ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 61 คำขอร้องของหัวจิ้ง

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 61 คำขอร้องของหัวจิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งอ๋องไม่เคยชอบเข้าร่วมงานเลี้ยงชมวิวทิวทัศน์อะไรเหล่านี้เลย นอกจากนี้หัวจิ้งและจิ้งอ๋องก็ไม่ได้คุ้นเคยกัน จู่ๆทำไมจึงได้ส่งคำเชิญถึงจิ้งอ๋องนะ?

หยุนชางเพียงอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วรีบตอบ "ได้สิ ข้าไม่ได้อยู่ในวังมาหลายปีแล้วและก็ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักใครเลย สามารถใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักคนอื่นเสียหน่อย ว่ากันว่าหญิงสาวทุกคนในราชสำนักต่างก็มีพรสวรรค์และสวยงามราวกับดอกไม้ เพียงแค่คิดข้าก็รู้สึกว่าข้ากำลังตั้งตารออยู่เลย"

หลังชิงเอ๋อร์พาหยุนชางกลับไปที่ลานแล้วก็จากไปอย่างเร่งรีบ เฉี่ยนอินเดินค้นหากลับไปกลับมาอยู่ในลานหลายรอบแล้วจึงกลับมาบอกนางว่า "ข้าดูแล้ว ข้างนอกมีคนเฝ้าอยู่เจ็ดคน แต่ไม่มีใครอยู่ในลาน ข้าเดาว่าพวกเขาคงกลัวองค์จะไล่พวกเขา"

หยุนชางพยักหน้าและไม่พูดอะไร แต่กลับเป็นฉิงยีเอ่ยปากขึ้น "ในจวนองค์หญิงนี้เต็มไปด้วยคนขององค์หญิงหัวจิ้ง เราต้องระวังตัวให้มากเพื่อให้ตกอยู่ในกับดักของนาง วันนี้หากองค์หญิงงป้องกันไว้แต่แรกจัดคนไว้ที่หอยวี่หมั่นรอไว้ล่วงหน้า เกรงว่าเรื่องในวันนี้จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง"

หยุนชางยิ้ม "ฉิงยี เจ้าไม่ฉลาดเท่าท่านแม่ เจ้าดูสิ ท่านแม่ตั้งครรภ์และนางยังเข้าไปอยู่ในวังชีอู๋ นี่เป็นเพราะอะไรกัน? เพราะวังชีอู๋เป็นที่ของฮองเฮา หากเกิดเรื่องกับนางขึ้นในวังชีอู๋แล้ว ไม่ว่าอย่างไร ฮองเฮาก็จะไม่สามารถปัดความรับผิดชอบไปได้ ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่ในจวนขององค์หญิงหัวจิ้ง หากข้าเป็นอะไรไป คนที่จะซวยก็คือ…"

"องค์หญิงหัวจิ้ง" เฉี่ยนอินหัวเราะคิกคัก "องค์หญิงช่างฉลาดจริงๆ"

หยุนชางยิ้มและมองเฉี่ยนอิน นางถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วพูดขึ้นอีกว่า "ดังนั้นชีวิตน้อยๆของข้าจึงปลอดภัยอยู่ชั่วคราว แต่หัวจิ้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาข้าเข้ามาอศัยอยู่ที่จวนองค์หญิงแห่งนี้ คิดว่าคงไม่ได้ให้มาอยู่สบายๆแน่ ให้ข้ามาเรียนรู้เรื่องจัดงานเลี้ยงหรืออะไรนั่น ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไร แต่ว่าเรื่องจะจัดการนางยังไงข้ามีความคิดอยู่บางอย่าง"

เฉี่ยนอินได้ยินดังนั้นก็รีบโน้มตัวไปข้างหน้า มองหยุนชางตาปริบๆ "ในที่สุดองค์หญิงก็จะจัดการกับผู้หญิงคนนั้นแล้วใช่หรือไม่เพคะ?"

หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ใช่แล้ว ทุกครั้งเป็นนางที่ลงมือกับข้า ทุกครั้งข้าต้องคอยเป็นฝ่ายรับมือ คราวนี้อย่างไรก็ต้องถึงตาข้าลงมือบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ?"

"องค์หญิงมีความคิดดีๆอะไรหรือเพคะ?" เฉี่ยนอินรีบถาม

หยุนชางกระพริบตาและกระดิกนิ้วเป็นสัญญาณให้ทั้งสองเข้ามาใกล้ ทั้งสองจึงรีบลุกขึ้นมา หยุนชางกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของพวกนาง ทั้งสองคนได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทางมีความสุขมาก ผ่านไปซักพักฉิงยีจึงยิ้มและพูดว่า "ข้าเห็นว่าวันนี้ ท่านฮูหยินดูเคร่งครัดในศาสนาพุทธมาก นางมององค์หญิงถือคัมภีร์พระพุทธศาสนาเดินผ่านไป แม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไร แต่ข้ามองนางแล้ว นางดูมีความสุขมาก หากทำตามวิธีนี้ขององค์หญิง นางจะต้องเชื่ออย่างแน่นอน"

หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย ในใจแอบคิดว่าเรื่องบางเรื่องถูกกำหนดไว้ให้เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่อาจลังเลจนปล่อยโอกาสอันดีเยี่ยมนี้ไป

เจ้านายและข้ารับใช้ทั้งสามพูดกันครู่หนึ่งแล้วก็พักผ่อน

หลังจากรับประทานอาหารเช้าในวันที่สอง หัวจิ้งก็นำคนมาและขอให้หยุนชางเข้ามาฟังว่า "การจัดงานเลี้ยง ถ้าเป็นเช่นงานเลี้ยงเล็กๆที่จะจัดขึ้นในเร็วๆนี้ ต่างก็เชิญเหล่าคนเก่งและหญิงงามมา สิ่งแรกที่ต้องทำคือกำหนดหัวข้อหลักของงาน หัวข้อต้องสง่างาม ตัวอย่างเช่นในครั้งนี้องค์หญิงหัวจิงตั้งหัวข้อหลักเป็นความฝันชั่วชีวิต เมื่อกำหนดหัวข้อได้แล้วก็ต้องเตรียมการเรื่องทั้งหมดให้สอดคล้องกับมัน เช่น การจัดแต่งงานเลี้ยง การแต่งหน้าและการสร้างบรรยากาศบางอย่าง แม้แต่วิธีรับแขกเข้ามาและส่งแขก การเต้นรำของนางรำ ชื่อของอาหารแต่ละจานก็ต้องสัมพันธ์กับหัวข้อหลักนี้อย่างใกล้ชิด"

หยุนชางฟังคำพูดของซีมามาแล้วก็หันศีรษะไปพูดกับหัวจิงด้วยรอยยิ้ม "ไม่คิดว่าเพียงงานเลี้ยงเล็กๆจะซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้"

หัวจิ้งพยักหน้า "ใช่แล้ว นี่เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆเท่านั้น หากเป็นงานเลี้ยงวันเกิดหรืองานแต่งงานจะยิ่งซับซ้อนกว่านี้อีก แน่นอนว่าที่ซับซ้อนที่สุดก็คืองานเลี้ยงในวัง"

"ทุกครั้งที่ข้าเข้าร่วมต่างไม่ได้รู้สึกอะไรนัก ไม่คิดว่าการเตรียมตัวจะยุ่งยากขนาดนี้" หยุนชางถอนหายใจแล้วพูดอีกครั้ง "เสด็จพี่ ข้าได้ยินชิงเอ๋อร์บอกว่างานนี้จะเชิญเสด็จอาด้วย เขาจจะมาไหมเพคะ?"

หัวจิ้งยิ้มและมองไปที่หยุนชาง "เจ้าช่างใส่ใจเสด็จอาจริงนะ ข้าส่งเทียบเชิญไปแล้ว หากเขาว่างก็คงมา"

"เป็นเพราะในราชวังแห่งนี้ข้ารู้จักคนไม่มากนัก แล้วยังจะเชิญใครมาได้อีก? มีใครอีกไหมที่ข้ารู้จัก?" หยุนชางได้ยินน้ำเสียงล้อเลียนของหัวจิ้งจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ที่เจ้ารู้จักหรือ…" หัวจิ้งเงียบไปชั่วครู่ "มีอยู่คนหนึ่ง แต่ถ้าเจ้าไม่พูดขึ้นมาข้าก็คงนึกไม่ออก พอเจ้าพูดขึ้นมาก็ทำให้ข้าปวดหัวเล็กน้อย แต่ก่อนอื่นเจ้าฟังซีมามาพูดให้จบก่อน อีกเดี๋ยวข้าค่อยบอกเจ้าทีหลัง"

หยุนชางพยักหน้าและฟังคำอธิบายของซีมามาเกี่ยวกับการเตรียมงานเลี้ยงอย่างตั้งใจ ประมาณครึ่งชั่วยามผ่านไป ซีมามาก็ยังไม่มีวี่แววที่จะหยุดพูด "กุญแจสู่ความสำเร็จของการเตรียมงานเลี้ยงนั้นอยู่ที่รายละเอียด หากใส่ใจรายละเอียดอย่างดีก็จะเป็นงานเลี้ยงที่ดี"

ฮั่วจิงเห็นว่าหยุนชางเริ่มเหนื่อยแล้วจึงโบกมือเล็กน้อย "วันนี้เท่านี้ก่อนเถอะ ถ้าพูดเยอะมากในครั้งเดียว นางก็คงฟังเข้าไปไม่หมด สู้สอนไปวันละนิดวันละหน่อย บางทีอาจจะดีกว่า"

ซีมามาพยักหน้าแล้วถอยไปอยู่ด้านข้าง หลังจากหยุนชางดื่มชาไปสองสามจิบ นางก็เอนตัวไปหาหัวจิ้งและกล่าวว่า "เมื่อครู่เสด็จพี่บอกว่ามีเรื่องน่าปวดหัวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าใครทำให้เสด็จพี่ปวดหัว ไม่สู้พูดออกมาให้ชางเอ๋อร์ฟังหน่อยดีกว่า ไม่แน่ว่าบางทีชางเอ๋อร์อาจจะช่วยอะไรได้"

หัวจิ้งพยักหน้าแล้วถอนหายใจ นางเงียบไปอยู่นานก่อนจะพูดว่า "เจ้าจำโม่จิ้งหรานได้หรือไม่?"

โม่จิ้งหราน? แสงสว่างวาบในหัวใจของหยุนชาง นางแอบหัวเราะเยาะตนเอง โม่จิ้งหราน นางจะลืมคนๆนี้ลงได้อย่างไร? นางแสร้งทำเป็นงง "โม่จิ้งหราน? ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ แต่ข้าจำไม่ได้ เขาเป็นใครหรือ?"

"ความจำของเจ้านี่… " หัวจิ้งยิ้มเล็กน้อย "เจ้าจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับชายที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ในพิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้า เขาเป็นคนเล่นเพลงให้เจ้า คนดีๆอะไรนั่น ขนาดข้าฟังแล้วยังเขินเลย"

แววเยาะเย้ยวาบขึ้นในดวงตาของหยุนชางก่อนที่นางจะแสร้งทำเป็นนึกขึ้นได้ "อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเขานั่นเอง แต่เขาไม่ใช่… "

หัวจิ้งได้ยินดังนั้น แววตาก็ฉายแววหงุดหงิดและถอนหายใจยาว "พิธีบรรลุนิติภาวะของเจ้าในวันนั้น ข้าไม่รู้ว่าถุงหอมของข้าไปอยู่ในมือของเขาได้อย่างไรจึงถูกเสด็จพ่อเข้าใจผิดไป ข้าเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?"

เมื่อได้ยินคำถามของหัวจิ้ง หยุนชางก็รีบพยักหน้า "ชางเอ๋อร์ต้องเชื่อเสด็จพี่อยู่แล้ว"

หัวจิ้งยิ้มอย่างพอใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้ "ตอนนี้ที่ข้าปวดหัวก็คือเรื่องโม่จิ้งหรานคนนี้… แต่เรื่องนี้ ชางเอ๋อร์ เจ้าสามารถช่วยข้าได้จริงๆ เจ้าเต็มใจจะช่วยข้าหรือไม่?"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด