ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 202 บีบเค้นเรื่องราวจากองค์ชาย (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 202 บีบเค้นเรื่องราวจากองค์ชาย (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายพระเนตรของจักรพรรดิหนิงยังคงดูน่าหวั่นเกรง พระองค์ทอดพระเนตรไปยังชางเจียชิงซู บรรยากาศภายในเป็นไปด้วยความตึงเครียด ชางเจียชิงซูเดิมทีซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อถูกมองด้วยสายพระเนตรเช่นนี้ ร่างกายก็สั่นระรัวยิ่งกว่าปกติ

ชางเจียชิงซูกัดฟันแน่น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาเพียงต้องการมาเพื่อสู่ขอองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว แต่เพราะว่าถูกจิ้งอ๋องตัดหน้าไปก่อน เขาถูกทำร้ายจิตใจโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จึงมีแนวคิดใหม่ ไหนๆหัวจิ้งก็เป็นหญิงหม้ายแล้ว อีกอย่างหัวจิ้งยังมีฮองเฮาและจวนหลี่คอยหนุนหลัง มีผลประโยชน์มากกว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วหลายเท่านัก ในใจจึงคิดแผนการขึ้นมา โดยใช้การล่วงประเวณีมาเป็นข้อผูกมัดให้หัวจิ้งยอมจำนน แล้วจึงหาโอกาสมาสู่ขอนางเพียงเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้

แต่เขาก็รู้ดีว่า จักรพรรดิหนิงนั้นเป็นถึงประมุขแห่งแคว้น คงไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอัปยศเช่นนี้ขึ้นกับธิดาของพระองค์เป็นแน่ ดังนั้นพระองค์คงจะไม่มีทางยอมรับในคำพูดของบ่าวรับใช้ผู้นั้น หากพระองค์ทรงพระทัยเย็นลง เขาเองก็คงพอจะมีโอกาสอยู่

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชางเจียชิงซูจึงรีบคุกเข่า "ขอฮ่องเต้โปรดทรงรับฟังคำของหม่อมฉันก่อนพ่ะย่ะค่ะ เหตุการณ์เมื่อครู่นั้น หม่อมฉันเองก็มีส่วนผิด หม่อมฉันไม่ชอบการอยู่ในที่เดิมๆ มองไปก็เจอแต่สิ่งที่ไม่เจริญหูเจริญตา ไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงได้เลือกหาที่สงบๆเพื่อมาพักผ่อนหย่อนใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้เดินเลยเข้ามาในเขตตำหนักขององค์หญิง เมื่อองค์หญิงทอดพระเนตรเห็นหม่อมฉันจึงร้องออกมาด้วยความตกพระทัย หม่อมฉันกำลังกลัวว่าจะทำให้องค์หญิงต้องเสื่อมเสีย ในใจของหม่อมฉันไม่ทันได้คิดอะไรก็รีบเอามือไปปิดปากองค์หญิงเอาไว้ แต่คุณชายเวินกลับมาพบเข้า และเข้าใจผิดว่าหม่อมฉันกำลังล่วงเกินองค์หญิง จึงได้นำมีดสั้นพุ่งมาแทงหม่อมฉัน นึกไม่ถึงเลยว่า องค์หญิงจะต้องมาถูกครหาเพราะหม่อมฉัน" เมื่อเขาพูดจบ ก็ทำหน้าสลดแสดงให้เห็นถึงความเสียอกเสียใจ

"เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หม่อมฉันหามีสิ่งใดต้องแก้ตัวอีก ขอองค์หญิงและฮ่องเต้ได้โปรดพระราชทานอภัยโทษ หม่อมฉันชางเจียชิงซูน้อมรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยการขอองค์หญิงหัวจิ้งอภิเษกเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"

สิ้นเสียงชางเจียชิงซู ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึง ดูเหมือนว่าคำพูดของบ่าวรับใช้นั้นน่าเชื่อถือมากเลยทีเดียว องค์ชายสามผู้นี้คงจะกลัวการถูกชี้ตัว จึงสิ้นไร้หนทางจนต้องออกมายอมรับความผิดด้วยตัวเองเช่นนี้ และคงกลัวว่าตนนั้นจะเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงจำต้องพูดเช่นนั้นออกมาอย่างชัดเจน……

หยุนชางยืนยิ้ม ขอหัวจิ้งอภิเษกเป็นพระชายางั้นหรือ? หัวจิ้งจะมีอนาคตที่สดใสราบรื่นแบบนั้นไปได้อย่างไร

คิดได้ดังนั้นแล้ว หยุนชางก็มองไปที่ชางเจียชิงซูแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ ในเมื่อองค์ชายสามมิได้กระทำผิดในเชิงชู้สาวต่อเสด็จพี่ องค์ชายสามก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ขอให้ท่านโปรดเข้าพระทัยด้วยว่า สิ่งที่ท่านได้ตรัสไปเมื่อครู่นั้น จะเป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาถูกล่วงประเวณีให้แก่เสด็จพี่ของหม่อมฉัน เสด็จพี่ทรงเป็นหญิงหม้ายแค่เพียงไม่นาน หากทำเช่นนี้เกรงว่าจะทำให้นางต้องถูกติฉินนินทาจากผู้คนมากมายนะเพคะ"

ชางเจียชิงซูจ้องไปที่หยุนชางด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่กลับพบว่าหยุนชางนั้นก็กำลังจดจ้องกลับมาเช่นเดียวกัน สายตาของนางนั้นไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

จิ้งอ๋องที่อยู่ด้วยก็พูดขึ้นว่า "ข้าจำได้ว่า เมื่อครู่นี้องค์ชายสามได้ตรัสว่าตนเองนั้นไม่รู้ตัวว่าได้เดินเลยเข้าไปในเขตตำหนักขององค์หญิงหัวจิ้ง" เขาหยุดสักพักแล้วจึงพูดต่อ "หากท่านต้องการสู่ขอองค์หญิงหัวจิ้งจริงๆ ก็ต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของแคว้นหนิงของพวกเรา ที่แคว้นหนิงนี้ เมื่อสู่ขอองค์หญิงไปแล้ว จะไม่สามารถมีชายารองหรืออนุภรรยาได้ ได้ยินว่าที่จวนขององค์ชายสามมีชายาและอนุภรรยาอยู่แล้วถึง 6 คน?"

หยุนชางเลิกคิ้ว ชายาและอนุภรรยา 6 คน หากว่าหัวจิ้งได้อภิเษกไปอยู่ที่แคว้นเย้หลางแล้วล่ะก็ ก็คงจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นอีกมาก เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพลันก็รู้สึกรื่นรมย์ขึ้นมาทันที

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้ว ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เรื่องนี้ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยอีกมาก นำคนพวกนี้ไปขังไว้ก่อน รอให้งานชมบุปผชาติสิ้นสุดแล้วค่อยนำตัวพวกเขามาสอบปากคำโดยละเอียด"

หยุนชางอมยิ้ม แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย นางไม่จำเป็นต้องรีบจัดการ เพราะหลังจากวันนี้แล้ว หัวจิ้งก็คงจะไร้ที่ยืนในวังหลวง ต่อจากนี้ไปหัวจิ้งก็คงจะได้ฉายาใหม่ว่าเป็นผู้หญิงใจโลเล นางได้เตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไว้ให้หัวจิ้งเป็นที่เรียบร้อย รับรองว่าหัวจิ้งจะต้องพอใจในของชิ้นนี้อย่างแน่นอน

เสร็จสิ้นการเข้าเฝ้า ทุกคนกำลังจะก้าวออกไปจากพระตำหนัก จู่ๆก็มีเสียงท้องฟ้าคำรามดังลั่น หยุนชางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าท้องฟ้าที่สดใสเมื่อครู่นั้นพลันมืดครึ้ม ราวกับว่าฝนกำลังจะตก

หยุนชางขมวดคิ้ว พูดเสียงเอื่อยๆว่า "ทำไมฝนจะตกแล้วล่ะ?"

พูดเสร็จก็เชิญบรรดาคุณหนูไปพักหลบฝนที่ตำหนักข้างๆ หยุนชางสังเกตเห็นว่าเวินหยูอวี้กำผ้าในมือของตัวเองอยู่ตลอด และยังหน้าซีดอีกด้วย หยุนชางยิ้ม นางไม่ลืมว่า วันนี้ได้เตรียมเรื่องราวสนุกๆเอาไว้ให้คุณหนูเวินท่านนี้เรียบร้อย นางเพียงแค่ทำลายครึ่งฉากแรกไปเท่านั้น ยังมีเรื่องสนุกรอให้นางลงมืออยู่อีกมาก

แต่แล้วหยุนชางก็นึกไปถึงสายตาอันเยือกเย็นของใต้เท้าเวินเมื่อครู่นี้ หยุนชางถึงกับอดยิ้มไม่ได้ นางจำได้ว่า ในขณะที่เวินชิงจู๋เข้าเฝ้าอยู่ในตำหนัก แม้ว่าใต้เท้าเวินจะคุกเข่าอยู่เคียงข้าง แต่เขากลับไม่พูดสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว คนจวนเวินนี้ดูๆไปก็แปลกเหมือนกันนะ

หยุนชางตั้งใจเดินไปข้างๆเวินหยูอวี้ แล้วแสร้งทำเป็นสงสาร นางถอนหายใจและเอ่ยกับเวินหยูอวี้ว่า "คุณหนูเวินอย่าเสียใจไปเลย หากว่าพี่ชายของท่านมิได้กระทำเรื่องร้ายแรงก็ไม่เป็นอะไรหรอก ดูสีหน้าของท่านสิ เมื่อครู่นี้ดูเหมือนตกใจมากเลยใช่ไหม?" หยุนชางหันหลังไปพูดกับเฉี่ยนอิน "ไปบอกให้คนต้มซุปโสม นำมาให้คุณหนูเวินดื่มเพื่อผ่อนคลาย"

เมื่อสั่งเฉี่ยนอินเสร็จ หยุนชางก็หันมาหาเวินหยูอวี้ที่ยังคงเหม่อลอยอยู่ นางเอื้อมมือไปถอดปิ่นปักผม แล้วเสียบไปที่ผมของเวินหยูอวี้ "วันนี้ดูท่านใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไปช่วยพูดกับเสด็จพ่อให้ ปิ่นทองรูปผีเสื้อนี้ข้าปักแล้วมันแปลกๆ ข้าว่าพอท่านปักแล้วดูเข้ากับท่านมากกว่า เช่นนั้นข้าขอมอบให้ท่านก็แล้วกัน แต่ว่าห้ามทำหน้าเศร้าอีกนะ"

เวินหยูอวี้หยุดเดินในทันทีแล้วเอื้อมมือไปลูบปิ่น เมื่อครู่นี้ตนได้แต่มองไปที่ปิ่นบนศีรษะของหยุนชางและชื่นชมในความงามของมัน แต่เพราะว่านางเป็นองค์หญิง ก็ต้องได้ใช้ของที่ดีกว่าตนเป็นธรรมดา ตนจึงนึกอิจฉาเพียงชั่วครู่แล้วก็เลิกใส่ใจไป แต่ตอนนี้ นางกลับเป็นคนมอบปิ่นให้กับตน ตนจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่ความรู้สึกยินดีนี้ ทำให้เวินหยูอวี้ลืมคิดไปว่า เหตุใดหยุนชางจู่ๆถึงได้เข้ามาใกล้ชิดกับตนเช่นนี้

หยุนชางก้มหน้ายิ้มเพื่อเก็บซ่อนแววตาที่แฝงไปด้วยเงื่อนงำ สักพักนางก็เงยหน้ายิ้มแล้วดันประตูตำหนักให้เปิดออก ตำหนักของนางนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากตำหนักนี้พอสมควร ดูจากสภาพอากาศแล้ว คงจะเดินไปได้ไม่ถึงไหน ฝนก็คงจะตกลงมาแล้ว

หยุนชางยิ้มพลางมองไปที่ฉินยีและพยักหน้า ฉินยีจึงถอยออกไป คุณหนูท่านอื่นก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่พวกนางคิดแต่เพียงว่าฉินยีออกไปจัดเตรียมน้ำชาจึงมิได้ใส่ใจอะไร

เดินมาได้สักพัก ก็เจอน้ำฝนหยดลงมาจากท้องฟ้า ฝนตั้งเค้าน่ากลัวมาก ดูท่าทางฝนจะตกลงมาอย่างหนักในอีกไม่ช้า หยุนชางถอนหายใจ แล้วสั่งให้คนไปนำร่มมา

คนที่ไปหยิบร่มก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ทว่าทุกคนก็คงจะโดนละอองฝนสาดจนเปียกอยู่บ้าง หยุนชางเอ่ยขึ้นมาว่า "ที่ตำหนักของข้าคงจะพอมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง อีกสักครู่ขอเชิญพวกท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่นก่อน จะได้ไม่เป็นหวัด"

บรรดาคุณหนูทั้งหลายที่กำลังวิตกกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหยุนชางเป็นอย่างมาก

เมื่อมาถึงตำหนักก็พบว่าฉินยีและเฉี่ยนอินได้ยืนรออยู่ที่หน้าตำหนักแล้ว ซุปโสมและน้ำชาต่างก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อย ฉินยีเห็นหยุนชางพาคนเดินเข้ามาก็รีบออกไปยืนต้อนรับ "เสื้อผ้าได้เตรียมไว้แล้ว ข้าน้อยจะขอพาเหล่าคุณหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ"

เหล่าคุณหนูต่างก็พยักหน้า แล้วเดินตามฉินยีไปด้านหลังตำหนัก ส่วนหยุนชางกลับเดินเข้าห้องบรรทมไปพร้อมกับเฉี่ยนอิน

เฉี่ยนอินนำชุดสีขาวงาช้างออกมา นางช่วยหยุนชางแต่งตัว ในขณะที่นางกำลังจะแปรงผมให้หยุนชางนั้น นางก็พบว่าปิ่นขององค์หญิงหายไปแล้ว เฉี่ยนอินตกใจมาก นางพูดขึ้นมาอย่างกระวนกระวาย "องค์หญิงเพคะ ปิ่นที่พระองค์ทรงปักไว้เมื่อเช้าล่ะเพคะ?"

หยุนชางได้แต่ยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ "ให้เวินหยูอวี้ไปแล้ว"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 202 บีบเค้นเรื่องราวจากองค์ชาย (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 202 บีบเค้นเรื่องราวจากองค์ชาย (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายพระเนตรของจักรพรรดิหนิงยังคงดูน่าหวั่นเกรง พระองค์ทอดพระเนตรไปยังชางเจียชิงซู บรรยากาศภายในเป็นไปด้วยความตึงเครียด ชางเจียชิงซูเดิมทีซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อถูกมองด้วยสายพระเนตรเช่นนี้ ร่างกายก็สั่นระรัวยิ่งกว่าปกติ

ชางเจียชิงซูกัดฟันแน่น เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาเพียงต้องการมาเพื่อสู่ขอองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว แต่เพราะว่าถูกจิ้งอ๋องตัดหน้าไปก่อน เขาถูกทำร้ายจิตใจโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จึงมีแนวคิดใหม่ ไหนๆหัวจิ้งก็เป็นหญิงหม้ายแล้ว อีกอย่างหัวจิ้งยังมีฮองเฮาและจวนหลี่คอยหนุนหลัง มีผลประโยชน์มากกว่าองค์หญิงฮุ่ยกั๋วหลายเท่านัก ในใจจึงคิดแผนการขึ้นมา โดยใช้การล่วงประเวณีมาเป็นข้อผูกมัดให้หัวจิ้งยอมจำนน แล้วจึงหาโอกาสมาสู่ขอนางเพียงเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้

แต่เขาก็รู้ดีว่า จักรพรรดิหนิงนั้นเป็นถึงประมุขแห่งแคว้น คงไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องอัปยศเช่นนี้ขึ้นกับธิดาของพระองค์เป็นแน่ ดังนั้นพระองค์คงจะไม่มีทางยอมรับในคำพูดของบ่าวรับใช้ผู้นั้น หากพระองค์ทรงพระทัยเย็นลง เขาเองก็คงพอจะมีโอกาสอยู่

เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ชางเจียชิงซูจึงรีบคุกเข่า "ขอฮ่องเต้โปรดทรงรับฟังคำของหม่อมฉันก่อนพ่ะย่ะค่ะ เหตุการณ์เมื่อครู่นั้น หม่อมฉันเองก็มีส่วนผิด หม่อมฉันไม่ชอบการอยู่ในที่เดิมๆ มองไปก็เจอแต่สิ่งที่ไม่เจริญหูเจริญตา ไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงได้เลือกหาที่สงบๆเพื่อมาพักผ่อนหย่อนใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าได้เดินเลยเข้ามาในเขตตำหนักขององค์หญิง เมื่อองค์หญิงทอดพระเนตรเห็นหม่อมฉันจึงร้องออกมาด้วยความตกพระทัย หม่อมฉันกำลังกลัวว่าจะทำให้องค์หญิงต้องเสื่อมเสีย ในใจของหม่อมฉันไม่ทันได้คิดอะไรก็รีบเอามือไปปิดปากองค์หญิงเอาไว้ แต่คุณชายเวินกลับมาพบเข้า และเข้าใจผิดว่าหม่อมฉันกำลังล่วงเกินองค์หญิง จึงได้นำมีดสั้นพุ่งมาแทงหม่อมฉัน นึกไม่ถึงเลยว่า องค์หญิงจะต้องมาถูกครหาเพราะหม่อมฉัน" เมื่อเขาพูดจบ ก็ทำหน้าสลดแสดงให้เห็นถึงความเสียอกเสียใจ

"เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หม่อมฉันหามีสิ่งใดต้องแก้ตัวอีก ขอองค์หญิงและฮ่องเต้ได้โปรดพระราชทานอภัยโทษ หม่อมฉันชางเจียชิงซูน้อมรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยการขอองค์หญิงหัวจิ้งอภิเษกเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ"

สิ้นเสียงชางเจียชิงซู ทุกคนในที่นั้นต่างพากันตกตะลึง ดูเหมือนว่าคำพูดของบ่าวรับใช้นั้นน่าเชื่อถือมากเลยทีเดียว องค์ชายสามผู้นี้คงจะกลัวการถูกชี้ตัว จึงสิ้นไร้หนทางจนต้องออกมายอมรับความผิดด้วยตัวเองเช่นนี้ และคงกลัวว่าตนนั้นจะเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงจำต้องพูดเช่นนั้นออกมาอย่างชัดเจน……

หยุนชางยืนยิ้ม ขอหัวจิ้งอภิเษกเป็นพระชายางั้นหรือ? หัวจิ้งจะมีอนาคตที่สดใสราบรื่นแบบนั้นไปได้อย่างไร

คิดได้ดังนั้นแล้ว หยุนชางก็มองไปที่ชางเจียชิงซูแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกนะเพคะ ในเมื่อองค์ชายสามมิได้กระทำผิดในเชิงชู้สาวต่อเสด็จพี่ องค์ชายสามก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ขอให้ท่านโปรดเข้าพระทัยด้วยว่า สิ่งที่ท่านได้ตรัสไปเมื่อครู่นั้น จะเป็นการยัดเยียดข้อกล่าวหาถูกล่วงประเวณีให้แก่เสด็จพี่ของหม่อมฉัน เสด็จพี่ทรงเป็นหญิงหม้ายแค่เพียงไม่นาน หากทำเช่นนี้เกรงว่าจะทำให้นางต้องถูกติฉินนินทาจากผู้คนมากมายนะเพคะ"

ชางเจียชิงซูจ้องไปที่หยุนชางด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่กลับพบว่าหยุนชางนั้นก็กำลังจดจ้องกลับมาเช่นเดียวกัน สายตาของนางนั้นไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

จิ้งอ๋องที่อยู่ด้วยก็พูดขึ้นว่า "ข้าจำได้ว่า เมื่อครู่นี้องค์ชายสามได้ตรัสว่าตนเองนั้นไม่รู้ตัวว่าได้เดินเลยเข้าไปในเขตตำหนักขององค์หญิงหัวจิ้ง" เขาหยุดสักพักแล้วจึงพูดต่อ "หากท่านต้องการสู่ขอองค์หญิงหัวจิ้งจริงๆ ก็ต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของแคว้นหนิงของพวกเรา ที่แคว้นหนิงนี้ เมื่อสู่ขอองค์หญิงไปแล้ว จะไม่สามารถมีชายารองหรืออนุภรรยาได้ ได้ยินว่าที่จวนขององค์ชายสามมีชายาและอนุภรรยาอยู่แล้วถึง 6 คน?"

หยุนชางเลิกคิ้ว ชายาและอนุภรรยา 6 คน หากว่าหัวจิ้งได้อภิเษกไปอยู่ที่แคว้นเย้หลางแล้วล่ะก็ ก็คงจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นอีกมาก เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วพลันก็รู้สึกรื่นรมย์ขึ้นมาทันที

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้ว ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "เรื่องนี้ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยอีกมาก นำคนพวกนี้ไปขังไว้ก่อน รอให้งานชมบุปผชาติสิ้นสุดแล้วค่อยนำตัวพวกเขามาสอบปากคำโดยละเอียด"

หยุนชางอมยิ้ม แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย นางไม่จำเป็นต้องรีบจัดการ เพราะหลังจากวันนี้แล้ว หัวจิ้งก็คงจะไร้ที่ยืนในวังหลวง ต่อจากนี้ไปหัวจิ้งก็คงจะได้ฉายาใหม่ว่าเป็นผู้หญิงใจโลเล นางได้เตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่ไว้ให้หัวจิ้งเป็นที่เรียบร้อย รับรองว่าหัวจิ้งจะต้องพอใจในของชิ้นนี้อย่างแน่นอน

เสร็จสิ้นการเข้าเฝ้า ทุกคนกำลังจะก้าวออกไปจากพระตำหนัก จู่ๆก็มีเสียงท้องฟ้าคำรามดังลั่น หยุนชางเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าท้องฟ้าที่สดใสเมื่อครู่นั้นพลันมืดครึ้ม ราวกับว่าฝนกำลังจะตก

หยุนชางขมวดคิ้ว พูดเสียงเอื่อยๆว่า "ทำไมฝนจะตกแล้วล่ะ?"

พูดเสร็จก็เชิญบรรดาคุณหนูไปพักหลบฝนที่ตำหนักข้างๆ หยุนชางสังเกตเห็นว่าเวินหยูอวี้กำผ้าในมือของตัวเองอยู่ตลอด และยังหน้าซีดอีกด้วย หยุนชางยิ้ม นางไม่ลืมว่า วันนี้ได้เตรียมเรื่องราวสนุกๆเอาไว้ให้คุณหนูเวินท่านนี้เรียบร้อย นางเพียงแค่ทำลายครึ่งฉากแรกไปเท่านั้น ยังมีเรื่องสนุกรอให้นางลงมืออยู่อีกมาก

แต่แล้วหยุนชางก็นึกไปถึงสายตาอันเยือกเย็นของใต้เท้าเวินเมื่อครู่นี้ หยุนชางถึงกับอดยิ้มไม่ได้ นางจำได้ว่า ในขณะที่เวินชิงจู๋เข้าเฝ้าอยู่ในตำหนัก แม้ว่าใต้เท้าเวินจะคุกเข่าอยู่เคียงข้าง แต่เขากลับไม่พูดสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว คนจวนเวินนี้ดูๆไปก็แปลกเหมือนกันนะ

หยุนชางตั้งใจเดินไปข้างๆเวินหยูอวี้ แล้วแสร้งทำเป็นสงสาร นางถอนหายใจและเอ่ยกับเวินหยูอวี้ว่า "คุณหนูเวินอย่าเสียใจไปเลย หากว่าพี่ชายของท่านมิได้กระทำเรื่องร้ายแรงก็ไม่เป็นอะไรหรอก ดูสีหน้าของท่านสิ เมื่อครู่นี้ดูเหมือนตกใจมากเลยใช่ไหม?" หยุนชางหันหลังไปพูดกับเฉี่ยนอิน "ไปบอกให้คนต้มซุปโสม นำมาให้คุณหนูเวินดื่มเพื่อผ่อนคลาย"

เมื่อสั่งเฉี่ยนอินเสร็จ หยุนชางก็หันมาหาเวินหยูอวี้ที่ยังคงเหม่อลอยอยู่ นางเอื้อมมือไปถอดปิ่นปักผม แล้วเสียบไปที่ผมของเวินหยูอวี้ "วันนี้ดูท่านใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ท่านวางใจเถอะ ข้าจะไปช่วยพูดกับเสด็จพ่อให้ ปิ่นทองรูปผีเสื้อนี้ข้าปักแล้วมันแปลกๆ ข้าว่าพอท่านปักแล้วดูเข้ากับท่านมากกว่า เช่นนั้นข้าขอมอบให้ท่านก็แล้วกัน แต่ว่าห้ามทำหน้าเศร้าอีกนะ"

เวินหยูอวี้หยุดเดินในทันทีแล้วเอื้อมมือไปลูบปิ่น เมื่อครู่นี้ตนได้แต่มองไปที่ปิ่นบนศีรษะของหยุนชางและชื่นชมในความงามของมัน แต่เพราะว่านางเป็นองค์หญิง ก็ต้องได้ใช้ของที่ดีกว่าตนเป็นธรรมดา ตนจึงนึกอิจฉาเพียงชั่วครู่แล้วก็เลิกใส่ใจไป แต่ตอนนี้ นางกลับเป็นคนมอบปิ่นให้กับตน ตนจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่ความรู้สึกยินดีนี้ ทำให้เวินหยูอวี้ลืมคิดไปว่า เหตุใดหยุนชางจู่ๆถึงได้เข้ามาใกล้ชิดกับตนเช่นนี้

หยุนชางก้มหน้ายิ้มเพื่อเก็บซ่อนแววตาที่แฝงไปด้วยเงื่อนงำ สักพักนางก็เงยหน้ายิ้มแล้วดันประตูตำหนักให้เปิดออก ตำหนักของนางนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากตำหนักนี้พอสมควร ดูจากสภาพอากาศแล้ว คงจะเดินไปได้ไม่ถึงไหน ฝนก็คงจะตกลงมาแล้ว

หยุนชางยิ้มพลางมองไปที่ฉินยีและพยักหน้า ฉินยีจึงถอยออกไป คุณหนูท่านอื่นก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่พวกนางคิดแต่เพียงว่าฉินยีออกไปจัดเตรียมน้ำชาจึงมิได้ใส่ใจอะไร

เดินมาได้สักพัก ก็เจอน้ำฝนหยดลงมาจากท้องฟ้า ฝนตั้งเค้าน่ากลัวมาก ดูท่าทางฝนจะตกลงมาอย่างหนักในอีกไม่ช้า หยุนชางถอนหายใจ แล้วสั่งให้คนไปนำร่มมา

คนที่ไปหยิบร่มก็กลับมาอย่างรวดเร็ว ทว่าทุกคนก็คงจะโดนละอองฝนสาดจนเปียกอยู่บ้าง หยุนชางเอ่ยขึ้นมาว่า "ที่ตำหนักของข้าคงจะพอมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง อีกสักครู่ขอเชิญพวกท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่นก่อน จะได้ไม่เป็นหวัด"

บรรดาคุณหนูทั้งหลายที่กำลังวิตกกังวล เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหยุนชางเป็นอย่างมาก

เมื่อมาถึงตำหนักก็พบว่าฉินยีและเฉี่ยนอินได้ยืนรออยู่ที่หน้าตำหนักแล้ว ซุปโสมและน้ำชาต่างก็เตรียมเอาไว้เรียบร้อย ฉินยีเห็นหยุนชางพาคนเดินเข้ามาก็รีบออกไปยืนต้อนรับ "เสื้อผ้าได้เตรียมไว้แล้ว ข้าน้อยจะขอพาเหล่าคุณหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ"

เหล่าคุณหนูต่างก็พยักหน้า แล้วเดินตามฉินยีไปด้านหลังตำหนัก ส่วนหยุนชางกลับเดินเข้าห้องบรรทมไปพร้อมกับเฉี่ยนอิน

เฉี่ยนอินนำชุดสีขาวงาช้างออกมา นางช่วยหยุนชางแต่งตัว ในขณะที่นางกำลังจะแปรงผมให้หยุนชางนั้น นางก็พบว่าปิ่นขององค์หญิงหายไปแล้ว เฉี่ยนอินตกใจมาก นางพูดขึ้นมาอย่างกระวนกระวาย "องค์หญิงเพคะ ปิ่นที่พระองค์ทรงปักไว้เมื่อเช้าล่ะเพคะ?"

หยุนชางได้แต่ยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ "ให้เวินหยูอวี้ไปแล้ว"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+