ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 184-1 มาหาถึงบ้าน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 184-1 มาหาถึงบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทอดถอนใจ พูดอย่างอ่อนใจ “พี่ใหญ่ไปมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับแม่นางคนหนึ่ง ไม่หมั้นหมายก็คงไม่ได้แล้ว” 

 

 

เมิ่งชื่อร้องอุทาน “อะไรนะ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพลันสะดุ้งตกใจต่อเสียงหวีดร้องของนาง เขยิบถอยออกมา แล้วรีบอุดหูตัวเอง พูดโอดครวญ “ท่านแม่ หูข้าจะแตกแล้ว” 

 

 

เมิ่งชื่อจับนางแน่น “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่เป็นความจริง พี่ใหญ่เจ้าไปมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับแม่นางคนหนึ่ง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

“เช่นนั้นจะรออะไร พวกเรารีบไปสู่ขอเถอะ” เมิ่งชื่อร้อนรนพูด 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทีกระวนกระวายของนาง พูดสัพยอก “ท่านแม่ พี่ใหญ่กระทำเรื่องน่าบัดสีเช่นนั้น ท่านควรจะจะอัดเขาให้หลาบจำสักหน่อยมิใช่หรือ?” 

 

 

ไม่คิดว่าเมิ่งชื่อกลับพูดว่า “พี่ใหญ่เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่เคยมีแม่นางที่พึงใจ แม่กระวนกระวายใจมาตลอด ตอนนี้เขาอุตส่าห์มีแม่นางที่ต้องตา แม่ดีใจเสียยังไม่ทันเล่า” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องตกใจถาม “ท่านไม่คิดจะถามว่าเป็นแม่นางบ้านไหนหรือ?” 

 

 

เมิ่งชื่อโบกมืออย่างไม่ไยดี “เป็นแม่นางบ้านไหนก็ได้ ขอเพียงพี่ใหญ่เจ้าพึงใจ แม่ล้วนยินดี” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตกตะลึงจังงัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่สมเป็นลูกแท้ๆ ของท่านจริงๆ” 

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะตีนางเบาๆ “พูดเพ้อเจ้ออะไร พวกเจ้าใครที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่บ้าง” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องโวยวาย “เช่นนั้นเรื่องคู่ครองของข้าเหตุใดถึงไม่ให้ข้าตัดสินเอง?” 

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะดุนาง “ยังไม่พอใจอีก เด็กดีอย่างอี้เซวียน คนอื่นจุดโคมไฟยังหาไม่เจอ เจ้ายังไม่พอใจหรือ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงเบา “อีกหน่อยพวกท่านจักต้องไม่ดีใจเช่นนี้” 

 

 

เมิ่งชื่อฟังไม่เข้าใจ ถามขึ้น “เจ้าพูดกระไร?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนพูด “ข้าบอกว่า พี่ใหญ่จะหมั้นกับแม่นางซุน” 

 

 

เมิ่งชื่อตกตะลึง จากนั้นปิติยินดีถามเสียงดังลั่น “แม่นางสกุลซุน พี่สาวของเหลียงไฉ?” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า 

 

 

เมิ่งชื่อดีใจจนเกือบจะกระโดดตัวลอย “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก แม่นางซุนมีนิสัยจริงใจเปิดเผย มีสัมมาคารวะ ทำการค้าเป็น แม่ชอบนางมานานแล้ว ไม่คิดว่าพี่ใหญ่เจ้าจะพึงพอใจนาง แม่ดีใจยิ่งนัก” 

 

 

พูดจบชื่นชมเมิ่งเสียน “ครั้งนี้เสียนเอ๋อร์สายตาไม่เลวจริงๆ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาบน “เขาสายตาไม่เลวอะไรกัน หากไม่เพราะข้าคิดแผนการ เกรงว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเลย” 

 

 

ซุนเหลียงไฉรีบชี้ตัวเองแล้วพูด “ยังมีข้า ยังมีข้า ข้าก็มีส่วนช่วยด้วย” 

 

 

เมิ่งชื่อถามอย่างกังขา “พวกเจ้าพูดอะไรกัน เหตุใดแม่ถึงฟังไม่เข้าใจ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงเช้าอีกรอบ 

 

 

ไม่คิดว่าพอเมิ่งชื่อฟังจบจะชื่นชมนาง “ทำได้ดีมาก หากอาศัยแต่พี่ใหญ่เจ้า ยังไม่รู้จะต้องรอไปถึงวันเดือนปีใด” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นหน้าไปตรงหน้านาง ยิ้มตาหยีถามขึ้น “ข้าเก่งกาจเช่นนี้ มีรางวัลอะไรหรือไม่?” 

 

 

เมิ่งชื่อตั้งแง่ป้องกันตัว “สำหรับเรื่องคู่ครองของเจ้ามิต้องเอ่ย” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจระบายอารมณ์ เบ้ปากพูดว่า “รู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกท่าน” 

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะตัวงอ 

 

 

เมิ่งชื่อให้พวกเขาทั้งหมดไปกินข้าว ส่วนตัวเองออกไปหาเมิ่งเอ้ออิ๋นอย่างครึ้มอกครึ้มใจ 

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ฟังแล้วก็ให้ดีใจเป็นล้นพ้น พูดทันควัน “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจงรีบไปซื้อของหมั้น พวกเราจะได้ไปสู่ขอแต่เนิ่นๆ” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า แล้ววิ่งไปหาสะใภ้เมิ่งต้าจิน 

 

 

สะใภ้เมิ่งต้าจินเคยเจอซุนเชี่ยน รู้ว่าเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ย่อมปิติยินดีด้วยเช่นกัน ทั้งสองหารือกันว่าต้องซื้อของหมั้นหมายอะไรบ้าง 

 

 

ตอนที่หมั้นหมายให้เมิ่งเหริน ทั้งสองเคยซื้อของหมั้นแล้ว พอจะรู้โดยรวมทั้งหมด ทว่าซุนเชี่ยนเป็นครอบครัวทำการค้า ของหมั้นหมายจะให้กระจอกไร้ราคาเกินไปไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองหารือกันเป็นนาน ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ สะใภ้เมิ่งต้าจินจึงเสนอความคิด “พรุ่งนี้พวกเราเข้าไปเดินวนในเมือง เจอสิ่งของที่เหมาะสมก็ซื้อกลับมา” 

 

 

เมิ่งชื่อรู้สึกว่าใช้ได้ พยักหน้าเห็นด้วย 

 

 

เมิ่งชื่อกลับมาบ้านด้วยความปิติอิ่มเอม บอกเมิ่งเชี่ยนโยวเรื่องที่จะไปหาซื้อของหมั้นหมายพรุ่งนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดข้อเสนอแนะของตัวเอง “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ จะต้องกระทบต่อชื่อเสียงของแม่นางซุน ดังนั้นของหมั้นที่ซื้อจะต้องสูงค่ามีระดับ ให้คนที่เห็นได้รู้ว่าครอบครัวพวกเราให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้มาก” 

 

 

เมิ่งชื่อเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา เคยไปซื้อของหมั้นให้เมิ่งเหรินก็เพียงครั้งนั้นครั้งเดียว เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นก็ใช้ได้ดีแล้ว ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็ให้ลำบากใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดถาม “แม่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดที่สูงค่ามีระดับ” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวชี้เข้าไปในบ้าน ยกยิ้มพูด “ด้านในมีบุคคลที่เหมาะสมเตรียมพร้อมอยู่แล้วมิใช่หรือ ท่านเข้าไปถามก็จะรู้เอง” 

 

 

เมิ่งชื่อถามอย่างเคลือบแคลง “ใครกัน?” 

 

 

“ก็ฮูหยินโจวทั้งสองอย่างไรเล่า พวกนางมาจากเมืองหลวง จะต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี” 

 

 

เมิ่งชื่อเข้าใจพลัน “แม่จะไปหาพวกนางเดี๋ยวนี้” พูดจบรีบเดินอาดๆ เข้าไปในบ้าน 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท่าทีของนาง ส่ายหน้าหลุดขำ 

 

 

เมิ่งชื่อเดินเข้ามาในบ้าน พูดกับสะใภ้โจวทั้งสองคนอย่างเกรงใจ “ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนพวกท่านทั้งสองคน” 

 

 

ทั้งสองหันสบตากัน สะใภ้ใหญ่โจวพูดว่า “ฮูหยินมิต้องเกรงใจ มีเรื่องอันใดก็พูดมาเถิด” 

 

 

เมิ่งชื่อรีบร้อนโบกมือ “พวกท่านอย่าได้พูดเช่นนี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่กล้ารบกวนพวกท่านจริงๆ แล้ว” 

 

 

ทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน 

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวพูดขึ้น “ท่านมีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ ดูว่าพวกเรามีเรื่องอะไรพอจะช่วยได้” 

 

 

เมิ่งชื่อพูด “บุตรชายคนโตข้ากำลังจะแต่งงาน เป็นคุณหนูสกุลใหญ่คนหนึ่งในเมือง อีกไม่กี่วันก็จะหมั้นหมายแล้ว พวกเราคิดว่าของขวัญสำหรับหมั้นหมายนี้จะให้เหมือนพวกเราชนบทที่ต่ำต้อยไร้ราคาเกินไปไม่ได้ พวกท่านช่วยข้าคิดหน่อยเถิด ว่าควรซื้อของขวัญเช่นไรถึงจะดี” 

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าปกติแล้วชาวชนบทจะซื้อของขวัญใดสำหรับเป็นของหมั้นหมาย?” 

 

 

เมิ่งชื่อบอกสิ่งของที่ต้องซื้อสำหรับหมั้นหมายแก่พวกนาง 

 

 

ทั้งสองครุ่นคิดครู่หนึ่ง 

 

 

สะใภ้ใหญ่โจวพูดว่า “อย่างไรก็ยังต้องรักษาขนบประเพณีของชนบทไว้ พวกท่านทวีจำนวนของขวัญทั้งหมดเพิ่มอีกหนึ่งเท่า จากนั้นเปลี่ยนเป็นของชั้นดีเยี่ยมก็ได้แล้ว ก็คือพวกเครื่องประดับจะต้องซื้อที่ดีที่สุด” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้าปลาบปลื้ม “พวกท่านคิดได้ถี่ถ้วนนัก ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ ขอบคุณพวกท่านมาก” 

 

 

ทั้งสองคนโบกมือ 

 

 

เมิ่งชื่อดีใจเดินออกมาบอกเมิ่งเชี่ยนโยว 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นก็ทำตามที่พวกนางว่าเถอะ แต่ว่า เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือให้คนไปทาบทามสู่ขอ” 

 

 

เมิ่งชื่อตบหน้าผากตัวเอง “แม่ดีใจจนเลอะเลือนไปแล้ว ลืมเรื่องสำคัญนี้ไปเสียสนิท” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ 

 

 

เมิ่งชื่อคิดคำนวณดู รู้สึกว่าเรื่องนี้ไปหาซ้อหวังจะเหมาะสมที่สุด ซ้อหวังนิสัยเปิดเผย คบค้าสมาคมกับคนมาก เรื่องที่รู้ก็มีมาก ไปให้นางช่วยสืบถามดูว่าแม่สื่อที่ไหนเหมาะสมที่สุด นางจะต้องรู้เรื่อง คิดถึงตรงนี้ ก็ตะลีตะลานเดินไปหาซ้อหวัง 

 

 

พอคนที่ปลูกเรือนกินอาหารอิ่ม ป้าหวังและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็จัดเก็บล้างจนสะอาด เพิ่งกลับมาถึงบ้าน เตรียมจะเอนตัวพักผ่อน เมิ่งชื่อก็เดินเข้ามา 

 

 

ป้าหวังพานางเข้ามาในบ้านอย่างกระตือรือร้น ถามเมิ่งชื่อว่ามีเรื่องอะไร 

 

 

เมิ่งชื่อจึงบอกเรื่องที่ต้องการหาแม่สื่อสักคน ไปพูดทาบทามสู่ขอให้เมิ่งเสียน 

 

 

ป้าหวังได้ฟังก็ดีใจเป็นอย่างมาก ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพูดว่า “หมู่บ้านข้างๆ มีแม่สื่อคนหนึ่งลีลาคารมดี ขอเพียงเรื่องแต่งงานนั้นผ่านมือนาง ย่อมต้องสำเร็จทุกราย ทว่า ค่าตัวแม่สื่อนางค่อนข้างสูง คนทั่วไปพอพูดสำเร็จแล้วต้องให้สองตำลึง คาดว่าครอบครัวพวกเจ้าจะสูงกว่านั้น” 

 

 

เมิ่งชื่อพูดว่า “ขอเพียงนางพูดให้ครอบครัวแม่นางซุนดีใจมีความสุข ยอมกำหนดวันหมั้นหมาย อย่าว่าแต่สองตำลึงเลย ยี่สิบตำลึงข้าก็ให้” 

 

 

ป้าหวังรู้ว่าตอนนี้บ้านเมิ่งมีเงินแล้ว เงินไม่กี่สิบตำลึงไม่ใช่ปัญหา จึงพูดทันควัน “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะพาเจ้าไปหานาง” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “ขอบใจซ้อหวัง” 

 

 

ป้าหวังยิ้มพูด “ไม่ต้องเกรงใจ หากไม่เพราะโยวเอ๋อร์ หู่จื่อจะเจริญเติบโตไปไกลเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าต้องขอบใจพวกเจ้าต่างหากเล่า” 

 

 

ทั้งสองพูดหัวเราะต่อกระซิกกลับมาบ้านเมิ่ง 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นทั้งสองคนกลับมา กล่าวทักทายป้าหวังอย่างมีมารยาท 

 

 

เมิ่งชื่อดีอกดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่จางหาย หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่กับป้าหวังจะไปหาแม่สื่อหมู่บ้านข้างๆ เจ้าให้เหวินเปียวบังคับรถม้าพาพวกเราไปส่งหน่อยเถิด” 

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า สั่งเหวินเปียวให้ไปส่งทั้งสองคน กำชับให้เดินทางระวัง 

 

 

เหวินเปียวเก็บกวาดรถม้าโดยไว มุ่งหน้าไปหมู่บ้านข้างเคียง 

 

 

หลังจากเข้ามาในหมู่บ้าน เหวินเปียวจอดรถม้าแล้วสอบถาม ไม่นานก็หาบ้านแม่สื่อเจอ 

 

 

เมิ่งชื่อตะโกนข้ามรั้วไม้ไผ่นอกลานบ้าน ประตูมีเสียงขานรับแล้วเปิดออก หญิงชราวัยห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้น “พวกเจ้ามาหาใครรึ?” 

 

 

เมิ่งชื่อยกยิ้มพูดว่า “พวกเราเป็นคนหมู่บ้านหวงข้างๆ บุตรชายคนโตกำลังจะแต่งงาน อยากให้ท่านช่วยไปพูดสู่ขอให้เสียหน่อย” 

 

 

หญิงชรามองประเมินนางขึ้นลง เห็นนางแต่งกายดีกว่าคนปกติทั่วไป กระหยิ่มยิ้มย่องใจ ทว่าก็ยังออกตัวก่อนว่า “ค่าตอบแทนแม่สื่อของข้าสูงกว่าคนอื่น เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่?” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “ทราบแล้วๆ” 

 

 

หญิงชราพูดว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาเถอะ” 

 

 

เมิ่งชื่อและป้าหวังเดินเข้าไปในลานบ้าน 

 

 

หญิงชราเปิดอ้าประตูบ้าน แล้วเบี่ยงตัว “เข้ามานั่งข้างในเถอะ” 

 

 

ทั้งสองเข้าไปในบ้าน 

 

 

หญิงชราพูดว่า “ข้าแซ่หลิว คนอื่นๆ เรียกข้าว่าแม่สื่อหลิว พวกเจ้าก็เรียกข้าเช่นนี้เถอะ” 

 

 

ทั้งสองคนพยักหน้า 

 

 

แม่สื่อหลิวถามขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนบ้านไหนของหมู่บ้านหวง แม่นางที่หมายปองไว้เป็นคนบ้านไหน? ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หรือหมายปองแม่นางบ้านนั้นฝ่ายเดียว” 

 

 

เมิ่งชื่อยิ้มพูด “พวกเราเป็นคนสกุลเมิ่ง บุตรชายข้าหมายปองคุณหนูสกุลใหญ่คนหนึ่งในเมือง ตอนนี้พวกเราสองครอบครัวตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ท่านเพียงแค่ช่วยไปทาบทามสู่ขอก็เป็นใช้ได้” 

 

 

แม่สื่อหลิวร้องอุทาน “สกุลเมิ่ง สกุลเมิ่งไหน สกุลเมิ่งมีลูกหลานสอบถงเซิงได้นะหรือ?” 

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า 

 

 

แม่สื่อหลิวร้อง “การได้ไปพูดทาบทามให้บุตรชายของครอบครัวพวกเจ้า เป็นวาสนาที่ข้าต้องสั่งสมถึงแปดชาติภพ เจ้าวางใจ การสู่ขอครั้งนี้ข้าจะต้องพูดให้เจ้าอย่างสวยงามหมดจด เหมาะสมถูกต้อง” 

 

 

เมิ่งชื่อยกยิ้มกล่าวขอบคุณ แล้วบอกเล่าเรื่องราวของเมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนให้นางฟัง 

 

 

แม่สื่อหลิวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “วางใจเถอะ ข้าจะจัดการให้เอง พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปแต่เช้าตรู่ จะกำหนดวันหมั้นมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน” 

 

 

เมิ่งชื่อกล่าวขอบคุณอีกครั้ง บอกแม่สื่อหลิวว่าหนทางเข้าเมืองค่อนข้างไกล เดินไปไม่สะดวก พรุ่งนี้พวกเขาจะส่งรถม้าเข้ามารับนางไป 

 

 

แม่สื่อหลิวพูดสู่ขอให้คนมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยได้นั่งรถม้า ดีอกดีใจยกใหญ่ เอาแต่พูดว่าดีๆ 

 

 

เมื่อได้เรื่องเรียบร้อย เมิ่งชื่อและป้าหวังก็กลับบ้าน 

 

 

รอคอยวันถัดมาอย่างตื่นเต้นยินดี 

 

 

เหวินเปียวได้รับคำสั่งจากเมิ่งชื่อ เช้าตรู่วันถัดมาก็บังคับรถม้าส่งแม่สื่อหลิวไปเรือนซุน 

 

 

เมิ่งชื่อรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างตื่นเต้นดีใจ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด