ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 123 จิ้งอ๋องเข้าวังกลางดึก

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 123 จิ้งอ๋องเข้าวังกลางดึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตั้งแต่คืนนั้น ในวังก็กลับคืนสู่ความสงบ สงบจนออกจะผิดปกติไปเล็กน้อย แต่หยุนชางกลับไม่ได้ใส่ใจนัก นางเอนกายนอนบนเบาะนุ่มๆ ทั้งวันอย่างเกียจคร้าน ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็ถึงวันที่ยี่สิบเก้าเดือนสิบสอง พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าเป็นวันสำคัญที่มีเพียงปีละครั้ง กล่าวให้ถูกก็คือ เพื่อที่จะฉลองปีใหม่แล้วคนในพระราชวังต่างก็เริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ วันที่ยี่สิบเดือนสิบสองและจะยุ่งไปจนถึงเมื่อเทศกาลโคมไฟจบลง หยุนชางเป็นองค์หญิง เรื่องต่างๆ นางจึงไม่ต้องทำด้วยตนเอง นางจึงอยู่ว่างๆ อย่างมีความสุข แต่พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยงในวัง

เพียงแต่ไม่รู้ว่าหัวจิ้งจะกลับมาไหม? หยุนชางกระตุกยิ้มบางๆ ตั้งแต่หัวจิ้งกลับมายังเมืองหลวง นางไม่เคยปรากฏตัวในวังอีกเลยโดยอ้างว่านางโศกเศร้าเกินไป แต่หยุนชางรู้ดีว่านางกลัวว่าหากนางออกมาปรากฏตัวแล้วถูกพบว่านางท้องเกรงว่าจะถูกสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของนาง

"องค์หญิง…" เฉี่ยนอินแหวกม่านเดินเข้ามา ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ "องค์หญิง ข้างนอกหิมะตกอีกแล้วเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนต้มน้ำแกงมาให้องค์หญิงอบอุ่นร่างกาย องค์หญิงรีบมาชิมเถิดเพคะ"

หยุนชางวางหนังสือในมือลง "อืม ก็ดี" นางยืนขึ้นสวมรองเท้าแล้วเดินไปที่นั่งลงโต๊ะ

"ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าคงต้องมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น อีกเดี๋ยวเจ้าสั่งลงไปว่าคืนนี้เป็นเจ้าเข้าเวร ส่วนคนอื่นให้พักผ่อนเถอะ" หยุนชางพูดเบาๆ

เฉี่ยนอินได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มและพยักหน้า "เพคะ อีกเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปบอกทุกคน ทุกคนจะต้องบอกว่าองค์หญิงมีคุณธรรมเป็นแน่ ฮิฮิ…" ที่ตำหนักนี้มีทหารองครักษ์บวกกับฝีมือการต่อสู้ของนางเองก็ไม่ด้อย หากนางเข้าเวรกลางคืน องค์หญิงย่อมไม่เป็นไรอย่างแน่นอน นอกจากนี้ในวังวุ่นวายอยู่กับงานฉลองปีใหม่ ทุกวังทุกตำหนักแทบจะบ้าไปแล้ว ควรจะให้ทุกคนได้พักผ่อน

หลังจากที่หยุนชางดื่มน้ำแกงไปสองถ้วยก็ให้เฉี่ยนอินเก็บไป อากาศหนาวเย็น กลางวันสั้นลงเรื่อยๆ ยังไม่พ้นยามโหย่วท้องฟ้าก็มืดแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว หยุนชางก็หยุดพักผ่อนแต่หัวค่ำ นางไม่ได้ฉลองส่งท้ายปีเก่าในวังมาหลายปีแล้ว แต่นางก็ยังมีความทรงจำของชาติก่อนอยู่บ้าง พิธีการที่ซับซ้อนเหล่านั้นค่อนข้างน่าเบื่อ เนื่องจากหยุนชางอนุญาตเป็นพิเศษ ตำหนักชิงซินจึงค่อยๆ สงบลง

หยุนชางหลับไปด้วยความง่วงงุน แต่ก็รู้สึกโดยตลอดว่ามีคนกำลังมองนางอยู่ในความมืด นางจึงตื่นขึ้นมาทันทีและพบว่านางไม่ได้คิดไปเอง มีคนยืนอยู่หน้าเตียงจริงๆ หยุนชางตกตะลึง นางเอามือกุมกริชที่อยู่ใต้หมอนอย่างเงียบเชียบ เมื่อสบโอกาสก็รีบแทงคนที่อยู่หน้าเตียงอย่างรวดเร็ว

คนที่อยู่หน้าเตียงนั้นดูเหมือนจะกระโดดหลบไปด้านข้างอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกตัวกริชก็ฟันเข้าที่แขนของเขาแล้ว "เป็นข้าเอง"

หยุนชางประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เสียงนี้…

"เสด็จอา?"

คนที่อยู่ด้านหน้าเตียงราวกับจะถอนหายใจเบาๆ "ดูแล้วข้าจะกังวลไปเปล่าๆ มานานขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าก็มีฝีมือเช่นนี้"

หยุนชางรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปที่โต๊ะเพื่อจุดโคมไฟแล้ว เมื่อหันกลับมาก็พบจิ้งอ๋องสวมชุดสีดำนั่งอยู่ข้างเตียงมองดูนางอย่างเงียบๆ

หยุนชางตกตะลึง ประเมินเขาอยู่ครู่หนึ่งกลับเห็นว่าเขาดูเลอะฝุ่นและมีเลือดไหลที่แขนซึ่งน่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของนางเอง

"โดนท่านหรือไม่?" หยุนชางเดินไปที่ข้างกายจิ้งอ๋อง เปิดเสื้อผ้าที่นางทำขาดและสำรวจดูใกล้ๆ นางรู้ฝีมือของนางดี และนอกจากนี้เมื่อครู่เขายังไม่ได้ทันระวังตัว กริชของหยุนชางคมมาก แผลนั้นเป็นรอยเสมอกัน ปากแผลเป็นเพียงรอยเล็กๆ เท่านั้น แต่หยุนชางรู้ว่ามันไม่ตื้นอย่างแน่นอน

หยุนชางเดินไปด้านข้างและหยิบขวดหยกขาวเล็กๆ ออกมา "เสด็จอาเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง? ทำไมถึงได้รีบร้อนเสด็จมาที่ห้องนอนของชางเอ๋อร์ โชคดีที่เสด็จอาส่งเสียงออกมาทันเวลา แต่ข้าก็ยังทำร้ายเสด็จอาเข้าให้แล้ว"

จิ้งอ๋องก้มหน้ามองหยุนชางที่กำลังช่วยเขาทำแผล ดวงตาฉายแววอ่อนโยน แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สังเกต "ว่าข้าหรือ? เจ้าจากมาโดยไม่ลาก็แล้ว ถึงเมืองหลวงแล้วยังไม่รู้จักส่งจดหมายมารายงานข้า พอจากไปก็หายไปเลยแล้วจะให้ข้าโล่งใจได้อย่างไร?"

"หือ?" หยุนชางเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางไม่ได้คิดเลยว่าเมื่อกลับมาถึงวังแล้วต้องรายงานต่อจิ้งอ๋อง นางคิดว่าความสัมพันธ์กับจิ้งอ๋องไม่ได้ดีขนาดนั้น

จากปฏิกิริยาของนาง จิ้งอ๋องก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร ในใจมีความรำคาญเล็กน้อยปรากฏขึ้น เขายิ้มอย่างเย็นชา "เดิมข้าคิดว่าสำหรับเจ้าข้าจะแตกต่างเล็กน้อย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าข้าคิดผิดไป"

หยุนชางยิ้มอย่างอึดอัดใจและก้มศีรษะลง รู้สึกปั่นป่วนเล็กน้อยในใจโดยไม่มีเหตุผล

จิ้งอ๋องก็รู้เขาเสียอาการไปเล็กน้อยจึงเริ่มจะใจเสีย ความสงบนิ่งและการควบคุมตนเองของเขากว่ายี่สิบปีหายไปไหนหมด ทำไมผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงยั่วอารมณ์ของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แบบนี้ไม่ค่อยดีนัก

จิ้งอ๋องคิดพลางยืนขึ้น ไม่ได้พูดอะไรกับหยุนชางอีกแล้วก็กระโดดออกไป

แววตาของหยุนชางหมองลง จ้องไปที่หน้าต่างเป็นเวลานานแล้วจึงรีบเดินไปที่ประตู "เฉี่ยนอิน…"

แต่นางกลับเห็นว่าเฉี่ยนอินกำลังหลับอยู่ เสียงดังขนาดนี้กลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้ หยุนชางจึงก้มศีรษะลงไปตรวจดูอย่างรวดเร็วแล้วจึงถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่มันเป็นเพียงยานอนหลับธรรมดาเท่านั้น เพียงแต่ตำหนักชิงซินของนางจะหละหลวมเกินไปแล้ว ใครอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไป… วันนี้โชคดีที่เป็นจิ้งอ๋อง หากเป็นศัตรูของนางขึ้นมา นางจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ? หยุนชางคิดคำนวณพลางเดินกลับไปที่เตียง

หลังจากที่จิ้งอ๋องออกมาจากตำหนักชิงซินแล้ว เขาไม่ได้ออกจากวังทันที แต่ไปที่ตำหนักฉินเจิ้ง

แสงไฟในตำหนักฉินเจิ้งยังคงสว่างไสว ขันที่เจิ้งยืนเฝ้าอยู่นอกประตู เขาหดเท้าและถูมือไปมา จิ้งอ๋องชะงักฝีเท้าและเดินไปข้างหน้า ขันทีเจิ้งจึงรีบมาต้อนรับเขา "ท่านอ๋อง?"

ท่านอ๋องไม่ควรอยู่ที่ชายแดนหรือ? ทำไมจึงได้กลับมาที่เมืองหลวงได้?" แล้วยังมาอยู่ในพระราชวังตอนดึกดื่น มีประกายแปลก ๆในดวงตาของเขา ในเวลานี้ประตูวังคงปิดไปนานแล้ว แต่จิ้งอ๋องกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?

จิ้งอ๋องพยักหน้า "ข้ามีเรื่องด่วนขอเข้าเฝ้าเสด็จพี่"

ขันทีเจิ้งตกตะลึงก่อนจะรีบกล่าวว่า "ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่ กระหม่อมจะเข้าไปรายงาน" เขาพูดแล้วก็รีบเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง

จิ้งอ๋องยืนอยู่ใต้ชายคาของตำหนัก เมื่อครู่กลางคืนอันเงียบสงบจู่ๆ กลับมีหิมะก็ตก จิ้งอ๋องถอนหายใจอย่างเงียบๆ รอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นที่มุมปาก มีเสียง "เอี๊ยดอ๊าด" ดังมาจากด้านหลัง จิ้งอ๋องหันศีรษะไปและเห็นขันทีเจิ้งเดินออกมา "ท่านอ๋อง ฝ่าบาทเชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ"

จิ้งอ๋องพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปในตำหนักฉินเจิ้ง ภายในตำหนักอบอุ่นมาก ที่โต๊ะที่อยู่ด้านในสุด ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ชายที่เดินเข้ามาหาเขาทีละก้าว

จิ้งอ๋องหยุดอยู่ห่างจากฮ่องเต้ห้าก้าวและคุกเข่าลง "กระหม่อมเข้าวังมาโดยพลการ ขอให้ฝ่าบาททรงประทานอภัย"

ฮ่องเต้มองไปยังชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างประเมิน สายตาของเขาหยุดอยู่ที่แขนของเขา ได้รับบาดเจ็บหรือ??

"ลุกขึ้นเถอะ เกิดอะไรขึ้น? เจ้าบาดเจ็บหรือ? เจ้าโดนลอบสังหาร?" ฮ่องเต้ยืนขึ้นและเดินเข้าไปหาจิ้งอ๋อง ดวงตาของเขาตกลงบนบาดแผลที่แขนของเขาซึ่งน่าจะได้รับบาดเจ็บจากอาวุธมีคม เพียงแต่มันดูเหมือนว่าเขาจะใส่ยาแล้ว? ยิ่งกว่านั้น ยานี้… ฮ่องเต้ได้กลิ่นยาจางๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นครีมหนิงเซียงจากในวัง? ยานี้เป็นยาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยสำนักหมอหลวงและแจกจ่ายเพียงเหล่าคนในวังเท่านั้น

จิ้งอ๋องเห็นว่าฮ่องเต้จ้องมองบาดแผลที่แขนของเขาอยู่ตลอดเวลาด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง "พ่ะย่ะค่ะ แผลนี้ไม่ได้เกิดจากมือสังหาร แต่มาจากองค์หญิงหยุนชาง เมื่อครู่กระหม่อมไปที่ตำหนักชิงซินมา องค์หญิงหยุนชางคิดว่าข้าเป็นมือสังหาร… จึง…"

ชางเอ๋อร์? ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเล็กน้อย "เหลวไหล! ชางเอ๋อร์คือองค์หญิงแห่งแคว้นหนิงและยังไม่ได้แต่งงาน แม้ว่าเจ้าจะเป็นอาของนาง แต่เจ้าบุกรุกเข้าไปในห้องนอนของนางตอนกลางดึกเช่นนี้ เจ้าคิดจะทำลายความบริสุทธิ์ของนางหรืออย่างไร?"

จิ้งอ๋องยืนตัวตรง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า "วันนี้ที่กระหม่อมมาเข้าเฝ้าก็ด้วยเรื่ององค์หญิงหยุนชางพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ยินว่าเสด็จพี่ได้รับจดหมายที่ชางเจียชิงซูขอแต่งงานแล้ว?"

"ฮ่องเต้ตกใจอีกครั้ง คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก ในงานเลี้ยงวันนั้นเขาเพียงกล่าวถึงเล็กน้อย จิ้งอ๋องรู้ได้อย่างไร? หรือว่าชางเอ๋อร์กับจิ้งอ๋อง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด