ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 127 หลี่อิ๋งอิ๋งต้องพิษ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 127 หลี่อิ๋งอิ๋งต้องพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางรู้ว่าจุดออกเสียงที่โดนสกัดไว้ได้ถูกคลายออกแล้ว หัวใจของนางถูกโหมกระหน่ำไปมาด้วยแรงโทสะ เดิมทีนางคิดว่าเมื่อบอกเสด็จพ่อว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าได้ทำนายให้นางไว้ว่านางไม่ควรแต่งงานภายในสามปีนี้ก็จะแก้ปัญหาได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะตกลงไปในแผนการของจิ้งอ๋องเช่นนี้

นางไม่ชอบความรู้สึกที่ชะตากรรมของนางถูกกุมอยู่ในกำมือของผู้อื่น หยุนชางขยับริมฝีปากยิ้มบางๆ "เสด็จพ่อ หม่อมฉัน…"

ยังไม่ทันสิ้นเสียง นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้น หยุนชางผงะไป นางหันศีรษะไปมองก็เห็นหลี่อิ๋งอิ๋งล้มลงบนพื้นและมีเลือดไหลออกจากมุมปาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮ่องเต้ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "ทหาร ไปตามหมอมาเร็ว"

หยุนชางยังไม่ทันได้สติก็ถูกอุ้มไปยืนด้านข้าง หยุนชางขมวดคิ้วดึงมือที่โอบเอวออกแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม "เสด็จอา โปรดระวังกิริยาด้วย"

เสียงต่ำของจิ้งอ๋องดังขึ้นที่ข้างหูซึ่งแตกต่างจากความเย็นชาในยามปกติ ทั้งยังเจือแววขำขัน "ระวังกิริยา? ชางเอ๋อร์ เหล่าขุนนางในตำหนักนี้ต่างก็รู้แล้ว เจ้าจะกลายเป็นพระชายาของข้าในไม่ช้า"

หยุนชางขมวดคิ้ว แยกตัวออกจากจิ้งอ๋อง เดินไปที่ตำแหน่งของตนเองและยืนนิ่งมองหลี่อิ๋งอิ๋งที่ล้มลงกับพื้น เลือดที่มุมปากของนางเป็นสีดำ หรือว่านางถูกพิษ? ผู้หญิงคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของหลี่อิ๋งอิ๋งแล้ว ดวงตาของนางก็มีน้ำตาคลอหน่วย นางทรุดตัวลงคุกเข่าและกอดหลี่อิ๋งอิ๋งไว้ในอ้อมแขน "อิ๋งอิ๋ง อิ๋งอิ๋ง เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้แม่ตกใจสิ…"

แววตาของหยุนชางเปล่งประกายเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหลี่ หลังจากนั้นไม่นานหมอหลวงก็รีบเข้าไปจับชีพจรของหลี่อิ๋งอิ๋ง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกล่าวว่า "กราบทูลฮ่องเต้ คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ พิษนี้ค่อนข้างแปลก กระหม่อมไม่เคยพบมาก่อนเลย"

"ถูกพิษ? ในวังนี้จะมีพิษได้อย่างไร? ใครอยากทำร้ายคุณหนูหลี่กัน? " ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว "เจ้าพาคุณหนูหลี่ไปที่ตำหนักข้าง เรียกหมอหลวงทั้งสำนักมาวินิจฉัย เจ้าตรวจสอบของทุกสิ่งที่นางได้ใช้เถอะ"

นางกำนัลนำร่างหลี่อิ๋งอิ๋งออกไป หมอหลวงรีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว สิ่งของบนโต๊ะถูกตรวจสอบทีละรายการ แต่กลับไม่พบอะไรเลย "กราบทูลฮ่องเต้ กระหม่อมไม่พบยาพิษใดๆ เลย…"

"หือ?" ฮ่องเต้อึ้งไปพักหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจออกมา เขาได้ยินว่าอัครมหาเสนาบดีหลี่รักหลานสาวคนนี้มาก หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวังก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสสร้างความลำบาก

หลี่ฮูหยินคนนั้นกลับรีบพูดขึ้นว่า "ฝ่าบาท เมื่อครู่อิ๋งอิ๋งยังสบายดีอยู่เลยนะเพคะ จริงสิ นอกจากสิ่งของบนโต๊ะนี้ อิ๋งอิ๋งยังใช้ผีผาด้วย นางดีดผีผาเมื่อครู่นี้"

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย ความหมายของหลี่ฮูหยินราวกับว่ายาพิษนี้ต้องมาจากวังหลวงอย่างแน่นอน

"ฝ่าบาทโปรดพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่วู่วามเล็กน้อยเพราะลูกสาวของนางเพิ่งได้รับบาดเจ็บ มิสู้ให้หมอหลวงตรวจสอบผีผาดูเสียหน่อยเถอะ" ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างอ่อนโยน

"ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูเถอะ" ประกายความไม่พอใจฉายแวบเข้ามาในดวงตาของฮ่องเต้

หมอหลวงรับคำสั่งเดินไปด้านข้างผีผาเพื่อตรวจดู ขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดสายผีผาและเห็นคราบสีดำย้อมอยู่บนผ้าเช็ดหน้าสีขาว หมอหลวงนำผ้ามาใกล้จมูกแล้วลองดม รวบรวมสติแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท บนผีผามีพิษและเป็นพิษเดียวกับที่คุณหนูหลี่ถูกวางยา"

"บังอาจ! กล้าวางยาพิษอย่างเปิดเผยในพิธีเฉลิมฉลอง ทหาร ตรวจสอบให้เจิ้น ไปนำตัวทุกคนที่สัมผัสกับผีผานี้มาที่นี่" ฮ่องเต้ตบที่เท้าแขนและพูดอย่างโกรธจัด

หยุนชางรู้สึกถึงสายตาไม่หวังดีกำลังมองมาที่นาง นางมองตามสายตานั้นไป แต่กลับเห็นว่าหัวจิ้งมองนางด้วยรอยยิ้มประหลาด หยุนชางหัวใจกระตุกวาบ หรือว่าเรื่องนี้จะมุ่งเป้ามาที่นาง?

เพียงแต่มันไม่สมเหตุสมผลเลย แม้ว่าจะถูกใส่ร้ายแต่นางก็ไม่รู้จักหลี่อิ๋งอิ๋งมาก่อนและไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายนางซึ่งเป็นเพียงลูกขุนนางเท่านั้น ภาพในอดีตชาติฉายย้อนเข้ามาในดวงตาของหยุนชาง แต่ทันใดนั้นนางก็จำฉากหนึ่งในชาติที่แล้วที่คล้ายๆ กับตอนนี้ หยุนชางยกมุมปากขึ้น นางคิดว่าชีวิตนี้จะต่างจากชาติก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามีบางเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์ก็พานางกำนัลเข้ามาสามคน "ฝ่าบาท นางกำนัลสามคนนี้เป็นผู้ที่สัมผัสกับผีผาในคืนนี้ ยามปกติผีผานี้ถูกดูแลโดยนางกำนัลสี่เอ๋อร์ วันนี้เป็นเพราะพระราชวังมีงานเลี้ยง สี่เอ๋อร์จึงมอบผีผาให้แก่เชว่เอ๋อร์เช็ดและส่งต่อให้หยุนซีที่ซึ่งผู้ใกล้ชิดของไท่เฟยเหนียงเหนียง และหยุนซีเป็นผู้นำมันมาที่นี่

ฮ่องเต้หรี่ตาลง มองไปที่นางกำนัลทั้งสามที่คุกเข่าอยู่กลางตำหนัก "พวกเจ้าทั้งสามเล่ามาโดยละเอียดว่าได้จับต้องผีผาเมื่อใดและมีผู้ใดเป็นพยานได้บ้าง"

นางกำนัลผู้คุกเข่าอยู่ตรงกลางรีบกล่าวขึ้น "หม่อมฉันคือสี่เอ๋อร์ ยามปกติหม่อมฉันเป็นผู้ดูแลผีผานี้ เนื่องจากวันนี้มีงานเลี้ยงในวัง ทุกครั้งที่จำนำผีผาออกมาใช้ต้องเช็ดก่อนทุกครั้ง ดังนั้นหม่อมฉันจึงมอบมันให้เชว่เอ๋อร์ ข้ารับใช้ทั้งหมดในหอพระราชสมบัติ

สามารถเป็นพยานได้ หลังจากที่หม่อมฉันมอบผีผาให้แก่เชว่เอ๋อร์แล้ว เชว่เอ๋อร์ก็ยังได้ลองเสียงด้วยเพคะ"

ทุกคนในตำหนักได้ยินคำอธิบายของนาง เชว่เอ๋อร์ยังลองทดสอบเสียงด้วย เช่นนั้นแล้วก็คงไม่มีพิษ หากสี่เอ๋อร์วางยาบนสายผีผา เช่นนั้นเชว่เอ๋อร์คงไม่สามารถยืนอยู่ในตำหนักนี้ได้อย่างแน่นอน

เชว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว "ใช่เพคะ ผีผาในวังหากถูกวางไว้นานจะมีเสียงเพี้ยน ดังนั้นหม่อมฉันจึงมักลองเสียงหนึ่งรอบก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ด ตอนที่หม่อมฉันเช็ดอยู่มีนางกำนัลอีกสองคนดูแลผีผาและกู่เจิง แล้วหลังจากนั้นหม่อมฉันก็มอบผีผาให้หยุนซี"

นางกำนัลคนสุดท้ายดูขลาดกลัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเชว่เอ๋อร์กล่าวถึงตน นางก็รีบเคลื่อนตัวไปด้านหน้าแล้วโขกศีรษะลงแล้วกล่าวว่า "หม่อมฉันไปเอาผีผาพร้อมกับนางกำนัลอีกสองคน พวกนางอยู่กับหม่อมฉันตลอดทางจนมาถึงในตำหนักเพคะ"

ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีหลักฐานยืนยัน หยุนชางหลุบตาลงและมองด้วยความสนใจ ตอนนี้มาดูกันว่าละครฉากนี้จะเป็นอย่างไร

ฮ่องเต้แค่นเสียงแล้วกล่าวว่า "พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าระหว่างนี้ไม่มีใครแตะต้องผีผานี้อีก?"

นางกำนัลทั้งสามส่ายหัว แต่ผู้ที่ชื่อว่าเชว่เอ๋อร์ดูลังเลเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นความลังเลเล็กน้อยนั้นก็เกิดขึ้นพอให้ทุกคนในตำหนักสังเกตได้

หัวจิ้งที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทั้งสามคน "เจ้าชื่อเชว่เอ๋อร์ใช่ไหม? เจ้านึกอะไรบางอย่างออกใช่หรือไม่? หากนึกอะไรออกก็รีบพูดออกมาเถอะ ในตำหนักนี้มีผู้คนมากมาย พวกเราย่อมช่วยเจ้าอย่างเป็นธรรม ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้"

เชว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองทุกคนด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนที่จะพูดอย่างลังเล "หม่อมฉัน… หม่อมฉันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ขณะที่นางกำนัลคนอื่นกำลังทำความสะอาดผีผา เฉี่ยนอินกูกูที่อยู่ข้างกายขององค์หญิงหยุนชางก็เคยเข้ามา บอกว่าเมื่อเช้านางกำนัลคนหนึ่งในตำหนักขององค์หญิงทำแจกันดอกไม้แตก เฉี่ยนอินกูกูบอกว่าแม้ว่าจะไม่เป็นไร แต่หากปล่อยในที่ตรงนั้นว่างเปล่าก็ดูไม่สวยงาม ดังนั้นจึงมาขอเบิกแจกัน แล้วยังบอกว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปี องค์หญิงนำขนมมาให้ทุกคนได้รับประทาน พวกเราจึงไปกินขนมกัน ตอนนั้นเฉี่ยนอินกูกูเข้ามาในหอพระราชสมบัติ"

หยุนชางหรี่ตา โอ้ ที่แท้นี่คือเหตุผลที่ฮองเฮาให้คนนำจดหมายมาขอให้เฉี่ยนอินไปรับแจกันที่หอพระราชสมบัตินี่เอง หยุนชางเคยคิดว่านางจะทำอะไรกับแจกัน แต่เมื่อนำแจกันกลับมาแล้ว หยุนชางมองดูอยู่นานก็ไม่เข้าใจ ที่แท้เป็นการจัดเตรียมเพื่อคืนนี้นี่เอง

เมื่อหยุนชางกำลังจะพูด นางได้ยินเพียงเสียง "ปัง" เชว่เอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่กลางตำหนักกระเด็นออกไปไกลแล้วกระแทกเสาในตำหนักและได้ยินเสียงโอดครวญ ทุกคนต่างตัวสั่น เพียงแค่มองก็รู้สึกเจ็บแล้ว

"จิ้งอ๋อง ท่านกำลังทำอะไร? ท่านกำลังจะฆ่าคนปิดปากหรือ?" เสียงคำรามอย่างโกรธจัดดังขึ้น เมื่อหยุนชางก็เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าถมึงทึงของอัครมหาเสนาบดีหลี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 127 หลี่อิ๋งอิ๋งต้องพิษ

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 127 หลี่อิ๋งอิ๋งต้องพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยุนชางรู้ว่าจุดออกเสียงที่โดนสกัดไว้ได้ถูกคลายออกแล้ว หัวใจของนางถูกโหมกระหน่ำไปมาด้วยแรงโทสะ เดิมทีนางคิดว่าเมื่อบอกเสด็จพ่อว่าเจ้าอาวาสอู๋น่าได้ทำนายให้นางไว้ว่านางไม่ควรแต่งงานภายในสามปีนี้ก็จะแก้ปัญหาได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะตกลงไปในแผนการของจิ้งอ๋องเช่นนี้

นางไม่ชอบความรู้สึกที่ชะตากรรมของนางถูกกุมอยู่ในกำมือของผู้อื่น หยุนชางขยับริมฝีปากยิ้มบางๆ "เสด็จพ่อ หม่อมฉัน…"

ยังไม่ทันสิ้นเสียง นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้น หยุนชางผงะไป นางหันศีรษะไปมองก็เห็นหลี่อิ๋งอิ๋งล้มลงบนพื้นและมีเลือดไหลออกจากมุมปาก

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฮ่องเต้ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "ทหาร ไปตามหมอมาเร็ว"

หยุนชางยังไม่ทันได้สติก็ถูกอุ้มไปยืนด้านข้าง หยุนชางขมวดคิ้วดึงมือที่โอบเอวออกแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม "เสด็จอา โปรดระวังกิริยาด้วย"

เสียงต่ำของจิ้งอ๋องดังขึ้นที่ข้างหูซึ่งแตกต่างจากความเย็นชาในยามปกติ ทั้งยังเจือแววขำขัน "ระวังกิริยา? ชางเอ๋อร์ เหล่าขุนนางในตำหนักนี้ต่างก็รู้แล้ว เจ้าจะกลายเป็นพระชายาของข้าในไม่ช้า"

หยุนชางขมวดคิ้ว แยกตัวออกจากจิ้งอ๋อง เดินไปที่ตำแหน่งของตนเองและยืนนิ่งมองหลี่อิ๋งอิ๋งที่ล้มลงกับพื้น เลือดที่มุมปากของนางเป็นสีดำ หรือว่านางถูกพิษ? ผู้หญิงคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของหลี่อิ๋งอิ๋งแล้ว ดวงตาของนางก็มีน้ำตาคลอหน่วย นางทรุดตัวลงคุกเข่าและกอดหลี่อิ๋งอิ๋งไว้ในอ้อมแขน "อิ๋งอิ๋ง อิ๋งอิ๋ง เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้แม่ตกใจสิ…"

แววตาของหยุนชางเปล่งประกายเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหลี่ หลังจากนั้นไม่นานหมอหลวงก็รีบเข้าไปจับชีพจรของหลี่อิ๋งอิ๋ง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกล่าวว่า "กราบทูลฮ่องเต้ คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ พิษนี้ค่อนข้างแปลก กระหม่อมไม่เคยพบมาก่อนเลย"

"ถูกพิษ? ในวังนี้จะมีพิษได้อย่างไร? ใครอยากทำร้ายคุณหนูหลี่กัน? " ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว "เจ้าพาคุณหนูหลี่ไปที่ตำหนักข้าง เรียกหมอหลวงทั้งสำนักมาวินิจฉัย เจ้าตรวจสอบของทุกสิ่งที่นางได้ใช้เถอะ"

นางกำนัลนำร่างหลี่อิ๋งอิ๋งออกไป หมอหลวงรีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว สิ่งของบนโต๊ะถูกตรวจสอบทีละรายการ แต่กลับไม่พบอะไรเลย "กราบทูลฮ่องเต้ กระหม่อมไม่พบยาพิษใดๆ เลย…"

"หือ?" ฮ่องเต้อึ้งไปพักหนึ่งแล้วก็ถอนหายใจออกมา เขาได้ยินว่าอัครมหาเสนาบดีหลี่รักหลานสาวคนนี้มาก หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวังก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสสร้างความลำบาก

หลี่ฮูหยินคนนั้นกลับรีบพูดขึ้นว่า "ฝ่าบาท เมื่อครู่อิ๋งอิ๋งยังสบายดีอยู่เลยนะเพคะ จริงสิ นอกจากสิ่งของบนโต๊ะนี้ อิ๋งอิ๋งยังใช้ผีผาด้วย นางดีดผีผาเมื่อครู่นี้"

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย ความหมายของหลี่ฮูหยินราวกับว่ายาพิษนี้ต้องมาจากวังหลวงอย่างแน่นอน

"ฝ่าบาทโปรดพระราชทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่วู่วามเล็กน้อยเพราะลูกสาวของนางเพิ่งได้รับบาดเจ็บ มิสู้ให้หมอหลวงตรวจสอบผีผาดูเสียหน่อยเถอะ" ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างอ่อนโยน

"ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูเถอะ" ประกายความไม่พอใจฉายแวบเข้ามาในดวงตาของฮ่องเต้

หมอหลวงรับคำสั่งเดินไปด้านข้างผีผาเพื่อตรวจดู ขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดสายผีผาและเห็นคราบสีดำย้อมอยู่บนผ้าเช็ดหน้าสีขาว หมอหลวงนำผ้ามาใกล้จมูกแล้วลองดม รวบรวมสติแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท บนผีผามีพิษและเป็นพิษเดียวกับที่คุณหนูหลี่ถูกวางยา"

"บังอาจ! กล้าวางยาพิษอย่างเปิดเผยในพิธีเฉลิมฉลอง ทหาร ตรวจสอบให้เจิ้น ไปนำตัวทุกคนที่สัมผัสกับผีผานี้มาที่นี่" ฮ่องเต้ตบที่เท้าแขนและพูดอย่างโกรธจัด

หยุนชางรู้สึกถึงสายตาไม่หวังดีกำลังมองมาที่นาง นางมองตามสายตานั้นไป แต่กลับเห็นว่าหัวจิ้งมองนางด้วยรอยยิ้มประหลาด หยุนชางหัวใจกระตุกวาบ หรือว่าเรื่องนี้จะมุ่งเป้ามาที่นาง?

เพียงแต่มันไม่สมเหตุสมผลเลย แม้ว่าจะถูกใส่ร้ายแต่นางก็ไม่รู้จักหลี่อิ๋งอิ๋งมาก่อนและไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายนางซึ่งเป็นเพียงลูกขุนนางเท่านั้น ภาพในอดีตชาติฉายย้อนเข้ามาในดวงตาของหยุนชาง แต่ทันใดนั้นนางก็จำฉากหนึ่งในชาติที่แล้วที่คล้ายๆ กับตอนนี้ หยุนชางยกมุมปากขึ้น นางคิดว่าชีวิตนี้จะต่างจากชาติก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามีบางเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์ก็พานางกำนัลเข้ามาสามคน "ฝ่าบาท นางกำนัลสามคนนี้เป็นผู้ที่สัมผัสกับผีผาในคืนนี้ ยามปกติผีผานี้ถูกดูแลโดยนางกำนัลสี่เอ๋อร์ วันนี้เป็นเพราะพระราชวังมีงานเลี้ยง สี่เอ๋อร์จึงมอบผีผาให้แก่เชว่เอ๋อร์เช็ดและส่งต่อให้หยุนซีที่ซึ่งผู้ใกล้ชิดของไท่เฟยเหนียงเหนียง และหยุนซีเป็นผู้นำมันมาที่นี่

ฮ่องเต้หรี่ตาลง มองไปที่นางกำนัลทั้งสามที่คุกเข่าอยู่กลางตำหนัก "พวกเจ้าทั้งสามเล่ามาโดยละเอียดว่าได้จับต้องผีผาเมื่อใดและมีผู้ใดเป็นพยานได้บ้าง"

นางกำนัลผู้คุกเข่าอยู่ตรงกลางรีบกล่าวขึ้น "หม่อมฉันคือสี่เอ๋อร์ ยามปกติหม่อมฉันเป็นผู้ดูแลผีผานี้ เนื่องจากวันนี้มีงานเลี้ยงในวัง ทุกครั้งที่จำนำผีผาออกมาใช้ต้องเช็ดก่อนทุกครั้ง ดังนั้นหม่อมฉันจึงมอบมันให้เชว่เอ๋อร์ ข้ารับใช้ทั้งหมดในหอพระราชสมบัติ

สามารถเป็นพยานได้ หลังจากที่หม่อมฉันมอบผีผาให้แก่เชว่เอ๋อร์แล้ว เชว่เอ๋อร์ก็ยังได้ลองเสียงด้วยเพคะ"

ทุกคนในตำหนักได้ยินคำอธิบายของนาง เชว่เอ๋อร์ยังลองทดสอบเสียงด้วย เช่นนั้นแล้วก็คงไม่มีพิษ หากสี่เอ๋อร์วางยาบนสายผีผา เช่นนั้นเชว่เอ๋อร์คงไม่สามารถยืนอยู่ในตำหนักนี้ได้อย่างแน่นอน

เชว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว "ใช่เพคะ ผีผาในวังหากถูกวางไว้นานจะมีเสียงเพี้ยน ดังนั้นหม่อมฉันจึงมักลองเสียงหนึ่งรอบก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ด ตอนที่หม่อมฉันเช็ดอยู่มีนางกำนัลอีกสองคนดูแลผีผาและกู่เจิง แล้วหลังจากนั้นหม่อมฉันก็มอบผีผาให้หยุนซี"

นางกำนัลคนสุดท้ายดูขลาดกลัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเชว่เอ๋อร์กล่าวถึงตน นางก็รีบเคลื่อนตัวไปด้านหน้าแล้วโขกศีรษะลงแล้วกล่าวว่า "หม่อมฉันไปเอาผีผาพร้อมกับนางกำนัลอีกสองคน พวกนางอยู่กับหม่อมฉันตลอดทางจนมาถึงในตำหนักเพคะ"

ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีหลักฐานยืนยัน หยุนชางหลุบตาลงและมองด้วยความสนใจ ตอนนี้มาดูกันว่าละครฉากนี้จะเป็นอย่างไร

ฮ่องเต้แค่นเสียงแล้วกล่าวว่า "พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าระหว่างนี้ไม่มีใครแตะต้องผีผานี้อีก?"

นางกำนัลทั้งสามส่ายหัว แต่ผู้ที่ชื่อว่าเชว่เอ๋อร์ดูลังเลเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นความลังเลเล็กน้อยนั้นก็เกิดขึ้นพอให้ทุกคนในตำหนักสังเกตได้

หัวจิ้งที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทั้งสามคน "เจ้าชื่อเชว่เอ๋อร์ใช่ไหม? เจ้านึกอะไรบางอย่างออกใช่หรือไม่? หากนึกอะไรออกก็รีบพูดออกมาเถอะ ในตำหนักนี้มีผู้คนมากมาย พวกเราย่อมช่วยเจ้าอย่างเป็นธรรม ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้"

เชว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองทุกคนด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยก่อนที่จะพูดอย่างลังเล "หม่อมฉัน… หม่อมฉันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ขณะที่นางกำนัลคนอื่นกำลังทำความสะอาดผีผา เฉี่ยนอินกูกูที่อยู่ข้างกายขององค์หญิงหยุนชางก็เคยเข้ามา บอกว่าเมื่อเช้านางกำนัลคนหนึ่งในตำหนักขององค์หญิงทำแจกันดอกไม้แตก เฉี่ยนอินกูกูบอกว่าแม้ว่าจะไม่เป็นไร แต่หากปล่อยในที่ตรงนั้นว่างเปล่าก็ดูไม่สวยงาม ดังนั้นจึงมาขอเบิกแจกัน แล้วยังบอกว่าวันนี้เป็นวันส่งท้ายปี องค์หญิงนำขนมมาให้ทุกคนได้รับประทาน พวกเราจึงไปกินขนมกัน ตอนนั้นเฉี่ยนอินกูกูเข้ามาในหอพระราชสมบัติ"

หยุนชางหรี่ตา โอ้ ที่แท้นี่คือเหตุผลที่ฮองเฮาให้คนนำจดหมายมาขอให้เฉี่ยนอินไปรับแจกันที่หอพระราชสมบัตินี่เอง หยุนชางเคยคิดว่านางจะทำอะไรกับแจกัน แต่เมื่อนำแจกันกลับมาแล้ว หยุนชางมองดูอยู่นานก็ไม่เข้าใจ ที่แท้เป็นการจัดเตรียมเพื่อคืนนี้นี่เอง

เมื่อหยุนชางกำลังจะพูด นางได้ยินเพียงเสียง "ปัง" เชว่เอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่กลางตำหนักกระเด็นออกไปไกลแล้วกระแทกเสาในตำหนักและได้ยินเสียงโอดครวญ ทุกคนต่างตัวสั่น เพียงแค่มองก็รู้สึกเจ็บแล้ว

"จิ้งอ๋อง ท่านกำลังทำอะไร? ท่านกำลังจะฆ่าคนปิดปากหรือ?" เสียงคำรามอย่างโกรธจัดดังขึ้น เมื่อหยุนชางก็เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าถมึงทึงของอัครมหาเสนาบดีหลี่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+