ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 133 พินิจพิเคราะห์ (หนึ่ง)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 133 พินิจพิเคราะห์ (หนึ่ง) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อฮองเฮาหยวนเจินมาถึงบ่อน้ำที่เกิดอุบัติเหตุ จักรพรรดิหนิงและหยุนชางก็อยู่ที่นั่นแล้ว ศพข้างบ่อน้ำคลุมด้วยผ้าขาว ฮองเฮาเดินเข้ามา สายตาจับจ้องไปที่ศพ "หม่อมฉันถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "ลุกขึ้นเถิด"

ฮองเฮาลุกขึ้นโบกแขนเสื้ออย่างรังเกียจ ตรัสว่า "วันขึ้นปีใหม่ มาเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ฝ่าบาท คนที่ตายนี่ เป็นของตำหนักใดเพคะ"

จักรพรรดิหนิงหรี่ตาและตรัสว่า "ตำหนักฉางชุน"

"ตำหนักฉางชุน" ไม่ใช่ตำหนักของหมิงไท่เฟยรึ? ฮองเฮาตกพระทัย รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิให้คนนำศพไป ฮองเฮาก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ต่อ นางจึงโค้งคำนับจักรพรรดิหนิงและกลับไปที่พระราชวังชีอู๋

"ซิ่วซิน เจ้าไปที่ตำหนักฉางชุนที ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เจ้าไปช่วยข้าถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของหญิงที่ตายสิ" ฮองเฮาขมวดคิ้ว

ป้าซิ่วซินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "เหนียงเหนียง หม่อมฉันรู้สึกว่าในสถานการณ์นี้ เราไม่ควรไล่ตามตำหนักฉางชุนนะเพคะ ตอนนี้เราถูกศัตรูล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ฮองเฮา พระองค์เพิ่งได้ยกเลิกกักบริเวณ พระสนมจิ่นแท้งพระครรภ์ และองค์หญิงหัวจิ้งถูกคุมขัง ตอนนี้ทางด้านหมิงไท่เฟยก็เกิดเรื่องขึ้น ในเวลานี้ เราควรที่จะรอดูสถานการณ์ดีกว่านะเพคะ"

ฮองเฮาก็รู้ว่าซิ่วซินพูดถูก แต่นางมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ หลังจากผ่านสักพัก นางถอนหายใจ "ข้ายังบอกว่าจะหาโอกาสกลับไปจวนมหาเสนาบดี เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นในเมื่อวานนี้ จิ้งเอ๋อร์ต้องถูกกล่าวหาแน่ แต่นางถูกหยุนชางปองร้าย จนถูกขังไว้ แต่ว่า มีเรื่องเกิดขึ้นในวัง ข้าในฐานะฮองเฮา คงออกไปไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าจิ้งเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง"

ซิ่วซินกล่าวอย่างรวดเร็ว "เหนียงเหนียง ตอนนี้พระองค์ยิ่งร้อนพระทัยไม่ได้นะเพคะ พระองค์คิดดู องค์หญิงหยุนชางเป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง และนางไม่ได้มีเวลาอยู่ในวังมากนัก นางไม่มีเวลาเตรียมกลอุบายมากมาย เรื่องเมื่อวานที่ตำหนักจินหลวน เห็นได้ชัดว่าจิ้งอ๋องเข้ามาแทรกแซง และกงกงของหอเหม่ยหยิงจะต้องเป็นคนที่จิ้งอ๋องจัดมาแน่เพคะ"

"เฮ้อ นางแพศยาเซียวซูจิ่น ข้าไม่รู้ว่าทำไมนางถึงโชคดีอย่างนี้ มีฝ่าบาทคอยเข้าข้าง ลูกสาวของนางก็มีจิ้งอ๋องปกป้อง ไม่ได้การ ข้าต้องไม่ให้หยุนชางและจิ้งอ๋องอยู่ด้วยกัน หากมีจิ้งอ๋องคอยปกป้องนาง มันยากสำหรับเราที่จะลงมือ…" ฮองเฮาบีบมือแน่น เงียบไปครู่หนึ่งจึงตรัสออกมาว่า "ถ้าหากว่า หยุนชางถูกทำลายชื่อเสียง จิ้งอ๋องคงจะไม่ต้องการนางอย่างแน่นอน…"

"ฮองเฮา พระองค์กำลังคิด?" ซิ่วซินตกใจ

ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย "ท่านพ่อมักบอกให้ข้ารอ แต่ตอนนี้ ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป…"

"ฮัดเช้ย…" ในตำหนักชิงซิน หยุนชางจามออกมา "นี่ใครกำลังสาปแช่งข้ารึ?"

เฉี่ยนอินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว " ใครกล้าสาปแช่งองค์หญิง? เฉี่ยนอินจะถลอกหนังของนาง ลอกกระดูกของนาง และดื่มเลือดของนาง!"

หยุนชางยิ้ม เอนตัวพิงฟูกนุ่ม ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเล็กน้อย " เฉี่ยนอิน เมื่อคืนเจ้าเห็นนางกำนัลคนนั้นเสียชีวิตอย่างไรหรือไม่"

เฉี่ยนอินได้ยินคำพูด มองไปรอบๆ เดินไปหาหยุนชางและนั่งลง "องค์หญิง คนที่เฝ้าดูบ่อน้ำนั่นบอกหม่อมฉันว่า มีชายชุดดำลากศพของนางกำนัลนั่นแล้วโยนลงบ่อน้ำโดยตรง ชายชุดดำมีวิชาไม่เบา คนที่เฝ้าดูมิกล้าที่จะผลีผลาม จึงได้แต่ตามหลังของเขา และเห็นว่าเขาเข้าไปที่ตำหนักฉางชุนเพคะ"

"ตำหนักฉางชุน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้หมิงไท่เฟยจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องสินะ…" หยุนชางหรี่ตา "ในวันส่งท้ายปีเก่า คนของเราได้เห็นสิ่งผิดปกติในอุทยานหลวงหรือไม่ เช่น มีใครเดินผ่านไปมา หรือโยนของอะไรลงบนพื้น"

เฉี่ยนอินส่ายหน้า "ในคืนวันนั้น ตราประทับของฮองเฮาหายไปในตำหนักฉางชุน ทุกตำหนักในวังถูกล้อมรอบด้วยองครักษ์ในวัง ไม่มีใครเข้าออกได้ ดังนั้น คนของเราก็ไม่สามารถออกไปได้เพคะ"

"ทุกตำหนักไม่สามารถเข้าออกได้…แล้วเป็นใครกันนะ? ว่าแต่ แล้วหาตราประทับของฮองเฮาพบที่ไหน" หยุนชางพูดอีกครั้ง

เฉี่ยนอินพูดเบาๆ "ดูเหมือนว่านางกำนัลในตำหนักฉางชุนเป็นคนเอาไป แล้วหมิงไท่เฟยก็คุมตัวหญิงคนนั้นทันทีเพคะ"

หยุนชางได้ฟัง หลับตาลงและถอนหายใจอย่างเงียบๆ "แล้วเป็นใครกันนะที่ทิ้งตะไคร่น้ำไว้ และเป็นใครที่ไปกำจัดทิ้ง"

"เจิ้งกงกง ท่านมาแล้วหรือ ต้องการเฝ้าองค์หญิงหรือเจ้าคะ" เสียงของนางกำนัลดังมาจากด้านนอก หยุนชางลุกขึ้น เดินออกไป เห็นหัวหน้าเจิ้งยืนอยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นหยุนชางออกมาจากโถงชั้นในก็รีบพูดว่า "กระหม่อมถวายพระพรองค์หญิง องค์หญิง ฝ่าบาทให้กระหม่อมมาบอกองค์หญิงว่า ศพของนางกำนัลอยู่ในตำหนักทางทิศตะวันตก ถ้าองค์หญิงจะไปดู ตอนนี้ กระหม่อมจะนำองค์หญิงไปพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางพยักหน้าและกล่าวว่า "งั้นก็ไปดูกันเถอะ"

หยุนชางสั่งให้เฉี่ยนอินหยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วตามหัวหน้าเจิ้งไปยังตำหนักที่อยู่ห่างไกล

"เจิ้งกงกง จิ้งอ๋องกลับมายังเมืองหลวงเมื่อใดหรือ ทำไมชางเอ๋อร์ไม่ได้ยินว่า เสด็จพ่อออกคำสั่งให้เขาย้ายขุนพลกลับราชสำนัก?" หยุนชางอุ้มโถน้ำร้อน ดวงตาของนางมองไปบนต้นไม้ที่ปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะ ราวกับว่าจะถามอย่างไม่ใส่ใจ

หัวหน้าเจิ้งหัวเราะและกล่าวว่า "ทำไม? องค์หญิงก็มิทราบ? กระหม่อมก็ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทจะเรียกเข้าเฝ้านะพ่ะย่ะค่ะ แต่คืนหนึ่งก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ในกลางดึก จิ้งอ๋องจู่ๆก็บุกเข้ามา ทำกระหม่อมตกใจมาก แต่ในวันส่งท้ายปีเก่า กระหม่อมได้รู้ว่า ฝ่าบาทได้ประทานอภิเษกสมรสให้องค์หญิงและจิ้งอ๋อง คิดว่าจิ้งอ๋องต้องกลับมาเพราะเรื่องงานสมรสมั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเฝ้าดูจิ้งอ๋องเติบโตขึ้นมา แม้ว่าพระองค์จะดูเย็นชา แต่พระองค์เป็นผู้ที่มีจิตใจดี อีกทั้ง กระหม่อมได้เห็นจิ้งอ๋องได้ปกป้ององค์หญิงในวันนั้น องค์หญิงก็ทรงมั่นใจได้เลยว่าจิ้งอ๋องจะดีต่อองค์หญิงเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ"

ปากของหยุนชางกระตุก ที่แท้หัวหน้าเจิ้งคิดว่านางกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้ ดังนั้นหันกลับมาช่วยจิ้งอ๋องพูด จิตใจของจิ้งอ๋องไม่แย่เหรอ? ไม่แย่จริงๆ แค่ใจใหญ่ก็เท่านั้นเอง

มันเป็นตำหนักที่ห่างไกลจริงๆ วัชพืชในวังสูงเท่าครึ่งตัวของคน ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างอ้างว้างและเยือกเย็น หยุนชางเดินเข้าไปในห้องโถง และเห็นศพที่ปกคลุมไปด้วยผ้าขาวที่วางอยู่ในห้องโถง

หยุนชางเดินไปข้างศพ ส่งโถน้ำร้อนให้เฉี่ยนอิน เอื้อมมือยกผ้าขาวขึ้น และเห็นว่าใบหน้าใต้ผ้าขาวนั้นถูกแช่น้ำจนซีด บวมเล็กน้อย มีสีเขียวอมม่วงเล็กน้อย หยุนชางมองดูตา หู จมูก และปากของศพอย่างละเอียด แล้วลองกดที่ท้อง พูดเบาๆว่า "ในท้องไม่มีน้ำ คงถูกผลักลงไปในบ่อน้ำหลังตาย ผิวเป็นสีคล้ำม่วง เกรงว่านางจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ"

หยุนชางยกมือของศพขึ้น ขมวดคิ้ว และหยิบเส้นใยสีเขียวจากเล็บของศพได้หลายเส้น

"องค์หญิง นี่เหมือนกับตะไคร่น้ำที่พบตรงจุดที่พระสนมจิ่นเกิดอุบัติเหตุในวันนั้น เป็นไปได้ไหมว่า คนที่วางตะไคร่น้ำเหล่านั้นคือนางกำนัลคนนี้" เฉี่ยนอินเห็นเข้าก็พูดอย่างรวดเร็ว

หยุนชางไม่พูด เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตรวจสอบจุดอื่นๆอย่างละเอียด จากนั้นก็เหยียดตัวตรง เฉี่ยนอินรีบตักน้ำมา ให้หยุนชางล้างมือให้สะอาด ก่อนที่จะส่งโถน้ำร้อนให้อีกครั้ง

"กลับไปเถอะ ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว หัวหน้าเจิ้ง จัดการกับศพนี้เถิด" หยุนชางพูดเบาๆ ยกเท้าออกจากประตูตำหนัก

เมื่อกลับไปถึงตำหนักชิงซิน หยุนชางยังไม่คลายเสื้อคลุมออก หันไปพูดกับเฉี่ยนอิน "ไปถามคนที่เราจัดอยู่ในตำหนักฉางชุนทีว่า ในวันที่หมิงไท่เฟยสั่งให้ปิดทุกตำหนักเพื่อตรวจค้นนั้น นางกำนัลคนนั้นอยู่หรือไม่ นางกำนัลคนนั้นชื่อว่าปี้ลั่ว เป็นนางกำนัลที่รับผิดชอบในการตักน้ำของตำหนักฉางชุน"

เฉี่ยนอินตอบรับและรีบออกไป หยุนชางถึงคลายเสื้อคลุมออก และพูดเสียงดังว่า "ตักน้ำร้อนมา เอาครีมบำรุงมาด้วย"

นางกำนัลรีบวิ่งไปตักน้ำมา หยุนชางเอามือแช่ลงในอ่างครู่หนึ่ง ล้างมือให้สะอาด แล้วทาครีมบำรุง ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในชีวิตภพที่แล้วและปัจจุบัน ตนเพิ่งได้สัมผัสศพเป็นครั้งแรก และตอนนี้มาคิดๆแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกเล็กน้อย

หยุนชางนอนอยู่บนฟูกนุ่ม และอ่านหนังสือ เฉี่ยนอินก็เดินเข้ามา "องค์หญิง ตอนที่ตราประทับของฮองเฮาถูกขโมย ปี้ลั่วอยู่ในตำหนักฉางชุนตลอดเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า โดยไม่มีความไม่แปลกใจเลยสักนิด ตอนที่พบตะไคร่น้ำบนนิ้วของนางกำนัล หยุนชางรู้แล้วว่า นางกำนัลคนนั้นแค่เอามาล่อสายตาผู้คนให้สับสนเท่านั้น อาจเป็นเพราะเมื่อวานตอนที่ไปถวายพระพรฮองเฮานั้น ตนแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกหลังจากพูดถึงตะไคร่น้ำและบ่อน้ำสองคำสำคัญออกมา มีผู้สนใจได้ยินเข้า ตะไคร่น้ำนั่นมีอยู่จริง แต่บ่อน้ำคือหยุนชางเดาเอา แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ฆาตกรตัวจริงวุ่นวาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด