ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 181-1 แอบเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 181-1 แอบเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รู้เลยว่าการที่ตนเองใช้แผ่นหยกแลกเปลี่ยนตั๋วเงิน จะสร้างความปั่นป่วนโกลาหลเช่นไร เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนไปเกือบครึ่งเมืองหลวง แม้แต่ฉู่เหวินเจี๋ยยังเขียนจดหมายให้เหวินซื่อ ให้เขาสืบความมาให้ได้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ผ่านไปไม่นาน ตำบลชิงซีก็มีบุคคลที่มีสถานะไม่ชัดเจนจำนวนมากเข้ามา แอบนำภาพวาดสืบเสาะค้นหาบ้านเศรษฐีทั่วทั้งตำบลชิงซี

 

 

คนทั้งหมดกลับมาถึงบ้านก็เที่ยงแล้ว เมิ่งเอ้ออิ๋นอยู่บ้านพอดี เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วเงินสามหมื่นออกมาวางเบื้องหน้าเขา “ท่านพ่อ ท่านดูก่อน นี่เป็นเงินของครอบครัวเรา ยังมีมากเช่นนี้เล่า เหลือพอให้ปลูกเรือนได้สบายๆ”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นเห็นนางมีตั๋วเงินออกมาได้จริงๆ ก็ไม่คัดค้านอีก “เมื่อมีเงิน เราก็ปลูกเรือนได้ แต่ว่าการปลูกเรือนครั้งนี้ขนาดไม่ใหญ่ เราไม่ต้องจ้างคนจำนวนมากแล้วกระมัง?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “นอกจากขยายเรือนของพวกเราแล้ว ข้ายังคิดอยากจะสร้างโรงงานอีกสองสามแห่ง รวมถึงปลูกเรือนหลังใหม่ให้ท่านปู่ท่านย่าด้วย”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นสูดลมหายใจเข้าปาก ร้องอุทาน “เช่นนั้นต้องใช้เงินมากขนาดไหน?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “วางใจเถอะ เงินสามหมื่นตำลึงนี้ใช้ไม่หมดอย่างแน่นอน”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นคัดค้าน “ปลูกเรือนหลังเดียวก่อนเถิด ให้เสียนเอ๋อร์ใช้แต่งงาน ส่วนที่เหลือรอให้เปิดโรงงานกุนเชียงตอนฤดูหนาว มีรายรับก่อนค่อยสร้างก็ได้ ตอนนี้เจ้าจะสร้างมากเช่นนี้ในคราเดียว ใช้เงินไปจนหมดเกลี้ยง หากในบ้านเกิดเรื่องขึ้นจะทำอย่างไร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ท่านพ่อ พวกเราจะปลูกเรือน โรงงานกุนเชียงที่สร้างไว้จะต้องรื้อทิ้ง จะรอให้ถึงฤดูหนาวค่อยสร้างโรงงานไม่มีทางทำทัน อีกอย่าง หลังจากเก็บเกี่ยวมันฝรั่งได้ ข้ายังคิดจะสร้างโรงงานอีกสองสามหลัง ฉวยโอกาสตอนนี้ที่พวกเราว่าง สร้างโรงงานทั้งหมดนี้ขึ้นพร้อมกัน พอพวกเราต้องการใช้จะได้ให้คนงานเข้าไปทำงานด้านในได้ทันที สำหรับเรื่องเงิน หลังจากมันฝรั่งสุกได้ที่แล้ว พวกเราก็จะมีรายรับเอง”

 

 

“เช่นนั้นก็ชะลอเรือนของท่านปู่ท่านย่าเจ้าไว้ก่อนเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ความคิดแรกเริ่มที่พวกเราจะปลูกเรือนให้ท่านปู่ท่านย่าก็เพื่อให้พี่เมิ่งเหรินได้แต่งภรรยา ตอนนี้ท่านอาจารย์เข้าไปอาศัยในเรือนหลังใหม่ ตอนสิ้นปีพี่เมิ่งเหรินแต่งภรรยาก็จะไม่มีเรือนให้อาศัย ไม่อย่างนั้นเราฉวยโอกาสตอนนี้ปลูกเรือนไปพร้อมกันเลย พออากาศเย็น พวกเราจะได้มุ่งมั่นให้กับโรงงานของพวกเราได้อย่างเต็มที่”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นยังคงคัดค้าน เมิ่งเชี่ยนโยวตัดสินใจเด็ดขาด “ท่านพ่อ ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านเชื่อข้าเถอะนะ”

