ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 160 งานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์ (๒)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 160 งานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์ (๒) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ่งเหวินซีได้ยินเช่นนั้นก็ดูตกใจเล็กน้อย นางอ้าปากค้างอยู่นานแล้วจึงพูดว่า "อ้อ ซีเอ๋อร์ไม่รู้ว่าองค์หญิงขี่ม้าไม่ได้ เพียงแต่ชางยางอวี้เอ๋อร์ชนะไป หากนางใช้โอกาสนั้นขอให้ฮ่องเต้พระราชทานงานสมรสให้อีก พอถึงเวลานั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน องค์หญิงก็คงจะเป็นผู้เจ็บใจเสียเอง น่าเสียดายจริงที่องค์หญิงขี่ม้าไม่เป็น…"

ชิชะ ถอยเพื่อรุกงั้นหรือ หยุนชางสงสัยเล็กน้อย ผู้วางแผนที่อยู่เบื้องหลังจิ่งเหวินซีและสั่งให้นางพูดจาเช่นนี้คือใครกัน…

ชางยางอวี้เอ๋อร์ที่อยู่อีกด้าน ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็หัวเราะออก "องค์หญิงฮุ่ยกั๋วขี่ม้าไม่เป็นแล้วอวี้เอ๋อร์จะไปฝืนใจได้อย่างไร อวี้เอ๋อร์จะไม่รังแกองค์หญิงเช่นนี้หรอก หากได้จิ้งอ๋องมาเช่นนี้ก็นับว่าชนะอย่างไม่เป็นธรรม แม้ว่าอวี้เอ๋อร์จะเป็นบุตรสาวผู้ต่ำต้อยของราชครูแห่งแคว้นเย้หลาง แต่ก็รู้ว่าองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงสูงศักดิ์เพียงใด แม้ว่าจะไม่มีความสามารถอันใดเลย อย่างไรจักรพรรดิก็ย่อมเต็มไปเสาะหาคู่แต่งงานที่เพียบพร้อมให้อย่างแน่นอน แม้อวี้เอ๋อร์จะอิจฉาองค์หญิงเล็กน้อย แต่ก็คงไม่ได้ไม่รู้จักดีชั่วถึงเพียงนั้น"

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น ความหมายของชางยางอวี้เอ๋อร์ก็คือ… นางไม่มีความสามารถใดๆ เลย แต่ด้วยฐานะอันสูงส่งขององค์หญิงแห่งแคว้นหนิง นางจึงคว้าจิ้งอ๋องไว้ไม่ยอมปล่อย? เมื่อหยุนชางกำลังจะพูด กลับเห็นหวังจินเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อยและดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจ นางยกมือแล้วเอ่ยกับหยุนชางว่า "องค์หญิงวางใจเถอะ หม่อมฉันมั่นใจว่าจะชนะการประลองนี้ได้และ จะไม่มีวันให้แคว้นหนิงเสียหน้าอย่างเด็ดขาด"

เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มของนางก็กว้างขึ้น นางพูดอย่างนุ่มนวลว่า "ชางเอ๋อร์เชื่อในตัวแม่นางหวังอยู่แล้ว เพียงแต่สิ่งที่แม่นางจิ่งและแม่นางชางยางกล่าวก็ไม่ผิดเลย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ชางเอ๋อร์เป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงก็ควรจะแสดงความเป็นองค์หญิงออกมาให้เห็น แม้ว่าข้าจะขี่ม้าไม่เป็นก็ไม่กลัว ในเมื่อวันนี้ทุกคนดูจะสนอกสนใจมาก ข้าก็จะเล่นสนุกไปกับพวกเจ้าก็แล้วกัน ถึงจะแพ้ก็แพ้ไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด" ดวงตาของชางยางอวี้เอ๋อร์และจิ่งเหวินซีฉายแววลำพอง หวังจินเหยียนหรี่ตาลงเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร จิ้งอ๋องผู้ซึ่งดูเหมือนจะว่างลงในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นและมองหยุนชาง "ชางเอ๋อร์ก็จะเข้าร่วมหรือ?"

หยุนชางยิ้มพลางกล่าวว่า "เพียงแต่เห็นว่าทุกคนดูสนุกสนานจึงอยากจะสนุกกับทุกคนด้วยเพคะ"

จิ้งอ๋องแอบครุ่นคิดกับตัวเองครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มและกล่าวว่า "ดี ในเมื่อชางเอ๋อร์อยากสนุกก็สนุกเถอะ"

จักรพรรดิหนิงมองความโหมกระหน่ำของคลื่นใต้น้ำของคนเหล่านี้อย่างเงียบๆ มาตลอด ยามนี้จึงค่อยเอ่ยปากขึ้นอย่างสบายๆ "ชางเอ๋อร์ไม่เคยขี่ม้า จิ้งอ๋อง เจ้าส่งคนตามนางไว้ อย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับชางเอ๋อร์"

จิ้งอ๋องพยักหน้า "เช่นนั้นชางเอ๋อร์ก็ขี่ท่าหยุนของข้าเถอะ"

เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากจิ้งอ๋อง จิ่งเหวินซีที่อยู่ด้านข้างก็กะพริบตาเล็กน้อย "ท่านอ๋องปกป้องเช่นนี้ออกจะไม่ยุติธรรมเลยนะเพคะ ใครๆ ก็รู้ว่าท่าหยุนเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่ยอดเยี่ยม ม้าธรรมดาจะวิ่งเร็วกว่าท่าหยุนได้อย่างไร?"

จิ้งอ๋องดูไม่พอใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมุ่นมองจิ่งเหวินซี "ไม่ยุติธรรม? แม่นางชางยางโตขึ้นในแคว้นเย้หลาง ผู้คนที่นั่นใช้ชีวิตเร่ร่อนและต่างเติบโตมาบนหลังม้า หญิงสาวคนอื่นๆ ที่มาลงชื่อประลองก็ฝึกขี่ม้าตั้งแต่ยังเด็ก แม้แต่แม่นางจิ่งเอง ครอบครัวก็ยังเชิญปรมาจารย์การต่อสู้มาสอนให้ขี่ม้า แต่ชางเอ๋อร์ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน หากเป็นม้าธรรมดา เกรงว่าจะขึ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ แม่นางจิ่งว่าข้าไม่ยุติธรรมหรือ?"

จิ่งเหวินซีตกใจกับสีหน้าของจิ้งอ๋อง จึงก้มหน้าลงและพูดเสียงเบา "ไม่เพคะ…" น้ำเสียงของนางตะกุกตะกักเล็กน้อย

หยุนชางเลิกคิ้วอีกครั้ง จิ่งเหวินซีผู้นี้ก็เล่นละครเก่งไม่เบา

"ท่านอ๋อง กลุ่มผู้ประลองฝ่ายชายทั้งหมดเตรียมตัวพร้อมแล้ว สามารถเริ่มได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ" ข้ารับใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงานเสียงดัง

จิ้งอ๋องพยักหน้าและรับท่อนไม้มาจากข้ารับใช้ แล้วตีฆ้องที่อยู่ด้านข้าง เสียง "ผ่าง… " ดังพร้อมกับเสียงประกาศ "เริ่มได้" ของจิ้งอ๋อง ทันใดนั้นก็มองเห็นเพียงฝุ่นฟุ้งกระจาย เสียงกีบเท้าม้าเริ่มห่างไกลออกไป กลุ่มคนและม้าหายเข้าไปในป่าทึบ

จักรพรรดิหนิงยิ้มและจิ้งอ๋อง "เจ้าจะไม่ไปร่วมสนุกหน่อยหรือ?"

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหัว "ฝ่าบาท หากจิ้งอ๋องเข้าร่วมประลองด้วยล่ะก็ เห็นจะไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันแล้วเพคะ"

เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ "ฮองเฮากล่าวถูกต้องแล้ว ฝีมือของจิ้งอ๋องนั้นยอดเยี่ยมเป็นที่สุด ในเมื่อจิ้งอ๋องไม่ไปก็ขึ้นมาดูเหล่าหญิงสาวแข่งขันด้วยกันบนอัฒจันทร์เถอะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้า กวักมือเรียกหยุนชาง หยุนชางจึงลุกขึ้นยืน ลงจากอัฒจันทร์และเดินไปหาเขา ข้ารับใช้จูงม้าสีแดงเข้ามา มันมีเพียงกีบเท้าเท่านั้นที่เป็นสีขาวราวหิมะ หยุนชางยกมือของนางขึ้นลูบหัวม้าแล้วยิ้มบางๆ "เสด็จอาจะให้ชางเอ๋อร์ขี่ท่าหยุนร่วมประลองจริงหรือ?"

จิ้งอ๋องย่อมรู้ว่าที่นางบอกว่านางขี่ม้าไม่เป็นนั้นเป็นเรื่องโกหก แต่เขาก็ยังช่วยนางเล่นละครต่อจนจบ "แน่นอน ท่าหยุนจำเจ้าได้ มันจะฟังเจ้า… " เขาหยุดชั่วครู่ นัยน์ตาเปล่งประกาย "ระวังตัวด้วย"

หยุนชางก้มหน้าลงมองบังเหียนในมือของจิ้งอ๋อง ดวงตาของนางระยิบระยับเล็กน้อย แน่นอนว่านางรู้ว่าที่เขาบอกให้ระวังตัวนั้นไม่ใช่ให้นางระวังตัวเรื่องขี่ม้า แต่ให้ระวังการถูกลอบโจมตี อย่างไรจิ่งเหวินซีและชางยางอวี้เอ๋อร์พยายามขนาดนี้เพื่อให้นางเข้าร่วมเกมการประลองนี้ เจตนาย่อมต้องไม่ได้บริสุทธิ์นัก

หยุนชางยิ้มบางๆ และพยักหน้ารับ

จิ้งอ๋องส่งบังเหียนให้หยุนชาง ตบมือของนางเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับหวังจินเหยียนว่า "ชางเอ๋อร์ของข้า คงต้องรบกวนให้แม่นางหวังดูแลแล้ว"

หยุนชางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เรียกว่าชางเอ๋อร์ของเขาได้อย่างไรกัน?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังจินเหยียนก็เผยยิ้มที่ชวนให้คนลุ่มหลงออกมาและก้าวไปข้างหน้า "เหยียนเอ๋อร์มักจะได้ยินพี่ชายพูดถึงองค์หญิงฮุ่ยกั๋วอยู่บ่อยๆ จึงรู้สึกชื่นชมองค์หญิงมานานแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสได้พบกัน หม่อมฉันจะคุ้มครองความปลอดภัยขององค์หญิงฮุ่ยกั๋วให้ดีที่สุดเพคะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้าและหันหลังเดินขึ้นไปที่อัฒจันทร์สูงแล้วนั่งลงข้างๆ หัวจิ้ง แล้วหันศีรษะไปยิ้มให้หัวจิ้ง "องค์หญิงหัวจิ้งก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงเช่นกัน ทำไมไม่ร่วมประลองเสียด้วยเล่า แม้ว่าชางเอ๋อร์จะไม่เคยขี่ม้า แต่องค์หญิงหัวจิ้งนั้นไม่เหมือนกัน ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงได้ถูกสอนขี่ม้าโดยท่านอัครมหาเสนาบดีเอง ฝีมือคงต้องไม่ธรรมดาแน่"

"หือ? "ชางยางอวี้เอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาแฝงแววประเมิน "ที่แท้องค์หญิงหัวจิ้งขี่ม้าเป็นหรือเพคะ? เช่นนั้นหากท่านไม่ร่วมการแข่งขันนี้ก็ออกจะไม่ค่อยดีหรือเปล่าเพคะ?"

หัวจิ้งกัดริมฝีปาก มือของนางกำแน่นภายใต้แขนเสื้อแล้วจึงค่อยๆ คลายออก นางลูบหน้าท้องส่วนล่างที่ยื่นออกมาเล็กน้อย "เสด็จอาโปรดอภัยด้วย จิ้งเอ๋อร์…" วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย… แต่พูดยังไม่ทันจบกลับถูกจักรพรรดิหนิงที่ขมวดคิ้วมุ่นขัดจังหวะ "ในเมื่อแม่นางชางยางเอ่ยปากแล้ว จิ้งเอ๋อร์ก็ทำตามเถอะ"

หัวจิ้งยังคงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกสายตาของฮองเฮาปรามไว้ นางจึงกัดฟันและลุกขึ้นยืน "จิ้งเอ๋อร์ทราบแล้วเพคะ" นางกล่าวพลางเดินลงมาจากอัฒจันทร์ไปเลือกม้าและจูงม้าเข้าไปในกลุ่มฝูงชน

"ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เชิญทุกท่านขึ้นม้า" จิ้งอ๋องกล่าวเสียงดัง

ทุกคนขึ้นขี่ม้าอย่างทะมัดทะแมง มีเพียงหยุนชางเท่านั้นที่ปีนขึ้นไปบนหลังม้าอย่างช้าๆ แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะช้า แต่กลับไม่เสียความสง่างามไป จักรพรรดิหนิงแอบพยักหน้าอย่างลับๆ ดวงตาของจิ้งอ๋องเปล่งประกายขึ้นและประกาศว่า "พร้อมแล้ว เริ่ม!"

เมื่อได้ยินเสียงจิ้งอ๋องเท่านั้น เสียง "ย่าห์" ก็ตามมาติดๆ และม้าก็พุ่งออกไป

เขตป่าล่าสัตว์นี้มักจะจัดการแข่งขันขี่ม้าอยู่บ้าง สถานที่แข่งขันขี่ม้าบางส่วนอยู่ในป่าแต่ก็เป็นเพียงบริเวณชายป่าเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปลึก สักพักก็เห็นทุกคนขี่ม้าเข้าไปในป่าทึบ แม้หยุนชางจะไม่ใช่คนที่เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ได้รั้งท้าย เพียงแต่ร่างที่อยู่บนหลังม้าโยกไปทางซ้ายทีขวาที ดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะนั่งนิ่งๆ และดูเหมือนเป็นคนที่ขี่ม้าไม่เป็นเลย ในสายตาของทุกคนนั้นที่นางไม่ได้เป็นคนสุดท้ายก็เพียงเพราะว่าท่าหยุนเป็นม้าชั้นดีที่หาตัวจับยากเท่านั้น

ทันทีที่เขาเข้าไปในป่าทึบและถูกป่าทึบบัง ภายในแสงสลัวมาก ในป่ามีต้นไม้มากมาย จึงไม่อาจขี่ม้าทะยานไปได้ หยุนชางจึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หวังจินเหยียนเชื่อฟังคำสั่งของจิ้งอ๋องอย่างมาก นางคอยเคียงข้างหยุนชางเสมอ

หยุนชางยิ้มและพูดว่า "เหยียนเอ๋อร์ไม่ต้องคอยตามข้าก็ได้ เจ้าเป็นน้องสาวของคุณชายหวัง คงต้องรู้ว่าข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด เหยียนเอ๋อร์ควรตามให้ทันและคว้าที่หนึ่งมาให้ได้"

"หวังจินเหยียนเลิกคิ้วและยิ้ม ใบหน้าองอาจของนางเมื่อยิ้มออกมาแล้วก็ดูมีเสน่ห์ขึ้นมาก หยุนชางเองก็มองจนเคลิ้มไปอย่างช่วยไม่ได้ "ในเมื่อหม่อมฉันเองได้รับปากกับจิ้งอ๋องแล้ว หม่อมฉันก็ต้องทำให้ได้ หม่อมฉันก็ไม่ได้กระหายชัยชนะนัก เพียงแต่เมื่อครู่รู้สึกไม่พอใจท่าทีของจิ่งเหวินซีเท่านั้น ดังนั้นจึงกล่าวเช่นนั้นออกไป องค์หญิงไม่ต้องกังวล"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นความรู้สึกดีที่นางมีต่อหญิงสาวตรงหน้าก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก นางจึงกล่าวยิ้มๆ "ถ้าเจ้าอยากปกป้องข้าก็ยิ่งต้องตามพวกนางไป เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้วว่าชางยางอวี้เอ๋อร์และจิ่งเหวินซีจงใจยั่วโมโหข้า ชางยางอวี้เอ๋อร์รู้ว่าข้าขี่ม้าไม่เป็น แต่ก็ยังคงทำเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าพวกนางจะรอเล่นสกปรกอยู่ด้านหน้า หากเจ้าตามไปพวกนางจะทำอะไรก็ย่อมไม่สะดวกนัก"

หวังจินเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเหลือบมองหยุนชาง เพียงฟังสิ่งที่นางพูดเมื่อครู่ หวังจินเหยียนก็รู้แล้วว่านางประเมินหยุนชางต่ำไป เมื่อมองท่าทางโยกเยกของนางยามอยู่บนหลังม้าก็ดูราวกับแสร้งทำ ดวงตาของหวังจินเหยียนเป็นประกายเล็กน้อย แล้วจึงยิ้มและพูดว่า "เช่นนั้นหม่อมฉันจะไล่ตามพวกนางไปแล้วนะ?"

หยุนชางยิ้ม "ไปเถอะๆ…"

หวังจินเหยียนฟาดแส้ เร่งความเร็วแล้วพุ่งตัวไปข้างหน้า…

หยุนชางยิ้มบางๆ และหยุดม้าไว้ ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงเกือกม้ามาจากด้านหลัง หยุนชางหันกลับไปมองก็เห็นหัวจิ้งขี่ม้าสีขาวเดินมาอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด