ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 163 จบงานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 163 จบงานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จักรพรรดิหนิงเพ่งมองฮองเฮาด้วยความเย็นชาเล็กน้อย ฮองเฮาสั่นสะท้านและเอนตัวต่ำลง

แววตาของหยุนชางกวาดมองผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเย็นชา คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น นอกจากเหล่าขุนนางที่มิได้มาร่วมงานเพราะเหตุต่างๆ แล้ว ก็มีเหล่าคุณหญิงของตระกูลต่างๆ และเหล่าคุณชายของตระกูลดังที่ส่งหัวจิ้งกลับมาเมื่อสักครู่นี้

"ชางเอ๋อร์ ถึงเวลาที่ต้องหยุดแล้ว" จิ้งอ๋องเข้ามาใกล้หยุนชางพร้อมกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

หยุนชางเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เรื่องที่ควรให้ผู้อื่นทราบ พวกเขาก็ทราบกันถ้วนหน้าแล้ว แม้ว่าจักรพรรดิหนิงจะสั่งให้ปิดข่าวฉาวนี้ไว้ แต่เกรงว่าภายในสองวันนี้ คนในเมืองจักรพรรดินี้ก็คงทราบกันหมด ราชวงศ์ก็มีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง เรื่องที่มากไปกว่านี้ก็ไม่ควรนำมาแสดงต่อหน้าผู้คนเช่นนี้

หยุนชางลุกขึ้นยืน และเดินไปหาฮองเฮาและถวายบังคมต่อจักรพรรดิหนิง "เสด็จพ่อเพคะ งานเฉลิมฉลองในวันนี้ เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อนต้อนรับองค์ชายสามแห่งแคว้นเย้หลางและท่านอ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ย เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เราค่อยมาหารือกันใหม่ดีหรือไม่เพคะ?"

จักรพรรดิหนิงเปลี่ยนสีหน้าและมองดูผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิหนิงก็ทรงพิโรธอย่างหนัก ทันใดนั้นสีหน้าของท่านเคร่งเครียดอย่างมาก "สิ่งที่ชางเอ๋อร์กล่าวมานั้นถูกต้องอย่างมาก ฮองเฮาจะยังคุกเข่าอยู่อีกทำไม? "

หยวนเจินฮองเฮากัดฟันแล้วจึงค่อยๆ กล่าวว่า " หม่อมฉันทราบความผิดของตนแล้วเพคะ" จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนและเดินไปบนอัฒจันทร์

จิ้งอ๋องมองไปที่คุณชายสองสามท่านที่ส่งตัวหัวจิ้งกลับมาพร้อมกล่าวว่า " การแข่งของทีมชายยังไม่จบสิ้น พวกเจ้าต้องการแข่งต่อหรือไม่"

ชายเหล่านั้นมองกันและกัน ต่างก็ส่ายหน้า

จิ้งอ๋องพยักหน้าแล้วหันไปมองชางเจียชิงซูซึ่งดูเหมือนว่ายังไม่ได้สติกลับคืนมากล่าวว่า " องค์ชายสายจะยังแข่งต่อหรือไม่ขอรับ?"

"ว่ายังไงนะ?" ชางเจียชิงซูสั่นสะท้าน แล้วจึงได้สติกลับคืนมา เขากลับความแสดงออกบนใบหน้ากลับไป แล้วส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า "ไม่แล้วขอรับ ชายแคว้นเย้หลางนั้นเป็นมือด่าด้านการล่าสัตว์ ข้ายอมแพ้อย่างเต็มใจขอรับ"

ความผิดปกติของชางเจียชิงซูดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิหนิงไป เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นว่าชางเจียชิงซูมองจ้องไปที่คราบเลือดบนพื้นแล้วเหม่อลอย พระองค์ทรงรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย แววตาของพระองค์เคร่งขรึมขึ้นมาทันทีทันใด ในจดหมายของชางเจียชิงซู เคยได้กล่าวไว้ว่า หัวจิ้งและเขาได้สนิทสนมถึงกายกันแล้ว ทารกที่อยู่ในครรภ์ของหัวจิ้ง มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะ……เป็นของเขา ….

ดวงตาของจักรพรรดิหนิงเกิดความหงุดหงิดขึ้นในใจ ชางเจียชิงซูเจ้าตัวดี ความอัปยศของวันนี้ พระองค์ทรงจดจำไว้แล้ว

จิ้งอ๋องเห็นว่าบรรยากาศในสนามนั้นเงียบเล็กน้อย จิ้งอ๋องจึงยืนขึ้นและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ทักษะการทรงม้าของคุณหญิงหวังนั้นทำให้ข้าตะลึงเป็นอย่างมากขอรับ แม้เป็นสตรีแต่ก็ไม่แพ้ให้กับชายชาตรีเสียจริง"

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ และมองไปที่หวังจินเหยียนด้วยสายตาที่สงสัยเล็กน้อย " คุณหญิงหวังได้รับชัยชนะไปหรือ?"

จิ้งอ๋องพยักหน้า หยุนชางมองไปที่หวังจินเหยียน กลับพบว่านางมีสีหน้าที่เฉยเมย แต่เมื่อเห็นว่าหยุนชางมองมาที่ตน นางก็มิได้หยิ่งยโสอันใด เพียงแต่ยิ้มให้หยุนชางด้วยความเป็นมิตร หยุนชางแอบชื่นชมนางอยู่ในใจ คุณหญิงหวังช่างเป็นคนที่ควรค่าแก่การเป็นมิตรเสียจริง

ก่อนหน้าที่ตนจะมาที่ตำหนักนอกที่เมืองเฟิ่งไหลนั้น เสด็จแม่เคยกล่าวไว้ว่า นางควรจะมีมิตรสองสามคนที่สามารถเป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกันได้ ตอนนั้นหยุนชางรู้สึกไม่แยแสใดๆ แต่ตอนนี้เมื่อมองดูหวังจินเหยียนแล้ว นางกลับมีความคาดหวังเล็กน้อยในใจ ชาติก่อนเพราะตนเอาแต่ใจเกินไป มีหญิงสาวหลายคนที่มาประจบตน แต่กลับไม่มีใครจริงใจเลย มิใช่ว่าตนนั้นไม่รู้สึกเสียดาย แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ คนที่ตนสามารถพบเจอนั้นมีน้อยนัก คนที่ควรค่าแก่การเป็นมิตรก็ยิ่งน้อยลงไปอีก หากว่าจะมีหวังจินเหยียนมาเป็นมิตร ตนคงไม่ปฏิเสธที่จะรับไว้

เมื่อจักรพรรดิหนิงเห็นจิ้งอ๋องและชางเอ๋อร์แล้วจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่จิ้งอ๋องและหยุนชางมิได้ทำให้พระองค์ผิดหวัง และไม่ทำให้ผู้อื่นได้เห็นถึงเรื่องฉาวโฉ่ของราชวงศ์หนิงอีกครั้ง

"ถึงเวลาสำหรับการแข่งขันล่าสัตว์แล้ว ฝ่าบาท ให้กระหม่อมตีกลองเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?" จิ้งอ๋องขึ้นและมองไปที่ดวงอาทิตย์ แล้วทูลถามจักรพรรดิหนิง

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "ได้เลย"

จิ้งอ๋องปรบมือ มือกลองที่อยู่ด้านข้างก็ตีกลองขึ้นมา กลองใหญ่สิบกว่าตัวดังขึ้นมาพร้อมกัน เสียงนั้นสั่นสะเทือนจนทำให้รู้สึกปวดหูเล็กน้อย จิ้งอ๋องยกมือขึ้นแล้วปิดหูหยุนชางไว้ มีความเป็นห่วงปรากฏขึ้นในแววตา จักรพรรดิเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่อื่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงกีบม้าวิ่งดังมา มีคนทรงม้าวิ่งออกมาจากในป่า มีสัตว์ที่ล่าได้แขวนไว้บนหลังม้า

หยุนชางหรี่ตาลงและมองไปยังผู้คนที่ใกล้เข้ามา แม้แต่มหาเสนาบดีหลี่ยังเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้……

แววตาของจักรพรรดิหนิงจ้องมองไปที่มหาเสนาบดีหลี่ แต่มิได้กล่าวอะไร ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ้งอ๋องจึงกล่าวว่า " ฝ่าบาท คนที่เข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์นั้นมาครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

จักรพรรดิหนิงพยักหน้า "ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว พระอนุชาเจ้าสั่งให้คนไปตรวจเช็กผลงานของทุกคนเถอะ"

จิ้งอ๋องตอบรับ แล้วสั่งทหารไปตรวจสอบและบันทึกผลงานของทุกคน แล้วจึงเดินมาที่กลางงานพร้อมทูลว่า "ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่ได้รับชัยชนะในการแข่งขันล่าสัตว์กลุ่มชายคือ หวังจินฮวน คุณชายของเจ้ากรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ อันดับที่สองคือมหาเสนาบดีหลี่ อันดับที่สามคืออ๋องเจ็ดแห่งแคว้นเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ"

หยุนชางเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกชายและลูกสาวของเจ้ากรมกลาโหมช่างมากฝีมือยิ่งหนัก ไม่คาดคิดว่าหวังจินฮวนที่ดูอ่อนแรงไม่มีความสามารถนั้น ก็มีทักษะความสามารถที่ดีเช่นกัน

ดูเหมือนจักรพรรดิหนิงก็ทรงตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นจึงหัวเราะออกมา และตรัสกับเจ้ากรมกลาโหมที่มิได้ลงแข่งว่า "เจ้ากรมหวังสอนบุตรชายบุตรสาวได้ดียิ่งหนัก ทั้งคู่ได้รับชัยชนะของกลุ่มชายและสตรี มอบของรางวัล! เจ้าทั้งสองต้องการอะไรหรือ?"

เจ้ากรมหวังพาหวังจินฮวนและหวังจินเหยียนเข้าถวายบังคม หวังจินฮวนยิ้มพร้อมตรัสว่า " ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิโปรดการเป็นขุนนาง และมิโปรดเงินทอง หากว่าฝ่าบาททรงยอมที่จะสอบหญิงสาวที่งดงามให้กระหม่อมเพียงสองสามคน กระหม่อมก็พอใจอย่างมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

เจ้ากรมหวังขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วดึงเสื้อผ้าของหวังจินฮวนอย่างลับๆ และต่อว่าด้วยเสียงเบาๆ "พูดจาเหลวไหล!"

คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นล้วนเป็นคนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเสียงของเจ้ากรมหวังจะเบามาก แต่หลายคนก็ได้ยิน จักรพรรดิหนิงตะลึงเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะออกมา "คุณชายหวังเป็นคนที่ตรงไปตรงมา คนเช่นนี้หายากอย่างมาก หากเป็นเช่นนั้น เจิ้นอนุญาตแล้วกัน อีกสักครู่ข้าจะส่งหญิงงานสองสามคนไปที่จวนเจ้ากรม"

สีหน้าของหวังจินฮวนดูมีความสุขเล็กน้อย จึงขอบพระคุณฝ่าบาทพร้อมรอยยิ้ม "กระหม่อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกเยาะเย้ยหวังจินฮวน โอกาสดีๆ เช่นนี้ กลับถูกเจ้าบ้านี้ใช้ไปอย่างเสียเปล่า ไม่คุ้มค่าเสียจริง

หยุนชางเหลือบมองดูสีหน้าของทุกคนแล้วแอบอมยิ้มในใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่โง่เขลา ต้องทราบไว้ว่าอยู่ใกล้กษัตริย์นั้นก็ราวกับอยู่ใกล้เสือโคร่ง วันนี้ตระกูลหวังได้เป็นที่โดดเด่นอย่างมากจนเกินไป หวังจินฮวนทำเช่นนี้ เพื่อให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นเพียงคนโง่เขลาที่ลุ่มหลงเสน่ห์หาหญิงสาว แล้วจะไม่มีใครคิดระแวงมาก ทำเช่นนี้จึงจะทำให้คนของตระกูลหวังนั้นปลอดภัยกว่าเดิม

ถึงคราวของหวังจินเหยียน หวังจินเหยียนครุ่นคิดอยู่นานจึงทูลว่า "หม่อมฉันชอบเรื่องอาวุธฟันดาบ และไม่อยากจะเป็นสตรีธรรมดาที่ซุกตัวอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ โดยไม่มีผลงานอันใด หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะทรงประทานโอกาสให้หม่อมฉันได้เข้ารบในสนามรบเพคะ…….."

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง เหตุใดบุตรสาวของตระกูลหวังนั้นช่างเหลวไหลเช่นนี้? นางเป็นเพียงสตรี แต่กลับทูลว่าอยากเข้ารบในสนามรบ มิต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตหรือไม่ หากคำพูดเช่นนี้เผยแพร่ออกไป คงไม่มีตระกูลไหนคิดอยากจะสมรสกับหวังจินเหยียนแล้วกระมั้ง

สีหน้าของเจ้ากรมหวังแย่ลงอย่างมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด