ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 226 ความลับเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของจิ้งอ๋อง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 226 ความลับเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของจิ้งอ๋อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องเร่งกลับไปหาหยุนชาง "เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าสบายดีหรือไม่?"

หยุนชางพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไร

รอบๆ ด้านมืดมิดไปหมด จิ้งอ๋องไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของหยุนชาง นานมากที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของหยุนชาง จิ้งอ๋องจึงจับมือหยุนชางไว้ " เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?"

หยุนชางเริ่มมีแรงขึ้นแล้ว จึงได้กล่าวเบา ๆว่า "ไม่เป็นกระไรเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อสักครู่นั้นถูกไล่ตามมาเป็นเวลานาน แล้วมาเจอปัญหาเช่นนี้อีก จึงรู้สึกเหนื่อยเพคะ"

จิ้งอ๋องได้ยินเสียงของหยุนชางดูอ่อนลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรมาก เขาจึงโล่งใจเล็กน้อย หยุนชางไม่มีกำลังภายใน นางเหนื่อยก็พอเข้าใจได้

"พวกเรารีบไปกันเถอะ เมื่อสักครู่นั้นข้าจุดเพลิงไป ไม่นานก็คงมีคนมาดับเพลิง ข้าคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาได้แล้ว เราวางเพลิงแล้วเอาป่าผืนนี้ จากนั้นก็สั่งให้กองทัพใหญ่เฝ้ารออยู่ตีนภูเขา หากมีคนหนีลงจากภูเขาก็ฆ่าทิ้งทั้งหมด" หยุนชางระงับความเจ็บปวดบนไหล่ไว้ กัดฟันและกล่าวอีกครั้งว่า "เมื่อสักครู่นั้นหนิงเย่และเซี่ยโหจิ้งปรึกษากัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะปล่อยให้ทหารที่อยู่ภูเขานี้ลักลอบเข้าไปในเมืองหลวง และในเมืองหลวงนั้นคงมีคนที่ถูกซื้อใจไปและมีมากกว่าหนึ่งคน การคุ้มกันของเมืองหลวงต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้ว"

หลังจากกล่าวมามากเช่นนี้ หยุนชางรู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นเจ็บปวดอย่างมาก แต่นางก็กลัวว่าคนรอบข้างจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นนางจึงกัดฟันทนไว้ นางไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้จิ้งอ๋อง

เมื่อนางเจ็บจนเหงื่อออกอย่างมากและเริ่มไม่ค่อยได้สติ เสียงของจิ้งอ๋องก็ดังมาจากข้างๆ "เอาล่ะ ตอนนี้เราไม่ต้องกลัวหมอกพิษนั้นแล้ว ข้าพบทางเดินที่เดินสะดวกอยู่หนึ่งเส้นทาง เราลงไปข้างล่างก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะทูลกับฝ่าบาท ให้เปลี่ยนกองทัพป้องกันเมืองเป็นคนที่ข้าไว้ใจ……"

หยุนชางส่งเสียง "อืม" เบาๆ และจิ้งอ๋องก็คว้ามือนางขึ้นมาอีกครั้ง แต่บังเอิญไปจับมือข้างที่หนิงเย่โจมตีไป หยุนชางเจ็บปวดจนเหงื่อออก และแทบจะเป็นลมไป

"ทำไมมือของเจ้าจึงเหงื่อออกเยอะเช่นนี้?" เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้น

หยุนชางกัดฟันและยิ้มเล็กน้อย "อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนนั้นน้อยครั้งที่หม่อมฉันจะได้ลงสนามจริง แต่คราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ลงมือ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย"

จิ้งอ๋องไม่ได้กล่าวอะไรอีก จากนั้นก็ดึงมือหยุนชางแล้วเดินไปทางด้านขวามือ

แต่ว่าเมื่อทั้งสองเดินไปยังที่ที่จิ้งอ๋องกล่าว จู่ๆในป่าทึบนั้นก็มีทหารอีกมากมายที่เฝ้าระวังอยู่โดยไม่มีเหตุผล

จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว หากมีแค่ทหารพวกนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ตนจะฝ่าลงไป แต่จิ้งอ๋องกลัวว่าทหารพวกนี้จะเป็นแค่ตัวล่อ และหากตนเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง ก็อาจมีคนหลายคนโจมตีเข้ามา

หยุนชางก็เข้าใจสิ่งนี้เช่นกัน แม้ว่าร่างกายของนางจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่นางก็รู้ว่านางอาจจะไม่สามารถลงจากน้ำตกนั้นได้อีก แต่ก็เข้าใจอย่างดีว่า ตอนนี้เซี่ยโหจิ้งทราบแล้วว่าพวกเขาไม่กลัวหมอกพิษ และแน่นอนว่าเขาคงวางกับดักไว้มากมาย แต่น้ำตกก่อนหน้านั้นจะกลายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

"เรากลับกันเถอะ" หยุนชางกระซิบ "เป็นการดีหากส่งคนมารับที่น้ำตกนั้น พวกเราอย่าได้ทำให้คนพวกนั้นตื่นตัวเลย หากตัวตนของเราถูกเปิดเผย ข้าเกรงว่าแผนการของพวกเขาจะเปลี่ยนไปด้วย เมื่อถึงตอนนั้นหากเราคิดอยากจะจับพวกมันได้ก็คงยากขึ้นกว่าเดิม เหตุที่พวกเขากล้าปล่อยพวกเราไป ก็เพราะคิดว่าพวกเราเป็นแค่คนธรรมไม่เป็นภัยต่อพวกเขา"

จิ้งอ๋องตอบรับและดึงหยุนชางเดินกลับไปทางเดิม

หยุนชางส่งสัญญาณให้คนมารอรับ และคิดในใจว่าหวังว่าจิ้งอ๋องจะไม่รู้เรื่องที่นางบาดเจ็บ ด้วยนิสัยของเขาแล้วหากทราบเช่นนี้ เขาก็โทษตัวเองไปอีกนาน

ทั้งสองเดินกลับไปทางเดิม และเดินมาเป็นระยะทางหนึ่งแล้ว ก็พบแสงจากคบเพลิงมาแต่ไกล จิ้งอ๋องพาหยุนชางเดินอ้อมไปรอบๆ แล้วได้ยินเสียงเซี่ยโหจิ้งดังมาก มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย "ใต้เท้ากั๋วกงกำลังล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?"

หยุนชางถอนหายใจ วันนี้วันอะไรกัน เหตุใดไม่ว่าเดินไปทางไหนนางก็ได้ยินคนอื่นคุยกันกระซิบกัน

หยุนชางกำลังครุ่นคิด จากนั้นนางตกใจกับคำพูดต่อไปนี้ของเซี่ยโหจิ้งจนแทบจะร้องออกมา " จิ้งอ๋องเป็นเสด็จพี่ใหญ่ได้อย่างไรขอรับ เขาคือท่านจิ้งอ๋องของแคว้นหนิงนะขอรับ"

หยุนชางสังเกตเห็นว่าร่างกายของคนที่อยู่ข้างๆ ตนนั้นแข็งเล็กน้อย และอารมณ์ที่ซับซ้อนมากก็วิ่งผ่านเข้ามาในหัวใจของหยุนชาง นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้น? นางทราบว่าจิ้งอ๋องถูกอดีตจักรพรรดิรับมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่เคยคิดว่า จิ้งอ๋องจะมีสถานะเช่นนี้

เสียงของฮวากั๋วกงดังมาน้ำเสียงนั้นเคร่งขรึมเล็กน้อย "เรื่องนี้ อ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องถามอีก บุตรที่ให้กำเนิดโดยลูกสาวของหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมจำได้ดี ที่หม่อมฉันได้ยินว่าอ๋องเจ็ดนั้นต้องการลอบสังหารเขาอยู่หลายครั้ง ฉะนั้นหม่อมฉันจึงนำเรื่องนี้มาบอกกับอ๋องเจ็ด โดยหวังว่าอ๋องเจ็ดจะทราบและไม่ทำร้ายพี่น้องของตนเอง หม่อมฉันได้ส่งสารไปให้ฝ่าบาทแล้ว อีกไม่นานฝ่าบาทก็คงเดินทางมาที่แคว้นหนิงด้วยตนเอง"

หลังจากพูดจบ ฮวากั๋วกงก็หันกลับไปและเดินตรงไปที่ค่าย

เซี่ยโหจิ้งยืนอยู่ที่เดิม ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องกระไร ผ่านไปอยู่นานแล้วจึงได้ยินเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้น "จิ้งอ๋องอย่างนั้นหรือ? หึ……"

เสียงนั้นเบามากแต่ก็สามารถทำให้หยุนชางขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

ผ่านไปอยู่นาน เซี่ยโหจิ้งก็หันหลังเดินกลับไปที่ค่าย หยุนชางกระซิบด้วยความกังวลว่า "เสด็จอาเพคะ?"

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะไม่ได้ยิน หลังจากเงียบไปอยู่นาน เขาพยักหน้าและกล่าวว่า "เราต้องรีบแล้ว หากฟ้าสางคงจะไม่สะดวกที่จะเดินทาง"

หยุนชางเห็นว่าเขามิได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินเมื่อสักครู่ นางจึงไม่กล่าวกระไรไปด้วย แต่ในใจนั้นกังวลอย่างมาก หากสิ่งที่ฮวากั๋วกงกล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้จิ้งอ๋องทราบตัวตนของตนแล้ว และตอนนี้การรบระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงอยู่ในช่วงนี้พร้อมรบทุกเมื่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าจิ้งอ๋องจะอยู่ข้างไหน หากว่าจิ้งอ๋องเลือดแคว้นเซี่ย เช่นนั้นสถานการณ์ก็คงจะแย่มาก

หยุนชางยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ นางคิดไว้ว่า ให้จิ้งอ๋องได้ใช้เวลากับข่าวที่ได้ยินมานี้สักพัก และเร่งสั่งให้คนไปสืบความจริงโดยเร็วที่สุด หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนางก็คงจะต้องคุยกับจิ้งอ๋องแล้วล่ะ ไม่ว่าในกรณีใดนางจะไม่ปล่อยให้จิ้งอ๋องกลายเป็นศัตรูของแคว้นหนิงอย่างแน่นอน

จิ้งอ๋องดึงหยุนชางกลับไปที่น้ำตกนั้น หยุนชางขมวดคิ้ว ตอนนี้เชือกเส้นนั้นได้หายไปแล้ว มันไม่ง่ายหากคิดอยากจะลงจากหน้าผาสูงเช่นนี้

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องก็ครุ่นคิดเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ให้พวกเขาจัดเตรียมที่ด้านล่างให้เรียบร้อย พวกเรากระโดดลงไปเลย"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบ หากเป็นเวลาปกติ ตนจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ตนได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสที่สุดก็จุดสะบักไหล่ หากถูกกระแทกเช่นนี้ นางก็คงเสียมือข้างนี้ไป

เพียงแต่ว่า……

"เพคะ" หลังจากผ่านไปนาน หยุนชางก็ได้ยินเสียงของตัวเองดังออกมา

หยุนชางยิ้มอย่างขมขื่น คนของเซี่ยโหจิ้งจะเริ่มเข้าสู่เมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ หากว่าตนทำให้เสียเวลาก็เกรงว่าทุกอย่างจะสายไป

จิ้งอ๋องเดินไปที่ขอบหน้าผา มองดูแหหว่านปลาและผ้าห่มหลายชั้นที่วางอยู่ แล้วจึงพยักหน้าจากนั้นหันหน้าไปพูดกับหยุนชางว่า " ข้าจะลงไปก่อนเพื่อที่จะได้รับเจ้าได้ง่าย"

หยุนชางพยักหน้าและมองดูจิ้งอ๋องกระโดดลงไป จากนั้นก็กระโดดตามเขาไป นางบอกกับตัวเองในใจว่า " ข้าจะไม่เป็นกระไร" จากนั้นก็กระโดดลงไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 226 ความลับเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของจิ้งอ๋อง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 226 ความลับเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของจิ้งอ๋อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องเร่งกลับไปหาหยุนชาง "เป็นอย่างไรบ้าง? เจ้าสบายดีหรือไม่?"

หยุนชางพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไร

รอบๆ ด้านมืดมิดไปหมด จิ้งอ๋องไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของหยุนชาง นานมากที่ไม่ได้ยินเสียงตอบรับของหยุนชาง จิ้งอ๋องจึงจับมือหยุนชางไว้ " เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?"

หยุนชางเริ่มมีแรงขึ้นแล้ว จึงได้กล่าวเบา ๆว่า "ไม่เป็นกระไรเพคะ เพียงแต่ว่าเมื่อสักครู่นั้นถูกไล่ตามมาเป็นเวลานาน แล้วมาเจอปัญหาเช่นนี้อีก จึงรู้สึกเหนื่อยเพคะ"

จิ้งอ๋องได้ยินเสียงของหยุนชางดูอ่อนลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรมาก เขาจึงโล่งใจเล็กน้อย หยุนชางไม่มีกำลังภายใน นางเหนื่อยก็พอเข้าใจได้

"พวกเรารีบไปกันเถอะ เมื่อสักครู่นั้นข้าจุดเพลิงไป ไม่นานก็คงมีคนมาดับเพลิง ข้าคิดหาวิธีจัดการกับพวกเขาได้แล้ว เราวางเพลิงแล้วเอาป่าผืนนี้ จากนั้นก็สั่งให้กองทัพใหญ่เฝ้ารออยู่ตีนภูเขา หากมีคนหนีลงจากภูเขาก็ฆ่าทิ้งทั้งหมด" หยุนชางระงับความเจ็บปวดบนไหล่ไว้ กัดฟันและกล่าวอีกครั้งว่า "เมื่อสักครู่นั้นหนิงเย่และเซี่ยโหจิ้งปรึกษากัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะปล่อยให้ทหารที่อยู่ภูเขานี้ลักลอบเข้าไปในเมืองหลวง และในเมืองหลวงนั้นคงมีคนที่ถูกซื้อใจไปและมีมากกว่าหนึ่งคน การคุ้มกันของเมืองหลวงต้องแข็งแกร่งขึ้นแล้ว"

หลังจากกล่าวมามากเช่นนี้ หยุนชางรู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นเจ็บปวดอย่างมาก แต่นางก็กลัวว่าคนรอบข้างจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นนางจึงกัดฟันทนไว้ นางไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้จิ้งอ๋อง

เมื่อนางเจ็บจนเหงื่อออกอย่างมากและเริ่มไม่ค่อยได้สติ เสียงของจิ้งอ๋องก็ดังมาจากข้างๆ "เอาล่ะ ตอนนี้เราไม่ต้องกลัวหมอกพิษนั้นแล้ว ข้าพบทางเดินที่เดินสะดวกอยู่หนึ่งเส้นทาง เราลงไปข้างล่างก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะทูลกับฝ่าบาท ให้เปลี่ยนกองทัพป้องกันเมืองเป็นคนที่ข้าไว้ใจ……"

หยุนชางส่งเสียง "อืม" เบาๆ และจิ้งอ๋องก็คว้ามือนางขึ้นมาอีกครั้ง แต่บังเอิญไปจับมือข้างที่หนิงเย่โจมตีไป หยุนชางเจ็บปวดจนเหงื่อออก และแทบจะเป็นลมไป

"ทำไมมือของเจ้าจึงเหงื่อออกเยอะเช่นนี้?" เสียงของจิ้งอ๋องดังขึ้น

หยุนชางกัดฟันและยิ้มเล็กน้อย "อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนนั้นน้อยครั้งที่หม่อมฉันจะได้ลงสนามจริง แต่คราวนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ลงมือ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย"

จิ้งอ๋องไม่ได้กล่าวอะไรอีก จากนั้นก็ดึงมือหยุนชางแล้วเดินไปทางด้านขวามือ

แต่ว่าเมื่อทั้งสองเดินไปยังที่ที่จิ้งอ๋องกล่าว จู่ๆในป่าทึบนั้นก็มีทหารอีกมากมายที่เฝ้าระวังอยู่โดยไม่มีเหตุผล

จิ้งอ๋องขมวดคิ้ว หากมีแค่ทหารพวกนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ตนจะฝ่าลงไป แต่จิ้งอ๋องกลัวว่าทหารพวกนี้จะเป็นแค่ตัวล่อ และหากตนเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง ก็อาจมีคนหลายคนโจมตีเข้ามา

หยุนชางก็เข้าใจสิ่งนี้เช่นกัน แม้ว่าร่างกายของนางจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่นางก็รู้ว่านางอาจจะไม่สามารถลงจากน้ำตกนั้นได้อีก แต่ก็เข้าใจอย่างดีว่า ตอนนี้เซี่ยโหจิ้งทราบแล้วว่าพวกเขาไม่กลัวหมอกพิษ และแน่นอนว่าเขาคงวางกับดักไว้มากมาย แต่น้ำตกก่อนหน้านั้นจะกลายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด

"เรากลับกันเถอะ" หยุนชางกระซิบ "เป็นการดีหากส่งคนมารับที่น้ำตกนั้น พวกเราอย่าได้ทำให้คนพวกนั้นตื่นตัวเลย หากตัวตนของเราถูกเปิดเผย ข้าเกรงว่าแผนการของพวกเขาจะเปลี่ยนไปด้วย เมื่อถึงตอนนั้นหากเราคิดอยากจะจับพวกมันได้ก็คงยากขึ้นกว่าเดิม เหตุที่พวกเขากล้าปล่อยพวกเราไป ก็เพราะคิดว่าพวกเราเป็นแค่คนธรรมไม่เป็นภัยต่อพวกเขา"

จิ้งอ๋องตอบรับและดึงหยุนชางเดินกลับไปทางเดิม

หยุนชางส่งสัญญาณให้คนมารอรับ และคิดในใจว่าหวังว่าจิ้งอ๋องจะไม่รู้เรื่องที่นางบาดเจ็บ ด้วยนิสัยของเขาแล้วหากทราบเช่นนี้ เขาก็โทษตัวเองไปอีกนาน

ทั้งสองเดินกลับไปทางเดิม และเดินมาเป็นระยะทางหนึ่งแล้ว ก็พบแสงจากคบเพลิงมาแต่ไกล จิ้งอ๋องพาหยุนชางเดินอ้อมไปรอบๆ แล้วได้ยินเสียงเซี่ยโหจิ้งดังมาก มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย "ใต้เท้ากั๋วกงกำลังล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?"

หยุนชางถอนหายใจ วันนี้วันอะไรกัน เหตุใดไม่ว่าเดินไปทางไหนนางก็ได้ยินคนอื่นคุยกันกระซิบกัน

หยุนชางกำลังครุ่นคิด จากนั้นนางตกใจกับคำพูดต่อไปนี้ของเซี่ยโหจิ้งจนแทบจะร้องออกมา " จิ้งอ๋องเป็นเสด็จพี่ใหญ่ได้อย่างไรขอรับ เขาคือท่านจิ้งอ๋องของแคว้นหนิงนะขอรับ"

หยุนชางสังเกตเห็นว่าร่างกายของคนที่อยู่ข้างๆ ตนนั้นแข็งเล็กน้อย และอารมณ์ที่ซับซ้อนมากก็วิ่งผ่านเข้ามาในหัวใจของหยุนชาง นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้น? นางทราบว่าจิ้งอ๋องถูกอดีตจักรพรรดิรับมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก แต่ไม่เคยคิดว่า จิ้งอ๋องจะมีสถานะเช่นนี้

เสียงของฮวากั๋วกงดังมาน้ำเสียงนั้นเคร่งขรึมเล็กน้อย "เรื่องนี้ อ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องถามอีก บุตรที่ให้กำเนิดโดยลูกสาวของหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมจำได้ดี ที่หม่อมฉันได้ยินว่าอ๋องเจ็ดนั้นต้องการลอบสังหารเขาอยู่หลายครั้ง ฉะนั้นหม่อมฉันจึงนำเรื่องนี้มาบอกกับอ๋องเจ็ด โดยหวังว่าอ๋องเจ็ดจะทราบและไม่ทำร้ายพี่น้องของตนเอง หม่อมฉันได้ส่งสารไปให้ฝ่าบาทแล้ว อีกไม่นานฝ่าบาทก็คงเดินทางมาที่แคว้นหนิงด้วยตนเอง"

หลังจากพูดจบ ฮวากั๋วกงก็หันกลับไปและเดินตรงไปที่ค่าย

เซี่ยโหจิ้งยืนอยู่ที่เดิม ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องกระไร ผ่านไปอยู่นานแล้วจึงได้ยินเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้น "จิ้งอ๋องอย่างนั้นหรือ? หึ……"

เสียงนั้นเบามากแต่ก็สามารถทำให้หยุนชางขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

ผ่านไปอยู่นาน เซี่ยโหจิ้งก็หันหลังเดินกลับไปที่ค่าย หยุนชางกระซิบด้วยความกังวลว่า "เสด็จอาเพคะ?"

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องจะไม่ได้ยิน หลังจากเงียบไปอยู่นาน เขาพยักหน้าและกล่าวว่า "เราต้องรีบแล้ว หากฟ้าสางคงจะไม่สะดวกที่จะเดินทาง"

หยุนชางเห็นว่าเขามิได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินเมื่อสักครู่ นางจึงไม่กล่าวกระไรไปด้วย แต่ในใจนั้นกังวลอย่างมาก หากสิ่งที่ฮวากั๋วกงกล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนี้จิ้งอ๋องทราบตัวตนของตนแล้ว และตอนนี้การรบระหว่างแคว้นเซี่ยและแคว้นหนิงอยู่ในช่วงนี้พร้อมรบทุกเมื่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าจิ้งอ๋องจะอยู่ข้างไหน หากว่าจิ้งอ๋องเลือดแคว้นเซี่ย เช่นนั้นสถานการณ์ก็คงจะแย่มาก

หยุนชางยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ นางคิดไว้ว่า ให้จิ้งอ๋องได้ใช้เวลากับข่าวที่ได้ยินมานี้สักพัก และเร่งสั่งให้คนไปสืบความจริงโดยเร็วที่สุด หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนางก็คงจะต้องคุยกับจิ้งอ๋องแล้วล่ะ ไม่ว่าในกรณีใดนางจะไม่ปล่อยให้จิ้งอ๋องกลายเป็นศัตรูของแคว้นหนิงอย่างแน่นอน

จิ้งอ๋องดึงหยุนชางกลับไปที่น้ำตกนั้น หยุนชางขมวดคิ้ว ตอนนี้เชือกเส้นนั้นได้หายไปแล้ว มันไม่ง่ายหากคิดอยากจะลงจากหน้าผาสูงเช่นนี้

ดูเหมือนว่าจิ้งอ๋องก็ครุ่นคิดเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวว่า "ไม่เป็นไร ให้พวกเขาจัดเตรียมที่ด้านล่างให้เรียบร้อย พวกเรากระโดดลงไปเลย"

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบ หากเป็นเวลาปกติ ตนจะไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ตนได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสที่สุดก็จุดสะบักไหล่ หากถูกกระแทกเช่นนี้ นางก็คงเสียมือข้างนี้ไป

เพียงแต่ว่า……

"เพคะ" หลังจากผ่านไปนาน หยุนชางก็ได้ยินเสียงของตัวเองดังออกมา

หยุนชางยิ้มอย่างขมขื่น คนของเซี่ยโหจิ้งจะเริ่มเข้าสู่เมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ หากว่าตนทำให้เสียเวลาก็เกรงว่าทุกอย่างจะสายไป

จิ้งอ๋องเดินไปที่ขอบหน้าผา มองดูแหหว่านปลาและผ้าห่มหลายชั้นที่วางอยู่ แล้วจึงพยักหน้าจากนั้นหันหน้าไปพูดกับหยุนชางว่า " ข้าจะลงไปก่อนเพื่อที่จะได้รับเจ้าได้ง่าย"

หยุนชางพยักหน้าและมองดูจิ้งอ๋องกระโดดลงไป จากนั้นก็กระโดดตามเขาไป นางบอกกับตัวเองในใจว่า " ข้าจะไม่เป็นกระไร" จากนั้นก็กระโดดลงไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+