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นรู้ว่าบุตรสาวมีความคิดแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วไม่มีเปลี่ยนง่ายๆ อีก จึงพยักหน้าเห็นชอบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไปหาเมิ่งต้าจินก่อน บอกว่าตัวเองคิดจะสร้างโรงงานเป็นเทือก และปลูกเรือนที่มีห้องนอนขนาบคู่หน้าหลังอีกสองสามหลัง ให้เขาช่วยดูว่าพอจะมีพื้นที่ปลูกเรือนตรงไหนที่เหมาะสม จากนั้นก็มาหาเมิ่งซานถง พูดว่า “ท่านอาสาม ท่านช่วยส่งข่าวบอกท่านอาโหย่วเหริน บอกว่าข้าจะสร้างโรงงานหลายหลัง ให้เขามีเวลาก็เข้ามา พวกเราจะได้หารือรายละเอียดกัน”

 

 

เมิ่งซานถงพยักหน้า “ตอนค่ำข้าจะไปส่งข่าวที่หมู่บ้านข้างเคียง ให้เขาเข้ามา”

 

 

หลังจากที่โหย่วเหรินปลูกเรือนหลังใหม่ให้สกุลเมิ่ง ก็สร้างชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วทั้งตำบลชิงซี มีบางครอบครัวเศรษฐีถึงกับเชิญเขามาปลูกเรือนให้ งานยุ่งวุ่นวายไม่ขาด ทว่าพอได้รับแจ้งข่าวจากเมิ่งซานถง บอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเรียกหาเขา เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็ตรงเข้ามาทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบแปลนภาพของตัวเองให้เขาดู “ข้าคิดจะขยายเรือนของครอบครัวข้าให้ใหญ่ขึ้น นอกจากเรือนหลักแล้ว จะสร้างเรือนรองเพิ่มอีกสองสามหลัง เรือนพวกนี้จะเป็นเอกเทศแต่ก็ต้องเชื่อมต่อกัน สมมติว่าอีกฝั่งเกิดเรื่องอะไร อีกฝั่งจะต้องได้ยินทันที”

 

 

โหย่วเหรินมองดูแปลนภาพยิ่งใหญ่อลังการแผ่นนั้น ทอดถอนใจอีกครั้ง สกุลเมิ่งมีแม่นางที่เก่งกล้าสามารถเช่นนี้ จะไม่ให้รุ่งโรจน์คงยาก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเขาไม่พูดอะไร นึกว่าเขาคับข้องลำบากใจ จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าทราบว่าตอนนี้ท่านอาโหย่วเหรินยุ่งมาก หากท่านลำบากใจ พวกเราจะเชิญคนอื่นมาก็ได้”

 

 

โหย่วเหรินโบกมือ “แม่นางเมิ่งพูดเช่นนี้เท่ากับตบหน้าข้าแล้ว ที่ข้ามีวันนี้ได้ เพราะแม่นางผู้เดียว ขอเพียงแม่นางเอ่ยปาก ต่อให้ต้องผลักงานอื่นทั้งหมดออกไป ข้าก็จะต้องมาช่วยสร้างบ้านให้ท่านก่อน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านอาโหย่วเหริน”

 

 

หลังจากทั้งสองคนปรึกษาเรื่องวันลงมือก่อสร้างเสร็จ โหย่วเหรินก็จากไป

 

 

ต่อจากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำการแบ่งงานที่มีทั้งหมด เมิ่งเสียนมีหน้าที่รับสมัครคนมาทำงานจับกัง เมิ่งเอ้ออิ๋นรับผิดชอบเรื่องการปลูกเรือน ส่วนเรื่องทำอาหารก็มอบให้เมิ่งชื่อ

 

 

พวกเขาปลูกสร้างบ้านเรือนมาหลายครั้งแล้ว ทุกคนต่างคุ้นเคยกับงานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามขั้นตอน ทว่า หลังจากที่เมิ่งชื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวให้คนรื้อกำแพงลานบ้านออก ก็ให้ปวดใจเป็นอย่างมาก ร้องโอดครวญว่าสิ้นเปลืองเงินไปไม่น้อยอีกแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแย้มยิ้มปลอบใจนาง “ท่านแม่ อิฐแดงพวกนี้ยังนำมาใช้ได้ สิ้นเปลืองเงินไม่มากเท่าใดหรอก”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้บอกคนในครอบครัวเรื่องที่ตนเองคิดจะสร้างเรือนหลักและเรือนรองให้เชื่อมต่อกัน ดังนั้นตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวให้เมิ่งเอ้ออิ๋นเรียกคนมาเก็บกวาดด้านข้างเรือนให้สะอาด ทั้งอัดพื้นดินให้แน่น เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อต่างก็คิดว่านางจะย้ายสนามฝึกวรยุทธ์ไปด้านข้าง

 

 

เมิ่งต้าจินก็หาที่ดินสองแปลงนอกหมู่บ้านให้นางได้แล้ว หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวมาดู ก็เข้าไปศาลาว่าการตำบลทำโฉนดพร้อมเขา พอกลับมาก็ให้เมิ่งต้าจินช่วยหาคนมาทำความสะอาดที่ดิน

 

 

ในหมู่บ้านนอกจากแรงงานที่ต้องรดน้ำในแปลงมันฝรั่ง แรงงานเกือบทั้งหมดที่เหลือต่างก็มารื้อถอนกำแพงและอัดพื้นดินบ้านเมิ่งเอ้ออิ๋นจนแน่น

 

 

เมิ่งต้าจินไปหาผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้างๆ บอกว่าตนเองจะปลูกเรือน ต้องการแรงงานจับกังจำนวนมาก ให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาคนที่ทำงานขยันขันแข็งมาจำนวนหนึ่ง ค่าแรงคือวันละสามสิบอีแปะ

 

 

ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านข้างๆ ยินดีปรีดา จัดการเลือกคนในหมู่บ้านหลายสิบคนออกมาทันที

 

 

เมิ่งต้าจินบอกทุกคนว่า “ครั้งนี้เป็นการปลูกเรือนของครอบครัว ต้องการแรงงานจับกัง งานค่อนข้างเหนื่อย หากใครคิดว่าตัวเองทำไม่ไหว ก็ให้บอก”

 

 

ผู้ใหญ่เลือกมาล้วนแต่เป็นคนขยันทำงานของหมู่บ้าน งานเช่นนี้ไม่เหนื่อยบ่ากว่าแรง ย่อมไม่มีใครเดินออกมา

 

 

เมิ่งต้าจินบอกพวกเขาอีกว่า หนึ่งวันได้ค่าแรงสามสิบอีแปะ ตอนเที่ยงมีข้าวให้หนึ่งมื้อ เป็นหมั่นโถวและผัดผักรวมให้กินจนอิ่ม

 

 

พอคิดถึงผัดผักรวมในงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีของบ้านเมิ่งที่เห็นเนื้อหมูเป็นแผ่นๆ คนที่ถูกเลือกต่างก็ดีใจกันยกใหญ่ ส่วนคนที่ไม่ได้รับเลือกกลับมองพวกเขาด้วยใบหน้าอิจฉาตาลุกวาว

 

 

หลังจากกำหนดเวลาการทำงานของวันถัดมาแล้ว เมิ่งต้าจินก็กลับมาที่บ้าน บอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่าจัดการเรื่องรับสมัครคนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้พวกเขาจะเข้ามาเริ่มทำงาน

 

 

หลังจากกำแพงเรือนถูกรื้อถอนเสร็จ พื้นดินถูกอัดจนแน่นดีแล้ว โหย่วเหรินก็นำนายช่างใหญ่ และคนงานจับกังดาหน้าเข้ามาทำงาน สองสามีภรรยาเมิ่งเห็นหัวดำๆ น่าจะมีถึงสองร้อยคนได้ ก็ให้ตกใจสะดุ้ง โหย่วเหรินยิ้มอธิบายอย่างเก้อเขิน “พอทุกคนได้ยินว่ามาทำงานบ้านท่าน ต่างก็แย่งกันเข้ามา หากไม่เพราะข้าฝืนห้ามไว้แล้วบางส่วน ให้พวกเขาไปที่อื่น จำนวนคนจะยิ่งมากกว่านี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านอาโหย่วเหรินขยายกำลังคนได้เร็วเช่นนี้ เป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง”

 

 

โหย่วเหรินตอบ “เป็นเพราะอาศัยบารมีของแม่นางอย่างไรเล่า ตั้งแต่ที่ปลูกเรือนให้ท่าน แล้วท่านก็จ่ายเงินค่าแรงให้ภายในวันเดียวกันเลย ต่อมาคนที่จ้างพวกเราไปปลูกเรือนก็ไม่มีใครผ่อนผันติดค้างเงินค่าแรงอีก ดังนั้นชื่อเสียงข้าก็เลยดีขึ้นเรื่อยๆ ได้รับงานเพิ่มมากขึ้น กำลังคนก็เลยเพิ่มขึ้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ความชอบนี้ข้าไม่ขอรับ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะงานประณีตที่ท่านเป็นผู้นำพวกเขาทำ ทำให้เจ้าของงานพึงพอใจถึงได้รับมา หาได้เกี่ยวกับข้าไม่”

 

 

หลังจากทั้งสองกล่าวตามมารยาทแล้ว โหย่วเหรินก็สั่งเหล่าคนงานเริ่มลงมือทำงาน

 

 

เมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งซานถงคอยดูความคืบหน้าของบ้าน เมิ่งต้าจินรับผิดชอบให้คนต่างหมู่บ้านมาทำความสะอาดที่ดินสองแปลงที่เพิ่งจะซื้อไว้

 

 

ทุกคนต่างยุ่งหัวไม่วางหางไม่เว้น มีเพียงเมิ่งอี้เซวียนที่เข้าไปเรียนหนังสือบ้านท่านอาจารย์ตรงตามเวลาทุกวัน ท่านอาจารย์เป็นตี้ซือมาหลายปี นึกว่าโลกนี้จะไม่มีใครฉลาดเกินลูกหลานเชื้อพระวงศ์แล้ว ไม่คิดว่าหลังจากสอนเมิ่งอี้เซวียนถึงได้รู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เด็กคนนี้เป็นดั่งเซียนเด็ก ขอเพียงเป็นความรู้ที่เขาสอน เขาจะรับรู้ได้โดยไว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องท่องกลอน เขาอ่านผ่านเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้ว ดังนั้นท่านอาจารย์จึงทำตามสัญญา ทุกเจ็ดวันจะให้เขาหยุดสองวัน ทว่าพอไม่มีคน ท่านอาจารย์คิดถึงรูปลักษณ์ของเมิ่งอี้เซวียนก็ให้แอบประหวั่นใจ ไม่ทราบว่าการที่ตนเองมาเป็นท่านอาจารย์ของเมิ่งอี้เซวียนนี้จะเป็นเรื่องดีหรือร้าย

 

 

แม้จะเชิญบุตรชายท่านอาจารย์มาเป็นครูสอนหนังสือ แต่ชั่วเวลาจำกัดนี้เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่อาจหาสถานที่เหมาะสมมาทำสำนักการศึกษาได้ จึงปล่อยซุนเหลียงไฉเป็นอิสระช่วงเวลาหนึ่ง ให้เขาช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะช่วยได้แทน

 

 

นอกจากต้องตื่นแต่เช้าตรู่มาออกกำลังกายตรงตามเวลาทุกวัน ไม่ต้องไปโรงเรียนอีก ทำเอาซุนเหลียงไฉดีใจจนเนื้อเต้น คอยวิ่งมุดเข้ามุดออกที่ปลูกสร้างเรือนอย่างเริงร่าทุกวัน ประเดี๋ยวก็ทำโน่นนิด ประเดี๋ยวก็ทำนี่หน่อย หรือไม่ก็ไปเล่นแมลงปอไม้ไผ่กับเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงอย่างสนุกสนาน ไม่มีความคิดอยากจะกลับบ้านเลยแม้แต่น้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด