ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 173-3 ซุนเชี่ยนสารภาพรัก เมิ่งเสียนผวาตกใจ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 173-3 ซุนเชี่ยนสารภาพรัก เมิ่งเสียนผวาตกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากกลับมาถึงบ้าน ซุนเชี่ยนไม่แม้แต่จะกินข้าว ก็เข้าไปล้มตัวนอนบนเตียงในห้องตัวเอง ขบคิดถึงคำพูดสารภาพรักที่เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้นางพูดพรุ่งนี้ ใบหน้าพลันร้อนวูบวาบ

 

 

ซุนวั่งและภรรยาไม่เคยถูกชะตาบุตรสาวคนนี้ เห็นนางไม่เข้ามากินข้าว ก็ไม่ถามไถ่ กลับเป็นซุนซ่านเหรินที่สั่งบ่าวรับใช้ให้ไปเรียกนาง

 

 

บ่าวรับใช้พูดอย่างนบนอบ “คุณหนูซุนบอกแล้ว นางมีเรื่องบางอย่างให้ขบคิด ไม่มาร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยแล้ว”

 

 

ซุนวั่งได้ฟังก็เบ้ปาก บ่นอุบอิบอย่างดูแคลาน “เสแสร้งแกล้งทำ นางจะมีเรื่องอะไรให้ขบคิด แปดส่วนจะต้องไม่อยากกินข้าว ถึงหาเหตุผลนี้มาอ้าง”

 

 

ซุนซ่านเหรินตวาดเขา “หุบปาก เจ้าไม่พูดไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้”

 

 

ซุนวั่งตกใจไหล่หด

 

 

หญิงชราซุนรักบุตรชายมาก ทนเห็นเขาหวาดกลัวเช่นนี้ไม่ได้ พูดกับซุนซ่านเหรินอย่างไม่พอใจ “วั่งเอ๋อร์หาได้พูดผิด เหตุใดต้องตวาดเขาด้วย?”

 

 

ซุนซ่านเหรินโมโหจนวางตะเกียบลง “บุตรสาวไม่มากินข้าว คนเป็นพ่อไม่คิดจะซักถาม ยังเที่ยวพูดเหลวไหล มีพ่อเช่นเขาด้วยเรอะ?”

 

 

ซุนวั่งเห็นหญิงชราให้ท้ายตัวเอง เริ่มมีความกล้ามากขึ้น “นังตัวดีนั่นก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ทำไมข้าต้องเป็นห่วงนางด้วย?”

 

 

ซุนซ่านเหรินยิ่งโมโหเดือดดาล “นั่นเพราะใครเป็นผู้คนก่อ นับตั้งแต่เชี่ยนเอ๋อร์ลืมตาดูโลก พวกเจ้าเห็นนางเป็นเด็กผู้หญิง ก็ไม่ชอบนาง หากไม่เพราะข้าคอยปกป้อง พวกเจ้าได้ทุบตีก่นด่านางไม่เว้นวันเป็นแน่ โดยเฉพาะหลังจากมีไฉเอ๋อร์ พวกเจ้าก็ยิ่งรักใคร่ ไม่เคยใส่ใจนางอีก กระทั่งเมื่อสองปีก่อนที่นางป่วยหนัก พวกเจ้าก็ไม่เคยมาดูดำดูดีนางเลย กระทำต่อนางเช่นนี้ ยังจะให้นางเห็นเจ้าอยู่ในสายตา”

 

 

ซุนวั่งเบะปาก พูดพึมพำ “บุตรสาวก็คือสินค้าขาดทุน สักวันก็ต้องแต่งไปอยู่บ้านคนอื่น ข้าไม่ให้นางอดตายก็นับว่าไม่เลวแล้ว”

 

 

ซุนซ่านเหรินโมโหจนมือสั่น “เจ้ายังมีหน้าพูด หากนางไม่คอยตามติดข้า หลายปีมานี้นางได้อดตายไปนานแล้ว”

 

 

ซุนวั่งไม่ยอมรับ “นังตัวแสบนั่นอยากหัวแข็งเองทำไม ตั้งแต่รู้ความก็แสดงปฏิกิริยาไม่ดีต่อข้า หากไม่ใช่เพราะนางเอาแต่ไม่ชอบหน้าข้า ข้าจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือ?”

 

 

ซุนซ่านเหรินยิ่งให้โมโห “เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปเรื่องการแต่งงานของเชี่ยนเอ๋อร์เจ้าห้ามข้องเกี่ยว”

 

 

ซุนวั่งไม่ยินยอม เถียงคอเป็นเอ็น “ไม่ได้ ข้าตกลงกับเพื่อนของข้าแล้ว รอให้พ้นปีนี้ไป จะให้นังตัวดีแต่งกับบุตรชายของเขา ข้าจะคืนคำไม่ได้”

 

 

ซุนซ่านเหรินไม่เคยได้ยินซุนวั่งเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน ได้ฟังก็นิ่วหน้า ถามเสียงเข้ม “เพื่อนคนไหนของเจ้า?”

 

 

ซุนวั่งเห็นเขาเอ่ยถาม นึกว่าเขาก็เห็นด้วย รีบร้อนพูดอย่างยินดี “ก็เพื่อนคนที่ชอบไปหอน้ำชาดื่มน้ำชากับข้าอย่างไร บุตรชายเขากับนังตัวดีอายุเท่ากัน แต่ไม่เคยพูดสู่ขอสำเร็จ มาวิงวอนให้ข้ายอมให้นางแต่งกับบุตรชายเขา ข้าก็เลยรับปากไป”

 

 

สิ้นเสียง จานที่บรรจุอาหารเต็มแน่นใบหนึ่งก็ถูกซุนซ่านเหรินทุ่มใส่ทั่วทั้งหัวและใบหน้าเต็มๆ

 

 

ซุนวั่งไม่ทันได้รับมือป้องกัน ถูกทุ่มเข้าใส่อย่างจัง อาหารร้อนกรุ่นในจานละเลงติดหนึบบนตัวเขา ลุกขึ้นแผดเสียงหวีดร้องด้วยความปวดแสบปวดร้อน

 

 

หญิงชราและภรรยาซุนวั่งตกใจสะดุ้งพร้อมกัน

 

 

หญิงชราลุกขึ้นร้องระงม “วั่งเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?”

 

 

ภรรยาซุนวั่งเดินเข้าไปช่วยเขาปัดอาหารตามตัวออก

 

 

สาวใช้ที่อยู่คอยรับใช้ต่างก็ตกใจตัวสั่น หันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่

 

 

ภรรยาซุนวั่งตวาดพวกเขา “พวกขี้ข้า มัวมองอะไรอยู่? ยังไม่รีบเข้ามาช่วย อยากถูกโบยใช่หรือไม่?”

 

 

บ่าวรับใช้หันไปมองซุนซ่านเหริน ไม่เห็นเขาออกคำสั่ง จึงไม่มีใครกล้าขยับ

 

 

สาวใช้ของภรรยาซุนวั่งตรงเข้าไปช่วย ซุนซ่านเหรินตะเบ็งเสียงลั่น “ใครกล้าช่วยเขา ข้าจะให้พ่อบ้านจับไปขายทิ้ง”

 

 

เหล่าสาวใช้ตกใจชะงักฝีเท้า ไม่กล้าเดินขึ้นหน้า

 

 

หญิงชราร้องโวยวายด้วยความโมโห “ท่านเสียสติไปแล้วหรือ พวกเรามีบุตรชายเพียงคนเดียว ท่านจะต้องตีเขาให้ตายถึงจะพอใจหรือไร?”

 

 

ซุนวั่งปัดอาหารบนตัวออกไปหมดแล้ว ไม่สนความเจ็บปวด หันไปร้องคำรามใส่ซุนซ่านเหริน “มีบิดาที่ไหนเป็นอย่างท่าน? ไม่แยกแยะถูกผิดก็ทุ่มใส่ข้าด้วยอาหารจานร้อน”

 

 

หลังจากซุนซ่านเหรินทุ่มจานใส่เขา ยังคงไม่หายแค้น พูดเกรี้ยวกราด “เพื่อนพวกนั้นของเจ้า ข้าให้คนสืบความมาแล้ว ล้วนมีแต่พวกล่องลอยเกียจคร้าน ไม่ทำงานทำการ เที่ยวหลอกกินหลอกดื่มคนไปทั่ว คนเช่นนั้นจะมีบุตรชายดีได้อย่างไร นี่ไม่เท่ากับว่าเจ้าผลักเชี่ยนเอ๋อร์ลงเหวเรอะ?”

 

 

ซุนวั่งไม่ยอม เถียงกลับอย่างเคืองขุ่น “ข้าผลักนางลงเหวอย่างไร บุตรชายของเพื่อนข้าคนนั้น ข้าก็ได้เห็นมาแล้ว มีมือมีเท้า ไม่ใช่คนพิการ หน้าตาก็ถือว่าใช้ได้ ขอเพียงนางแต่งเข้าไปก็จะได้เป็นผู้นำครอบครัวทันที”

 

 

ซุนซ่านเหรินหัวเราะเยาะหยัน ถามขึ้น  “เมื่อบุตรชายเพื่อนเจ้าดีเช่นนี้ เหตุใดถึงพูดสู่ขอไม่สำเร็จ?”

 

 

ซุนวั่งดวงตาลอกแล่ก อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก

 

 

ซุนซ่านเหรินตวาดเสียงลั่น “พูด!”

 

 

ซุนวั่งตกใจตัวสั่นระริก โพล่งปากพูดออกไป “เด็กคนนั้นเจ้าชู้มักมากไปเสียหน่อย แต่ว่าผู้ชายมีหลายภรรยาก็เป็นเรื่องปกติ พวกเขารับปากข้าแล้ว เมื่อนังตัวดีนั่นแต่งเข้าไปจะได้เป็นใหญ่ ภายหน้าก็จะไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งนี้ของนางเด็ดขาด”

 

 

สิ้นเสียง ก็มีจานอาหารร้อนกรุ่นบินลอยเข้ามาอีก แม้ซุนวั่งจะมองเห็น กลับหลบไม่ทัน ถูกลวกร้องปวดแสบปวดร้อนอีกครั้ง

 

 

ซุนซ่านเหรินยังไม่หายแค้น ลุกขึ้นหาสิ่งของที่ใช้ตีได้

 

 

แม้ซุนเชี่ยนจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ก็เป็นหลานของแรกของสกุล ในตอนแรกหญิงชราก็รักเอ็นดูนางมาก กระทั่งมีซุนเหลียงไฉ ถึงไม่สนใจใคร่ดีนางอีก แต่ความรู้สึกในใจยังคงอยู่ไม่คลาย พอได้ยินว่าซุนวั่งหาคู่ครองเช่นนี้ให้ซุนเชี่ยน ก็ให้โมโหโกรธกริ้ว ก่นด่าเสียงเขียว “ส่งบุตรสาวแท้ๆ ของตัวเองไปลงนรกหุบเหวเช่นนั้น บิดาเจ้าไม่ตีตายก็แปลกแล้ว”

 

 

ซุนวั่งถูกทุ่มของใส่สองครั้งติดกัน ร่างกายมีแผลพุพอง เจ็บจนร้องไม่ออก ได้ยินหญิงชราที่ลำเอียงรักตนเองมาตลอดพูดเช่นนี้ ระเบิดอารมณ์พูดว่า “ข้าเป็นบิดาของนังตัวดีนั่น เรื่องคู่ครองของนางข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรือ? ข้าขอบอกทุกคนไว้ตรงนี้ เรื่องการแต่งงานนี้ข้ารับปากไปแล้ว นางอยากแต่งก็แต่ง ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาหน้าไปวางที่ไหน”

 

 

ซุนซ่านเหรินหาไม้ขนไก่มาได้ เดินไปตรงหน้าซุนวั่งออกแรงฟาดไม่ยั้ง

 

 

ซุนวั่งถูกตีร้องครวญคราง วิ่งหนีซุกซุนไปทั่วห้อง

 

 

ภรรยาซุนวั่งได้แต่ปวดใจหลั่งน้ำตา มองหญิงชราด้วยสายตาวิงวอน

 

 

ครั้งนี้หญิงชราตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว สักคำเดียวก็ไม่ช่วยพูดขอร้องแทนซุนวั่ง

 

 

คนทางนี้กินข้าวด้วยความโกลาหล ซุนเชี่ยนที่อยู่อีกด้านไม่รู้เรื่องสักนิด ยังคงนอนบนเตียงตัวเองคิดว่าพรุ่งนี้จะพูดกับเมิ่งเสียนอย่างไร

 

 

เช้าตรู่วันถัดมา เมิ่งเสียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไปส่งเมิ่งอี้เซวียนและซุนเหลียงไฉไปโรงเรียนด้วยกัน

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลับคืนสู่สภาวะเดิมแล้ว คนทั้งหมดพูดคุยสรวลเสไปจนถึงตำบล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพาเมิ่งอี้เซวียนมาส่งถึงหน้าประตู มองจ้องเขาเขม็ง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพูดรับรอง “ข้าจัดการเองได้”

 

 

มองส่งพวกเขาสองคนเดินเข้าไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาบนรถม้าสั่งเหวินเปียวให้ไปหอน้ำชา

 

 

ตอนเช้าหลังจากซุนเชี่ยนตื่นถึงได้รู้ว่าเมื่อวานเพราะเรื่องการแต่งงานของตัวเองให้เกิดเรื่องโกลาหลใหญ่โต นางผลุนผลันเข้าไปปลอบใจซุนซ่านเหริน ทั้งบอกเรื่องที่เมื่อวานไปพบเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้นางสารภาพรักกับเมิ่งเสียนให้เขาฟัง

 

 

แม้ซุนซ่านเหรินจะรู้สึกว่าซุนเชี่ยนทำเช่นนี้ปล่อยตัวเกินไป แต่พอคิดว่าเป็นความคิดของเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด ทั้งคิดถึงเรื่องที่บุตรชายไม่เอาถ่านของตัวเองไปรับปากคนไม่ได้เรื่องพรรค์นั่นให้เชี่ยนเอ๋อร์ จึงไม่สนใจอะไร ลุกขึ้นไปหอน้ำชากับนางทันที

 

 

รถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งมาถึงหน้าประตูหอน้ำชา เสี่ยวเอ้อเฝ้าประตูที่ได้รับคำสั่งเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น พูดอย่างอ่อนน้อม “นายท่านของพวกเราบอกไว้แล้ว หลังจากท่านมาถึง ให้พาท่านขึ้นไปห้องน้ำชาชั้นสอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ตามเสี่ยวเอ้อขึ้นไปชั้นสองพร้อมเมิ่งเสียน

 

 

ซุนซ่านเหรินและซุนเชี่ยนที่ได้ฟังเสี่ยวเอ้อเข้ามารายงานก็ออกมายืนรอที่หน้าประตู พอเห็นพวกเขาเข้ามา พูดขึ้นอย่างเป็นกันเอง “พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้ามานั่งข้างใน พวกเราดื่มชาไปพลางพูดคุยไปพลาง”

 

 

ทั้งสี่คนเข้ามานั่งในห้องน้ำชา หลงจู๊ชงชามาให้พวกเขาด้วยตัวเอง เมื่อรินให้ทุกคนเต็มถ้วยแล้ว ถึงถอยออกไปด้วยความนบนอบ ทั้งหับประตูลงอย่างเบามือ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มพูด “คืนสองวันก่อนโชคดีได้ท่านช่วย ถึงไม่ต้องให้พวกเถ้าแก่จางเดินทางกลับจังหวัดกลางดึก วันนี้พวกเรานอกจากเข้ามาขอบคุณท่านแล้ว ยังอยากซักถาม เกี่ยวกับกระเป๋านักเรียน เถ้าแก่จางมีความคิดเห็นอื่นหรือไม่”

 

 

ซุนซ่านเหรินโบกมือ หัวเราะเหอะๆ พูดว่า “แม่นางเมิ่งเกรงใจไปแล้ว กระเป๋านักเรียนเป็นการค้าของพวกเราสองครอบครัว ข้าออกแรงบ้างก็สมควรแล้ว สำหรับเถ้าแก่จางนั้น นอกจากกล่าวชมเชยเจ้าเป็นกระบุงโกย ดูเหมือนจะพึงพอใจการค้ากระเป๋านักเรียนนี้มาก บอกว่าเมื่อกลับไปหากว่าขายได้เร็ว ครั้งหน้าเขาจะสั่งเยอะขึ้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ยกน้ำชาขึ้นจิบคำหนึ่ง ร้องอุทาน “ซุนซ่านเหริน นี่คือน้ำชาอะไร กลิ่นถึงหอมกรุ่นเช่นนี้”

 

 

พูดจบกระแซะบอกเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ข้าไม่เคยดื่มน้ำชาที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย ท่านลองดื่มดูเล่า”

 

 

เมิ่งเสียนยกถ้วยชาขึ้น จิบคำเล็ก เป็นดังที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดจริงๆ ตัวชาทิ้งรสชาติหอมหวานทั่วปาก ยากจะลืมเลือน พูดสนับสนุนทันควัน “เป็นใบชาชั้นดีโดยแท้ อร่อยกว่าใบชาของบ้านพวกเราเสียอีก”

 

 

ซุนซ่านเหรินหัวเราะเบิกบาน “นี่เป็นชาใหม่ที่พวกเราเพิ่งนำเข้ามาได้สองวัน หากแม่นางเมิ่งชอบ เอากลับไปสักหน่อยก็ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “พวกเราไม่ค่อยรู้เรื่องใบชา ให้พวกเรามาก็เสียของเปล่าๆ สู้ต่อไปพวกเราว่างๆ เข้ามาดื่มที่นี่จะดีกว่า”

 

 

ซุนซ่านเหรินพยักหน้า “ก็ดี แม่นางเมิ่งอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เมื่อนั้น ประเดี๋ยวข้าจะกำชับหลงจู๊ ต่อไปจะเก็บห้องน้ำชาเอาไว้ให้พวกเจ้าโดยเฉพาะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจสะดุ้ง ร้อนรนปฏิเสธ “ไม่ต้องๆ พวกเรายังไม่แน่ว่าจะมีเวลาว่างตอนไหน อย่าให้เสียเวลาการค้าของท่านเลย” พูดจบก็เปลี่ยนเรื่องพูด “ทว่า ข้าสนใจใบชาที่เพิ่งนำเข้ามาใหม่ของพวกท่านนัก ซุนซ่านเหรินพอจะพาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่”

 

 

ซุนซ่านเหรินเข้าใจ ลุกขึ้นยืนพลัน “ไม่มีปัญหา ข้าจะพาแม่นางไปเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งเสียนก็รีบร้อนลุกขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเขา “พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้เรื่องใบชา ไม่ต้องไปแล้ว ประเดี๋ยวข้าก็กลับมา”

 

 

เมิ่งเสียนไม่มีความรู้เรื่องใบชาเลยจริงๆ ได้ฟังก็ไม่ทัดทาน กลับไปนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม

 

 

ซุนซ่านเหรินหันไปพูดกับซุนเชี่ยน “เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับคุณชายเมิ่ง ปู่และแม่นางเมิ่งจะรีบกลับมา”

 

 

ซุนเชี่ยนรับคำเสียงใส

 

 

ซุนซ่านเหรินและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไป

 

 

ภายในห้องน้ำชาเหลือซุนเชี่ยนและเมิ่งเสียนเพียงสองคน

 

 

เมิ่งเสียนนั่งบนเก้าอี้อย่างกระสับกระส่าย

 

 

ซุนเชี่ยนเห็นเช่นนั้น รินน้ำชาให้เขาเพิ่ม แย้มยิ้มถาม “ไม่ทราบว่าคุณชายเมิ่งมีแม่นางที่ต้องใจแล้วหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเสียนตกตะลึง เงยหน้ามองซุนเชี่ยน ใบหน้าแดงเรื่อ แล้วก้มหน้าลงทันควัน ครู่ใหญ่ถึงตอบกลับเสียงเบา “มะ ไม่มี”

 

 

ซุนเชี่ยนยังคงยิ้มหวานถาม “เช่นนั้นคุณชายเมิ่งเห็นว่าข้าเป็นอย่างไร?”

 

 

เมิ่งเสียนเงยหน้ามองนางอย่างตะลึงงัน

 

 

ซุนเชี่ยนถูกมองจนหัวใจเต้นรัว แต่ยังคงพูดว่า “คุณชายเมิ่งไม่ต้องตกใจไปหรอก วันนั้นที่ข้าเห็นท่านก็เกิดเป็นรักแรกพบต่อท่าน กลับไปคิดทบทวนที่บ้านเป็นนาน วันนี้ถึงรวบรวมความกล้าพูดเช่นนี้กับท่าน หวังว่าท่านจะรับข้าไปพิจารณาอย่างจริงจัง”

 

 

สิ้นเสียงนาง เมิ่งเสียนก็ตกใจลุกพรวด เกือบจะพลิกโต๊ะชาตรงหน้าคว่ำ พูดกับนางอย่างตื่นตระหนก “มะ แม่นางซุน ท่านอย่า อย่าพูดล้อเล่นเลย ข้าเป็นเพียงเด็กบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง ไหนเลยจะคู่ควรกับเจ้า”

 

 

ซุนเชี่ยนกำลังจะพูด

 

 

เมิ่งเสียนกลับทิ้งคำพูดว่า “ข้าจะไปดูว่าน้องสาวดูใบชาเสร็จหรือยัง” แล้ววิ่งแจ้นออกไปราวกับด้านหลังมีผีไล่ตามกวด

 

 

ซุนเชี่ยนยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น งงเป็นไก่ตาแตก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด