ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 158 ชางยางอวี้เอ๋อร์เฝ้าเข้าหยุนชาง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 158 ชางยางอวี้เอ๋อร์เฝ้าเข้าหยุนชาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงดนตรีไพเราะบรรเลงขึ้นอีกครั้ง บรรยากาศครึกครื้นในตำหนักก็กลับคืนมา

หยุนชางยิ้มบางๆ พลางมองอัครมหาเสนาบดีส่งสัญญาณอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็มีเหล่าขุนนางหลายคนเข้าไปดื่มคารวะชางเจียชิงซูกับอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ย มีเสียงหัวเราะดังขึ้นในตำหนัก หยุนชางเห็นว่าไม่มีใครใส่ใจ นางจึงแอบออกไปกับฉินยีและเฉี่ยนอิน

"องค์หญิง เมื่อครู่จิ้งอ๋องร้ายกาจจริงๆ เลยเพคะ เพียงแค่ไม่กี่คำก็ทำให้สีหน้าของชางยางอวี้เอ๋อร์นั่นเปลี่ยนไปทันที" เสียงของเฉี่ยนอินแฝงแววตื่นเต้นเล็กน้อย

หยุนชางเพียงหัวเราะไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับได้ยินเสียงของฉินยีดังขึ้นเบาๆ "หม่อมฉันเห็นว่า สีหน้าขององค์หญิงหัวจิ้งก็ไม่ค่อยดีนักเช่นกัน"

หัวจิ้ง? หยุนชางชะงักฝีเท้า ทันใดนั้นนางก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าเรื่องตลกในวันนี้หัวจิ้งคงมีส่วนด้วย ในช่วงนี้หัวจิ้งมักจะเสพสมอยู่กับชางเจียชิงซูในจวนองค์หญิงของนาง จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากนางจะเป่าหูเขาสักสองสามคำ เพียงแต่ว่านางคงจะต้องผิดหวังแล้ว

มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังแว่วมาจากด้านหลัง นายบ่าวทั้งสามจึงรีบหยุดพูด เฉี่ยนอินหันศีรษะไปมองและตาของนางก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย "องค์หญิง เป็นจิ้งอ๋องเพคะ"

หือ? หยุนชางหันศีรษะกลับไปก็เห็นจิ้งอ๋องกำลังเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง "ทำไมเจ้าจึงออกมา?"

ฉินยีและเฉี่ยนอินก้าวถอยออกไปอย่างรวดเร็ว พวกนางยืนห่างออกไป หยุนชางยิ้มน้อยๆ "มันไม่สนุกเลย หม่อมฉันออกมาก็ไม่มีใครรู้ แต่ท่านเสียอีก จะดื่มเหล้าคารวะอย่างไรก็จะขาดท่านไปเสียไม่ได้ หากท่านไปแล้วเกรงว่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คน"

จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "เมื่อเจ้าไป ข้าก็ตามออกมา จะได้ให้ทุกคนรู้ว่าหัวใจของข้าผูกไว้ที่เจ้าตรงนี้ เจ้าทำอะไรข้าก็ใส่ใจทั้งนั้น แล้วก็เกรงว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะพูดกันว่าเป็นความผิดขององค์หญิงหยุนชางที่งานเลี้ยงยังไม่ทันจบก็แอบออกมาเสียก่อนแล้ว จิ้งอ๋องกลัวองค์หญิงหยุนชางจะโกรธจึงรีบตามออกไปเอาใจสาวงาม"

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ถ้าเหล่าคนในตำหนักจินหลวนเห็นว่าองค์ชายหน้าตายที่น่าเคารพในยามปกติพูดแบบนี้ เกรงว่าคงจะอ้าปากตกตะลึงจนกรามค้าง ละครของจิ้งอ๋องเล่นจบแล้ว รอพรุ่งนี้หม่อมฉันจะส่งคนไปถามคณะงิ้วชุนหัวว่าอยากได้บทหรือไม่ ยามถึงเวลาจิ้งอ๋องเล่นละครแล้วช่างสมบทบาทดีจริง"

จิ้งอ๋องจับมือหยุนชางขึ้นมาแล้วยิ้มบางๆ "เกรงว่าคนอื่นคงไม่มีบุญวาสนาพอที่จะได้เห็นตัวตนเช่นนี้ของข้า แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่า ข้าไม่ได้เพียงแต่เล่นละคร ผู้คนในนั้นช่างน่าเบื่อนัก ไม่สู้ออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า ช่วงนี้อากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาว เหมาะสำหรับเดินเล่นพอดีเลย"

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยุนชางสัมผัสกับจิ้งอ๋อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจับมือนางเช่นนี้ ทำให้หยุนชางใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้ นางหัวเราะอย่างขมขื่น นางยังรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อยกับความใกล้ชิดเช่นนี้ เมื่อครู่ปฏิกิริยาแรกของนางคืออยากจะผลักเขาออกไป หยุนชางถอนหายใจและแอบชักมือกลับอย่างเงียบๆ นางคิดจะดึงมือออกมาแต่กลับถูกจับแน่นขึ้นไปอีก แน่นจนนางสัมผัสได้ถึงอุ้งมือหนาของมือที่กุมนางไว้

"เกรงว่าเจตนาของคนบางคนจะไม่บริสุทธิ์ ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัว ข้าส่งองครักษ์เงามาคอยคุ้มครองเจ้า ตอนนี้ก็มีอยู่ หากเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็สั่งการได้ทันที" จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยเสียงเบา "ที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าเจ้าจะคิดเดาไปเรื่อยหรือคิดว่าข้าส่งคนมาคอยจับตาดูเจ้า"

หยุนชางพยักหน้า อันที่จริงนางพบว่ามีคนอื่นอยู่ข้างกายนางมานานแล้วและยังซ่อนวิทยายุทธ์ได้เก่งมาก เพียงแต่คนคนนั้นไม่เคยทำอะไรที่เป็นผลร้ายต่อนางเลย นางจึงไม่ได้สนใจ เมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดเช่นนี้นางจึงได้เข้าใจ

หยุนชางพยักหน้าและตอบรับ "เพคะ"

จิ้งอ๋องเห็นว่านางยังไม่เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างเต็มที่ แต่นางกลับไม่ได้เปิดโปงเขา ในใจจึงคิดว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ที่จะปกป้องตนเอง ดังนั้นจึงตามใจนาง

ทั้งสองเดินไปรอบๆ อุทยานหลวงด้วยกันและจิ้งอ๋องก็ส่งหยุนชางกลับไปที่ตำหนักชิงซินและจากไป หยุนชางหรี่ตาลงเล็กน้อย เรียกเฉี่ยนอินและฉินยีมาช่วยนางเตรียมน้ำอาบ

สีหน้าของฉินยีสงบนิ่ง ในขณะที่ดวงตาของเฉี่ยนอินเปล่งประกายขบขันเล็กน้อย หยุนชางเห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงตามน้ำไปเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นเงียบสงบมาก แต่หลังจากรับประทานอาหารเช้าในวันที่สาม นางก็ได้รับข้อความ "ชางยางอวี้เอ๋อร์นั่นเข้าวังมา ก่อนนี้ยังไปสนทนากับฮองเฮาที่วังชีอู๋อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงส่งข้อความมาบอกว่าอยากมาเยี่ยมองค์หญิงสักหน่อย องค์หญิง หรือให้หม่อมฉันตอบกลับไปว่าองค์หญิงร่างกายไม่ค่อยสบายนักไม่สะดวกพบ ดีไหมเพคะ?"

หยุนชางสั่นศีรษะและลุกขึ้นยืน "กลัวอะไร? นี่อยู่ในพระราชวังนะ หรือว่านางจะกินข้าหรือไง? หากข้าไม่ยอมพบนาง เกรงว่าไม่รู้ว่าจะถูกคนเอาไปพูดว่าอย่างไรอีก"

เฉี่ยนอินเงียบไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้าแล้วเดินออกไป

ผ่านไปไม่นาน ชางยางอวี้เอ๋อร์ในชุดสีแดงเข้มก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหยุนชาง วันนี้นางสวมชุดของสตรีแคว้นหนิง แม้จะดูเย้ายวนน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังคงงดงามมาก ในความสวยงามนั้นยังแฝงไปด้วยเสน่ห์

"ชางยางอวี้เอ๋อร์ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ" ชางยางอวี้เอ๋อร์เดินเข้าไปในตำหนัก มองไปที่หญิงสาวที่กำลังจิบชาอยู่ที่ตำแหน่งที่นั่งหลักและย่อกายทำความเคารพอย่างรวดเร็ว

หยุนชางยิ้มอย่างสงบ "แม่นางชางยางลุกขึ้นเถอะ ฉินยีพานางไปนั่งเสีย"

ฉินยีพยักหน้าและนำชางยางอวี้เอ๋อร์ไปนั่งลงด้านข้าง ชางยางอวี้เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองหนิงหยุนชางอย่างประเมิน นางเห็นว่าหน้าของหยุนชางดูงดงามราวภาพวาด แม้จะไม่ได้สวยโดดเด่นเช่นนาง แต่กลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนน้ำ การเคลื่อนไหวก็สงบนิ่ง ทำให้จิตใจของผู้คนค่อยๆ สงบลงและรู้สึกใกล้ชิด

ชางยางอวี้เอ๋อร์กัดริมฝีปาก สายตาฉายแววเกลียดชังแวบหนึ่ง หญิงคนนี้ทำให้นางเสียหน้าที่ตำหนักใหญ่ในวันนั้น เรื่องขายหน้าในวันนั้นนางต้องค่อยๆ แก้แค้นแน่ ชางยางอวี้เอ๋อร์เหลือบมองหยุนชางแล้วกล่าวอย่างระมัดระวังว่า "ที่ตำหนักจินหลวนในวันนั้น อวี้เอ๋อร์ไม่รู้ว่าองค์หญิงและท่านอ๋องได้หมั้นหมายกันไว้แล้วจึงได้พลั้งปากไปตามอารมณ์ องค์หญิงคงไม่โกรธอวี้เอ๋อร์ใช่ไหมเพคะ?"

ดวงตาหยุนชางลุกวาวเล็กน้อย พลั้งปากตามอารมณ์งั้นหรือ? ไม่รู้งั้นหรือ? ชางยางอวี้เอ๋อร์ช่างสรรหาข้อแก้ตัวมาได้ดีเหลือเกิน หากนางยังไปตำหนิกล่าวโทษอีก จะไม่หมายความว่านางใจแคบหรือ? "แม่นางชางยางคิดมากเกินไปแล้ว จ้องอ๋องหล่อเหลาราวเทพบุตรแล้วยังเป็นเทพแห่งสงครามของแคว้นหนิง อยู่ในแคว้นหนิงสถานะสูงส่งราวเทพเซียน สตรีที่ชมชอบเข้ามากมายราวหมู่ปลาในแม่น้ำ แม่นางชางยางนิสัยตรงไปตรงมา กล้าแสดงออกถึงความรักของตนเอง ชางเอ๋อร์รู้สึกชื่นชมยิ่งนัก" หยุนชางมองดูชางยางอวี้เอ๋อร์อย่างเงียบๆ บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มจริงใจ

เมื่อเห็นมือของชางยางอวี้เอ๋อร์จับกระโปรงตรงเข่าโดยไม่รู้ตัว บนกระโปรงมีรอยย่นเล็กน้อย หยุนชางก็ยิ้มและกล่าวว่า "เพียงแต่จิ้งอ๋องเติบโตมาในค่ายทหาร รับมือเรื่องผู้หญิงได้ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงดูเย็นชาไปบ้าง แม่นางชางยางคงไม่ได้กลัวเสียแย่แล้วหรอกใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้นชางเอ๋อร์จะให้จิ้งอ๋องมาขอโทษอวี้เอ๋อร์เสียหน่อย"

ชางยางอวี้เอ๋อร์แอบแค่นเสียง รับมือผู้หญิงได้ไม่ดีแต่กลับปกป้องดูแลผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้ยิ่งนัก ชางยางอวี้เอ๋อร์รู้สึกว่าหยุนชางกำลังโอ้อวดนาง ในใจก็ยิ่งชิงชังหยุนชางมากขึ้น

"จักรพรรดิหนิงกล่าวว่าเมื่อรืนนี้จะจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในลานล่าสัตว์ เมื่อครู่อวี้เอ๋อร์ถามฮองเฮาแล้ว ฮองเฮาบอกว่ามีการแข่งขันขี่ม้าและล่าสัตว์ ได้ยินมาว่าเหล่าสตรีในแคว้นหนิงล้วนเปี่ยมไปด้วยความสามารถ องค์หญิงเข้าร่วมด้วยหรือไม่เพคะ? จิ้งอ๋องเป็นนักขี่ม้าและนักล่าที่ยอดเยี่ยม องค์หญิงเองก็คงต้องเชี่ยวชาญในด้านนี้เช่นกัน อวี้เอ๋อร์อยากจะลองแข่งกับองค์หญิงดูสักหน่อย" ชางยางอวี้เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง

หยุนชางยิ้มและยกมือขึ้นมาม้วนผมเล่น "แข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์หรือ? แม่นางชางยางเกรงว่าคงจะต้องผิดหวังแล้ว ชางเอ๋อร์ไม่เคยขี่ม้า เสด็จอาบอกว่าผู้หญิงควรนุ่มนวลอ่อนโยน ขี่ม้าล่าสัตว์และปกป้องประเทศนั้นเป็นเรื่องของบุรุษ"

รอยยิ้มของชางยางอวี้เอ๋อร์แข็งค้าง "หรือองค์หญิงไม่ต้องการที่จะร้องเพลงบนหลังม้าร่วมกับจิ้งอ๋องและมองดูความเจริญรุ่งเรืองของโลกนี้ไปด้วยกันหรือ?"

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงระเรื่อและไม่เอ่ยคำพูดใด เพียงแต่เฉี่ยนอินที่อยู่ด้านข้างทนไม่ไหวเอ่ยปากออกมา "จิ้งอ๋องบอกว่า แม้จะขี่ม้าไม่เป็นก็สามาถร้องเพลงไปด้วยได้ ท่านอ๋องบอกว่าท่าหยุนของพระองค์เป็นม้าเหงื่อโลหิต สองคนขี่ด้วยกันก็ยังสามารถห้อตะบึงไปได้… "

หยุนชางขมวดคิ้วหันหลังไปกระซิบดุ "ข้าพูดกับแม่นางชางยางอยู่ เจ้าพูดแทรกได้อย่างไร ออกไปเสีย"

เฉี่ยนอินเบ้ปาก แต่ก็ยังย่อกายคำนับแล้วถอยออกไป

หยุนชางจึงยิ้มบางๆ และกล่าวว่า "สาวใช้ผู้นี้ถูกข้าตามใจจนนิสัยเสีย หวังว่าแม่นางชางยางจะไม่ถือโทษ"

ชางยางอวี้เอ๋อร์โบกมือเล็กน้อย แต่ในใจนางกลับรู้สึกยิ่งโมโห นางนั่งอยู่สักพักก็ขอตัวกลับ หลังจากกลับไปถึงที่พักแล้ว ชางยางอวี้เอ๋อร์ก็บันดาลโทสะขว้างปาถ้วยชาอย่างรุนแรง นางวิ่งไปหาชางเจียชิงซูและกล่าวว่า "องค์ชายสาม หนิงหยุนชางช่างน่าชิงชังนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่พี่สาวนางก็ไม่ชอบนาง พรุ่งนี้ข้าจะทำให้นางได้เห็นดีกัน"

ชางเจียชิงซูขมวดคิ้วมุ่น "เรื่องวันพรุ่งนี้ข้ามีแผนของข้า หากเจ้ามีเวลาว่าง ไม่สู้เดินดูไปรอบๆ ให้มากขึ้น ไปหาข่าวที่ข้าต้องการ หากหามาไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับไปที่แคว้นเย้หลางอีก"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด