ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 224-3 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (1)

Now you are reading ข้ามกาลบันดาลรัก ส่วนที่ 1 Chapter 224-3 ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรสาวจะต้องแต่งไปอยู่เมืองหลวง ตอนนี้กลับถูกตบจนฟันหลุด เช่นนั้นความหวังมิพังทลายหมดสิ้นหรือ สะใภ้หลิวกุ้ยไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ก้มศีรษะร้องคำรามพุ่งเข้าใส่ซุนเอ้อ

 

 

ชาวบ้านต่างสะดุ้งตกใจ ซุนเอ้อยังไม่ทันรู้ตัวก็ถูกสะใภ้หลิวกุ้ยชนหงายเก๋งไปกับพื้น

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยที่ชนซุนเอ้อลงไปนอนแอ้งแม้งได้ ยืนร่างโซเซเล็กน้อย จากนั้นราวกับคนเสียสติ ขึ้นคร่อมขี่ร่างซุนเอ้อ จู่โจมตบตีเขาทุกทิศทุกทาง ร้องก่นด่าสาดเสียเทเสียฟังไม่รู้ความ “ข้าจะตีให้ตายเจ้าคนสารเลว ข้าจะเอาเจ้าให้ตายเจ้าคนสารเลว…”

 

 

ซุนเอ้อถูกตีจนมึน ลืมจะตอบโต้ ถูกตีต่อเนื่องหลายครั้ง

 

 

เป็นอู๋ต้าที่ได้สติกลับมาก่อน เข้าไปกระชากสะใภ้หลิวกุ้ยออก ถึงช่วยซุนเอ้อให้รอดมาได้

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยถูกอู๋ต้ากระชากออกมา ยังคงร้องก่นด่าสองมือกวักแกว่งไม่หยุด

 

 

พวกหลี่ลิ่วรีบเข้าไป ดึงตัวซุนเอ้อขึ้นมา ถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”

 

 

ซุนเอ้อได้สติกลับคืนมาแล้ว รู้สึกอัปยศอดสูที่ตัวเองต้องมาถูกผู้หญิงคนหนึ่งตบหน้าต่อหน้าคนมากมาย โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ปรี่เข้าหาสะใภ้หลิวกุ้ยที่ยังคงกระเสือกกระสนจากการฉุดกระชากของอู๋ต้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องห้ามเขา “ซุนเอ้อ พอได้แล้ว!”

 

 

ซุนเอ้อชะงักฝีเท้า จ้องมองสะใภ้หลิวกุ้ยอย่างเคืองแค้น

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เจ้าถูกหญิงครองเรือนคนหนึ่งตบหน้าหลายฉาด จะโทษคนอื่นไม่ได้ ต้องโทษที่เจ้าไม่ตั้งใจเรียนเอง นับแต่วันพรุ่งนี้ไป เพิ่มการฝึกวรยุทธ์ของพวกเจ้าอีกคนละครึ่งชั่วยาม”

 

 

พวกหลี่ลิ่วร้องคร่ำครวญในใจ อู๋ต้าเหวี่ยงสะใภ้หลิวกุ้ยไปกับพื้น “ฝากไว้ก่อนเถอะ คอยดูว่าพวกเราจะจัดการเจ้าอย่างไร”

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรู้ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้ หรือเพราะความชิงชังที่ภรรยาตนเองปิดบังเรื่องที่มาอาละวาดตอนที่เมิ่งต้าจินดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านโดยพลการ ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวแจกสูตรให้คนในหมู่บ้าน ตัดหนทางร่ำรวยของครอบครัว จนถึงตอนนี้ หลิวกุ้ยจึงยังไม่พูดอะไรสักคำ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูสาวใช้และบ่าวร่วมถึงหลิวลี่ที่นอนระเกะระกะอยู่หน้าบ้านตัวเอง ขมวดคิ้วสั่งการอู๋ต้า “รีบหามพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วเอาตัวออกไป”

 

 

อู๋ต้ารับคำ เดินขึ้นหน้าจะจับหลิวลี่โยนขึ้นรถม้าก่อน

 

 

สาวใช้มือเท้าอ่อนพลันมีเรี่ยวแรง ลนลานพูด “พวกเราจัดการเอง”

 

 

อู๋ต้าหยุดชะงัก คิดในใจว่าไม่ต้องจัดการเองยิ่งดี

 

 

สาวใช้หามหลิวลี่ขึ้นไปบนรถม้าอย่างเหนื่อยยาก และไม่สนใจสาวใช้สองคนที่สลบไปรวมถึงบ่าวที่นอนหายใจรวยริน พูดขอร้องหลิวกุ้ย “นายท่าน พวกเราบังคับรถม้าไม่เป็น รบกวนท่านส่งคุณหนูของพวกเรากลับไปด้วยเถอะ”

 

 

หลิวกุ้ยกำลังจะเดินขึ้นหน้า อู๋ต้าเอ่ยปากพูด “ไม่ได้ เอากลับไปแต่คุณหนูของพวกเจ้า แล้วคนที่เหลือจะทำอย่างไร?”

 

 

สาวใช้คนหนึ่ง “พลั่ก” คุกเขาต่อหน้าเขา พูดวิงวอน “คุณหนูของพวกเราเป็นผู้หญิง จะโดยสารร่วมรถม้ากับบ่าวไพร่ได้อย่างไร หากเรื่องรู้ไปถึงหูนายท่านและฮูหยิน พวกเราจะต้องถูกตีตายทั้งเป็น ขอร้องท่านละ ปล่อยพวกเราไปเถอะ”

 

 

อู๋ต้าหาได้ไยดี กำลังจะเดินหน้าโยนสาวใช้สองนางขึ้นไปบนรถม้าก่อน เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวก็ดังขึ้น “อู๋ต้า อย่าให้พวกนางต้องลำบากใจ เจ้าไปบังคับรถเทียมเกวียนมา พาพวกเขาทั้งหมดกลับไป”

 

 

อู๋ต้ารับคำ เข้าไปบังคับรถเทียมเกวียน

 

 

สาวใช้ถอนใจโล่งอก ลุกขึ้นยืน

 

 

หลิวกุ้ยเลี้ยวกลับหัวม้ากลับบ้านไปอย่างเงียบงัน

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยก็ไม่ร่ายรำฟ้อนเล็บแล้ว วิ่งกระเซอะกระเซิงตามหลังไป

 

 

อู๋ต้าบังคับรถเทียมเกวียนออกมา โยนบ่าวที่จะตายมิตายแหล่ขึ้นไปบนรถ โยนสาวใช้สองคนที่สลบไปไว้ด้านบนสุด แล้วบังคับรถเทียมเกวียนส่งไปที่บ้านหลิวกุ้ยพร้อมหลี่ลิ่วและโจวอู่

 

 

ชาวบ้านเห็นว่าเรื่องสนุกจบแล้ว ต่างจับกลุ่มกระซิบกระซาบแยกย้ายไป

 

 

กระทั่งกลุ่มคนแยกย้ายไปหมดแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงพูดกับซุนเหลียงไฉว่า “ไปเอาน้ำกลั้วปากก่อน ข้าจะไปเอายาให้เจ้า”

 

 

ซุนเหลียงไฉโบกมือ พูดอย่างไม่แยแส “ไม่ต้อง บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น สองวันก็หายแล้ว”

 

 

“งั้นหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถามอย่างมีนัยแฝง

 

 

ซุนเหลียงไฉรีบพยักหน้า กลับพลาดไปถูกบาดแผลในปาก ร้อง “ซี้ด” ด้วยความเจ็บปวด แล้วส่ายหน้าพลัน

 

 

เหวินเปียวและเหวินหู่ร้อนรนเข้ามารับผิด “เป็นความผิดของพวกเราเอง ทำให้คุณชายซุนได้รับบาดเจ็บ”

 

 

“เขาไม่ตั้งใจร่ำเรียนเอง เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย อย่าได้แบกความรับผิดชอบทุกอย่างไว้กับตัวเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

เหวินเปียวตอบว่า “หน้าที่ของพวกเราคือคุ้มครองความปลอดภัยของคนในครอบครัว ตอนนี้คุณชายซุนได้รับบาดเจ็บ เป็นความบกพร่องของพวกเรา”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เป็นความรับผิดชอบของพวกเจ้าจริงๆ เอาอย่างนี้ ลงโทษพวกเจ้าทั้งหมดกวาดลานหน้าบ้าน ห้ามให้ท่านแม่ข้าทราบเรื่องเด็ดขาด”

 

 

สิ้นเสียง ก็เห็นเมิ่งชื่อ เมิ่งเอ้ออิ๋น เมิ่งเสียน เมิ่งฉีวิ่งเข้ามาแต่ไกล

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวร้องครวญคราง พูดเสียงเบา “หมดกัน ข้าต้องถูกบ่นอีกแล้ว”

 

 

เป็นดังคาด เมิ่งชื่อวิ่งมาถึงหน้าบ้าน เห็นหยดเลือดกระจายไปทั่ว ยังไม่ทันหายใจทั่วท้อง ก็กล่าวตำหนิ “โยวเอ๋อร์ แม่บอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่? เจ้าโตเป็นสาวแล้ว ไม่ควรเอะอะอะไรก็ลงไม้ลงมือ ทำเช่นนี้จะส่งผลเสียงต่อชื่อเสียงของเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยกสองมือจ้าละหวั่น “ท่านแม่ พวกชาวบ้านก็เห็นแล้ว ข้าถอยออกมาตั้งไกล ไม่ได้เข้าร่วมเลยตั้งแต่ต้นจนจบ”

 

 

บุตรสาวที่เลี้ยงมาเองกับมือเมิ่งชื่อย่อมรู้จักนิสัยนางดี เมื่อนางบอกว่ามิได้ลงมือจักต้องไม่ได้ลงมือ จึงถอนใจโล่งอก แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรนะ”

 

 

เมิ่งอี้เซวียนและเมิ่งเจี๋ย เมิ่งชิงส่ายหน้า พูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่เป็นอะไรขอรับ”

 

 

ซุนเหลียงไฉก็ส่ายหน้าตามไปด้วย กลับกระทบถูกบาดแผลในปาก ร้อง “ซี้ด” อีกครั้ง

 

 

เมิ่งชื่อรีบเข้าไปถามไถ่ “เหลียงไฉ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”

 

 

ครั้งนี้ซุนเหลียงไฉไม่กล้าส่ายหน้า แต่โบกมือหยอยๆ “ท่านป้า ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแค่ตอนหกล้มพลาดกระแทกโดนปาก ทำให้ปากด้านในแตก”

 

 

“รีบเข้าไปในบ้าน ให้พี่ใหญ่เจ้าดูอาการ หากว่าร้ายแรง พวกเราจะไปเชิญหมอมา” เมิ่งชื่อลนลานพูด

 

 

ซุนเหลียงไฉกำลังจะปฏิเสธ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับส่งสายตาให้เขา ซุนเหลียงไฉรีบกลับคำพูด “ขอบคุณท่านป้า” พูดจบเดินนำเข้าไปในบ้าน

 

 

คนทั้งหมดเดินตามเข้าไป ทิ้งพวกเหวินเปียวไว้ทำความสะอาดหน้าบ้านให้เรียบร้อย

 

 

กลับเข้ามาในห้อง ซุนเหลียงไฉอ้าปากให้เมิ่งเสียนดูบาดแผลแต่โดยดี

 

 

เมิ่งเสียนตั้งใจดูอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ เพียงกระแทกถูกเล็กน้อยจริงๆ ไม่เป็นอะไรมาก”

 

 

สองสามีภรรยาเมิ่งถึงวางใจลง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปเอายาในห้องตัวเองออกมา ยื่นให้เมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านใส่ยาให้เขาหน่อย พรุ่งนี้ก็จะดีขึ้น”

 

 

เมิ่งเสียนรับยามา ใส่ให้ซุนเหลียงไฉอย่างระวัง

 

 

เมิ่งชื่อพูดว่า “พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ แม่จะทำอาหารเอง ทำเสร็จแล้วค่อยเรียกพวกเจ้า”

 

 

คนทั้งหมดรับคำ กลับเข้าไปในห้องอย่างเชื่อฟัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวตามเมิ่งชื่อเข้าไปในครัว ชี้ผักที่ตัวเองล้างเสร็จแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ดูเถิด ข้าล้างผักเสร็จหมดแล้ว กำลังเตรียมจะทำอาหาร เป็นพวกเขาที่เข้ามาหาเรื่อง ทั้งยังตอแยไม่เลิกรา อี้เซวียนและเหลียงไฉทนไม่ไหว ถึงต้องลงมือกับพวกเขา”

 

 

เมิ่งชื่อถอนหายใจพูดว่า “แม่ได้ยินมาหมดแล้ว เรื่องนี้โทษพวกเจ้าไม่ได้ ทว่าตอนนี้สถานะของหลิวลี่ไม่เหมือนแต่ก่อน ได้ยินว่าน้าชายของนางมีอำนาจบารมีใหญ่โตที่หัวเมือง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาแก้แค้นครอบครัวพวกเราหรือไม่”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจนาง “ฟ้าสูงพระราชาอยู่แสนไกล ต่อให้เขามีอำนาจมากเพียงใด มือก็ยืดยาวมาไม่ถึงที่นี่หรอก ท่านวางใจเถิด”

 

 

เมิ่งชื่อพยักหน้า “เจ้าพูดมาก็ถูก หัวเมืองไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากที่นี่เท่าใด เขาควบคุมมาไม่ถึงที่นี่ แม่คิดมากไปเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะต่อกระซิกโอบไหล่นาง พูดโอ้โลม “ท่านมิได้คิดมาก ท่านเพียงเป็นห่วงพวกเรา”

 

 

เมิ่งชื่อหัวเราะตีมือนาง “รู้ก็ดีแล้ว ต่อไปทะเลาะกันคนอื่นให้น้อย ให้แม่คลายกังวลบ้าง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับประกัน “ไม่มีปัญหา ต่อไปหากท่านแม่ไม่อนุญาต ข้าจะไม่ลงมือกับใครเด็ดขาดเจ้าค่ะ”

 

 

เมิ่งชื่อขึงตาใส่นาง พูดว่า “คิดว่าแม่ไม่รู้จักนิสัยเจ้าเรอะ เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะร่วน

 

 

เมิ่งเสียนและเมิ่งฉีตามพวกเขาเข้ามาในห้อง สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 

เมิ่งอี้เซวียนเล่าความตั้งแต่ต้นจนจบออกมา

 

 

เมิ่งฉีฟังจบก็ให้เคืองขุ่น พูดว่า “แม้แต่น้องเล็กก็ไม่ออมมือ รังแกกันเกินไปแล้ว พวกเจ้าทำถูกต้องแล้ว คนพรรค์นี้ตีให้ตายก็ยังนับว่าน้อยไป”

 

 

เมิ่งเสียนพูดว่า “ฆ่าคนตายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จัดการพวกเขาให้ร่อแร่เจียนตาย แล้วส่งกลับไปบ้านหลิวกุ้ยเช่นนี้กำลังดี ต่อให้ภายหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”

 

 

พวกอู๋ต้าบังคับรถเทียมเกวียนนำสาวใช้และบ่าวมาส่งหน้าประตูบ้านหลิวกุ้ย หลังจากช่วยกันโยนคนทั้งหมดไว้ที่พื้นเสร็จก็บังคับรถเทียมเกวียนกลับ

 

 

สาวใช้ถูกเหวี่ยงจนตื่น เห็นตัวเองนอนร่วมกับบ่าวคนอื่นบนพื้น ลนลานลุกขึ้น แล้วมองสังเกตไปโดยรอบ พบว่าเป็นหน้าบ้านหลิวกุ้ยก็ให้โล่งอก พลันนึกได้ว่าหลิวลี่ถูกตบจนฟันหัก ก็หวาดผวาตัวสั่น ชะเง้อมองเข้าไปในลานบ้าน เห็นรถม้าจอดอยู่ในลานบ้าน ยกเท้าเดินเข้าไปในลานบ้าน

 

 

หลิวต้าเป่าหยุดงานวันนี้พอดี กลับมาเยี่ยมภรรยาที่บ้าน เห็นบุรุษหลายชีวิตนอนระเกะระกะหน้าบ้านตนเอง ก็ให้สะดุ้งตกใจ ร้องโวยวายถามสาวใช้ที่เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว “พวกเจ้าเป็นใคร?”

 

 

สาวใช้ได้ยินเสียงเขา หันกลับหลัง เห็นชายคนหนึ่งตวาดถามตัวเอง ถามกลับอย่างระแวดระวัง “ท่านเป็นใคร?”

 

 

หลิวต้าเป่าเริ่มใช้น้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร? ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า พวกเจ้ามาบุกรุกบ้านข้าทำไม?”

 

 

ก่อนจะมาหลิวลี่ได้เล่าสภาพครอบครัวของตนเองให้พวกนางฟังแล้ว ได้ยินหลิวต้าเป่ากล่าวเช่นนี้ สาวใช้เข้าใจทันทีว่าเป็นพี่ชายของหลิวลี่ รีบร้อนทำความเคารพ “ที่แท้คุณชายก็กลับมาแล้ว พวกเราเป็นสาวใช้ของคุณหนูหลิวลี่ วันนี้ตามนางกลับมาเยี่ยมญาติเจ้าค่ะ”

 

 

“น้องสาวข้ากลับมาแล้ว?” หลิวต้าเป่าอุทานด้วยความยินดี แล้วก้าวฉับเข้าไปด้านใน เดินไปได้สองก้าว ถึงนึกขึ้นได้ว่ามีคนนอนเกะกะหน้าประตู หันกลับไปถาม “เกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ด้านนอกพวกนั้น?”

 

 

“พวกเขาเป็นบ่าวของคุณหนู ถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

 

 

หลิวต้าเป่าเกิดความกังขา “เหตุใดพวกเขาถึงถูกทำร้ายจนมีสภาพเช่นนั้น?”

 

 

สาวใช้ตอบไม่ถูก

 

 

“ช่างเถอะ ข้าเข้าไปหาน้องสาวข้าก่อน ถามนางว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พูดจบ ก้าวฉับๆ เข้าไปด้านใน

 

 

ยังเดินไม่ถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงร้องโหยไห้ปานจะขาดใจ “ลูกสาวแม่ช่างอาภัพนัก ครานี้จะทำอย่างไรกันดี?”

 

 

หลิวต้าเป่าฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร รีบเดินเข้าไปในบ้าน ตอนที่กำลังจะพูดด้วยความดีใจนั้น กลับเห็นหลิวลี่นอนซังกะตายอยู่บนเตียง ส่วนมารดาของตนเองก็หน้าบวมครึ่งซีก ตกใจร้อนรนถามพลัน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดพวกท่านถึงกลายเป็นเช่นนี้?”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยลุกขึ้นคว้าแขนหลิวต้าเป่า “ต้าเป่าเอ๊ย เจ้ากลับมาแล้ว แม่และน้องสาวเจ้าเกือบจะถูกนังตัวดีเมิ่งเชี่ยนโยวทำร้ายจนตาย”

 

 

เอ่ยถึงเมิ่งเชี่ยนโยว หลิวต้าเป่าใจสั่น ถามอย่างหวาดผวา “พวกท่านทำสิ่งใดให้นางไม่พอใจอีก?”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยร้อนใจ ยิ่งให้พูดจาไม่รู้เรื่อง “พอน้องสาวเจ้ากลับมา ตั้งใจดีจะไปคุยเรื่องในอดีตกับนาง ไม่คิดว่านังตัวดีสมควรตายนั่น จะทำร้ายแม่และน้องสาวจนมีสภาพเช่นนี้”

 

 

หลิวกุ้ยได้ยินนางพูดกลับดำเป็นขาว แผดเสียงตวาดนางลั่น “หุบปาก เจ้าทำร้ายลี่เอ๋อร์ยังไม่สาแก่ใจหรือไง? ยังคิดจะทำร้ายต้าเป่าอีกเรอะ”

 

 

เห็นหลิวกุ้ยระเบิดอารมณ์ สะใภ้หลิวกุ้ยปิดปากเงียบ ปล่อยแขนหลิวต้าเป่า กลับไปนั่งข้างเตียง คร่ำครวญโหยไห้ต่อ “ลูกสาวแม่ช่างอาภัพนัก ครานี้จะทำอย่างไรกันดี?”

 

 

หลิวต้าเป่าคิดจะถามต่อ บุตรชายคนโตได้ยินเสียงเขาวิ่งออกมาจากในห้อง ฉุดกระชากเขาให้เข้าไปในห้องตัวเอง “ท่านพ่อ ท่านแม่เอาแต่ร้องไห้ ท่านรีบไปดูเถอะ”

 

 

สะใภ้หลิวกุ้ยได้ยินที่เด็กพูด ก็ให้สติกระเจิง ก่นด่าสะใภ้หลิวต้าเป่าแทบอยากจะบีบคอนางให้ตาย “ร้องๆๆ นังตัวซวยรู้จักแต่ร้องไห้ ลี่เอ๋อร์กลายเป็นแบบนี้ เพราะนางเอาแต่ร้องไห้”

 

 

หลิวต้าเป่ารู้ว่ามารดาตัวเองไม่ดีต่อภรรยาตัวเอง แต่ไม่คิดว่าจะไม่ดีกับนางถึงขั้นนี้ ถึงกับโยนความรับผิดชอบนี้ให้ภรรยาตนเอง เกิดอาการไม่พอใจ น้ำเสียงเริ่มไม่ดีตามไปด้วย “ท่านแม่ พวกท่านไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวแล้วถูกทำร้าย เกี่ยวอะไรกับภรรยาข้า? ท่านอย่ามีเรื่องอะไรก็มาโยนใส่นาง”

 

 

บุตรสาวต้องมามีสภาพเช่นนี้ เดิมสะใภ้หลิวกุ้ยก็อัดอั้นเคียดแค้นพอแล้ว ตอนนี้ได้ยินหลิวต้าเป่าช่วยพูดแทนภรรยาอีก สะใภ้หลิวกุ้ยโมโหเลือดขึ้นหน้า พูดข่มขู่ “ต้าเป่า แม่จะบอกให้นะ เจ้าจงหย่ากับนางตัวซวยให้แม่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นมีนางไม่มีแม่ มีแม่ไม่มีนาง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด