ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 44 เสี่ยวหลินจื่อที่หายไป

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 44 เสี่ยวหลินจื่อที่หายไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นี่หมายความว่าอย่างไร? ดวงตาของหยุนชางปรากฎแววรู้ทัน ที่แท้ฮองเฮาก็อยากทำเช่นนี้นี่เอง นางอยากจะเปลี่ยนชิ้นหมากรุกที่พังแล้วเป็นตัวหมากรุกใหม่? ช่างเป็นการคำนวณที่เยี่ยมจริงๆ…

หยุนชางยิ้มบางๆ "แม้ว่าฉินเมิ่งจะเป็นเพียงแค่นางกำนัล แต่ชางเอ๋อร์คิดว่าฟังความเห็นนางหน่อยก็ดีเหมือนกัน หากนางเต็มใจตามเสด็จแม่ไปที่วังชีอู๋ ชางเอ๋อร์ก็ไม่ต้องการนางกำนัลคนไหนอีก บ่าวรับใช้ในตำหนักชิงซินมีเพียงพอแล้ว ชางเอ๋อร์เองก็คุ้นเคยกับการอยู่วัดแคว้นหนิงแล้วจึงไม่ค่อยชอบให้มีผู้คนมากมายมารับใช้"

"นั่นคงไม่ได้ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงก็ต้องปฏิบัติตามกฎขององค์หญิง ข้าได้บอกกับหัวหน้าขันทีแล้ว อีกครู่ให้เขาเลือกที่ทำงานเป็นมาให้เจ้า" ฮองเฮาหยิบลูกประคำในมือของนางขึ้นมานับ

"เช่นนั้นทำตามที่เสด็จแม่ว่าเถอะเพคะ" หยุนชางยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าที่สบายๆ

ฮองเฮาหยวนเจินพยักหน้า ดูเหมือนนางจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงจ้องมองหยุนชางอยู่นานแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง "อาการป่วยของเจ้าหายดีแล้วหรือ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยสบายจึงปฏิเสธเหล่านางสนมทุกคนที่มาเยี่ยม?"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็เกาหัว "ร่างกายของข้าไม่ค่อยดีมาตลอด เมื่อสองสามวันก่อนนี้ก็เป็นหวัด กลัวว่าจะแพร่ให้คนอื่น นอกจากนี้ชางเอ๋อร์เพิ่งกลับมาที่วังไม่นาน ได้ยินมาว่าช่วงนี้สนมจิ่นเป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อและมีนางสนมมากมายมาหาข้าเพื่อพูดเรื่องไร้สาระ ชางเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจจึงได้ให้นางกำนัลหยุดพวกนางไว้ที่นอกตำหนัก… "

หยุนชางเห็นมือของฮองเฮาที่นับลูกประคำชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเก็บลูกประคำไปอย่างลวกๆ "งั้นหรือ? ทำไมจึงเรียกว่าจิ่นเฟยเหนียงเหนียง นั่นเป็นแม่ของเจ้า?" ฮองเฮาหยวนเจินกล่าวพลางจ้องมองไปที่หยุนชางอย่างไม่วางตาด้วยแววตาเย็นชา

หยุนชางยิ้มอย่างกระดาก "บอกว่าเป็นแม่ของชางเอ๋อร์ แต่ชางเอ๋อร์ไม่เคยพบนางเลยมาตั้งแต่เล็ก ก็เป็นเช่นคนแปลกหน้า จู่ๆจะให้ชางเอ๋อร์เรียนว่าท่านแม่ ชางเอ๋อร์อึดอัดใจจริงๆ ในใจยังคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ดังนั้นข้าจึงหลบอยู่ในตำหนักชิงซินเหมือนเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง เสด็จพ่อเพียงคืนตำแหน่งให้นางเท่านั้นและไม่มีอย่างอื่นอีก คิดว่าคงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ผ่านไปไม่กี่วันเดี๋ยวทุกคนก็ลืมเรื่องนี้ไปเอง"

ฮองเฮาหยวนเจินจ้องมองหยุนชางอยู่นาน เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของนางดูไม่เหมือนกำลังเสแสร้ง คิดว่าหลายปีมานี้หยุนชางและสนมจิ่นไม่เคยพบกันมาก่อน ยามที่นางยังเด็ก หากมีคนพูดว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของนางคือสนมจิ่นที่อยู่ในตำหนักเย็น นางก็จะโกรธมากและไม่ยอมรับว่านางเป็นลูกสาวของสนมจิ่น ผู้ที่ทำให้หยุนชางเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมขาดผลงานของฮองเฮาหยวนเจินไปไม่ได้

"ไม่น่าแปลกใจเลย ตอนที่เจ้ายังอายุไม่ถึงสิบเดือนก็ถูกข้ารับมาเลี้ยงแล้วจึงทำให้ห่างเหินจากแม่ของเจ้าไปหน่อย ตอนสนมจิ่นได้คืนตำแห่งเดิมแล้ว เจ้าก็คงลำบากใจไม่น้อย เอาเถอะๆ เมื่อเจ้าไม่ต้องการใกล้ชิดกับนางก็ตามใจเจ้าเถอะ เจ้าเองก็บรรลุนิติภาวะแล้ว อีกไม่นานก็ต้องเลือกราชบุตรเขยแต่งงานออกไป ถึงเวลาเจ้าก็จะไม่ได้อยู่ในพระราชวังแห่งนี้อีก ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกันแล้ว" ฮองเฮาหยวนเจินถอนหายใจเงียบๆ

เมื่อหยุนชางได้ยินว่าฮองเฮาเปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเรื่องแต่งงาน นางก็เพียงยิ้มบางและไม่ได้พูดอะไรต่อ

"เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ ร่างกายของเจ้าควรได้รับการดูแลอย่างดี หากเจ้าต้องการยาใดๆก็มาบอกกล่าวกับข้าได้เลย เรื่องสิ่งของในวังหลังนี้ มาบอกกล่าวแก่ข้าย่อมถูกต้องแล้ว" ฮองเฮาเหลืองมองหยุนชางอย่างมีความหมาย จากนั้นนางก็ยืนขึ้นและเดินออกไปพร้อมฉินเมิ่งและซิ่วซิน

หยุนชางตอบรับและส่งเสด็จฮองเฮาจนถึงหน้าประตูตำหนักพลางเฝ้าดูร่างของนางค่อยๆหายลับไป

"องค์หญิง ฉินเมิ่งเป็นขนาดนั้นแล้ว ทำไมฮองเฮาจึงจะนำตัวนางไปอีก?" ฉิงยีโน้มตัวเข้ามากระซิบถามหยุนชาง

หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา "หึๆ ก็เพราะฉินเมิ่งเป็นเช่นนี้ ฮองเฮาจึงนำตัวนางกลับไปอย่างไรล่ะ ตัวหมากที่พังแล้วจะต้องมีหมากตัวใหม่มาทดแทนจึงจะดี"

"แทนที่งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นตำหนักชิงซินแห่งนี้ก็จะไม่สงบอีกต่อไป?" ฉิงยีขมวดคิ้ว

หยุนชางยืนอยู่สักพักแล้วจึงพูดว่า "ไม่ นี่เป็นโอกาส… "

"โอกาส?" ฉิงยีไม่เข้าใจ แต่กลับเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเดินตรงมาที่นี่จากระยะไกล "องค์หญิง ซู่เฟยเหนียงเหนียงมาเพคะ… "

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองและย่นคิ้ว "ซู่เฟยผู้นี้ ราวกับนัดแนะกับฮองเฮาไว้แล้อย่างนั้นแหล่ะ คนนึงก่อนคนนึงหลัง ฉิงยี ปิดประตู ให้สอคนนี้เฝ้าประตูไว้ บอกว่าข้าไม่สบายและต้องการพักผ่อน อย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด"

ฉิงยีผงะไป "แต่องค์หญิง ซู่เฟยเหนียงเหนียง?"

"เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของฮองเฮาเมื่อครู่หรือ เห็นได้ชัดว่านางรู้เรื่องที่เจ้าไปขอยาจากซู่เฟยจึงมาเตือนข้าว่านางคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของวังหลังแห่งนี้ ให้ข้าทบทวนให้ดี" หลังจากหยุนชางพูดจบ นางก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องโถงของตำหนักด้านนอก

ฉิงยีรีบปิดประตูและเดินตามเข้าไป

"ในช่วงนี้ นอกจากฮ่องเต้แล้ว หากมีคนอื่นมาที่ตำหนักชิงซิน แม้ว่าจะเป็น… ท่านแม่… " หยุนชางพูดกับฉิงยี แต่ท้ายประโยคนางกลับลดเสียงลงและลังเลเล็กน้อย

ฉิงยีพยักหน้า "ข้าเข้าใจแล้วเพคะ องค์หญิงและนายท่านกำลังแสดงละครให้คนอื่นชมแค่นั้น เพียงแต่ในใจต่างก็เป็นห่วงอีกฝ่ายแต่กลับต้องทำตัวหมางเมินใส่กัน ในวังแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีจริงๆ"

หยุนชางยิ้มบางๆแฝงไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย "ใช่แล้ว ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ดีจริงๆ หากเป็นไปได้ข้าก็หวังว่าข้าจะอยู่ห่างจากสถานที่อันสับสนแห่งนี้ได้จริงๆ น่าเสียดายที่ข้าเกิดมาเป็นพระราชธิดา"

หยุนชางเดินเข้าไปในห้องด้านใน เปิดหน้าต่างและผิวปากเลียนแบบเสียงนกร้อง ไม่นานห่านป่าก็บินมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างและทำให้ฉิงยีตกใจ "องค์หญิง นกตัวนี้โผล่ออกมาจากที่ไหนกัน?"

หยุนชางไม่ตอบ นางเดินไปที่โต๊ะ วาดสัญลักษณ์บางอย่างที่ฉิงยีไม่เข้าใจ ยัดมันใส่เข้าไปในปากของห่านและห่านนั้นก็หันหลังบินหนีไป

ฉิงยียื่นศีรษะออกไปนอกหน้าต่างและมองออกไปอย่างประหลาดใจอยู่สักพักแต่ก็ไม่เห็นห่านตัวนั้นอีก จึงหดศีรษะกลับมาและไม่ถามอะไรอีก เพียงแต่ยิ้มให้หยุนชาง "องค์หญิง

ข้าจะไปต้มยาให้ท่านและให้คนทำความสะอาดห้องที่ฉินเมิ่งเคยพัก"

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างเห็นด้วย นางหันหลังกลับไปแต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และถามว่า "ฉิงยี เจ้าจำได้ไหม เจ็ดปีที่แล้วตอนที่ข้ายังอยู่ในวัง ตำหนักชิงซินยังมีขันทีคนหนึ่งที่ชื่อเสี่ยวหลินจื่อ?"

"เสี่ยวหลินจื่อ?" ฉิงยีขมวดคิ้วส่ายหัวและพูดว่า "ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว"

หยุนชางเดินไปสองสามก้าว "ปีนั้นฮองเฮาเชิญนักพรตมาทำพิธี ต้องการทำร้ายข้า อยากซื้อตัวคนในตำหนักชิงซินและจับทุกคนไป เสี่ยวหลินจื่อคนนั้นมาบอกข้าว่าฮองเฮาขอให้เขาใส่บางอย่างลงไปในอาหารของข้า"

ฉิงยีได้ยินหยุนชางพูดดังนั้นก็นึกขึ้นมาได้ "ข้านึกออกแล้ว มีเรื่องนั้นอยู่จริงๆ"

หยุนชางพยักหน้า "เมื่อข้ากลับมาที่พระราชวังคราวนี้ ฮองเฮาและฉินเมิ่งยังคงบอกว่าคนในตำหนัดชิงซินทุกคนล้วนเป็นคนเดิมกับก่อนหน้านี้ ไม่มีใครเปลี่ยนไปเลย แต่หลายวันมานี้ข้าแอบสังเกตุอย่างลับๆกลับไม่เห็นขันทีน้อยเสี่ยวหลินจื่อ เจ้าไปแอบถามเรื่องของเขามาหน่อย"

ฉิงยีได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตอบรับ "เพคะ ข้าจะใส่ใจเรื่องนี้" หลังจากพูดแล้วนางก็ถอยออกมาจากตำหนักด้านใน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด