ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 241-1 สอนสัญญาณลับ

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 241-1 สอนสัญญาณลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พระอาจารย์ตกตะลึงเล็กน้อย ถามด้วยความกังขา “เหตุใดแม่นางคิดจะถามเรื่องนี้?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคิดเหตุผลหนึ่ง “วันนั้นข้าคลับคล้ายจะได้ยินนายท่านเหวินเอ่ยถึงเรื่องนี้กับท่านใต้เท้าเปา ให้รู้สึกกังขา แต่ก็ไม่กล้าซักถามความ จึงต้องมาถามพระอาจารย์เจ้าค่ะ”

 

 

พระอาจารย์โจวลูบเคราตนเอง เงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ความสัมพันธ์ของท่านแม่ทัพฉู่และท่านอ๋องฉี คนในเมืองหลวงต่างรู้ดี จะบอกเจ้าก็ไม่เป็นอะไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาอย่างรอคอย

 

 

พระอาจารย์โจวพูดต่อว่า “พระชายาอ๋องฉีเป็นพี่สาวของท่านแม่ทัพฉู่”

 

 

สิ่งที่คาดเดาภายในใจได้รับการยืนยัน เมิ่งเชี่ยนโยวหัวใจกระตุกวูบ หยั่งเชิงถาม “เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดในตอนนั้นอี้เซวียนถึงถูกนำมาทิ้งในป่าลึกได้?”

 

 

มือที่ลูบเคราของพระอาจารย์โจวชะงักกึก พิจารณาว่าควรพูดกับนางหรือไม่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พระอาจารย์มิต้องลำบากใจ ข้าเพียงสงสัยว่าพระชายาอ๋องฉีมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่เพียงนี้ เหตุใดถึงทำบุตรสูญหายได้?”

 

 

พระอาจารย์พิจารณาถ้อยคำ “เหตุใดอี้เซวียนถึงถูกทิ้งไว้ในป่า ข้าก็ไม่รู้ ข้าบอกแม่นางได้เพียงว่า สิบปีก่อนตอนที่อี้เซวียนหายสาบสูญไป เกิดมหันตภัยขึ้นในราชสำนัก ในตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนเพิ่งจะเสด็จสวรรคต เส้นทางการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้รับการข่มขู่ ในฐานะน้องชายร่วมมารดา ในตอนนั้นท่านอ๋องฉีคอยสนับสนุนพี่ชายตนเองอย่างสุดความสามารถ แน่นอนว่าท่านแม่ทัพฉู่ก็ยืนข้างท่านอ๋องฉี ทว่าในตอนนั้นเหตุการณ์คับขัน พระชายาอ๋องฉีก็ใกล้จะมีพระประสูติกาล เพื่อให้นางให้กำเนิดเด็กออกมาได้อย่างปลอดภัย ท่านอ๋องฉีและท่านแม่ทัพฉู่จึงหาสถานที่เหมาะสมแห่งหนึ่งให้นางรอมีพระประสูติกาล ต่อมาพระชายาอ๋องฉีประสูติพระโอรสออกมาได้สมดังหมาย ทว่าไม่รู้ข่าวเล็ดลอดทางไหน จึงถูกคนตามฆ่า เรื่องราวหลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว กระทั่งฮ่องเต้สงบศึกภายในได้ ตอนที่ท่านอ๋องฉีกลับไปรับพวกเขาแม่ลูก เด็กก็หายไปแล้ว และด้วยเหตุนี้พระชายาอ๋องฉีก็ล้มหมอนนอนเสื่อ ป่วยกระเสาะกระแสะ ไม่มีบุตรอีก”

 

 

แม้จะไม่ได้คำตอบทั้งหมด แต่ก็พอรู้เรื่องราวโดยรวมแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวฟังจบไม่พูดอะไร

 

 

ภายในห้องเงียบสงัด

 

 

ฮูหยินโจวให้สาวใช้ยกชาและขนมเข้ามา คลี่ยิ้มวางขนมแป้งข้าวไว้เบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยตัวเอง พูดว่า “นี่เป็นขนมแป้งข้าวที่ข้าทำเอง เจ้าลองชิมดู ว่ารสชาติเป็นอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนความรู้สึกหนักอึ้งในใจ แย้มยิ้มพูดเสียงหวาน “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”

 

 

พูดจบ หยิบขนมแป้งข้าวชิ้นหนึ่งมากัด กลืนและเอ่ยชม “ขนมแป้งข้าวที่ท่านทำอร่อยยิ่งนัก ข้าไม่เคยกินขนมแป้งข้าวอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ”

 

 

ได้รับคำชม ฮูหยินโจวแย้มยิ้มเบิกบาน “หากเจ้าชอบกิน ข้าจะให้สาวใช้บรรจุใส่กล่อง ประเดี๋ยวขากลับเจ้าจะได้เอากลับไปค่อยๆ กินเล่น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ปฏิเสธ “ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”

 

 

ฮูหยินโจวกำชับสาวใช้ให้บรรจุขนมแป้งข้าวแต่ละแบบให้เมิ่งเชี่ยนโยวนำกลับไป

 

 

สาวใช้รับคำ บรรจุเสร็จกลับมาโดยไว

 

 

ที่ควรถามก็ถามหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบขนม แล้วลุกขึ้นบอกลา

 

 

ฮูหยินโจวออกมาส่งนางถึงด้านนอกประตูใหญ่ด้วยตัวเอง มองนางเดินไปไกล ถึงหันหลังกลับเข้าบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินบนถนน จิตใจหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่นไปตลอดทาง กระทั่งมาถึงหน้าประตู ถึงเก็บคืนความรู้สึก ถือกล่องขนมเดินพ้นประตูเข้าไป

 

 

เมิ่งชื่อเห็นนางเข้ามาจากด้านนอก ในมือยังถือสิ่งของมาด้วย นึกสงสัยถาม “โยวเอ๋อร์ เจ้าไปทำอะไรมารึ?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “เมื่อครู่ข้าไปสวัสดีปีใหม่พระอาจารย์มาเจ้าค่ะ นี่เป็นขนมแป้งข้าวที่ฮูหยินโจวทำเองกับมือ ข้าชิมแล้วอร่อย นางจึงให้มาเพิ่มเจ้าค่ะ”

 

 

คนชนบทมีข้าวกินอิ่มท้องก็ไม่เลวแล้ว ไหนเลยจะทำขนมแป้งข้าวเป็น ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เมิ่งชื่อประหลาดใจถาม “ฮูหยินโจวทำขนมแป้งข้าวเป็นด้วย?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า วางตะกร้าสานไว้เบื้องหน้านาง เปิดฝาออก หยิบชิ้นหนึ่งส่งให้เมิ่งชื่อ “ท่านลองชิมเถิด อร่อยมากเทียว”

 

 

เมิ่งชื่อรับมา กินคำเล็ก “อืม อร่อยนุ่มลิ้น หวานหอมแต่ไม่เลี่ยน ฮูหยินโจวช่างมีฝีมือนัก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้ พูดว่า “ข้าชิมแล้วก็รู้สึกว่าอร่อย พอฮูหยินโจวบอกจะให้ข้าเพิ่ม ข้าจึงไม่ปฏิเสธ”

 

 

เมิ่งชื่อกลืนขนมแป้งข้าว พูดว่า “ฮูหยินคุณนายในเมืองหลวงต่างมีทักษะดี แม้แต่ขนมแป้งข้าวก็ทำเป็น ไม่เหมือนผู้หญิงบ้านนาอย่างพวกเรา ก็แค่นึ่งวอโถว ปั้นหมั่นโถวเป็นเท่านั้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ท่านแม่ พวกฮูหยินในเมืองหลวงวันๆ ไม่ต้องทำงาน ถึงต้องทำขนมเพื่อฆ่าเวลา ไฉนเลยจะเหมือนผู้หญิงชนบท วันๆ ต้องปรนนิบัติผู้อาวุโส ดูแลลูกๆ ยังต้องตามไปทำไร่ทำนา”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “ก็จริงนะ ผู้หญิงบ้านนาอย่างพวกเราแค่ให้ท้องอิ่มยังเป็นเรื่องยาก ไหนเลยจะมีว่างมาคิดทำเรื่องพวกนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดแนะนำ “ทว่า ต่อไปท่านแม่ขอไปเรียนวิชาจากฮูหยินโจวได้นะเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งชื่อโบกมือพัลวัน “ช่างเถอะ งานละเอียดอ่อนพวกนี้แม่ทำไม่ได้ดอก หากมีเวลาเอาไปเย็บกระเป๋านักเรียนที่โรงงานดีกว่า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำอีกครั้ง

 

 

กินหมดหนึ่งชิ้น เมิ่งชื่อปัดๆ มือ กำชับเมิ่งเชี่ยนโยว “ฮูหยินโจวให้มาไม่น้อย พวกพี่รองและอี้เซวียนต่างอยู่ในห้อง เจ้าเอาไปให้พวกเขาบ้างเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำ หยิบจำนวนหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ “พวกนี้ให้พี่ใหญ่พี่สะใภ้ ที่เหลือจะเอาไปให้พวกพี่รองเจ้าค่ะ”

 

 

“ไม่ต้องแล้ว” เมิ่งชื่อพูด “หลายวันมานี้เจ้าไม่อยู่บ้าน พี่ใหญ่เจ้าไม่วางใจภายในบ้าน จึงไม่ได้ไปสวัสดีปีใหม่บ้านพี่สะใภ้ เมื่อครู่แม่เพิ่งจะเก็บของให้พวกเขาเสร็จ ให้พวกเขาเข้าเมืองไปแล้ว อีกทั้งกำชับพี่ใหญ่เจ้าให้อยู่กับเชี่ยนเอ๋อร์ที่บ้านนางหลายๆ วัน ขนมแป้งข้าวพวกนี้สดใหม่ เก็บได้ไม่นาน เจ้าเอาไปให้พวกเขากินกันเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังหยิบขนมแป้งข้าววางกลับเข้าไปในกล่อง ถือกล่องเดินมาห้องฝั่งตะวันออก

 

 

เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิงออกไปเล่นซุกซน มีเพียงเมิ่งฉีและเมิ่งอี้เซวียนสองคนอยู่ในห้อง

 

 

ทั้งสองนั่งหน้าโต๊ะ ด้านหน้าเมิ่งฉีมีสมุดบัญชีวางเปิดอ้าอยู่ ส่วนด้านหน้าเมิ่งอี้เซวียนมีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสองมองตรงมาที่นางพร้อมกัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยววางขนมแป้งข้าวลงบนโต๊ะ พูดว่า “นี่เป็นขนมแป้งข้าวที่ฮูหยินโจวทำ อร่อยมากๆ พวกท่านกินกันเถอะ”

 

 

เมิ่งฉีรับมา ใส่เข้าปากเคี้ยวหมุบหมับ ส่วนเมิ่งอี้เซวียนกลับกัดคำเล็กเคี้ยวช้าๆ

 

 

มองดูกิริยาการกินอย่างละมุนละไมของเขา คำกล่าวของพระอาจารย์ดังก้องข้างหูอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้น “อี้เซวียน พระอาจารย์โจวบอกว่าจะเปิดเรียนเมื่อใด?”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกลืนขนมแป้งข้าวในปาก แล้วตอบว่า “พระอาจารย์บอกว่าเปิดเรียนวันที่ยี่สิบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ยังเหลือสิบกว่าวัน เจ้าเองว่างงานพอดี ข้าจะสอนบางอย่างให้เจ้าแล้วกัน”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนพยักหน้า

 

 

ครั้งก่อนเมิ่งเชี่ยนโยวสอนให้เมิ่งอี้เซวียนจำแนกสมุนไพร เมิ่งอี้เซวียนจำไม่ได้ เรื่องที่ถูกตีทุกวันยังติดตาตรึงใจ เมิ่งฉีตั้งใจกินขนมแป้งข้าวในมือตนเอง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทีเขาให้รู้สึกขบขัน แสร้งพูดว่า “พี่รอง ไหนๆ ท่านก็ว่างงาน มาเรียนด้วยกันเป็นอย่างไร”

 

 

เมิ่งฉีเกือบจะสำลักขนมแป้งข้าวในปาก โบกมือเป็นพัลวัน “ไม่ได้ ช่วงนี้ข้ายังต้องตรวจบัญชีให้ละเอียด ไม่มีเวลาว่างเช่นนั้นดอก” พูดจบ รีบยัดขนมแป้งข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก กินไปพลางหยิบสมุดบัญชีมาวางย้ำๆ เบื้องหน้าตนเอง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวคลี่ยิ้มส่ายหน้า วางกล่องขนมไว้บนโต๊ะ “ในนี้ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง วางไว้ตรงนี้ พอเจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์กลับมาค่อยให้พวกเขากิน”

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้าหงึก “ข้ารู้แล้ว ข้าจะเอาให้พวกเขากิน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเดินออกไป กลับมายังห้องตนเอง

 

 

เมิ่งอี้เซวียนกินขนมแป้งข้าวคำสุดท้ายหมด ปัดมือ ปิดหนังสือ วางเข้าที่ ถึงมาที่ห้องเมิ่งเชี่ยนโยว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนเก้าอี้รอเขา

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเข้ามา นั่งบนเก้าอี้เช่นกัน

 

 

ทั้งสองไม่มีใครเอ่ยปาก

 

 

ภายในห้องเงียบสงัด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด