ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 168 วางกลยุทธ์ (๔)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 168 วางกลยุทธ์ (๔) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อทูตจากทั้งสองแคว้นมาเยือน หยุนชางรู้จุดประสงค์ของพวกเขา ดังนั้นนางจึงซ่อนตัวไม่ออกไปไหน สองสามวันที่ผ่านมาไม่ได้ออกแม้แต่ตำหนักชิงซิน ชางเจียชิงซูมิได้ส่งการ์ดมาอีกเลย เฉี่ยนอินกล่าวว่า วันนั้นชางเจียชิงซูรออยู่หน้าประตูพระราชวังอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือคุณชายหวัง สีหน้าของท่านก็แย่ลงอย่างมาก หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้ แต่นางกลับยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในใจ สองสามวันที่ผ่านมากนี้ หยุนชางครุ่นคิดตลอดว่าชางเจียชิงซูคิดจะทำการอันใดกันแน่ หนิงเฉี่ยนและคนอื่นๆจับตาดูตำหนักองค์หญิงอยู่ตลอดเวลา ชางเจียชิงซูไม่เพียงแต่ส่งคนไปเยี่ยมหัวจิ้ง ตัวเขาเองก็ไปหานางมาสองครั้ง และดูเหมือนเขาได้ปลอบใจหัวจิ้งว่าหากเรื่องนี้สงบลง แล้วเขาจะสู่ขอนางกับจักรพรรดิหนิงเอง

หยุนชางหรี่ตาลง เขาปลอบใจหัวจิ้งขณะเดียวกันก็พยายามคิดอยากมาเกี่ยวพันกับตนอย่างนั้นหรือ? การออกเมืองของจิ้งอ๋องนั้นคงอยู่ในแผนการของเขากระมั้ง มิเช่นนั้นมันจะบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร ทันทีที่จิ้งอ๋องออกจากเมืองหลวง เขาก็ส่งคำเชิญมาพอดี ช่างคิดแผนได้ดีเสียจริง

"องค์หญิงเจ้าคะ ได้เวลาจุดตะเกียงแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงทรงน้ำก่อนแล้วเตรียมตัวพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ" ฉินยีเดินเข้ามา อมยิ้มเล็กน้อยและช่วยหยุนชางหยิบปิ่นปักผมฝังมุกออกจากศีรษะมา หยุนชางพยักหน้าและเข้าไปในห้องทรงน้ำ เป็นเวลาเจ็ดวันแล้วที่จิ้งอ๋องออกจากเมืองหลวงไป ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแต่วันนั้นหวังจินเหยียนบอกกับตนว่าไปเพียงสามถึงห้าวัน แต่ตอนนี้ผ่านไปเจ็ดวันแล้วท่านก็ยังไม่กลับมา อาจเป็นเพราะเรื่องที่ไปจัดการนั้นคงยุ่งยากเล็กน้อย

หยุนชางกำลังแช่ตัวอยู่ในอ่างเมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวในเมืองหลวงของช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ ชางเจียชิงซูค่อนข้างไม่อยู่นิ่ง หนึ่งในนั้นที่ทำให้หยุนชางสนใจมากที่สุดก็คือ จวิ้นอ๋องของจวนซุ่นชิ่งอ๋อง หนิงเย่นั่นเอง หยุนชางจำได้ว่าทั้งหนิงเฉี่อยู่และจิ้งอ๋องนั้นเคยสงสัยในตัวหนิงเย่ แต่นอกจากเรื่องที่หนิงเย่ปิดบังว่าตนสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้แล้ว ก็ไม่ทราบเรื่องอื่นใดอีกเลย เขาเป็นเพียงบุตรชายของท่านอ๋องผู้เกียจคร้าน แต่กลับทำให้ชางเจียชิงซูแอบไปพบเป็นการส่วนตัวถึงสามครั้ง ค่อนข้างรกหูรกตาเลยทีเดียว

อ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ท่านอยู่ในตำหนักที่พักโดยตลอด นอกเสียจากหมอหลวงนั้น ก็ไม่มีใครเข้าพบ และไม่พบว่าเขาออกจากตำหนักเช่นกัน

จวนมหาเสนาบดี……หยุนชางขมวดคิ้ว หลังจากวันนั้นที่กลับมาที่วัง แม้ว่าจักรพรรดิหนิงมิได้ออกพระราชโองการ ฮองเฮาก็แทบจะไม่ปรากฏตัวเลย นางเอาแต่อยู่ในวังซีอู๋ทุกวัน และได้ละเว้นการถวายบังคมยามเช้าของสนมวังหลังไป หัวจิ้งก็รักษาตัวอยู่ในตำหนักองค์หญิง เพียงแต่ว่าเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น จวนมหาเสนาบดีกลับไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นเลย ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา

หยุนชางนึกถึงสิ่งเหล่านี้ในใจ จึงขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นยืน เช็ดน้ำบนร่างกายให้แห้ง แล้วสวมเสื้อเดินออกจากห้องทรงน้ำไป ฉินยีรีบนำผ้าสีขาวมาช่วยหยุนชางห่อผมที่เปียกชุ่มไว้ และเช็กอย่างละเอียด

จู่ๆ หน้าต่างก็ถูกกระแทกจนเปิดออก และมีเงาร่างสีแดงบุกเข้ามา หยุนชางตกใจอย่างมาก จึงดึงฉินยีหลบออกไประยะหนึ่ง นางจ้องมองไปที่เงาร่างสีแดงนั้นอย่างเย็นชา และเมื่อบุคคลนั้นหันหน้า หยุนชางก็พบว่าเขาคือหวังจินฮวน

หยุนชางขมวดคิ้วและกล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย "คุณชายหวังเพคะ นี่คือพระราชวัง และนี่คือห้องบรรทมของข้า เจ้าคิดว่าเป็นสถานที่ที่เจ้าคิดอยากจะมาก็มาได้งั้นหรือ?"

หวังจินฮวนดูเร่งรีบเล็กน้อย เขาหอบหายใจไม่หยุด และผ่านไปนานจึงกล่าวว่า "องค์หญิงขอรับ ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บขอรับ"

หยุนชางตกตะลึงและทราบดีว่าท่านอ๋องที่หวังจินฮวนกล่าวถึงนั้นคือจิ้งอ๋อง นางรู้สึกกังวลขึ้นมาในทันที นางไม่เวลาไปสนใจเรื่องอื่น ๆ นางขมวดคิ้วและถามว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"

หวังจินฮวนพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหลบหนีองครักษ์ในวังและบุกเข้ามาได้ จึงยังหอบอยู่เล็กน้อย "สองสามวันก่อนท่านอ๋องได้ออกไปทำธุระที่นอกเมือง เดิมทีท่านกล่าวไว้ว่าอย่างมากสุดก็ห้าวัน แต่ผ่านไปห้าวันแล้วท่านก็ยังไม่เสด็จกลับ ข้าเป็นห่วงจึงไปตามหาท่าน ทันทีที่ออกจากเมืองก็พบว่าองครักษ์ได้นำตัวท่านกลับมา ท่านบาดเจ็บสาหัสเล็กน้อย ตอนนี้ยังคงสลบอยู่ขอรับ"

หยุนชางตกตะลึง นางทราบเป็นอย่างดีว่าศิลปะการต่อสู้ของจิ้งอ๋องนั้นดีเยี่ยมเช่นไร ใครกันที่สามารถทำร้ายจิ้งอ๋องได้ถึงเช่นนี้? ฉินยีได้เสื้อคลุมให้หยุนชางแล้ว หยุนชางเองก็ไม่สนที่ผมของตัวเองนั้นยังไม่ได้เก็บขึ้นไป จากนั้นก็ดึงตัวหวังจินฮวนและออกไปพระราชวังไปอย่างเงียบอยู่และตรงไปที่จวนจิ้งอ๋อง

เมื่อไปถึงจวนจิ้งอ๋อง หวังจินฮวนก็นำตัวหยุนชางตรงไปที่ห้องบรรทมของจิ้งอ๋อง ภายในห้องนั้นมีคนหลายคนยืนอยู่ มีทั้งหัวหน้าจวนจิ้งอ๋อง มีหวังซุ่นและอีกสองสามคนที่หยุนชางไม่เคยเจอมาก่อน

"ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างหรือ?" หวังจินฮวนรีบถามทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง

หวังซุ่นกล่าวด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "เมื่อสักครู่นี้ได้ตามท่านหมอมาตรวจดูแล้วขอรับ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะดูสาหัส แต่มิได้ถึงอันตรายในจุดสำคัญขอรับ คงจะไม่เป็นกระไรแล้ว" จากนั้นเขาก็พบหยุนชางยืนอยู่ข้างๆ และตกตะลึง แล้วจึงกล่าวอีกครั้งว่า "ท่านอ๋องนั้นได้รับบาดเจ็บ แล้วมิได้รับการรักษาในทันที ฉะนั้นจึงมีอาการอักเสบ อีกประเดี๋ยวก็คงจะตัวร้อน"

หยุนชางก้าวเข้าไปข้างหน้า อยากจะเปิดผ้าออกเพื่อดูอาการของจิ้งอ๋อง แต่ก็มีคนห้ามไว้ หยุนชางเงยหน้าขึ้นและพบชายหนุ่มสีหน้าเย็นชามองมาที่นางพร้อมขมวดคิ้ว หวังจินฮวนจึงกล่าวไปทันทีว่า "เหลิงจุ้น นี่คือองค์หญิงหยุนชาง และเป็นพระชายาจิ้งอ๋องในอนาคตด้วย อย่าได้ทำตัวหยาบคาย"

ชายหนุ่มที่ชื่อเหลิงจุ้นก็ตกตะลึง ตาเป็นประกายและกระจ่างในทันที จึงปล่อยมือ หยุนชางเปิดผ้าห่มออก และเห็นว่าตรงท้องของจิ้งอ๋องนั้นถูกพันด้วยผ้าหนาๆ หยุนชางขมวดคิ้ว ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่อันตรายอย่างมาก

หวังจินฮวนมองดูสีหน้าของหยุนชางและไอเบา ๆ "ห้ามข่าวที่เกิดเรื่องกับท่านอ๋องหลุดออกไปเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา เราจะหารือทุกอย่างหลังจากที่จิ้งอ๋องฟื้นขึ้นมา เราไปหารือกันที่ห้องหนังสือก่อนเถอะ ท่านอ๋องออกจากเมืองหลวงไปหลายวัน คนที่เคลื่อนไหวก็มีไม่น้อย เรามาหารือกันเถอะว่าจะรับมือกับมันอย่างไรดี" พูดจบก็หันไปมองหยุนชางแล้วกล่าวว่า "เรามีแต่พวกผู้ชาย เรื่องการดูแลท่านนั้นทำไม่ค่อยถนัด ในจวนจิ้งอ๋องนี้ก็ไม่มีสาวใช้แม้แต่คนเดียว จิ้งอ๋องและองค์หญิงได้ทรงรับพระราชทานสมรสมาแล้ว หากว่าตามคนอื่นมาดูแลท่านก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ องค์หญิงขอรับ รบกวนองค์หญิงด้วยขอรับ ด้านนอกนั้นมีองครักษ์ หากว่าองค์หญิงต้องการอะไร ก็สั่งได้ทันทีขอรับ"

หยุนชางเลิกคิ้วและไม่ได้กล่าวอะไร หวังจินฮวนจึงคิดเสียว่านางตอบรับแล้ว จากนั้นจึงพาผู้คนออกจากห้องบรรทมไป

หยุนชางนั่งอยู่ที่ขอบพระแท่นบรรทม แล้วมองไปที่คนที่นอนอยู่ตรงนั้น อาจเป็นเพราะไข้ที่เกิดจากแผลบาดเจ็บ ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย แต่เขาขมวดคิ้วอย่างแน่น มันค่อนข้างต่างจากภาพที่เฉยเมยในก่อนหน้านี้ไปมาก หยุนชางไม่เคยเห็นจิ้งอ๋องในสภาพนี้ นางจึงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ในใจ จิ้งอ๋องที่อ่อนแอเช่นนี้ ตนไม่คุ้นเคยอย่างมากเลย หยุนชางเอามือไปแตะหน้าผาเขา จากนั้นก็เอามือแตะที่หน้าผากของตน เพื่อเทียบดูว่าเขาตัวร้อนแค่ไหน ตัวเขาค่อนข้างร้อนทีเดียว หยุนชางถอนหายใจและเดินไปที่ประตู แล้วพบว่ามีบ่าวใช้ยืนอยู่สองคน "ไปนำน้ำอุ่นมาให้ข้าหน่อยเถิด"

บ่าวใช้พยักหน้า และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขานำน้ำอุ่นหนึ่งกะละมังมาส่ง หยุนชางบิดผ้าแล้ววางประคบบนหน้าผากของจิ้งอ๋อง และเมื่อผ้านั้นเย็นตัวลงก็เปลี่ยนผ้าผืนใหม่ หลังจากวุ่นมาทั้งคืน เขาก็หายตัวร้อน หยุนชางจึงโล่งอก และพิงอยู่ข้างพระแท่นบรรทมพร้อมหลับไป

เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่นอนอยู่บนพระแท่นบรรทมก็ลืมตาขึ้น พอหันไปพบหญิงสาวข้างเตียง ตาก็สว่างขึ้นทันที และขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่านางดูหลับไม่สบายนัก เขาอยากลุกขึ้นมาแต่ขยับไปโดนแผลที่ท้องแล้วก็ล้มลงไปอีกที

การเคลื่อนไหวนี้ทำให้นางตื่นขึ้นมา หยุนชางลืมตาขึ้นและเห็นว่าจิ้งอ๋องขมวดคิ้วและเอามือปิดแผลไว้ หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น จากนั้นจึงยืนขึ้นและกล่าวว่า "เป็นกระไรไปหรือ? ปวดแผลใช่หรือไม่? หม่อมฉันไปตามหมอมาตรวจดูดีกว่าเพคะ" ขณะที่พูดนางก็กำลังจะเดินไปที่ประตู

แต่มีคนจับมือนางไว้ หยุนชางตกตะลึง หันหน้าไปมองคนที่อยู่บนพระแท่นบรรทม

จิ้งอ๋องส่ายหน้า " ไม่เป็นกระไรหรอก แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือ? เมื่อคืนนี้เจ้าดูแลข้าทั้งคืนหรือ?" เสียงของตนแหบแห้ง จิ้งอ๋องก็ชะงัก

หยุนชางนั่งลง และพยายามจะดึงมือที่จิ้งอ๋องจับไว้นั้นออก แต่ก็ทำไม่ได้ หยุนชางตกตะลึง แต่ด้วยจิ้งอ๋องกำลังบาดเจ็บอยู่ จึงมิได้บังคับเขานัก "เมื่อวานนี้คุณชายหวังบุกเข้ามาที่ห้องบรรทมของข้า และกล่าวว่าเสด็จอาได้รับบาดเจ็บ หม่อมฉันจึงมาเยี่ยมดู เสด็จอารู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ? ยังเจ็บที่แผลอยู่หรือไม่เพคะ?"

จิ้งอ๋องพยักหน้า " มีห้องของแขกอยู่ข้างๆ ห้องบรรทมของข้า ข้าเห็นว่าเจ้าพักผ่อนไม่ค่อยดีนัก เจ้าไปนอนพักก่อนเถิด"

"หม่อมฉันมิได้ง่วงนอนมากเพคะ ช่วงที่ผ่านมานี้ท่านไปไหนมาหรือเพคะ? แล้วเหตุใดจึงกลับมาพร้อมแผลเต็มตัวเช่นนี้เพคะ?" หยุนชางช่วยจัดผ้าห่มให้จิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องตกตะลึง และมีประกายแห่งความสงสัยปรากฏขึ้นมา "มีคนคิดอยากจะหลอกให้ข้าออกไปนอกเมือง ข้ามีกองกำลังเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในในเมือง แต่ไม่ทราบว่ามีคนมาพบได้อย่างไร สองสามวันก่อนมีคนมาโจมตี ข้าจึงไปจัดการ แต่กลับถูกกักตัวไว้" จิ้งอ๋องถอนหายใจ "ข้าประมาทไปเอง"

หยุนชางหรี่ตา "ท่านเพิ่งออกจากเมืองหลวงไปไม่นาน หม่อมฉันยังไม่ได้รับข่าวใดๆ ชางเจียชิงซูก็ส่งการ์ดเชิญมาให้หม่อมฉันเลยเพคะ เขาเชิญหม่อมฉันไปเป็นมัคคุเทศก์ เพื่อพาเขาไปประพาสทั่วเมืองหลวง เรื่องนี้ จะมีความเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?"

"อย่างนั้นหรือ?" แสงสีเข้มที่เป็นอันตรายส่องประกายผ่านดวงตาของจิ้งอ๋อง "ไม่ว่าเขาจะเป็นคนทำหรือไม่ ข้าคิดว่าเขาทราบข้อมูลภายในบางอย่าง สงสัยอยู่ในเมืองหลวงนี้คงจะสบายเกินไป อีกไม่นาน เขาก็จะเอาตัวเองไม่รอดแล้ว ข้าจะคอยดู ว่าเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะยังวางกลอุบายต่อคนอื่นอย่างไร…….."

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด