ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 230-1 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 230-1 ป้ายหยกปรากฏ สืบถามเหวินซื่ออีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนวั่งหยุดชะงักฝ่าเท้า ยืนแน่นิ่งไม่ขยับ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน เดินอ้อมตัวพวกเขามาหยุดตรงหน้าเขา ยิ้มตาหยีพูดว่า “ท่านพ่อตา ไม่ได้เจอกันนานนะเจ้าค ะ”

 

 

ซุนวั่งเห็นนางยิ้มหวานก็ให้ขนหัวลุก ตกใจขนลุกชูชันไปทั้งตัว ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติสองสามก้าว ถามอย่างหวาดผวา “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคงสภาพสีหน้าเดิม ชี้สภาพภายในร้านแย้มยิ้มหวานพูดว่า “ท่านดูเถิด คนเข้ามาในร้านมากเกินไป พวกเราทำงานไม่ทัน พอจะขอให้ท่านช่วยได้หรือไม่?”

 

 

น้ำเสียงที่เมิ่งเชี่ยนโยวซักถาม บวกกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม ใครต่างก็คิดว่านางถามด้วยความสุภาพเกรงใจ มีเพียงซุนวั่งที่รู้ว่า หากเขาไม่รับปาก วันนี้คงไม่มีวันได้ออกไปจากประตูนี้ แต่พอเขากวาดตามองเพื่อนที่มาด้วยกัน ให้รู้สึกว่าจะมาขายหน้าต่อหน้าพวกเขาไม่ได้ จึงปฏิเสธอย่างชัดเจน ริมฝีปากสั่นระริก “ข้าทำอะไรไม่เป็นทั้งนั้น จะช่วยอะไรเจ้าได้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งไม่เข้าใจความหมายของเขา พูดอย่างไม่เคืองโกรธ “ช่วยได้ ท่านเพียงคอยเก็บเงินอยู่ตรงนั้นได้หรือไม่”

 

 

ครอบครัวซุนวั่งทำการค้า ย่อมต้องเรียนรู้การเก็บเงินคิดบัญชีมาแต่เยาว์ หากเขาพูดต่อหน้าคนมากมายว่าตนเองเก็บเงินไม่เป็น ก็เท่ากับตบหน้าตัวเองดังฉาด ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ไม่พูดว่าตกลงหรือไม่ตกลง

 

 

กลุ่มเพื่อนที่มาในวันนี้ของซุนวั่งเพิ่งจะคบหากัน ย่อมไม่รู้จักเมิ่งเชี่ยนโยว เห็นซุนวั่งมีท่าทีไม่เต็มใจ จึงเอ่ยปากช่วยพูดแทนเขา “แม่นางน้อย เมื่อท่านพี่ซุนวั่งไม่ยินดีช่วยเจ้า เจ้าก็อย่าฝืนใจบังคับเขาเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองซุนวั่ง น้ำเสียงเจือแววข่มขู่ ถามเขา “ท่านพ่อตา ท่านไม่ยินดีจะช่วยงานนี้หรือ?”

 

 

ซุนวั่งรับรู้ได้ถึงลมเย็นวาบผ่านลำคอ ตกใจพยักหน้าฉับพลัน “ข้ายินดี ข้ายินดี”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปแบมือยักไหล่ใส่เพื่อนๆ ของเขา ยิ้มตาหยีพูดว่า “พวกท่านเห็นไหม ท่านพ่อตายินดีจะช่วย”

 

 

กลุ่มเพื่อนของเขามองเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วมองซุนวั่ง ถามอย่างฉงน “ท่านพี่ซุนวั่ง เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านหวาดกลัวเด็กสาวคนนี้?”

 

 

ซุนวั่งมองเมิ่งเชี่ยนโยวแวบหนึ่ง ยืดตัวแอ่นอกฝืนตอบกลับว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร?”

 

 

หนึ่งคนในนั้นถามต่อ “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านไม่ยินดีอย่างเห็นได้ชัด ไยจึงตกลงรับคำเล่า?”

 

 

ซุนวั่งยังคงแอ่นอกตอบกลับ “หาใช่ไม่ เราสองครอบครัวเกี่ยวดองกันแล้ว ร้านนางงานยุ่งจนทำไม่ทัน ข้าอยู่ช่วยก็สมควรแล้ว”

 

 

แม้พวกเขาจะยังกังขา ทว่าซุนวั่งกล่าวเช่นนี้แล้ว พวกเขาจึงไม่รู้จะพูดอย่างไรอีก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มพูดกับทุกคน “ต้องขอโทษพวกท่านด้วย ท่านพ่อตาต้องอยู่ช่วยที่นี่ พวกท่านค่อยมาวันหลังเถิดนะเจ้าคะ”

 

 

คนหนึ่งโบกมือ “ไม่เป็นไร ท่านพี่ซุนวั่งทำงานเถอะ พวกเรากินของพวกเราเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าถาม “เช่นนั้นใครเป็นคนจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยว”

 

 

อีกคนหนึ่งตอบกลับ “ย่อมต้องเป็นท่านพี่ซุนวั่ง เพราะเขาที่ชวนพวกเรามา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลากเสียงยาว ถามซุนวั่งอย่างเชื่องช้าวังเวง “งั้น…หรือ?”

 

 

ซุนวั่งตกใจตัวสั่นเทิ้ม ลนลานโบกมือพูดว่า “วันนี้ข้าต้องอยู่ช่วยที่ร้าน ไม่ว่างดูแลพวกเจ้า พวกเราค่อยรวมตัวกันทีหลังเถอะ” พูดจบ ขยิบตาให้พวกเขาไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยืนมองท่าทีเขาอีกด้าน ไม่พูดสิ่งใด

 

 

คนกลุ่มนั้นคงถูกกลิ่นหอมของก๋วยเตี๋ยวเย้ายวนจนไม่ได้สติ พอได้ยินซุนวั่งบอกว่าไม่เลี้ยงแล้ว ก็ให้ร้อนรน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่านพี่ซุนวั่ง ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง ท่านเป็นคนเชิญพวกเรามาเองแท้ๆ เหตุใดถึงกลับคำพูดเล่า?”

 

 

ซุนวั่งขยิบตาจนเกือบจะเป็นตะคริวแล้ว เห็นพวกเขาไม่ยอมเข้าใจความหมายของตัเวอง เริ่มร้อนใจ พูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “ข้าบอกจะเลี้ยงพวกเจ้าก็ถูก แต่ตอนนี้ข้ายุ่ง เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่รู้ความบ้าง”

 

 

คนทั้งหมดเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ยังไม่ลึกซึ้ง ได้ยินซุนวั่งกล่าวว่าพวกเขาต่อหน้าคนมากมาย หน้าบางรับไม่ได้ ตอกกลับอย่างเกรี้ยวกราด “เป็นเจ้าที่พูดออดอ้อนเชิญพวกเรามา ตอนนี้กลับเป็นพวกเราที่ไม่รู้ความ คนชั้นต่ำตลบตะแลงเช่นเจ้า ต่อไปพวกเราจะไม่แยแสอีก”

 

 

คนทั้งหมดพยักหน้าสมทบ

 

 

ปกติซุนวั่งจะได้รับการยกย่องต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ก็ให้เคืองขุ่น “มีครั้งไหนออกมาไม่ใช่ข้าเลี้ยงข้าวพวกเจ้า ไม่แยแสก็ดี ข้าจะได้ประหยัดเงินไม่น้อย”

 

 

“เจ้า…” คนทั้งหมดสะอึกกึกพูดไม่ออก สะบัดชายแขนเสื้อ หมุนตัวโกรธเกรี้ยวออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแอบขำในใจ ต่อหน้ากลับชูนิ้วโป้งให้ซุนวั่ง “ท่านพ่อตายอดเยี่ยมที่สุด พวกหน้าด้านหน้าทนสมควรโดนเช่นนี้แล้ว”

 

 

เห็นพวกเขาจากไป ซุนวั่งให้เสียใจยิ่งนัก เผยอปากจะร้องเรียกพวกเขา เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดเช่นนี้ ใบหน้าแดงเรื่อ ลูบจมูกตัวเองไม่พูดอะไร

 

 

มีซุนวั่งมาช่วยสับเปลี่ยน เมิ่งเชี่ยนโยวไปช่วยต้อนรับลูกค้าหน้าประตูแทน เมิ่งอี้และหูจื่อลดแรงกดดันไปได้ไม่น้อย

 

 

ยุ่งวุ่นวายมาถึงช่วยบ่าย ถึงไม่มีลูกค้าในร้านแล้ว แต่คนในร้านรวมถึงซุนวั่งต่างเหนื่อยสายตัวแทบขาด

 

 

หลงจู๊เหลาจวี้เสียนเข้ามาคิดบัญชีให้เมิ่งเชี่ยนโยว เห็นแต่ละคนเหนื่อยล้าอ่อนแรง ยกยิ้มพูดว่า “เปิดร้านวันแรก พวกท่านตระเตรียมคนไม่พร้อม เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนี้ ต่อไปเมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วก็จะดีเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนม้านั่ง โบกมือให้หลงจู๊ ถือว่าทักทายเขาแล้ว พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าคาดการณ์ผิดเอง ข้านึกว่าวันแรกจะไม่มีคนเข้ามากินมาก จึงไม่ได้เตรียมคนไว้มากๆ โชคดีที่ได้พี่หูจื่อและท่านพ่อตามาช่วย ไม่เช่นนั้นวันนี้ได้โกลาหลไม่เป็นท่าเป็นแน่”

 

 

หลงจู๊ไม่เคยเห็นท่าทีเกียจคร้านเช่นนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยวมาก่อน รู้ว่านางเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ ยกยิ้มสายหน้า นำเงินค่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งออกมา “นี่เป็นเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่ลูกค้ากินไปวันนี้ทั้งหมด แม่นางตรวจดูก่อนว่าถูกหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่แม้แต่จะยกมือ ยกคางเล็กน้อยไปทางซุนวั่ง “มอบให้เขาเถอะ”

 

 

หลงจู๊ยิ้มแล้วนำเงินมาวางบนโต๊ะคิดเงิน

 

 

ซุนวั่งรับปากอย่างแกนๆ ตรวจกับใบรายการที่หลงจู๊เขียนมาให้ก่อนหน้า ครบถ้วนพอดี หยิบพู่กันจรดลงบนสมุดบัญชี

 

 

หลงจู๊อยู่ในเมืองมาหลายปี ย่อมรู้จักซุนวั่ง รู้ว่าเขาเป็นคนมีนิสัยเช่นไร เห็นเขาช่วยจดบัญชีให้อย่างว่านอนสอนง่าย เกิดความประหลาดใจ พินิจมองเขาไม่วางตา

 

 

ซุนวั่งไม่ได้เขลา รู้ความหมายแฝงในแววตาเขาที่มองมา ใบหน้าแดงวาบ

 

 

หลงจู๊รีบเก็บคืนสายตาตนเอง ยิ้มพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้ากลับก่อนนะ หากมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย ให้คนไปตะโกนเรียกได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น เดินออกมาส่งเขา พูดว่า “ขอบคุณหลงจู๊มาก พวกเราจะพักสักครู่หนึ่ง พอเก็บของเสร็จก็จะกลับบ้านเจ้าค่ะ”

 

 

หลงจู๊หยุดชะงัก ประหลาดใจถาม “การค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พวกเจ้าไม่ขายตอนค่ำด้วยหรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “วันนี้ต่างเหนื่อยล้ากันแย่แล้ว หากเปิดตอนค่ำอีก เกรงจะต้องเหนื่อยจนสามวันก็ลุกไม่ขึ้น พักก่อนดีกว่า น้ำไหลแต่น้อยจะไหลได้ยาวนาน”

 

 

หลงจู๊พยักหน้า ไม่พูดมากอีก เดินกลับไปเหลาจวี้เสียน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตะโกนเรียกขบวนปี่แตรด้านนอกเข้ามา สั่งสะใภ้เหวินทั้งสามคน “ไปต้มก๋วยเตี๋ยวมาให้พวกเขาคนละชาม ให้พวกเขากินก่อนกลับบ้าน”

 

 

ทั้งสามพยักหน้า เดินไปที่ครัวด้านหลัง

 

 

หัวหน้าขบวนปี่แตรตกใจโบกไม้โบกมือ “แม่นาง ไม่ได้เด็ดขาด พวกเราไปซื้อวอโถว[1]ทางโน้นมากินก็ได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดกับพวกเขา “ข้าเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวพวกท่านเอง พวกท่านเหนื่อยมานานแล้ว อย่าปฏิเสธเลย”

 

 

ขบวนปี่แตรกล่าวขอบคุณไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ พูดกับซุนวั่ง “จ่ายเงินค่าแรงในวันนี้ให้พวกเขา คนละห้าสิบอีแปะ”

 

 

ซุนวั่งจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเขาทีละคน ทั้งจดลงสมุดบัญชีอย่างเป็นระบบ

 

 

 

 

 

 

[1] วอโถว อาหารประเภทแป้งของคนจีนทางเหนือ ทำจากแป้งข้าวโพดและถั่วเหลือง รูปร่างคล้ายหมั่นโถวแต่รสชาติจะแห้งกระด้างกว่า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด