ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 38 คนที่อยู่เบื้องหลังซู่เฟย

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 38 คนที่อยู่เบื้องหลังซู่เฟย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"ขอยางั้นหรือ?" ซู่เฟยมึนงงเล็กน้อย

หย่าเอ๋อร์นึกขึ้นมาได้ในทันที เธอรีบกระซิบซู่เฟยว่า "เหนียงเหนียงเจ้าคะ เวลาแบบนี้ฉินยีจะมาที่วังของเราได้อย่างไร บ่าวมองว่า การมาขอยานั้นคงเป็นแค่ข้ออ้าง ส่วนเหตุผลจริงๆ ที่มาที่นี่ เหนียงเหนียงเรียกฉินยีเข้ามาสอบถามในวังเสียดีไหมเจ้าคะ?"

ซู่เฟยพยักหน้า "ตามเธอเข้ามา"

เมื่อฉินยีเข้ามา ซู่เฟยได้นั่งบนที่นั่งหลักในห้องโถงด้านในแล้ว ฉินยีรีบคารวะเธอ ซู่เฟยพยักหน้าและกล่าวว่า " เจ้าคือฉินยีใช่หรือไม่ หลายปีก่อนเจ้าต้องไปอาศัยอยู่ที่วิหารแคว้นหนิงในสถานที่แดนไกลอยู่หลายปี ลำบากเจ้าเหลือเกิน อีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าเมื่อเช้านี้ตำหนักของเจ้านั้นได้เชิญหมอหลวงไปตั้งแต่เช้า องค์หญิงป่วยหรือ อาการหนักหรือไม่? "

ฉินยี รีบตอบอย่างนุ่มนวล "เรียนซู่เฟยเหนียงเหนียงเจ้าค่ะ เมื่อคืนองค์หญิงไปตากลมมาก จึงเป็นหวัดเจ้าค่ะ หากว่าเป็นคนที่ร่างกายปกตินั้น มันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ เจ้าค่ะ กินยาไม่กี่ชุดก็จะหาย แต่ว่าร่างกายขององค์หญิงนั้นไม่ดีอยู่แล้ว พอไม่สบายมันก็ร้ายแรงขึ้น เมื่อเช้าหมอหลวงมาตรวจอาการแล้วเจ้าค่ะ แต่ก็บอกเพียงว่าชีพจรขององค์หญิงนั้นเต้นได้แปลก จึงไม่กล้าที่จะจ่ายยาเจ้าค่ะ ทำได้แค่ใช้ยาบำรุงที่ดีๆ บำรุงร่างกายไว้ก่อน เมื่อร่างกายดีขึ้นอาการก็คงดีขึ้นเช่นกัน"

"เป็นหนักเช่นนี้เลยหรือ? " ซู่เฟยถอนหายใจออกและกล่าวด้วยความเศร้าเล็กน้อย " องค์หญิงเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อวาน เธอกำลังอยู่ในวัยที่ดีงาม แต่ร่างกายกลับอ่อนแอเช่นนี้ เห้อ……."

หลังจากถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า " เมื่อสักครู่ข้าได้ยินนางกำนัลพูดว่า เจ้ามาที่นี่เพื่อขอยาสมุนไพรงั้นหรือ เจ้ามาขอยาอันใดหรือ หากว่าข้ามี เจ้าก็เอาไปได้เลย"

ฉินยีได้ยินเช่นนี้ ก็รีบขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า "สิ่งที่บ่าวมาขอนั้นคือถั่งเช่าที่เลอค่ามากเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ที่อยู่วิหารแคว้นหนิงเคยได้ยินเจ้าอาวาสอู๋น่าพูดถึง หากว่าสามารถพาพบได้ จะเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายขององค์หญิงมาเลยเจ้าค่ะ แต่ว่ายานี้หาได้ยากมากเจ้าค่ะ บ่าวเองก็ทราบเมื่อกลับวังมาแล้วได้ยินนางกำนัลกล่าวกันว่า ฮ่องเต้นั้นโปรดปรานเหนียงเหนียงอย่างมาก ปีก่อนท่านเคยนำถั่งเช่าที่เป็นเครื่องบรรณาการชิ้นเดียวที่มีนั้นมอบให้กับเหนียงเหนียง บ่าวจึงได้มาขอ ขอเหนียงเหนียงโปรดอย่าถือสากันเลยนะเจ้าค่ะ"

"จริงหรือ? ในวังของข้ามียาชิ้นนี้งั้นหรือ?" มีซู่เฟยเรียกหย่าเอ๋อร์มา "เจ้ารู้ไหมว่ายาที่ฉินยีกล่าวนั้นเก็บอยู่ที่ใด? "

หย่าเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็รีบพูดว่า " เรียนเหนียงเหนียงเจ้าค่ะ ปีที่ผ่านมาฮ่องเต้ประทานยาเช่นนี้ให้เหนียงเหนียงเจ้าค่ะ แต่ในช่วงตรุษจีนปีนี้ คุณหญิงแม่ทัพนั้นสุขภาพไม่ค่อยดี ดังนั้นท่านจึงนำยานี้ไปให้ท่านเจ้าค่ะ"

เมื่อซู่เฟยได้ยินหย่าเอ๋อร์พูดเช่นนี้ เธอก็จำขึ้นได้ว่า มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ และพูดว่า "ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้นะ จริงเมื่อสิ้นปีเสด็จแม่สุขภาพไม่ดีมาตลอด ข้าคิดได้ว่าฮ่องเต้เคยกล่าวว่ายานั้นดีอย่างมาก ข้าจึงนำยานี้ไปให้ท่าน… "

ฉินยี รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยบนใบหน้าเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่เธอก็ฝืนยิ้มออกมาและกล่าวว่า "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวก็แค่มาเสี่ยงโชคดุเจ้าค่ะ ในเมื่อไม่มี บ่าวก็ขอตัวกลับก่อนนะเจ้าค่ะ องค์หญิงยังต้องการบ่าวรับใช้อยู่เจ้าค่ะ"

ซู่เฟยพยักหน้า "เอาละ ไปเถอะ ถ้าองค์หญิงมีความต้องการอะไรอีก เจ้าก็ส่งคนมาบอกก็พอ"

ฉินยีถอยออกไป แต่ซู่เฟยขมวดคิ้ว "หรือว่า เธอมาเพื่อขอยาสมุนไพรนั้นจริงๆ"

หย่าเอ๋อร์เองก็สับสนเล็กน้อย "เหนียงเหนียง ในวังนี้ หากเราสามารถช่วยได้หนึ่งกลุ่มก็ช่วยเสีย เช่นนี้เวลาเราทำการอันใดก็จะง่ายขึ้น เหนียงเหนียงลองดูในคลังว่ามียามีคุณค่าสูงอะไรอีกดีไหมเจ้าคะ แล้วเหนียงเหนียงก็นำไปส่งให้องค์หญิงฮุ่ยกั๋วด้วยตัวเองทีเดียวดีไหมเจ้าคะ?"

ซู่เฟยกัดริมฝีปากและพยักหน้า "แม้ว่าจิ่นเฟยนี้จะดูไม่เป็นภัยคุกคามอะไร แต่ตอนนี้เธอยังมีลูกสาวที่พึ่งพาได้เราสามารถสร้างพันธมิตรกับพวกเขาได้ก็คงจะดีมาก ..ไปเถิด เจ้าไปเลือกยามาสักสองสามชิ้น ข้าไปเปลี่ยนชุดแล้วไปกัน"

เมื่อซู่เฟยมาถึงที่ตำหนักชิงซิน ฉินเมิ่งกำลังป้อนโจ๊กให้หยุนชาง ฉินยียืนดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นซู่เฟยเดินเข้ามา เธอก็รีบคารวะและกล่าวว่า " บ่าวขอคารวะซู่เฟยเจ้าค่ะ"

ซู่เฟยพยักหน้า แววตาของเธอกวาดผ่านฉินเมิ่งไปอย่างแผ่วเบา เธอยิ้มและกล่าวว่า " ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงไม่สบาย ข้าเองก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ ข้าจะต้องมาเยี่ยมดูเพื่อความสบายใจ ไม่ทราบว่าเป็นการรบกวนหรือไม่?"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย " จะรบกวนได้อย่างไรเพคะ? รีบยกเก้าอี้มาให้ซู่เฟยเหนียงเหนียงเร็วเข้า"

ฉินยียกเก้าอี้มา ซู่เฟยก็นั่งลงข้างเตียงหยุนชาง และดึงมือของหยุนชางมาพร้อมพูดว่า "ดูเจ้าสิผอมมาก หลายปีที่ผ่านมานี้คงลำบากมากสินะ แม้ว่าภูตผีปีศาจในพระราชวังนี้จะเยอะ แต่อย่างน้อยมันก็คือบ้านของเรา"

หยุนชางยิ้มออกมา เธอไม่ได้ตอบ ซู่เฟยกล่าวต่ออีกว่า " องค์หญิงก็เป็นเด็กที่มีวาสนา ดูสิ เจ็ดปีที่องค์หญิงจากไป นางกำนัลในวังนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย หาได้ยากเสียจริง คนไม่ได้เปลี่ยนแปลงก็จริง แต่ไม่รู้ว่าใจเปลี่ยนไปหรือยัง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอันใด หากเจ้ามีความต้องการอะไรก็บอกข้าแล้วกัน……."

"ขอบพระคุณซู่เฟยเหนียงเหนียงเพคะ" หยุนชางยิ้มออกมาและมองไปที่ฉินเมิ่งที่อยู่ข้างๆ และเห็นว่าแววตาเธอจ้องมองไปที่เท้าของซู่เฟย พร้อมกับมีแววตาเจตนาฆ่าเล็กน้อยในดวงตาของเธอ

ซู่เฟยไม่รู้สึกตัว เธอพูดกับคนในตำหนักว่า "พวกเจ้าลงไปก่อนเถิด ข้าและองค์หญิงไม่ได้พูดคุยเปิดใจกันมานานแล้ว วันนี้เราจะได้พูดคุยกันสักหน่อย"

ทุกคนตอบรับอย่างรวดเร็วและก้าวถอยออกไป

ซู่เฟยจึงกล่าวว่า "องค์หญิง ข้าได้ยินมาว่า จิ่นเฟยเสด็จแม่ของเจ้าได้รับตำแหน่งคืนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากเลยนะ"

หยุนชางตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนี้ และนานกว่าจะพูด " จริงเหรอเพคะ? ข้าไม่ได้ยินข่าวเลยสักนิดเพคะ" หลังจากอยู่นาน เธอก็ถอนหายใจเงียบ ๆ " ข้าเกร็งว่าคงมีคนบางคนไม่อยากให้ข้าทราบมั้งคะ "ช่างมันเถิด เสด็จแม่ของข้านั้น ได้ถอดทิ้งข้าและไม่สนใจข้าตั้งแต่ข้าอายุยังไม่ถึงหนึ่งขวบ เธอก็คงไม่สนใจลูกสาวที่ป่วยอย่างข้าหรอก ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านได้รับความโปรดปรานหรือว่าน่าสงสาร ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้ามากนะ"

"เจ้าพูดเช่นนี้ไม่ได้" ซู่เฟยยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน " องค์หญิง ลูกๆ เนี่ย ต่างก็เป็นยอดดวงใจของพ่อแม่ ข้านั้นเป็นคนไม่มีวาสนา ไม่มีวาสนาเช่นนี้ แต่ว่าองค์หญิงเป็นคนที่มีมารดา ฮองเฮาจะดีต่อองค์หญิงเท่าไหร่ สุดท้ายองค์หญิงก้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ อยู่ดี หากว่าจิ่นเฟยสามารถเป็นที่โปรดปรานได้ ท่านก็จะเป็นเครื่องรางคุ้มครองขององค์หญิงนะ "

หยุนชางยิ้มและส่ายหน้า "ร่างกายของข้าไม่ได้เป็นร่างกายที่จะได้เสวยสุขเพคะ อาจารย์อู๋น่าเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าหากข้าดูแลตัวเองให้ดี ข้าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 2-3 ปี แต่ถ้าหากข้าได้รับการกระทบกระทั่งทางความรู้สึกมากเกินไป เกรงว่าข้าคง .. "

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ซู่เฟยก็ขมวดคิ้วตามหยุนชาง และกล่าวด้วยความเป็นห่วง "ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ? โรคที่เจ้าเป็นอยู่เนี่ย?"

หยุนชางส่ายหน้า แต่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกและพูดว่า " ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเลย อาจารย์อู๋น่าเคยบอกว่า มีคนคนหนึ่งที่สามารถช่วยข้าได้เพคะ นั่นคือหมอเทวดาเสวี่ยเหยียนที่อาศัยอยู่บนภูเขาฉางไป๋มาตลอดทั้งปี แต่ว่าเขาว่ากันว่าหมอเทวดานั้นมีร่างกายที่พิเศษ เขาต้องอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยหิมะเท่านั้นจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ดังนั้นท่านจึงไม่เคยลงจากภูเขาฉางไป๋เลยเพคะ และร่างกายของข้านั้นเดินทางไกลมิได้ ข้าทรายดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงไม่เคยได้กล่าวเรื่องนี้กับผู้อื่นเจ้าค่ะ หากเสด็จพ่อรู้เข้า เสด็จพ่อคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปขอท่าน ข้าไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นเพคะ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามโชคชะตา … หากใครสามารถรักษาโรคของข้าให้หายได้ แม้ว่าจะต้องลำบากเพียงใด ข้าเองก็ต้องตอบแทนบุญคุณนี้เพคะ "

"หมอเทวดาเสวี่ยเหยียน? " ซู่เฟยพูดซ้ำดูเหมือนมีแสงประกายวิ่งผ่านดวงตาของเธอ แต่เธอก็จงใจถอนหายใจออกมา " เช่นนี้นี่เอง มันยากจริงๆ ข้ากลับไปก็จะช่วยเจ้าสืบหาวิธีนะ คิดว่าวิธีให้เจ้าอีกเรื่องหนึ่ง ฉินยีเพิ่งมาขอยาสมุนไพรจากข้า แต่ยานั้นข้านำไปให้กับเสด็จแม่ไปแล้วจริงๆ ข้ารู้สึกผิด จึงได้นำยาสมุนไพรตัวอื่นๆ มาให้เจ้า เจ้าลองดูว่าใช้ได้หรือไม่"

หยุนชางพยักหน้า "เช่นนั้น ข้าขอขอบพระคุณซู่เฟยเหนียงเหนียงเพคะ"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด