ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 167-3 รับคน

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 167-3 รับคน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวตรงมาบ้านใหญ่ บอกข่าวดีนี้กับเมิ่งจงจวี่

 

 

เมิ่งจงจวี่ตื้นตันจนเกือบจะเสียน้ำตา รีบให้เมิ่งต้าจินไปขอจดหมายแนะนำจากหัวหน้าสกุลต่างๆ ตนเองก็ฝนหมึกโดยไว เขียนจดหมายแนะนำอย่างตั้งใจ

 

 

หญิงชราเมิ่งและภรรยาเมิ่งต้าจินก็ตื่นเต้นดีใจไม่น้อย หญิงชราเมิ่งจับมือเมิ่งเชี่ยนโยวมาพูดว่า “หากอี้เซวียนสอบผ่านถงเซิงจริงๆ เช่นนั้นเขาจะเป็นบัณฑิตเพียงคนเดียวของสกุลเราแล้ว ต่อไปเจ้าต้องกวดขันเขาให้ดีๆ ให้เขาก้าวไปอีกขั้น สอบได้เป็นจองหงวน ได้สลักชื่อบนป้ายทอง เป็นเกียรติแก่วงศ์สกุลของพวกเรา”

 

 

ภรรยาเมิ่งต้าจินก็พยักหน้าเห็นพ้อง “ใช่ๆ โยวเอ๋อร์ ครอบครัวพวกเราต้องอาศัยพวกเจ้าสองคนแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวละล่ำละลักพูด “ท่านย่า ท่านป้าใหญ่ พวกท่านอย่าทำข้าตกใจนะ ครอบครัวมีคนตั้งเยอะ จะอาศัยแค่พวกเราสองคนได้อย่างไร”

 

 

หญิงชราเมิ่งทอดถอนใจ “คนมีไม่น้อย แต่ไม่มีใครที่จะมีพรสวรรค์ดีเช่นนี้ แม้เหรินเอ๋อร์จะไม่เลว แต่เทียบกับอี้เซวียนแล้ว ยังคงห่างชั้นกัน อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไปสอบซิ่วไฉไม่ได้ สกุลเมิ่งของเราย่อมมีเพียงพวกเจ้าสองคนแล้ว”

 

 

เอ่ยถึงเมิ่งอี้เซวียน ปฏิกิริยาชื่นบานปิติของภรรยาเมิ่งต้าจินเจือจางลง

 

 

เมิ่งจงจวี่เขียนจดหมายแนะนำเสร็จ พับอย่างละเอียดลออ มอบให้เมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งต้าจินเองก็ว่องไวรวดเร็ว ไม่นานก็นำจดหมายแนะนำที่เหลือกลับมา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บจดหมายแนะนำทั้งห้าฉบับไว้อย่างระวัง

 

 

เมิ่งจงจวี่และเมิ่งต้าจินกำชับนางถึงข้อควรระวังยามที่เมิ่งอี้เซวียนไปสอบระดับจังหวัด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจดจำเป็นข้อๆ จนขึ้นใจ

 

 

สุดท้ายเมิ่งจงจวี่กล่าวว่า “โยวเอ๋อร์เอ๋ย เส้นทางไปตัวจังหวัดยาวไกล พวกเจ้าจักต้องเดินทางแต่เช้า เลี่ยงไม่ให้ระหว่างทางมีสิ่งใดมาถ่วงเวลา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว ท่านปู่ ข้ากลับบ้านไปจัดเก็บสิ่งของ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางแต่เช้า”

 

 

เมิ่งชื่อจัดเก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องนำไปด้วยให้เรียบร้อยแต่เนิ่นๆ แล้ว นึกกลัวว่าตัวเองจะหลงลืมอะไร คอยถามเมิ่งเชี่ยนโยวซ้ำๆ “โยวเอ๋อร์ เจ้าคิดดูอีกที ยังมีสิ่งใดตกหล่นหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “ท่านแม่ ท่านถามข้าหลายครั้งแล้ว ข้าเองก็ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว สิ่งของที่จำเป็นไม่ขาดเลยสักชิ้น ท่านวางใจเถอะ”

 

 

เมิ่งชื่อวางใจนั่งบนเตียงเตา

 

 

กลุ่มหญิงสาวเย็บกระเป๋านักเรียนเห็นท่าทีปิติยินดีอยู่ไม่สุขของเมิ่งชื่อ หยั่งเชิงถามว่าเกิดเรื่องดีอะไรขึ้นในครอบครัว

 

 

เมิ่งชื่อดีใจลืมตัว บอกข่าวที่เมิ่งอี้เซวียนจะไปเข้าร่วมการสอบถงเซิงระดับจังหวัดกับพวกนาง

 

 

คนทั้งหมดอิจฉาดีใจ แล้วกล่าวอวยพรเป็นเสียงเดียว

 

 

ไม่คิดว่ากลุ่มหญิงสาวกลับมาบ้านจะอดใจไม่ได้ พูดออกมา ไม่ถึงครึ่งวัน คนในหมู่บ้านต่างก็ทราบข่าวที่เมิ่งอี้เซวียนจะไปเข้าสอบระดับจังหวัด คนไม่น้อยใช้โอกาสนี้มาแสดงความยินดีที่บ้าน

 

 

เมิ่งชื่อยิ้มต้อนรับพวกเขาทุกคน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมุ่นหัวคิ้ว

 

 

ตอนบ่าย ยังเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวไปรับทั้งสองคนเลิกเรียน

 

 

ตอนเช้า ซุนซ่านเหรินได้ยินหลงจู๊บอกว่า วันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวให้ตนเองเข้าไปรับซุนเหลียงไฉกลับมาอยู่บ้านได้สองสามวัน ก็ตื่นเต้นดีใจมาก แทบอยากจะไปรับเขามาจากโรงเรียนเสียเดี๋ยวนั้น กำชับบ่าวไพร่ในบ้านให้รีบเตรียมของอร่อยที่ซุนเหลียงไฉชอบกิน

 

 

บ่าวรับใช้ทำงานไว ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ก็เตรียมอาหารอร่อยพร้อมสรรพเต็มโต๊ะ

 

 

ซุนเหลียงไฉสะกดอารมณ์ตื่นเต้นดีใจไม่อยู่ เอาแต่เดินไปเดินมาภายในบ้าน ประเดี๋ยวประด๋าวก็มองท้องฟ้า รู้สึกว่าวันนี้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ตอนที่ยังเหลืออีกครึ่งชั่วยามถึงจะถึงเวลาเลิกเรียน ก็ทนรอต่อไปไม่ไหว สั่งการคนรถให้บังคับรถม้ามารอหน้าประตูโรงเรียนแต่เนิ่นๆ

 

 

อาจารย์เวรรู้จักรถม้าของบ้านซุนซ่านเหริน เห็นเขามาถึงแต่เนิ่นๆ ก็ให้เกิดความกังขา

 

 

ซุนซ่านเหรินลงจากรถม้า เดินยิ้มตาหยี่มาถึงหน้าประตูใหญ่ ทอดมองเข้าไปด้านใน

 

 

อาจารย์เวรเตือนเขาด้วยความหวังดี “ซุนซ่านเหริน วันนี้ท่านมาเร็วไปแล้ว ยังอีกครึ่งชั่วยามกว่าโรงเรียนจะเลิกน่ะ”

 

 

ซุนซ่านเหรินยิ้มตาหยี่พยักหน้า “ข้าทราบ ข้าแค่อยากจะมาแต่เนิ่นๆ ไม่รบกวนพวกเจ้าดอกนะ”

 

 

อาจารย์ลนลานโบกมือ “ไม่รบกวนๆ” พูดจบ ยังยกเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งออกมา พูดอย่างเอาใจ “ท่านนั่งรอก่อนเถอะ”

 

 

ซุนซ่านเหรินไม่ได้เจอหลานชายมาหลายเดือนแล้ว ไฉนเลยจะนั่งได้ลง โบกมือปฏิเสธ “ขอบคุณในน้ำใจของท่านอาจารย์ ข้ายืนประเดี๋ยวก็พอ”

 

 

อาจารย์เห็นเช่นนั้น จึงยกเก้าอี้ไปวางไว้อีกด้าน ตนเองก็ยืนพูดคุยเป็นเพื่อนซุนซ่านเหริน

 

 

เหวินเปียวทำเวลาได้แม่นยำเหมาะเจาะ ตอนที่รถม้าของพวกเขามาถึงหน้าประตูโรงเรียน เหลือเวลาห่างจากโรงเรียนเลิกเพียงหนึ่งเค่อ

 

 

หน้าประตูโรงเรียนมีรถม้าจอดรอหลายคันแล้ว ซุนซ่านเหรินสายตาแหลมคมพริบตาเดียวก็มองเห็นพวกเขา พูดกับอาจารย์ตามมารยาทสองสามคำ ก็เดินมุ่งหน้ามายังรถม้าของพวกเขา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งลงจากรถม้า ซุนซ่านเหรินก็ยิ้มตาหยี่ร้องทักทายนาง “แม่นางเมิ่ง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถาม “ท่านมาเร็วเช่นนี้เลยหรือ?”

 

 

ซุนซ่านเหรินตอบกลับ “ให้เจ้าขบขันแล้ว เพราะไม่ได้เจอเหลียงไฉมานานแล้ว คิดคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ก่อนเวลาครึ่งชั่วยามก็มาถึงแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเข้าใจ

 

 

ซุนซ่านเหรินกวักมือ บ่าวรับใช้ที่ติดตามมารีบนำของกำนัลบนรถม้าเดินเข้ามา

 

 

ซุนซ่านเหรินยิ้มตาหยี่พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ได้ยินว่าน้องสาวเจ้าจะไปเข้าสอบถงเซิงระดับจังหวัด ข้าตั้งใจเตรียมของแสดงความยินดีเล็กน้อยมา ขอเจ้ารับไว้ด้วยเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวลอบถอนใจ สมแล้วที่เป็นคนทำการค้ามาหลายปี ให้ของกำนัลก็ไม่ทำให้กระดากใจ หากซุนซ่านเหรินบอกว่าของกำนัลนี้เพื่อแสดงความขอบใจที่อบรมเลี้ยงดูซุนเหลียงไฉ เมิ่งเชี่ยนโยวจะต้องไม่ยอมรับไว้ แต่ตอนนี้บอกว่าเป็นของแสดงความยินดี นางจำต้องรับไว้ แล้วยิ้มกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่าน”

 

 

ซุนซ่านเหรินโบกมือ “มิใช่ของล้ำค่าอันใด แม่นางเมิ่งอย่าได้เกรงใจ เอาไว้น้องชายเจ้าสอบผ่าน ข้าค่อยเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้กล่าวปฏิเสธ

 

 

บ่าวรับใช้นำของกำนัลไปวางบนรถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

ซุนซ่านเหรินถามเรื่อยเปื่อย “แม่นางเมิ่ง หลานชายไม่เอาถ่านของข้า ช่วงที่ผ่านมาประพฤติตัวเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตั้งใจจะให้เขาประหลาดใจ ตอบยียวน “ข้าคงบอกท่านไม่ได้ อีกประเดี๋ยวเจอเขาท่านก็จะรู้เอง”

 

 

ซุนซ่านเหรินชะงักเล็กน้อย แล้วหัวเราะครื้นเครง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนรู้ว่าวันนี้เมิ่งเชี่ยนโยวจะยังมารับตัวเอง พอเลิกเรียนก็ง่วนเก็บกระเป๋านักเรียน เร่งเร้าซุนเหลียงไฉให้รีบไป ซุนเหลียงไฉกลับเจตนาเก็บกระเป๋านักเรียนตัวเองอย่างอืดอาด

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเห็นเช่นนั้น พริบตาเดียวก็เก็บกระเป๋านักเรียนให้เขาเสร็จ ลากเขาวิ่งตรงมาประตูโรงเรียน มองเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนรอเขาที่หน้าประตูไกลๆ ดีใจปล่อยมือซุนเหลียงไฉแล้ววิ่งออกมา

 

 

ซุนเหลียงไฉเบ้ปากอย่างไม่พอใจ เดินตามออกไป

 

 

ซุนซ่านเหรินก็ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมเมิ่งเชี่ยนโยวเช่นกัน ชะเง้อคอยืดยาวเป็นนานก็ไม่เห็นซุนเหลียงไฉ ร้อนใจถามเมิ่งอี้เซวียน “เหลียงไฉไม่ได้ออกมาพร้อมเจ้าหรือ?”

 

 

ซุนเหลียงไฉที่เดินมาถึงหน้าประตูได้ยินเสียงเขา ร้องเรียกอย่างยินดี “ท่านปู่” ร้องเสร็จก็กระโจนเข้าหา

 

 

ซุนซ่านเหรินไม่ทันระวัง เกือบจะล้มตัวหงาย รีบประคองเขาแน่น เห็นเพียงแวบเดียว ก็ร้องอุทานอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ “สวรรค์ นี่ใช่หลานของข้าจริงๆ หรือ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะพูด “หากเป็นของปลอมจะเปลี่ยนให้ใหม่”

 

 

ซุนเหลียงไฉกอดซุนซ่านเหรินร้องเรียกท่านปู่ไม่หยุด

 

 

ซุนซ่านเหรินรับคำไม่ขาด

 

 

นักเรียนและผู้ปกครองโดยรอบต่างหันมองมา

 

 

ซุนซ่านเหรินพินิจดูซุนเหลียงไฉอย่างละเอียด พบว่าเขาไม่เพียงผอมลง ทั้งยังสูงขึ้น ไม่เหลือเค้าเด็กตุ้ยนุ้ยในอดีตแล้ว ดูเป็นเด็กแข็งแรงสดใส เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

 

 

ซุนซ่านเหรินตื้นตันใจจนน้ำตาเกือบไหล กล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวไม่หยุด “ขอบใจแม่นางเมิ่งๆ”

 

 

ซุนเหลียงไฉไม่รู้เรื่องที่ตัวเองจะได้กลับไปอยู่บ้านสองสามวัน หลังจากดีใจก็ถามซุนซ่านเหริน “ท่านปู่ เหตุใดวันนี้ท่านถึงมาได้? เกิดเรื่องอะไรที่บ้านหรือไม่?”

 

 

ได้ฟังเขาถามอย่างสุภาพ ซุนซ่านเหรินตื้นตันใจจนพูดไม่ออก

 

 

ซุนเหลียงไฉเห็นเขาไม่พูด ก็ตกใจหนัก “ท่านปู่ เกิดเรื่องที่บ้านขึ้นจริงๆ หรือ”

 

 

ซุนซ่านเหรินส่ายหน้า

 

 

ซุนเหลียงไฉยิ่งทวีความร้อนใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ไม่ได้เกิดเรื่องอันใดกับบ้านเจ้า ข้าให้เจ้าหยุดพักสองสามวัน ให้เจ้ากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้าน”

 

 

ซุนเหลียงไฉไม่ได้ร้องไชโยดีใจ กลับถามอย่างไม่เข้าใจ “เช่นนั้นท่านปู่ข้าเป็นอะไร?”

 

 

ซุนซ่านเหรินสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ได้แล้ว แย้มยิ้มตอบ “ปู่ เพียงแค่ดีใจมากเกินไป”

 

 

ซุนเหลียงไฉโล่งอก ค่อยนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอะไร ถามอย่างยินดี “เจ้าบอกจะให้ข้ากลับไปอยู่บ้านได้สองสามวัน?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พรุ่งนี้ข้าต้องพาเมิ่งอี้เซวียนไปสอบระดับจังหวัด ไปกลับอย่างน้อยก็สามวัน ใช้โอกาสนี้ให้เจ้าได้กลับไปบ้านสักสามวัน”

 

 

ซุนเหลียงไฉดีอกดีใจ กอดซุนซ่านเหรินอีกครั้ง พูดอย่างเริงร่า “ท่านปู่ ในที่สุดข้าก็ได้กลับบ้านแล้ว”

 

 

ซุนซ่านเหรินดีใจพยักหน้าไม่หยุด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวลาพวกเขา “พวกเรายังต้องกลับบ้านไปเตรียมสิ่งของ ขอตัวก่อน”

 

 

ซุนซ่านเหรินกล่าวขอบคุณอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ จูงมือเมิ่งอี้เซวียนกลับขึ้นรถม้าของบ้านตัวเอง

 

 

ซุนซ่านเหรินเห็นพฤติกรรมสนิทสนมของพวกเขา ดวงตาหรุบหรี่ สมองสะท้อนแววกังขา

 

 

ซุนเหลียงไฉไม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ พูดอย่างชื่นบาน “ท่านปู่ พวกเรารีบกลับบ้านเถอะ ข้าคิดถึงท่านย่าและท่านพ่อท่านแม่แล้ว”

 

 

ซุนซ่านเหรินได้สติกลับมา พยักหน้า จูงมือซุนเหลียงไฉกลับมาขึ้นรถม้าอย่างเบิกบาน

 

 

กินอาหารค่ำเสร็จ ทั้งครอบครัวหารือกันเรื่องจะให้ใครไปตัวจังหวัดกับเมิ่งอี้เซวียนด้วย

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นแนะนำ “ให้โยวเอ๋อร์และเสียนเอ๋อร์ไปเหมือนเดิมเถอะ จะได้คอยดูแลกันได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ฉั่งฉิกและมันฝรั่งเพิ่งจะลงปลูก เป็นเวลาที่ต้องการการเอาใจใส่ พี่ใหญ่จะไปไม่ได้”

 

 

เมิ่งชื่อร้อนรนพูด “เรื่องพวกนี้มอบให้พ่อเจ้าเถอะ ให้พี่ใหญ่ไปกับพวกเจ้าด้วย แบบนี้พ่อกับแม่จะรู้สึกวางใจได้เต็มที่หน่อย”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงไม่เห็นด้วย “ท่านพ่อคนเดียวดูแลไม่ไหวดอก ให้พี่ใหญ่อยู่ที่บ้านเถอะ ข้าไปกับเขาก็พอแล้ว”

 

 

เมิ่งชื่อส่ายหน้างุด “ไม่ได้ พวกเจ้าไปกันเพียงสองคน แม่วางใจไม่ลง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเกลี้ยกล่อมนาง “ไม่ได้มีแค่พวกเราสองคน เหวินเปียวและเหวินหู่ก็ไปกับพวกเราด้วย พวกเขามีวรยุทธ์สูง ไม่เกิดเรื่องอันใดดอก”

 

 

เมิ่งชื่อยังคงเป็นห่วง

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นจึงเกลี้ยกล่อมด้วย “ในบ้านขาดคนไม่ได้จริงๆ ให้พวกเขาสองคนไปเถอะ เหวินเปียวและเหวินหู่มีวรยุทธ์กล้าแกร่ง เกิดเรื่องอะไรยังคุ้มครองพวกเขาได้”

 

 

เมิ่งชื่อยอมกล้ำกลืนเห็นด้วย

 

 

วันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สาง เมิ่งชื่อก็ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้พวกเขา พอเห็นพวกเขากินเสร็จ ก็กำชับเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน ให้พวกเขาเดินทางอย่างระวัง สอบเสร็จก็ให้กลับบ้านทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งอี้เซวียนพยักหน้าเชื่อฟัง รับประกันจะกลับมาตรงตามเวลา ถึงนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปตัวจังหวัดภายใต้แววตาพะวักพะวงของเมิ่งชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด