ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 156 ชางยางอวี้เอ๋อร์

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 156 ชางยางอวี้เอ๋อร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อเห็นรอยยิ้มแฝงแววหยอกล้อของหลิวชิงหย่า หยุนชางจึงรีบพูดว่า "ในเมื่อชางเอ๋อร์พูดออกไปแล้วย่อมต้องทำจริง หรือว่าหย่าผินเหนียงเหนียงไม่เชื่อชางเอ๋อร์หรือ?"

"ทำไมจะไม่เชื่อ?" หย่าผินหัวเราะ ดวงตาของนางจ้องมาที่หยุนชาง "เช้านี้หม่อมฉันไปเข้าเฝ้าฮองเฮา นางบอกหม่อมฉันเป็นพิเศษว่าองค์หญิงเป็นคนที่เป็นมิตรและยังชอบการเต้นรำของหม่อมฉันมาก ดังนั้นหากข้ามีเวลาก็ให้มาที่ตำหนักชิงซินบ่อยๆ ตอนแรกหม่อมฉันยังกังวลอยู่ในใจว่าองค์หญิงจะไม่ชอบถูกรบกวนหรือไม่ แต่ข้าคงกังวลเกินไปแล้ว"

หยุนชางหรี่ตามอง ที่แท้ฮองเฮาขอให้นางมานี่เอง? ตามที่คาด ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังเป็นหนามยอกอกของฮองเฮาอยู่

"เสด็จแม่ช่างใส่พระทัยกับชางเอ๋อร์จริงๆ พอชางเอ๋อร์มีเวลาว่างแล้วจะต้องไปขอให้สอนเต้นอย่างแน่นอนเพคะ"

หย่าผินยิ้มน้อยๆ นางยกมือขึ้นเบาๆ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าบังปากนางไว้ "เช่นนั้นหม่อมฉันไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนนะเพคะ"

หยุนชางพยักหน้า หย่าผินลุกขึ้นยืนและเดินออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูนางก็ดูจะนึกบางสิ่งได้ นางหันศีรษะกลับมาและกล่าวว่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่านอกจากกุ้ยฮวาแล้ว ใช้ดอกบ๊วยทำเป็นชาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ดอกบ๊วยในวังของฮองเฮากำลังบานอยู่ หากองค์หญิงชอบกลิ่นหอมของดอกบ๊วยก็สามารถให้คนไปเก็บมาสักกิ่งสองกิ่งได้" นางพูดจบแล้วก็จากไป

หย่าผินเพิ่งจากไป ขันทีเจิ้งก็มา "องค์หญิง คณะทูตแห่งแคว้นเย้หลางและแคว้นเซี่ยได้เข้าวังมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทบอกว่า ยามโหย่วในวันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่ตำหนักจินหลวน ขอให้องค์หญิงไปเข้าร่วมตรงเวลาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางยิ้มแล้วรับคำ งานเลี้ยงงั้นหรือ งานเลี้ยงในวังครั้งนี้น่าสนใจยิ่งนัก งานเลี้ยงแทบทุกงานจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องวิเศษอะไรเกิดขึ้นอีก

ในวันรุ่งขึ้น เมื่อหยุนชางตื่นจากงีบหลับในตอนบ่ายก็ถูกจับแต่งตัวโดยฉินยีและเฉี่ยนอินอยู่กว่าครึ่งวัน นางสวมชุดสีม่วงและเครื่องประดับเล็กน้อยก่อนจะออกจากตำหนักชิงซินไป

เมื่อมาถึงตำหนักจินหลวน เนื่องจากจิ่นเฟยไม่อยู่ ตำแหน่งที่นั่งของหยุนชางจึงเลื่อนมาเป็นลำดับสองซึ่งเป็นด้านหลังของหัวจิ้ง บนที่นั่งของฟากบุรุษที่หันหน้าเข้าหานางมีชางเจียชิงซูที่กำลังนั่งขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

สายตาของหยุนชางกวาดมองชางเจียชิงซูอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็เบนไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเขา รูปลักษณ์องอาจหล่อเหลาเอาการ แต่ที่สะดุดตามากที่สุดก็คือท่าทางสง่าสุขุมลุ่มลึกนั้นของเขาสร้างความแตกต่างอย่างมากกับรัศมีโหดเหี้ยมเย็นชาของชางเจียชิงซู คนผู้นี้คงจะเป็นท่านอ๋องเจ็ดจากแคว้นเซี่ยกระมัง อ๋องเจ็ดผู้นี้ถูกขนานนามว่าเด็กอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย เพียงแต่หลังจากป่วยหนักครั้งหนึ่งก็ได้ยินมาว่าร่างกายของเขาไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นไท่จื่อ* จากแคว้นเซี่ยเดินทางมายังแคว้นหนิงใช้เวลาเดินทางราวสิบวัน แต่เป็นเพราะอ๋องเจ็ดสุขภาพไม่ดีแล้วยังออกนอกแคว้นมาครั้งแรกจึงใช้เวลารวมทั้งหมดถึงสี่สิบวัน (*ตำแหน่งรัชทายาท)

"นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้พบน้องหญิง น้องหญิงดูงามขึ้นเรื่อยๆ" เสียงของหัวจิ้งดังมาจากด้านข้าง หยุนชางเลิกคิ้วแล้วหันศีรษะไป กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ช่วงนี้เสด็จพี่ก็ดูสุขสบายดี ดูแล้วอวบอิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยนะเพคะ"

หัวจิ้งหางตากระตุกเล็กน้อยและหลุบตาลง "งั้นหรือ?"

"ฮ่องเต้เสด็จ… " เสียงประกาศของขันทีดังแว่วมาจากด้านนอก หยุนชางรีบลุกขึ้นลงมาคุกเข่าอย่างรวดเร็ว "ขอให้ฮ่องเต้จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ทุกคนลุกขึ้นเถอะ" เสียงอันอบอุ่นของจักรพรรดิหนิงดังขึ้น ทุกคนกล่าวขอบคุณและลุกขึ้น

"เจิ้นเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลางมาเยือนจึงได้ให้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยเฉพาะ หวังว่าท่านทูตทุกท่านจะได้รับความบันเทิง" จักรพรรดิหนิงยิ้มพลางมองไปยังผู้คนจากแคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลางแล้วหัวเราะอย่างสดใส

ชางเจียชิงซูและอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยรีบยกจอกเหล้าขึ้นและกล่าวว่า "ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับการต้อนรับ"

จักรพรรดิหนิงยิ้มและยืนขึ้น "เหล้าจอกแรกข้าขอให้ทั้งสามแคว้นอยู่ร่วมกันอย่างสันติและเจริญรุ่งเรือง"

ทุกคนรีบดื่มอย่างยินดีปรีดา

จักรพรรดิหนิงยกแก้วขึ้นอีกครั้ง "จอกที่สอง ขอให้ไพร่ฟ้าอยู่เย็นเป็นสุข"

"จอกที่สาม คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ!"

ทุกคนรีบดื่มตามอีกสองแก้ว

จักรพรรดิหนิงหันศีรษะไปมองฮองเฮาที่ด้านข้าง ฮองเฮายิ้มน้อยๆ และปรบมือก็มีเสียงดนตรีไม้และเครื่องสายดังขึ้น มีนางระบำกลุ่มหนึ่งกรีดกรายเข้ามาร่ายรำในบทเพลงจากเจียงหนาน* "สรรโกมล" ท่าเต้นนั้นช่างอ่อนช้อยนุ่มนวลยิ่งนัก (*ดินแดนทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี)

หยุนชางมองดูนางรำในตำหนักแต่กลับรู้สึกได้ว่ามีจ้องมาที่นาง หยุนชางหันกลับมามองก็สบเข้ากับชางเจียชิงซูที่ยกจอกเหล้าขึ้นให้นาง สายตาของหยุนชางไม่ได้หยุดนิ่งแต่กวาดเบาๆ ผ่านหน้าของเขาแล้วก็หันกลับไปมองที่นางรำอีกครั้ง ชางเจียชิงซูอึ้งไปครู่หนึ่งพร้อมมีรอยยิ้มท้าทายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก

เมื่อเพลงจบ ทุกคนต่างก็ชื่นชม แต่กลับได้ยินชางเจียชิงซูกล่าวว่า "ฝ่าบาทคงต้องเคยเห็นการเต้นที่อ่อนโยนนุ่มนวลเช่นนี้มามากแล้ว การร่ายรำของเย้หลางของเราแตกต่างจากแคว้นหนิงโดยสิ้นเชิง นางระบำที่เก่งที่สุดของเราก็มาที่นี่ด้วย ไม่สู้เชิญนางออกมาร่ายรำให้พวกท่านชมสักหน่อยเป็นไร?" จักรพรรดิหนิงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขายังคงพูดด้วยรอยยิ้ม "เช่นนั้นย่อมดีมาก เชิญเข้ามาเถอะ"

ชางเจียชิงซูยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นมาเป่าปากก็มีหญิงสาวหลายคนในชุดระบำสีแดงสดเดินเข้ามา ทันทีที่พวกนางเข้ามาก็เห็นได้ถึงความแตกต่าง กระโปรงของพวกนางโล่งมาก แขน ขาและหน้าท้องต่างก็ปรากฏแก่ทุกสายตา ลีลาเมื่อเข้าตำหนักก็มีเสน่ห์เย้ายวนอย่างยิ่ง เสียงกลองดังขึ้น นางระบำเหล่านั้นก็หันหลังเข้าหากัน ล้อมเป็นวงกลมแล้วยกมือขึ้น ค่อยๆ ก้มเอวลงอย่างช้าๆ และผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางก็ยืนขึ้น นางบิดเอวเรียวเล็กส่ายไปมาและมองดูฝูงชน ดวงตาของนางหยาดเยิ้มจนทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้

เพียงแต่ดวงตานี้เองที่ทำให้หยุนชางรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ควรจะเป็นหญิงบนรถม้าในวันนั้น บุตรีบุญธรรมของราชครูแห่งแคว้นเย้หลาง

ร่ายรำเช่นนี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพลงนี้นางรำเพื่อใคร

หยุนชางมองดูนางระบำส่ายเอวอย่างต่อเนื่อง ยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วหลุบตาลง ได้ยินเพียงเสียงกลองร้อนแรงดังขึ้นไม่หยุดหย่อน

ชาวแคว้นหนิงมักนิยมสตรีที่อ่อนโยน เพียงแต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการแสดงที่ร้อนแรงเช่นนี้ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเคลิ้มไปชั่วขณะ หลังจากที่เสียงกลองหยุดไปนาน ทุกคนจึงได้สติและตะโกนชมเชย

ชางเจียชิงซูยิ้มและกล่าวว่า "หญิงสาวที่นำเต้นเป็นอัญมณีบนทุ่งหญ้าแห่งแคว้นเย้หลาง นางเป็นบุตรีของราชครูผู้ทรงเกียรติ ชางยางอวี้เอ๋อร์"

หญิงสาวถอดผ้าคลุมหน้าออกพร้อมรอยยิ้มยั่วยวนใบหน้า "อวี้เอ๋อร์ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"

จักรพรรดิหนิงยิ้มบางๆ "ให้รางวัล"

ชางยางอวี้เอ๋อร์ขอบคุณแล้วฮองเฮาจึงยิ้มขึ้น "ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เคยเห็นผู้ใดงามเช่นแม่นางชางยางมาก่อน เมื่อครู่แม่นางชางยางมอบระบำอันงดงามให้แก่เรา แน่นอนว่ารางวัลนี้ควรจะพิเศษสักหน่อย เช่นนั้นให้แม่นางเลือกเองเถิดว่าอยากได้ของรางวัลเช่นไร"

จักรพรรดิหนิงหัวเราะพลางกล่าวว่า "ดี เช่นนั้นแม่นางชางยางก็พูดมาเถอะว่าอยากได้อะไร?"

ชางยางอวี้เอ๋อร์กวาดตามองผู้คนไปรอบๆ ก่อนที่จะยิ้มและพูดว่า "ในเมื่อฝ่าบาทกล่าวเช่นนี้ก็จะคืนคำไม่ได้นะเพคะ ไม่ปิดบังฝ่าบาท อวี้เอ๋อร์ชื่นชมบุรุษของแคว้นหนิงมาโดยตลอด อยากหาผู้ชายที่ชอบในแคว้นหนิงกลับไปที่ทุ่งหญ้าหรือให้อวี้เอ๋อร์อยู่กับเขาก็ได้เพคะ ฝ่าบาทโปรดประทานอนุญาต"

จักรพรรดิหนิงอึ้งไปและหัวเราะเสียงดัง "ช่างเป็นหญิงที่ตรงไปตรงมาดีจริง เช่นนั้นเจ้าว่ามาเถิด มีผู้ชายที่เจ้าชอบอยู่ในหมู่พวกเราหรือไม่?"

ชางยางอวี้เอ๋อร์กะพริบตา ยิ้มอย่างสดใส "แน่นอนว่ามีเพคะ"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า ดวงตาของเขากวาดมองรอบตำหนักแล้วยิ้ม "เช่นนั้นเจ้าว่ามาเถิดว่าเจ้าชอบผู้ใด?"

ชางยางอวี้เอ๋อร์ยิ้ม "ฝ่าบาทยังไม่ตกลงรับคำของอวี้เอ๋อร์เลยเพคะ"

จักรพรรดิหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า "แม่นางชางยางมีฐานะสูงส่งและเป็นบุตรีของราชครูแห้งแคว้นเย้หลาง เช่นนั้นย่อมต้องหาครอบครัวที่ดีและแต่งเป็นภรรยาเอก หากคนที่เจ้าชอบยังไม่ได้แต่งงานมีคู่ แล้วทำไมเจิ้นจะรับปากเจ้าไม่ได้เล่า? เพียงแต่เรื่องเช่นนี้อย่างไรก็ควรชอบพอกันทั้งสองฝ่ายจะดีกว่า"

เมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนี้แล้วก็พูดยิ้มๆ "แม่นางชางยางงดงามเช่นนี้ ใครเล่าจะไม่ชอบ?"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "นั่นก็จริง"

ชางยางอวี้เอ๋อร์เลิกคิ้วเล็กน้อย "เช่นนั้นก็พอดีเลย ชายที่อวี้เอ๋อร์ชอบยังไม่ได้แต่งงานเพคะ" ชางยางอวี้เอ๋อร์พูดและเดินไปที่ด้านหน้าคุณชายตระกูลหลี่ หลี่ชิงหลาน ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่เห็นว่านางหยิบกาเหล้าขึ้นและรับชามจากมือนางกำนัล รินเหล้าให้ตนเองอย่างช้าๆ แล้วยิ้มอีกครั้งและวางกาเหล้าไว้ด้านหน้าหลี่ชิงหลาน นางถือชามเหล้าเดินไปรอบๆ ที่นั่งของฝ่ายชายและในที่สุดก็หยุดอยู่ตรงหน้าจิ้งอ๋อง

"จิ้งอ๋องเพคะ อวี้เอ๋อร์เคยเห็นท่าทางองอาจของท่านจากในสนามรบ จิ้งอ๋องจึงเป็นผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่ในใจของอวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ชื่นชมจิ้งอ๋องมานานแล้ว ดังนั้นขอให้จิ้งอ๋องโปรดดื่มเหล้าชามนี้ของอวี้เอ๋อร์ จากนี้อวี้เอ๋อร์ก็จะถือว่าเป็นคนของจิ้งอ๋องแล้ว" เสียงคมชัดของชางยางอวี้เอ๋อร์ดังขึ้นในตำหนักจินหลวน จากนั้นในตำหนักก็เงียบสงัดลงทันใด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด