ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 94 เจ้าอาวาสอู๋น่าเข้าวังอีกครา

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 94 เจ้าอาวาสอู๋น่าเข้าวังอีกครา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

"องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?" เมื่อเฉี่ยนอินเห็นว่านางมีสีหน้าประหลาด แต่กลับบอกไม่ถูกว่าเป็นเรื่องน่ายินดีหรือไม่น่ายินดีกันแน่ นางจึงถามหยุนชางอย่างรวดเร็ว

หยุนชางยิ้มบางๆแล้วกล่าวว่า "หนิงเชียนและคนอื่นๆ ไล่ตามหัวจิ้งไป แต่พวกเขากลับปล่อยให้นางไปถึงชายแดนและได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายสามของแคว้นเย้หลาง"

"องค์ชายสามของแคว้นเย้หลาง? ช่วยหัวจิ้งไปได้?" เฉี่ยนอินตกตะลึงเล็กน้อย "พวกเขาพบกันได้อย่างไร? หรือว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ?"

หยุนชางแค่นเสียงอย่างเย็นชา "ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ไปเถอะ ข้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้"

เมื่อหยุนชางมาถึงตำหนักฉินเจิ้งก็พบว่าบิดาของฮองเฮาหลี่จิ้งเหยียนก็อยู่ที่นั่นด้วย เขามีสีหน้าไม่ดีนัก เมื่อเห็นหยุนชางก็แค่นเสียงและหันศีรษะไปอีกทาง

หยุนชางไม่ใส่ใจ นางย่อกายถวายพระพรต่อจักรพรรดิหนิงและกล่าวว่า "เสด็จพ่อ ลูกได้ยินว่าเรื่องที่หอสักการะทำให้จิตใจของประชาชนระส่ำระส่าย…"

ก่อนที่นางจะพูดจบก็ได้ยินเสียงเย็นชาของหลี่จิงเหยียน "ฝ่ายในไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับราชกิจ พระสนมไม่ได้สอนองค์หญิงมาหรือ?"

หยุนฉางได้ยินเช่นนั้นก็หันศีรษะและยิ้มให้หลี่จิ้งเหยียน "มารดาของชางเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ข้างกายของชางเอ๋อร์มาแต่เล็ก ชางเอ๋อร์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากฮองเฮาอยู่เสมอ ท่านมหาเสนาบดีหมายความว่าฮองเฮาอบรมข้าไม่ดีงั้นหรือ?"

จักรพรรดิหนิงขมวดคิ้ว "ชางเอ๋อร์ เจ้าพูดต่อเถอะ"

ชางเอ๋อร์จึงไม่สนใจหลี่จิ้งเหยียนอีก นางหันศีรษะกลับมาและยิ้มให้จักรพรรดิหนิง "ลูกมีทางหนึ่งที่จะทำให้เรื่องนี้สงบลง อย่างไรหากข่าวลือเหล่านี้แพร่ไปทั่วก็จะเป็นผลร้ายต่อแคว้นของเรา"

"หืม?" จักรพรรดิหนิงดูเหมือนจะไม่ได้สนใจมากนัก "ชางเอ๋อร์ลองว่ามาสิ"

"เหตุผลที่ผู้คนตกใจก็เป็นเพราะอักษรนั้นรุนแรงและปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด ซ้ำยังเป็นพิธีบวงสรวงสวรรค์เทศกาลตั้งโจ่ยอีกด้วย ทั้งเวลาและสถานที่ต่างก็บังเอิญเกินไป จึงทำให้ทุกคนจึงรู้สึกว่านี่เป็นคำเตือนจากสวรรค์ ลูกคิดว่าหากจะแก้เรื่องนี้ ก็ต้องแสดงสัญลักษณ์มงคลให้แก่ผู้คนได้เห็น"

"สัญลักษณ์มงคล? แต่ว่าชางเอ๋อร์ จะทำได้อย่างไร?" จักรพรรดิหนิงถอนหายใจ

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ลางร้ายของสวรรค์เป็นข่าวลือที่แพร่ออกไป เรื่องมงคลนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพียงคำพูดประโยคเดียว เพียงแต่ว่าคนที่พูดประโยคนี้ต้องเป็นคนที่มีเกียรติอย่างสูงในหมู่ประชาชนอย่างเช่นท่านเจ้าอาวาสอู๋น่า"

"เจ้าอาวาสอู๋น่า?" เมื่อจักรพรรดิหนิงได้ยินดังนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ทันที "จริงด้วย เจิ้นลืมไปได้อย่างไร หากเจ้าอาวาสอู๋น่าบอกว่าเขาเห็นลางร้ายจากสวรรค์ก็ต้องพยายามแก้ไขลางร้ายนั้น เช่นนั้นแล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลาย"

จักรพรรดิหนิงยิ่งคิดก็รู้สึกยินดี "ชางเอ๋อร์ เจ้าช่วยพ่อได้มากทีเดียว ทหาร"

ข้ารับใช้คนหนึ่งรีบเดินเข้ามาจากด้านนอก จักรพรรดิหนิงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "รีบไปวิหารแคว้นหนิงและเชิญเจ้าอาวาสอู๋น่ามา"

ข้ารับใช้คนนั้นรับคำแล้วถอยออกไป

เมื่อหยุนชางเห็นว่าตนบรรลุเป้าหมายแล้ว อีกทั้งหลี่จิ้งเหยียนก็อยู่ที่นี่ เขาเป็นสุนัขจิ้งจอกอยู่เสมอ กลัวว่าเขาจะมองนางได้ทะลุปรุโปร่ง หยุนชางจึงหาข้ออ้างเพื่อออกไป

ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามหลังจากที่หยุนชางกลับมาถึงตำหนักชิงซินก็ได้ยินข่าวว่าพระสนมซู่สังหารทายาทของจักรพรรดิและถูกทำโทษให้ไปอยู่ในตำหนักเย็น

หยุนชางรู้ว่าเมื่อครู่หลี่จิ้งเหยียนมาที่ตำหนักฉินเจิ้งก็เพื่อเรื่องนี้ นางจึงไม่แปลกใจเลย อย่างไรก็ตาม ในวังหลังก็ได้เกิดความสงบขึ้นอย่างน่าประหลาด ทุกคนต่างแอบคาดเดาว่าฮองเฮาเพิ่งสูญเสียลูกไป ใกล้วังชีอู๋ต่างก็เต็มไปด้วยทหารองครักษ์และไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ พระสนมซู่ก็ถูกขับไล่ไปอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เช่นนี้ใครจะมาทำหน้าที่ดูแลวังหลังแห่งนี้กัน?

สายตาของทุกคนจับจ้องมายังวังชีอู๋อีกครั้ง แต่พวกเขาไม่ได้นึกถึงฮองเฮา แต่เป็นพระสนมจิ่นซึ่งเป็นเจ้านายอีกท่านที่อาศัยอยู่ในวังชีอู๋ แม้ว่าพระสนมจิ่นจะกำลังตั้งครรภ์ แต่ความโปรดปรานของจักรพรรดิที่มีต่อนางสามารถมองเห็นได้โดยทุกคน นอกจากนี้นางยังเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่อยู่ในตำแหน่งพระสนม

ในยามที่ทุกคนคิดว่าวังหลังจะตกไปอยู่ในมือของพระสนมจิ่น จักรพรรดิกลับออกราชโองการให้หมิงไท่เฟยผู้ซึ่งไม่ได้ยุ่งกับเรื่องในวังหลังมานานแล้วเป็นผู้ดูแล

ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าแม้ว่าฮองเฮาจะยังพักฟื้นอยู่ แต่จักรพรรดิหนิงก็ไม่ได้ทอดทิ้งนาง เพราะว่าหมิงไท่เฟยเองก็แซ่หลี่ นางเป็นน้องสาวของอัครมหาเสนาบดีและเป็นท่านป้าของฮองเฮา

"องค์หญิง ฮองเฮาหลอกลวงฝ่าบาทเช่นนั้น นั่นเป็นความผิดฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิ แต่ทำไมฝ่าบาทกลับให้หมิงไท่เฟยเป็นคนดูแลวังหลังกันเล่า?" เฉี่ยนอินเพียงรู้สึกเพียงว่าหลังจากเฝ้าดูอยู่นาน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดวังหลังจึงเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้ เมื่อเห็นหน้าตาข้องใจของนาง หยุนชางก็เงยหน้าขึ้นสบตาฉิงยี ทั้งสองยิ้มน้อยๆและได้ยินเสียงอันไม่พอใจของเฉี่ยนอิน "องค์หญิงกับพี่ฉิงยีล้อเลียนข้าอีกแล้ว แต่ไม่ยอมบอกข้าว่าเป็นเพราะเหตุใด"

ฉิงยียิ้มและกล่าวว่า "เพราะฮองเฮามีพ่อที่ดีอยู่คนหนึ่งน่ะสิ นั่นก็คือท่านมหาเสนาบดีที่มีอำนาจใหญ่อยู่ในมือและพรรคพวกมากมาย แม้ว่าฝ่าบาทจะเป็นผู้ปกครองประเทศนี้ แต่ก็ไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ดังนั้นตราบใดที่เขายังเป็นมหาเสนาบดี ฮองเฮาก็จะยังคงเป็นฮองเฮา"

เฉี่ยนอินได้ยินดังนั้นก็เงียบอยู่นานก็จะพูดว่า "จริงด้วย หากเราต้องการกำจัดฮองเฮา เราก็ควรจะกำจัดมหาเสนาบดีก่อน?"

หยุนชางส่ายหัว "นั่นเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่ไม่ใช่มีเพียงวิธีนั้นวิธีเดียว"

ขณะที่นางพูดก็มีเสียงแว่วจากด้านนอก "องค์หญิง หัวหน้าขันทีเจิ้งมาเพคะ"

หยุนชางรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม "ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใดหรือ?"

หัวหน้าขันทียิ้มและมองดูหยุนชาง "องค์หญิง เจ้าอาวาสอู๋น่าเข้าวังมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่ตำหนักฉินเจิ้ง ฝ่าบาทจึงให้หม่อมฉันมาบอกองค์หญิง องค์หญิงจะไปพบเจ้าอาวาสอู๋น่าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"

หยุนชางได้ยินเช่นนี้ความรู้สึกยินดีก็ปรากฏบนใบหน้า "ไปแน่อยู่แล้ว ชางเอ๋อร์ไม่ได้พบท่านมานานแล้ว ท่านรอสักครู่ ชางเอ๋อร์ขอสวมเสื้อคลุมแล้วจะไปพร้อมกับท่านหัวหน้าขันที"

ฉิงยีรีบกลับเข้าไปหยิบเสื้อคลุมในตำหนักและช่วยหยุนชางสวม ขันทีเจิ้งมองอยู่สักพักก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า "เสื้อคลุมขององค์หญิงนี้ หากหม่อมฉันไม่ได้มองผิด คงเป็นชุดที่จิ้งอ๋องเคยถวายใช่หรือไม่? ภายหลังฝ่าบาทจึงประทานเป็นรางวัลให้แก่องค์หญิง"

"หือ?" หยุนชางแสร้งทำเป็นแปลกใจ "ชางเอ๋อร์รู้เพียงว่าเสด็จพ่อมอบให้ชางเอ๋อร์ ไม่รู้อะไรอื่นอีก ที่แท้นี่เป็นของที่เสด็จอาถวายแก่เสด็จพ่อนี่เอง"

หัวน้าขันทีได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า เขายิ้มพลางเดินตามหลังหยุนชางไปยังตำหนักฉินเจิ้ง

ภายในตำหนักฉินเจิ้ง เจ้าอาวาสอู๋น่าและจักรพรรดิหนิงกำลังเล่นหมากล้อม เมื่อหยุนชางเข้ามา ทั้งสองกำลังเดินหมากกันอย่างดุเดือด หยุนชางจึงไม่เข้าไปขัดจังหวะ เพียงยืนที่ด้านข้างมองดูอยู่นาน ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ยินเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจของจักรพรรดิหนิงดังขึ้น "ฝีมือเดินหมากของท่านเจ้าอาวาสดีขึ้นเรื่อยๆ เจิ้นแพ้เสียแล้ว"

เจ้าอาวาสอู๋น่าลูบเคราขาวของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "อมิตตาพุทธ ฝ่าบาทคงใส่ใจในงานราชการอย่างยิ่งจึงไม่มีเวลาเล่นหมากเช่นนี้ ในตอนนี้ข้าเกรงว่าแม่แต่องค์หญิงหยุนชางนั้นอาจจะฝีมือล้ำกว่าฝ่าบาทเสียอีก"

ตอนนี้เองจักรพรรดิหนิงจึงได้เห็นหยุนฉางที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าอาวาสอู๋น่าก็แลบลิ้นออกมาและมองดูกระดานหมากด้วยรอยยิ้ม "หืม? เจิ้นไม่รู้เลย ฝีมือเล่นหมากของชางเอ๋อร์ดีขนาดนั้นเชียวหรือ?"

"แน่นอน ฝีมือเล่นหมากของชางเอ๋อร์เป็น… " ตอนที่กำลังจะเอ่ยว่าเซียวหย่วนซานเป็นผู้ถ่ายทอดให้ด้วยตัวเองนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่หลัง ในใจรู้ว่าต้องเป็นหยุนชางแอบหยิกเขาแน่ เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด "เป็นอาตมาสอนนางเองกับมือ"

ในใจจักรพรรดิหนิงรู้สึกยินดีมาก "ชางเอ๋อร์เก่งกาจไม่ธรรมดาเช่นนี้เป็นเพราะท่านเจ้าอาวาสอู๋น่าสั่งสอนได้ดี เจิ้นยังไม่ได้ขอบคุณท่านให้ดีเลย"

เจ้าอาวาสอู๋นายิ้ม "อมิตตาพุทธ อาตมาและองค์หญิงเพียงมีวาสนาร่วมกันเท่านั้น เรื่องราวในระยะนี้องค์หญิงเขียนจดหมายมาถึงอาตมา อาตมาจึงพอรู้มาบ้างแล้ว ขณะที่เดินทางมานี้ก็ได้ยินมามากมาย แม้จะมีคำกล่าวว่าผู้ออกบวชไม่พูดปด แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของประชาชนแห่งแคว้นหนิง แม้ว่าองค์พระพุทธเจ้าจะกล่าวโทษ อาตมาก็ขอแบกรับความผิดไว้เอง"

จักรพรรดิหนิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้

วันรุ่งขึ้น เจ้าอาวาสอู๋น่าจึงปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองหลวงแห่งแคว้นหนิง จีวรพระของเขาไม่มีแม้ฝุ่นละออง ประชาชนต่างก็แย่งชิงกันมาดู บางครั้งเมื่อมีคนถามขึ้น เจ้าอาวาสอู๋น่าจึงกล่าวว่า "ไม่กี่วันก่อน อาตมามองไปทางเมืองหลวง เห็นว่าดาวเคราะห์ร้ายกำลังมาถึง เกรงว่าจะเกิดเรื่องจึงรีบมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อเย็นวานนี้ตอนหัวค่ำกลับมีเมฆแดงกระจายไปทั่วท้องฟ้า ทางทิศตะวันตกของพระราชวังก็ส่องแสงจางๆ เป็นดาวหงส์ที่ลงมาประทับอยู่ในผู้มีบุญท่านหนึ่งในวัง ในเมื่อในเมืองมีดาวหงส์อยู่ เช่นนั้นดาวอับโชคก็จะไม่สามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์ของมันได้ อาตมาจึงวางใจแล้ว ตอนนี้กำลังจะออกจากเมือง"

เพียงหนึ่งวัน คำพูดของเจ้าอาวาสอู๋น่าก็แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชั่วขณะหนึ่งได้มีตำนานเรื่องเล่าต่างๆแพร่ออกไปและไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องของฮองเฮาอีก เพียงแต่เมื่อพูดถึงดาวหงส์แล้วก็เพียงแต่กล่าวว่าดาวอับโชคนั้นคงได้ตกลงเสียบนตัวฮองเฮา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด