ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 155.1

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 155.1 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ซื้อคน

 

 

 

เปาชิงเหอยังขุ่นเคืองไม่หาย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “คนไร้ยางอายอย่างเจ้ายังคิดจะเข้าสอบเคอจวี่ หากเจ้าสอบได้จริงๆ ภายหน้าไม่ยิ่งเป็นภัยต่อผู้อื่นมากกว่านี้เรอะ เจ้าเข้าไปทบทวนความผิดในคุกเถอะ”

 

 

พูดจบตะเบ็งเสียงบอกเจ้าหน้าที่ “เจ้าหน้าที่ จับพวกเขาสองคนไปขังคุก รอการตัดสินโทษ!”

 

 

เปาชิงเหอพูดจบ ทั้งสองใบหน้าตายด้านแน่นิ่งไปกับพื้น

 

 

เจ้าหน้าที่สองคนขานรับ เดินเข้ามากระชากทั้งสองคน คุมตัวเข้าคุก

 

 

เปาชิงเหอพูดกับเจ้าหน้าที่ที่เหลือ “ลากตัวคนรับใช้ออกไป รับโทษ”

 

 

เจ้าหน้าที่ขานรับ นำตัวคนรับใช้ไปยังลานโล่ง จับโบยเรียงตัว เสียงไม้พายสัมผัสกับร่างกายและเสียงร้องโหยหวนของคนรับใช้ดังไปทั่วลานกว้างของศาลาว่าการ

 

 

คุณชายจางไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน ตกใจหดตัวไปอีกด้านไม่กล้าเปล่งเสียง

 

 

โบยคนรับใช้ทั้งหมดเสร็จ ทำเอาเหล่าเจ้าหน้าที่เหนื่อยหอบ ต่างเช็ดเหงื่อซับหน้าผากกันเป็นแถว

 

 

พวกคนรับใช้ฟุบไปกับพื้นร้องครวญครางไม่หยุด

 

 

เปาชิงเหอพูดกับพวกเขาอย่างเกรงขาม “เห็นแก่ที่พวกเจ้าไม่ได้ทำร้ายใครถึงแก่ชีวิต ถึงลงโทษสถานเบา หากครั้งหน้าพวกเจ้ายังกล้ากระทำผิดอีก จะไม่ใช่แค่โบยเพียงสิบไม้เช่นนี้แล้ว ได้ยินชัดหรือไม่?”

 

 

พวกคนรับใช้ไหนเลยจะกล้าพูดเป็นอื่น รีบร้อนพยักหน้ารับคำ

 

 

เปาชิงเหอโบกมืออย่างเดียดฉันท์ “ออกไปได้!”

 

 

คุณชายจางเหมือนยกภูเขาออกจากอก ลุกขึ้นยืน ไม่แม้แต่จะทำความเคารพ วิ่งกระเซอะกระเซิงออกไปจากศาลาว่าการ

 

 

คนรับใช้เห็นคุณชายจางไปแล้ว ไม่กล้ารอช้า ต่างลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ช่วยกันประคองกันและกันเดินสะเปะสะปะออกไปจากศาลาว่าการ

 

 

ตัดสินเรื่องทุกอย่างเสร็จแล้ว เปาชิงเหอเปล่งเสียงบอกเลิกศาล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเปาชิงเหอ แล้วหันหลังเดินออกไป

 

 

เปาชิงเหอร้องเรียกนาง “แม่นางเมิ่งช้าก่อน!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างข้องใจ

 

 

เปาชิงเหอโบกมือให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกไป เดินมาตรงหน้านาง ซักถามเสียงเบา “ครั้งนี้แม่นางเข้าอำเภอมาด้วยเรื่องอันใด?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจแจ่มแจ้ง ยิ้มตอบ “พรุ่งนี้น้องชายข้าจะเข้าร่วมสอบถงเซิงระดับอำเภอ วันนี้พวกเรามุ่งหน้ามาก่อน เพราะอยากให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่ มีสภาพจิตใจที่ดีรับมือกับการสอบวันพรุ่งนี้ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอพี่ใหญ่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น โชคดีได้ใต้เท้าเปาตัดสินอย่างยุติธรรม คนลวงโลกสองคนนั้นถึงถูกตัดสินโทษตามที่พวกเขาสมควรได้รับ”

 

 

เปาชิงเหอโบกมือ “การขจัดทุกข์ให้ประชาชนเดิมก็เป็นเรื่องที่ข้าบิดาของประชาราษฎร์อยู่แล้ว แม่นางเมิ่งมิต้องกล่าวชม ทว่า” พูดถึงตรงนี้น้ำเสียงก็บีบเล็กลง “การสอบระดับอำเภอของน้องชายเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอำนวยความสะดวกให้หรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ขอบคุณท่านใต้เท้า แต่ข้าอยากให้เขาใช้ความสามารถของตัวเองเข้าสอบ หากว่าสอบผ่าน พวกเราย่อมปีติยินดี หากสอบไม่ผ่าน ก็ไม่เป็นไร เพราะด้วยอายุของเขายังกลับบ้านไปพากเพียร ปีหน้าค่อยสอบใหม่ได้”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้าชื่นชม “แม่นางเมิ่งพูดถูกต้อง หากว่าน้องชายเจ้าไม่มีความสามารถ ต่อให้ข้าช่วยเขาผ่านการสอบระดับอำเภอได้ ก็คงจะยากที่จะผ่านในระดับจังหวัดได้ เจ้าคิดได้เช่นนี้ เป็นการคิดแทนน้องชายได้อย่างรอบคอบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “หากใต้เท้าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน น้องชายข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมลำพัง ข้าไม่วางใจ”

 

 

เปาชิงเหอคิดถึงเรื่องที่เมิ่งเจี๋ยหายตัวไปครั้งก่อน รีบร้อนพูด “ข้าไม่มีอะไรแล้ว แม่นางเมิ่งรีบกลับไปดูแลน้องชายให้ดีเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ยกเท้าเดินออกไปจากประตูใหญ่ศาลาว่าการ

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งเหรินทำความเคารพเปาชิงเหอ เดินตามออกมา

 

 

ออกมาจากศาลาว่าการได้ไม่ไกล เมิ่งเหรินหยุดฝีเท้า พูดกับทั้งสองคน “น้องเสียน น้องโยวเอ๋อร์ ข้าจะกลับเข้าโรงเรียน พวกเราแยกกันเท่านี้เถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดฝีเท้า พูดว่า “พี่ใหญ่กระทำเรื่องเช่นนี้ ยังมีหน้ากลับไปโรงเรียนอีกหรือ?”

 

 

เมิ่งเหรินไม่คิดว่านางจะถามอย่างไร้ความยำเกรงซึ่งหน้าเช่นนี้ นิ่งงันเล็กน้อย พูดชี้แจง “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ข้าลุ่มหลงไม่ได้สติไปชั่วขณะ กระทำเรื่องผิดพลาด แต่หาใช่ตัวตนแท้จริงของข้า เหตุใดน้องโยวเอ๋อร์ถึงกล่าวหาข้าเช่นนี้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน “จนถึงตอนนี้พี่ใหญ่ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดที่ตรงไหน ข้าว่าท่านไม่ต้องกลับไปแล้ว กลับบ้านไปทำนาเถอะ”

 

 

ตอนปีใหม่กลับไป เมิ่งเหรินรู้ถึงสถานะของเมิ่งเชี่ยนโยวในครอบครัวแล้ว ได้ฟังก็ตกใจ ลนลานพูด “ข้าสำนึกในความผิดที่ก่อแล้ว ไยน้องโยวเอ๋อร์ยังพูดกับข้าเช่นนี้อีก?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขา พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่ใหญ่ไม่สนใจความแร้นแค้นขัดสนของครอบครัว นำเงินค่าแรงที่พี่รองตรากตรำทำงานกว่าครึ่งปีฝากให้ท่านนำกลับบ้าน นำไปซื้อปิ่นปักผมให้คนที่ตัวเองหมายปองโดยพลการ นี่เป็นข้อแรก ข้อที่สองคือท่านมีคนที่หมายปองแล้ว กลับบ้านไปยังจะรับปากท่านป้าใหญ่จัดพิธีสู่ขอให้ เกือบทำลายชื่อเสียงหญิงสาวที่ดีนางหนึ่ง แค่สองเรื่องนี้ที่ท่านทำ ก็ไม่เหลือหน้าไปพบใครได้อีกแล้ว ข้าว่าท่านอย่ากลับไปโรงเรียนอีกเลย พอพรุ่งนี้อี้เซวียนสอบระดับอำเภอเสร็จ ก็กลับบ้านไปพร้อมข้าเถอะ”

 

 

เพื่อการสอบขุนนางนี้ เมิ่งเหรินมานะพากเพียรมาหลายปีแล้ว ย่อมไม่ยินยอม พูดว่า “ข้าใช้เงินค่าแรงน้องรอง เป็นความผิดข้า รอให้โรงเรียนปิดภาคเรียน ข้าจะกลับไปรับผิดกับบิดามารดาข้า ขอร้องพวกเขาให้อภัยต่อความผิดของข้า สำหรับเรื่องหมั้นหมาย ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อให้ข้ามีคนที่หมายปองแล้ว ก็สามารถหมั้นหมายกับที่บ้านได้ แต่โบราณมาผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน มีภรรยาจนๆ เพิ่มมาอีกสักคนก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

 

 

ได้ยินเช่นนี้เมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งทวีความเคืองขุ่น พูดเย้ยหยัน “พี่ใหญ่ช่างคิดไปไกลมากจริงๆ ตอนนี้แม้แต่บรรดาศักดิ์ซิ่วไฉก็ยังไม่มี ก็คิดจะเสวยสุขชีวิตหนึ่งสามีสองภรรยานี้แล้ว หากเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่อาจให้ท่านเข้าร่วมการสอบขุนนางได้อีก ตอนนี้ท่านยังดูแคลนภรรยาที่ยังไม่ตบแต่งเช่นนี้ หากท่านเกิดสอบได้ขึ้นมา ไม่ขับไล่ภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาออกไปหรือ”

 

 

เรื่องเกี่ยวพันถึงอนาคตในวันข้างหน้าของตนเอง เมิ่งเหรินไม่มีทางยอม “นี่เป็นเรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับน้องโยวเอ๋อร์ เจ้าเลิกยุ่งเรื่องของข้าได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะ “ใครบอกไม่เกี่ยวกับข้า ภรรยาท่านข้าเป็นคนช่วยดูให้ พิธีหมั้นหมายของท่านข้าก็ช่วยจัดแจงให้ ตอนนี้ท่านทำเรื่องผิดต่อพวกเขา ข้าย่อมทนนิ่งดูดายไม่ได้ ตอนนี้ข้าจะให้ท่านสองทางเลือก ทางเลือกแรกท่านกลับไปทำเรื่องลาออกที่โรงเรียน ทางเลือกที่สองข้าจะไปป่าวประกาศเรื่องที่ท่านทำที่โรงเรียน ให้ท่านจำต้องลาออก สองท่านเลือกนี้พี่ใหญ่เลือกสักทางเถอะ”

 

 

“เจ้า?” เห็นเขาพูดข่มขู่ตนเองเช่นนี้ เมิ่งเหรินโมโหจนพูดไม่ออก

 

 

ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้เมิ่งเหรินลาออก เมิ่งเสียนก็ตกใจมาก คิดจะพูดขอร้อง แต่เพิ่งจะอ้าปากร้องเรียก “น้องสาว” ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวยับยั้งไว้ “พี่ใหญ่ สภาพจิตใจของเขาไม่เหมาะจะรับราชการ ต่อให้ภายหน้าเขาสอบได้ ก็จะนำภัยพิบัติมาสู่ครอบครัวพวกเรา สู้ให้เขาตัดใจเสียแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ ให้ครอบครัวของพวกเราได้อยู่อย่างสงบสุข”

 

 

เมิ่งเสียนย่อมไม่ได้คิดไปไกลเช่นนั้น จึงพูดโน้มน้าว “น้องสาว พี่ใหญ่เพียงแค่ลุ่มหลงไปชั่วขณะ ถึงกระทำเรื่องผิดพลาดไป หลังจากเรื่องนี้ เขาจะต้องปรับปรุงตัว อย่าให้เรื่องเล็กน้อยนี้เป็นตัวถ่วงอนาคตของเขาเลย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ฟังคำโน้มน้าว พูดเด็ดขาด “ข้าให้เวลาพี่ใหญ่ทบทวนหนึ่งวัน อย่างช้าที่สุดเวลานี้ของวันพรุ่งพี่ใหญ่จักต้องปรากฏตัวที่โรงเตี๊ยมที่พวกเราพัก ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

 

 

พูดจบหันหลังเดินจากไป

 

 

เมิ่งเสียนพูดกับเมิ่งเหรินด้วยน้ำเสียงลุกลน “พี่เมิ่งเหริน ท่านใจเย็นก่อน ข้าจะเกลี้ยกล่อมน้องสาวเอง”

 

 

พูดจบผลุนผลันตามเมิ่งเชี่ยนโยวไป

 

 

เมิ่งเหรินยืนอยู่เช่นนั้นเป็นนานก็ไม่เคลื่อนไหว

 

 

เมิ่งเสียนตามมาถึงตัวเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะพูดโน้มน้าวอีก เมิ่งเชี่ยนโยวกลับพูดขึ้นก่อน “ท่านพี่ เรื่องของพี่ใหญ่ข้าจะไม่ยุ่งแล้ว หลังจากพาเขากลับบ้านข้าจะไปพูดเรื่องนี้กับท่านปู่และลุงใหญ่ให้ชัดเจน หากพวกเขาคิดว่าข้าทำผิด ข้าจะพาเขากลับมาส่งเอง”

 

 

เมิ่งเสียนได้ยินนางพูดเช่นนี้ จึงล้มเลิกความคิดโน้มน้าว

 

 

เสี่ยวเอ้อโรงเตี๊ยมเห็นพวกเขากลับมา พูดอย่างมิตรไมตรี “แม่นางเมิ่ง ข้าคอยเฝ้าดูให้ตลอด น้องชายท่านยังอยู่ในห้อง ไม่เกิดเรื่องอันใด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ

 

 

เสี่ยวเอ้อโบกมือ “เทียบกับบุญคุณใหญ่หลวงที่แม่นางมีให้ เรื่องนี้เล็กน้อยยิ่งนัก แม่นางอย่าได้เกรงใจ”

 

 

ทั้งสองขึ้นไปชั้นบน เมิ่งเชี่ยนโยวเคาะประตู พูดว่า “อี้เซวียน ข้าเอง เปิดประตู”

 

 

ประตูถูกเปิดออกจากด้านในโดยไว ใบหน้าจิ้มลิ้มของเมิ่งอี้เซวียนปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา พูดอย่างยินดี “พวกท่านกลับมาแล้ว!”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้ม ยื่นมือออกไปลูบศีรษะเขา แล้วเดินเข้าห้อง

 

 

เมิ่งเสียนก็ตามเข้ามา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนดีอกดีใจลูบหัวตัวเองยืนนิ่งอยู่ข้างประตู

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาเอาแต่ยืนอยู่ข้างประตู ถามอย่างแปลกใจ “เจ้าเป็นอะไร?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนได้สติกลับมา ใบหน้าแดงเรื่อ รีบงับประตูห้อง พูดเสียงแผ่ว “ไม่ ไม่มีอะไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจความผิดปกติของเขา พูดกับเขา “ถ้าเจ้าพักผ่อนพอแล้ว พวกเราออกไปเดินเล่นกัน จะได้ซื้อเครื่องเขียนที่เจ้าชอบด้วย”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้ายินดี

 

 

ทั้งสามออกมาจากโรงเตี๊ยม เดินเรื่อยเปื่อยไปตามท้องถนน เดินไปดูของไป เจออะไรที่ชอบก็ซื้อติดมือมา อิ่มเอมใจยิ่งนัก

 

 

เกือบจะถึงปลายสุดของถนน ถึงเห็นร้านหนังสือ ทั้งสามเข้ามาในร้าน พนักงานร้านหนังสือเข้ามาถามอย่างกระตือรือร้น “ทุกท่าน ต้องการซื้อสิ่งใด?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ดวงตามองไปโดยรอบตามความเคยชิน ถึงตอบ “พวกเราต้องการซื้อเครื่องเขียนชั้นดี ไม่ทราบว่าร้านพวกเจ้ามีหรือไม่?”

 

 

พนักงานมองพวกเขาแต่งกายไม่เหมือนเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน ทั้งได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปากก็บอกว่าต้องการซื้อเครื่องเขียนชั้นดี ท่าทีทวีความเป็นมิตร พูดเป็นพรวน “มีๆๆ ทุกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปเอามาให้พวกท่านเดี๋ยวนี้”

 

 

พูดจบ เดินไปหลังโต๊ะสินค้า หยิบเครื่องเขียนจำนวนหนึ่งออกมาวางตรงหน้าพวกเขา พูดว่า “เหล่านี้เป็นเครื่องเขียนที่ดีที่สุดของทางร้าน พวกท่านดูก่อนว่าชอบแบบไหน?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้เรื่องพวกนี้ หันไปพูดกับเมิ่งเสียนและเมิ่งอี้เซวียน “พี่ใหญ่ อี้เซวียนพวกท่านเลือกเองเถอะ ถ้ามีแบบที่ชอบพวกเราก็ซื้อ ที่เหลือก็เลือกกระดาษเซวียนอย่างดีจำนวนหนึ่งกลับไปให้ท่านปู่ด้วย”

 

 

ทั้งสองรับคำ เลือกของอย่างมีความสุข

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด