ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 101 หัวจิ้งที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 101 หัวจิ้งที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ว่า ไม่มีใครคาดคิดว่าหัวจิ้งจะถูกปล่อยตัวออกมาในทันที และมาปรากฏตัวในสถานที่ที่ทหารแคว้นหนิงตั้งค่าย เช้าตรู่ของวันนั้น หยุนชางถูกปลุกให้ตื่นโดยเสียงที่ดังมาจากข้างนอก "คุณชายเซียว คุณชายเซียว….."

เฉี่ยนอินลุกขึ้นและออกจากเต็นท์ค่ายไปก่อน ไม่นานก็เดินกลับเข้ามา ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม "คุณชายเจ้าคะ ท่านอ๋องส่งสารมารายงานองค์หญิง โดยกล่าวว่าองค์หญิงหัวจิ้งอยู่ที่ประตูทางเข้าค่าย และ กำลังโวยวายที่จะพบจิ้งอ๋องให้ได้เจ้าค่ะ"

หัวจิ้ง? หยุนชางก็ตื่นขึ้นมาโดยเร็ว นางอยู่ที่แคว้นแย่หลางมิใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?

หยุนชางลุกขึ้นทันที แล้วสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และสวมหน้ากากเงินให้ดี จึงจะออกจากเต็นท์ค่ายไป ทันทีที่ออกไปด้านนอก หยุนชางเห็นจิ้งอ๋องยืนอยู่ที่ห่างจากตนไม่ไกลมากนัก จึงรีบเดินเข้าไป "หัวจิ้งมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"

ดวงตาของกษัตริย์จิ้งเย็นชา "ชางเจียชิงซูช่างเป็นคนที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะเสียจริง หากข้ามิได้ทราบมาก่อนว่าหัวจิ้งอยู่ในค่ายกองทัพของเขา ไม่แน่ตนก็อาจถูกเขาหลอกเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถส่วนตัวหัวจิ้งมาโดยมิให้เส้นสายของข้ารับรู้ คุ้มที่จะลองเจอกันสักหน่อยนะ"

ทั้งสองเดินไปที่ประตูทางเข้าค่ายด้วยกัน หยุนชางตั้งใจเดินช้ากว่าเล็กน้อย เพื่อไม่ให้หัวจิ้งดูออก หัวจิ้งยืนอยู่หน้าประตู มีองครักษ์ตามหลังนางมาสองคน สวมชุดสีฟ้าและผ้าไหมห่านลายเมฆ ยืนอยู่หน้าประตูอย่างสง่างาม

"องค์หญิง?" จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว เขาตกตะลึงเล็กน้อย "เหตุใดองค์หญิงจึงมาที่ค่ายขอรับ?"

สายตาของหัวจิ้งจับจ้องไปที่จิ้งอ๋อง จากนั้นก็กวาดมองไปที่หยุนชางที่อยู่ข้างๆ แล้วมองกลับมาที่จิ้งอ๋องอีกครั้ง สีหน้าของนางเศร้าโศกเล็กน้อย " พระสวามีของข้าถูกขังอยู่ที่ชายแดน ข้าจึงบอกกับเสด็จแม่แล้วมาตามหาพระสวามีเจ้าค่ะ"

จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น "ถ้าหากข้าจำไม่ผิด องค์หญิงน่าจะมาก่อนข้าใช่หรือไม่? แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ? เจ้าเพิ่งมาถึงหรือ?"

ดวงตาของหัวจิ้งเป็นประกาย และนางก็ถอนหายใจ "ข้าเติบโตอยู่ในวังตั้งแต่ยังเด็ก และไม่เคยได้เดินทางไปไหนไกลเลย ก่อนหน้านี้ข้าใจร้อนเกินไป มิได้พาองครักษ์มามากเท่าไหร่ ระหว่างทางจึงเกิดความไม่สะดวกขึ้นมากมาย จึงมาถึงช้ากว่าที่ควรเจ้า พอข้ามาถึงชายแดนก็ได้ยินว่าเสด็จลุงได้มาประจำการอีกครั้ง จึงรีบเดินทางมาที่นี่เจ้าค่ะ อยากขอให้เสด็จลุงช่วยรับข้าไว้ดูแล และช่วยส่งคนไปตามหาพระสวามีเจ้าค่ะ"

"โอ้?" จิ้งอ๋องยิ้มมุมปาก ในรอยยิ้มนั้นมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย "แต่ว่า ค่ายทหารนี้มีแต่ผู้ชาย เจ้าเป็นผู้หญิง หาเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ คงจะไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไหร่ อีกอย่างพระสวามีของเจ้าเกิดเรื่องที่ เมืองหลิงกวน หากองค์หญิงต้องการจะตามหาท่าน ก็ควรไปที่เมืองหลิงกวน ตอนนี้กองทัพแย่หลางได้ถอนตัวออกจากเมืองหลิงกวนแล้ว ที่นั่นจะปลอดภัยกว่าค่ายกองทัพนี้นิดหน่อย หากองค์หญิงยังคงกังวลเช่นเดิม ข้าสามารถส่งคนไปสองสามคนเพื่อปกป้ององค์หญิงได้ขอรับ"

จิ้งอ๋องหันหน้าไป มองไปที่หยุนชางที่สวมชุดสีฟ้าและสวมหน้ากากอยู่ข้างหลังเขา และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "คุณชายเซียวท่านนี้เป็นที่ปรึกษาทางการทหารที่ข้าเชิญมาเป็นพิเศษ เขาไม่เพียงแต่เก่งเรื่องกลยุทธ์ แต่ยังเก่งด้านศิลปะการต่อสู้อีกด้วย ให้คุณชายเซียวท่านนี้ติดตามองค์หญิงเพื่อนคุ้มกันท่านดีหรือไม่ขอรับ?"

หัวจิ้งเหลือบมองที่หยุนชางและขมวดคิ้ว "แต่ว่า คุณชายเซียวท่านนี้ดูร่างกายผอมบางเหลือเกินเจ้าค่ะ อีกอย่างในเมื่อท่านเป็นที่ปรึกษาทางการทหารของเสด็จลุง ก็คงต้องพึ่งพาเขาในการเดินทัพและต่อสู้ หากจิ้งเอ๋อร์นำตัวท่านไป ถ้าอย่างนั้นก็……"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ จึงยิ้มมุมปากขึ้นมา แล้วกดเสียงให้ต่ำลงพร้อมพูดว่า "องค์หญิงพูดเช่นนี้มิถูกต้องขอรับ จะตัดสินความสามารถของศิลปะการต่อสู้ด้วยความสูง เตี้ย อ้วน และผอมได้อย่างไรขอรับ แม้ว่าองค์หญิงจะไปตามชายผู้แข็งแกร่งมาสักสามสิบห้าสิบคนก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าขอรับ"

หัวจิ้งปลื้มใจเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ความสำคัญของที่ปรึกษาทางการทหาร แม้ว่าตนจะไม่เคยสู้รบ แต่ก็รู้ดีว่าที่ปรึกษาทางการทหารนั้นมีตำแหน่งสำคัญแค่ไหนในกองทัพ…

"ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนคุณชายเซียวเจ้าค่ะ" หัวจิ้งยิ้มให้หยุนชางและพูดด้วยความเสียใจเล็กน้อยว่า "แม่สามีของข้าก็มาถึงที่ประตูชายแดนเช่นกัน ไม่ทราบว่าเสด็จลุงทรายหรือไม่เจ้าคะว่าท่านอยู่ที่ใด"

"โอ้ คุณหญิงจ้าวก็อยู่ในที่เมืองหลิงกวนเช่นกันขอรับ" จิ้งอ๋องตอบกลับอย่างเป็นกันเอง แต่กลับทำให้สีหน้าของหัวจิ้งเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ถ้าหญิงชราผู้นั้นอยู่ที่เมืองหลิงกวน ตนทำการใดก็คงไม่สะดวกแล้วสิ

อีกอย่าง ตนได้สอบถามมาแล้ว เมืองหลิงกวนห่างจากที่นี่ไกล แม้ขี่ม้ายังต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็ยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า "ท่านแม่ยายอยู่ที่เมืองหลิงกวนแล้ว และตอนนี้ท่านยังสาวก็เป็นบุคคลที่เก่งกล้ามากเช่นกัน หากว่าพระสวามีอยู่ที่นั่น ท่านต้องหาเขาพบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ข้าขอตามหาเขาในเมืองซีอีกหน่อยแล้วกันเจ้าค่ะ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้าแล้วกัน" จิ้งอ๋องดูใจร้อนกับนางเล็กน้อย เขาหันกลับมาพูดกับหยุนชางว่า "ข้าขอรบกวนคุณชายเซียวด้วยขอรับ ขอมอบให้ท่านช่วยดูแลความปลอดภัยขององค์หญิงนะขอรับ"

หยุนชางยกมือคำนับและกล่าวว่า " ท่านอ๋องวางใจได้เลยขอรับ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้ององค์หญิงขอรับ"

จิ้งอ๋องหันกลับไปและเข้าไปให้ค่าย หยุนชางเดินไปอยู่ตรงหน้าองค์หญิงหัวจิ้ง พูดด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏในแววตาว่า " องค์หญิงขอรับ เราไปกันเถอะ ที่พักในเมืองซีอีนี้มีน้อย และค่อนข้างเก่าแก่ ช่วงนี้ต้องลำบากองค์หญิงหน่อยนะขอรับ"

หัวจิ้งถอนหายใจอย่างแผ่วเบาเมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของนางดูเศร้าเล็กน้อย "ไม่มีข่าวคราวจากพระสวามีเลย ข้าอดทนแค่นี้ไม่เป็นอันใดหรอก"

แต่ว่า เมื่อหยุนชางพาหัวจิ้งไปหาที่พัก แล้วเดินเข้าไป หัวจิ้งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หางตาของนางเหลือบมองที่องครักษ์ที่ตามหลังมาด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้หยุนชางเลือกห้องพักและให้เสี่ยวเอ้อในร้านพาขึ้นไปบนหอพัก

หยุนชางได้จองห้องไว้สามห้อง มีเพียงสองห้องที่อยู่ข้างกัน และอีกห้องหนึ่งกลับอยู่แยกจากกันเล็กน้อยห่างกันไม่กี่ห้อง หัวจิ้งกล่าวว่าองครักษ์สองคนนั้นต้องผลัดกันอยู่เวรในตอนกลางคืน พวกเขาอาศัยที่ไหนไม่สำคัญเท่าไหร่ หยุนชางจึงจัดห้องตัวเองอยู่ข้างห้องหัวจิ้ง

เมื่อเตรียมห้องเรียบร้อยแล้ว หัวจิ้งก็ขอให้หยุนชางเข้าไปนั่งในห้องพักของตน หยุนชางไม่กล้าปฏิเสธ จึงรีบตามไป หัวจิ้งมองเข้าไปในห้องเห็นว่ามีเพียงเตียงตัวเดียวและโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้สองตัว และอ่างอาบน้ำอีกหนึ่งอัน ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว และยังดูเก่าโทรมอย่างมาก นางขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่งลงข้างเตียง ยิ้มแล้วพูดกับหยุนชางว่า " คุณชายเซียวก็นั่งลงด้วยเถอะค่ะ"

ทันทีที่หยุนชางนั่งลง ก็ได้ยินหัวจิ้งพูดว่า " เหตุใดคุณชายเซียวจึงสวมหน้ากากเจ้าคะ?"

หยุนชางยกมือขึ้นแตะที่หน้ากากสีเงินบนใบหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เมื่อตอนนี้กระหม่อมยังเด็กกระหม่อมซนอย่างมาก จึงโดนน้ำร้อนลวกที่หน้าขอรับ และทำให้เสียโฉมไป คนอื่นๆ กลัวมากเมื่อเห็นหน้าตาของกระหม่อม ดังนั้นกระหม่อมจึงสวมหน้ากากไว้ขอรับ"

"จริงหรือ? ไม่ทราบว่าคุณชายเซียวเป็นคนที่ใดเจ้าคะ? ฟังจากสำเนียงแล้ว มีสำเนียงพระราชวังเล็กน้อยนะเจ้าคะ แต่เมื่อตอนที่เสด็จลุงอยู่ที่พระราชวัง มีเพียงแค่คุณชายหวัง หวังจิ้นฮวนเท่านั้นที่ติดตามท่านตลอด ข้าไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลยเจ้าค่ะ" สายตาของหัวจิ้งจับจ้องไปที่หยุนชางอย่างระมัดระวัง แต่นางไม่มีทางคิดได้อย่างแน่นอนว่า หยุนชางที่อยู่พระราชวังแดนไกลนั้นจะมาอยู่ตรงหน้าตนอย่างกะทันหันเช่นนี้ หนำซ้ำนางได้กลายเป็นชายเสียด้วย

หยุนชางยกมือขึ้นปรับที่แขนเสื้อและพูดเบา ๆ ว่า "ตอนที่กระหม่อมยังเด็ก กระหม่อมเติบโตที่เมืองหลวงขอรับ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้ติดตามท่านอ๋อง และไม่ค่อยกลับไปที่พระราชวังขอรับ โดยปกติท่านอ๋องทำการอันใดมักระมัดระวังเสมอ ถึงแม้จะกลับไปที่พระราชวัง แต่กองทัพต้องการคนที่ไว้ใจได้คอยดูแล ดังนั้นกระหม่อมจึงอยู่ในกองทัพเพื่อดูแลเรื่องต่างๆ เมื่อท่านอ๋องกลับมาแล้ว หากไม่มีสงครามใดๆ ท่านก็จะให้กระหม่อมกลับไปเจอครอบครัวที่เมืองหลวงขอรับ"

"โอ้?" หัวจิ้งยิ้มเล็กน้อย "ไม่ทราบว่าครอบครัวของคุณชายเซียวนั้นยังมีใครบ้างเจ้าคะ?"

"มีเพียงท่านแม่ผู้เดียวเท่านั้นขอรับ…" หยุนฉางก้มหน้าลง มีแสงประกายวาววับในดวงตาของนาง หัวจิ้งพยายามทดสอบตัวเองอย่างระแวงเช่นนี้ เพื่ออะไรกัน? นางจึงแสร้งทำเป็นหงุดหงิดเล็กน้อยและมองออกไปนอกหน้าต่าง และเคาะนิ้วมือบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด