องรายละเอียดการเตรียมการ ท่านใต้เท้าเปาปรึกษากับคุณชายเปาเถิด ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ขอตัวกลับไปพักผ่อนแล้ว”

 

 

เปาชิงเหอสะท้อนแววตาชื่นชม และมิได้ดึงรั้ง พูดว่า “ข้าจะให้บ่าวส่งเจ้ากลับไปที่เรือน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ

 

 

เปาชิงเหอร้องเรียกคน “เด็กๆ!”

 

 

บ่าวรับใช้ที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกขานรับแล้วเข้ามา

 

 

เปาชิงเหอสั่งกำชับเขา “พาแม่นางเมิ่งไปพักผ่อนยังห้องที่จัดเตรียมไว้แล้ว บอกสาวใช้ให้ดูแลนางเป็นอย่างดี”

 

 

บ่าวรับใช้ขานรับ เปิดประตูห้องหนังสือให้เมิ่งเชี่ยนโยว พานางออกมาด้วยความระวัง แล้วงับประตูอย่างเบามือ พานางไปยังเรือนรับรอง

 

 

สาวใช้เข้ากะยามนี้เห็นพวกเขาเข้ามา รีบเข้าไปต้อนรับ บ่าวรับใช้ถ่ายทอดคำพูดของเปาชิงเหอ สาวใช้ได้ฟังยิ่งไม่กล้ารอช้า ผลุนผลันออกไปตักน้ำมาให้เมิ่งเชี่ยนโยวชำระล้าง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวอาบน้ำเสร็จ ล้มตัวนอนบนเตียง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

 

 

พอเมิ่งเชี่ยนโยวจากไป เปาชิงเหอก็พูดว่า “หากแม่นางเมิ่งวิเคราะห์ได้ถูกต้อง พวกเขาจะต้องมาเพราะเรื่องที่นายท่านฝากฝังไว้ น่าจะเกี่ยวข้องกับที่ก่อนหน้านี้มีคนใช้แผ่นหยกมาขึ้นเงินที่ตำบลชิงซี พวกเขาคงจะกลัวพวกเราช่วยนายท่านทำเรื่องนี้สำเร็จ ขัดขวางเรื่องของพวกเขา ถึงลงมือกับพวกเราอย่างโหดเ**้ยม”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนี้ ดังนั้นไม่ว่าคืนพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร พวกเราก็ไม่ควรปล่อยเจ้าหน้าที่ไว้ที่นี่ นอกจากจะกลัวพวกเขาต้องมาจบชีวิตไปโดยเปล่า เรื่องนั้นก็ยิ่งแพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด ทางที่ดีที่สุดคือให้องครักษ์หลวงปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ แยกย้ายไปตามจุดต่างๆ หากพวกเขากล้าเข้ามา พวกเราก็จับรวบพวกเขาทั้งหมด เค้นถามเหตุผล”

 

 

เปาชิงเหอเห็นพ้อง “เมื่อเป็นเช่นนี้ พอฟ้าสางพ่อจะไปติดต่อพวกเขา ให้พวกเขาพาคนมาเพิ่ม จัดการพวกนั้นอย่างไม่ให้มีใครรู้”

 

 

เปาอีฝานขานรับคำ “ขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอพูด “พรุ่งนี้เจ้าจงไปรับเจ้าสาวอย่างสบายใจ เรื่องทั้งหมดพ่อจัดการเอง ขอเพียงพวกมันกล้ามา พวกเราจะให้พวกมันไม่มีชีวิตรอดกลับไป”

 

 

เปาอีฝานพยักหน้า สองพ่อลูกหารือกันอย่างถี่ถ้วนอีกรอบ ฟ้าใกล้สางแล้ว ถึงออกมาจากห้องหนังสือ

 

 

หลังจากกลับเข้ามาในห้องเปาอีฝานหลับตาลงครู่หนึ่ง ฟ้าเริ่มสว่างแจ้งแล้ว สาวใช้และบ่าวรับใช้ในบ้านต่างตื่นนอน ออกมาทำงานเต็มไปทั่วทั้งลานเรือน

 

 

เปาอีฝานลุกขึ้น อาบน้ำแต่งตัว แล้วเข้ามาในเรือนฮูหยินเปา

 

 

สีหน้าฮูหยินเปาดูดีขึ้นมาก มีเลือดฝาดอ่อนๆ บนใบหน้า เห็นเปาอีฝานเข้ามา กวักมือให้เขามานั่งข้างเตียงตัวเอง พูดกำชับมากมาย

 

 

เปาอีฝานจดจำไว้ทั้งหมด สั่งสาวรับใช้ตั้งโต๊ะอาหารเช้า นั่งกินข้าวเช้าพร้อมเปาชิงเหอและฮูหยินเปา แล้วกลับมาแต่งตัวใหม่ที่ห้องตัวเองอีกครั้ง เปลี่ยนมาใส่ชุดเจ้าบ่าว เตรียมพร้อมรอเวลา ออกไปรับเจ้าสาวที่จวนซุน

 

 

เซี่ยเจียงเฟิง จูหลานและอันอี่หยวนก็ทยอยกันมาถึงหลังจากที่เปาอีฝานเปลี่ยนชุดเสร็จ พอเห็นเข้าเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็พูดเหน็บแนม “ดูท่าเจ้าจะทนรอไม่ไหวแล้ว ถึงได้เปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวแต่เช้าเช่นนี้”

 

 

หลังจากเปาอีฝานหมั้นหมายกับซุนฮุ่ย ก็มักจะเจอกันบ่อยๆ มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อซุนฮุ่ย พอคิดว่าวันนี้จะได้ไปรับตัวนางกลับบ้าน แม้จะมีเรื่องกลัดกลุ้มใจ แต่ก็มีความสุขจนปากหุบไม่ลง จึงไม่ได้ยินเสียงเหน็บแนมของพวกเขา

 

 

ทั้งสามประหลาดใจ ปกติเปาอีฝานดูภายนอกเหมือนจะมีอัธยาศัยดี แต่ส่วนตัวแล้วมักถือว่าตัวเองมีวรยุทธ์ ใครพูดไม่เข้าหูก็จะลงไม้ลงมือ พวกเขาถูกเขาอัดมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่สำหรับคำเหน็บแนมของพวกเขาในวันนี้ ไม่เพียงไม่มีข้อโต้แย้งไม่ลงมือ แม้แต่เซี่ยเจียงเฟิงคนดีที่สุดของกลุ่มยังอดไม่ได้พูดเหน็บแนมเขาอีกครั้ง “จบแล้ว ครานี้อำเภอชิงเหอจะมีทาสภรรยาเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”

 

 

ทั้งสามหัวเราะร่วน

 

 

เปาอีฝานเหล่มองพวกเขาสามคนช้าๆ

 

 

ทั้งสามรู้สึกเย็นวาบไปทั้งต้นคอ รีบหุบปากเงียบเสียง แสร้งทำทีช่วยเหลือรีบเข้าไปตรวจตราสิ่งของรับตัวเจ้าสาวนอกลานเรือน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในลานเรือนเห็นภาพนี้เข้าพอดี เกิดความกังขา สิ่งของวันแต่งงานควรจะเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ แล้วมิใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ถึงเพิ่งคิดจะให้พวกเขามาตรวจความเรียบร้อย

 

 

เห็นนางเดินเข้ามา คนทั้งหมดยกยิ้มกล่าวทักทายนาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวขานรับคำ เดินเข้าไปในห้อง พูดว่า “เมื่อคืนวานข้าลืมพูดเรื่องหนึ่งไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องคาดไม่ถึง ทำให้ท่านพี่ซุนบาดเจ็บ ข้าตัดสินใจจะไปรับเจ้าสาวด้วย ท่านช่วยจัดเตรียมให้ข้าด้วยเถิด”

 

 

จำนวนคนสำหรับงานแต่งงานถูกกำหนดไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว แต่ละคนต้องทำอะไรก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน จู่ๆ เมิ่งเชี่ยนโยวก็มาเสนอความคิดเห็นเช่นนี้ในตอนนี้ เปาอีฝานจำต้องพูดอย่างรู้สึกผิด “หากเจ้าจะไป คงต้องแต่งตัวเป็นสาวใช้ในขบวนรับเจ้าสาวแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่แยแสอะไร พยักหน้าตกลง

 

 

เปาอีฝานสั่งสาวใช้ไปช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวแต่งตัว ทั้งสั่งให้สาวใช้นางหนึ่งสับเปลี่ยนกับนาง

 

 

พวกเซี่ยเจียงเฟิงสามคนนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสนุก จึงไม่ได้เอามาใส่ใจ

 

 

ถึงโมงยามออกเดินทาง เปาอีฝานลุกขึ้นเดินมานอกศาลาว่าการ พวกจูหลานสามคนตามมาด้านหลัง

 

 

นอกศาลาว่าการเตรียมม้าตัวสูงใหญ่และเกี้ยวไว้พร้อมแล้ว

 

 

เปาอีฝานพลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว พอสะบัดมือ ขบวนรับตัวเจ้าสาวก็เคลื่อนตัวไปจวนซุนพร้อมเสียงแตรสั่วน่าที่โหมบรรเลงไปตลอดทาง ผู้คนมาห้อมล้อมมุงดูกันไม่น้อย ต่างชี้มือชี้ไม้ ซุบซิบวิพากษ์ขบวนรับตัวเจ้าสาว

 

 

เปาอีฝานนั่งบนหลังม้า ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดทาง

 

 

ขบวนรับตัวเจ้าสาวมาถึงจวนซุน ฝ่ายต้อนรับก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว พอเห็นขบวนเข้ามา ก็รีบวิ่งแจ้นเข้าไปรายงาน เปาอีฝานลงจากหลังม้า ยืนรอหน้าประตู

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและสาวใช้คนอื่นๆ รวมถึงสี่ผอ[1]ถูกคนของจวนซุนพาเข้ามาถึงห้องนอนของซุนฮุ่ย

 

 

ภายในห้องมีผู้คนมากมาย ส่งเสียงกระซิบกระซาบเซ็งแซ่ ซุนฮุ่ยมีผ้าคลุมหน้านั่งอยู่บนเตียง ตื่นเต้นจนไม่กล้าเคลื่อนไหว แม่ซุนยืนอยู่ข้างๆ ดวงตาแดงเอ่อ

 

 

สี่ผอเดินขึ้นหน้า หลังจากกล่าวคำมงคลชุดใหญ่ ก็ถึงเวลาอันเป็นมงคลฤกษ์ ให้สาวใช้ประคองซุนฮุ่ยขึ้นเกี้ยว

 

 

สาวใช้ของซุนฮุ่ยเดินขึ้นหน้า เข้าไปประคองซุนฮุ่ยอีกด้าน ส่วนอีกด้านเมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบเข้าไปประคองนาง

 

 

ซุนฮุ่ยเดินตัวแข็งทื่อให้พวกนางประคองออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกได้ว่าซุนฮุ่ยตื่นเต้นจนไม่รู้จะก้าวเท้าไหนแล้ว จึงเข้าไปกระซิบข้างหูนางอย่างละมุนละไม พูดว่า “ท่านพี่ซุน ข้าคือโยวเอ๋อร์ ท่านมิต้องตื่นเต้น ข้าอยู่ข้างๆ ท่านแล้ว”

 

 

ได้ยินเสียงของนาง ซุนฮุ่ยปิติยินดีมาก พยักหน้าหงึกๆ ผ่อนคลายร่างกายลง ค่อยๆ เดินออกไปภายใต้การประคองของคนทั้งสอง

 

 

เปาอีฝานยืนรอด้านนอกอย่างหน้าชื่นตาบาน เห็นซุนฮุ่ยมีผ้าคลุมหน้า ถูกประคองเดินออกมา ก็ให้ปลาบปลื้มยินดี รีบเดินขึ้นหน้าอุ้มซุนฮุ่ยขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานร้องลั่นของนาง ค่อยๆ วางนางเข้าไปในเกี้ยว

 

 

ผู้คนโดยรอบส่งเสียงร้องยินดี

 

 

สี่ผอรับตัวเจ้าสาวมานานหลายปีไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ตกใจเล็กน้อย แล้วได้สติกลับมา ร้องพูดเสียงดังอย่างมีความสุข “คุณชายเปาของพวกเราช่างเอาอกเอาใจนัก ต่อไปเจ้าสาวจะพบแต่ความผาสุกแล้ว”

 

 

เกิดเสียงหัวเราะครื้นเครงโดยรอบ

 

 

คนส่งตัวจากจวนซุนก็ดีใจกันไม่น้อย

 

 

สี่ผอขยับลูกคอ กล่าวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มปิติดังลั่น “ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีแล้ว ยกเกี้ยวได้”

 

 

เปาอีฝานพลิกตัวขึ้นรถม้า นำหน้าไปอย่างแช่มชื่นเบิกบาน ขบวนรับตัวเจ้าสาวและขบวนส่งตัวเจ้าสาวเดินตามหลังไปพร้อมเสียงตีฆ้องร้องป่าว

 

 

เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัยมาตลอดเส้นทางจนถึงศาลาว่าการ

 

 

เปาอีฝานลงจากหลังม้า เกี้ยวจอดสนิท สาวใช้เลิกม่านขึ้น ช่วยกันประคองซุนฮุ่ยออกมาพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยว เตรียมจะให้นางก้าวข้ามกองไฟ

 

 

เปาอีฝานเดินขึ้นหน้า เข้าไปอุ้มซุนฮุ่ยขึ้นอีกครั้ง กำชับสาวใช้ “งดเว้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด” พูดจบ อุ้มซุนฮุ่ยก้าวอาดๆ เข้าไปในศาลาว่าการ

 

 

ผู้คนที่มาเฝ้าดูความคึกคักหน้าศาลาว่าการส่งเสียงไชโยโห่ร้อง

 

 

ครั้งนี้สี่ผองงเป็นไก่ตาแตก ยืนตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น

 

 

พวกจูหลานทั้งสามคนก็ตกใจเบิกตาโพลง ยืนทื่อเหม่อมองเปาอีฝานที่อุ้มซุนฮุ่ยเข้าไปโดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากเร่งฝีเท้าเดินตามหลังไป

 

 

ฝูงคนที่มามุงดูความคึกคักต่างส่งเสียงโห่ร้องไม่ขาด

 

 

เปาชิงเหอเห็นเปาอีฝานอุ้มซุนฮุ่ยเข้ามาอย่างปลอดภัยดี ก็ให้ถอนใจโล่งอก

 

 

ฮูหยินเปาที่หน้าตาสดใสขึ้นมากแล้วกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เห็นเปาอีฝานอุ้มเจ้าสาวเข้ามาด้วยใบหน้าชื่นบานก็งงตาค้าง คาดว่าหากวันนี้มิใช่วันมงคล นางได้ตำหนิว่าเปาอีฝานยกใหญ่แล้ว

 

 

พอเดินเข้ามาในห้อง เปาอีฝานก็วางซุนฮุ่ยลงอย่างทะนุถนอม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและสาวใช้อีกคนรีบเดินเข้าไปประคองนาง

 

 

สี่ผอยืนตะลึงจังงังอยู่นอกประตู หลังได้ยินการร้องเตือนจากจูหลานถึงลุกลนตามเข้ามา

 

 

แขกเหรื่อที่มาร่วมอวยพรต่างก็ไม่เคยเห็นภาพการรับตัวเจ้าสาวเช่นนี้มาก่อน ต่างมองตาค้างเป็นตาเดียวกัน

 

 

สี่ผอรีบเดินเข้าไปในห้อง ยังไม่ทันได้สูดลมหายใจปรับสมดุล ก็เปล่งเสียงดังกังวาน “บ่าวสาวคำนับฟ้าดิน”

 

 

เปาอีฝานและซุนฮุ่ยทำตามที่ได้ยิน

 

 

สี่ผอร้องพูดต่อ “คำนับบิดามารดา”

 

 

เปาชิงเหอและฮูหยินเปาที่นั่งบนเก้าอี้มองพวกเขาอย่างเอ็นดู กล่าวชื่นชมยินดี

 

 

สุดท้ายสี่ผอร้องพูดว่า “บ่าวสาวคำนับกันและกัน”

 

 

ทั้งสองหันหน้าคำนับกันและกัน

 

 

สี่ผอโล่งใจ เปล่งเสียงร้องพูดอย่างชื่นบาน “ทำพิธีเสร็จสิ้น ส่งตัวเข้าหอได้”

 

 

กลุ่มคนนึกว่าครั้งนี้เปาอีฝานจะอุ้มซุนฮุ่ยพาไปส่งยังห้องหออีก ไม่คิดว่าเปาอีฝานจะหยิบผ้าแพรแดงขึ้นมาจูงซุนฮุ่ยเข้าห้องหอตามขนบพิธีอย่างว่านอนสอนง่าย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มริมฝีปากเดินตามติดไปตลอด

 

 

หลังจากมาถึงห้องหอ จัดแจงที่ทางให้ซุนฮุ่ยเรียบร้อย เปาอีฝานก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งลากออกไปดื่มเหล้า จูหลานเซี่ยเจียงเฟิงรวมถึงอันอี่หยวนก็ตามออกไปช่วยดื่มเหล้าแทน

 

 

ห้องหอที่ครึกครื้นสนุกสนานพลันเงียบเหงาไปถนัดตา หลังจากกล่าวคำมงคลอีกสองสามคำ สี่ผอก็ถูกสาวใช้ที่รู้งานยัดซองแดงขับออกไป

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งข้างซุนฮุ่ย

 

 

สาวใช้ของซุนฮุ่ยไม่รู้เรื่อง คิดจะไล่นางออกไปด้วย เพื่อให้ซุนฮุ่ยได้พักผ่อนเต็มที่

 

 

ซุนฮุ่ยกลับออกปากสั่งนาง “เจ้าก็ออกไปเถอะ ให้นางอยู่กับข้าก็พอ”

 

 

สาวใช้มองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปแต่โดยดี งับบานประตูห้องหอ เฝ้ารออยู่ด้านนอก

 

 

กระทั่งภายในห้องเงียบสนิทแล้ว ซุนฮุ่ยถึงเลิกผ้าคลุมศีรษะของตัวเองขึ้น สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พูดว่า “ข้าตื้นเต้นจะแย่แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดแขวะนาง “ท่านตื่นเต้นเพราะเรื่องแต่งงาน หรือเพราะคุณชายเปาอุ้มท่านไปอุ้มท่านมากันเล่า?”

 

 

ซุนฮุ่ยหน้าแดงเรื่อ ทุบนางเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “เจ้าเด็กคนนี้ นับวันยิ่งไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังกล้าเอามาพูดเล่น เอาไว้ข้ามีเวลาค่อยมาจัดการเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ร้องขอ ยังคงพูดหยอกเย้านาง “คนเราพอแต่งงานก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้วาจาท่านพี่ซุนน่าหวาดผวายิ่งนัก”

 

 

ซุนฮุ่ยยิ่งหน้าแดงก่ำ พูดว่า “ยังจะพูดอีก อยากโดนจริงๆ ใช่หรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วนพูดว่า “ตอนนี้ท่านมีคนให้ท้ายแล้ว ข้าสู้ท่านไม่ได้หรอก ท่านให้อภัยข้าเถิดนะ”

 

 

ซุนฮุ่ยไม่โกรธเคือง หัวเราะตามไปด้วย

 

 

 

 

[1] 喜婆 สี่ผอ เป็นอาชีพหนึ่งของหญิงสาว ในอดีตเป็นตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความโชคดี โดยจะตามขบวนเจ้าบ่าวไปรับตัวเจ้าสาวจากเรือน หลังจากทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเสร็จ จะตามเข้าไปในห้องหอพร้อมเจ้าสาว คอยสอนการปรนนิบัติสามีรอจนกว่าเจ้าบ่าวจะเข้าห้องหอมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด