ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง 159 งานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์ (๑)

Now you are reading ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง Chapter 159 งานแข่งขันขี่ม้าล่าสัตว์ (๑) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันที่สิบห้าเดือนสามเป็นวันดี ดอกไม้ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น วันนี้เป็นวันจัดงานเฉลิมฉลองที่แคว้นหนิงจัดขึ้นสำหรับการมาเยือนของแคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลาง หยุนชางนั่งอยู่บนรถม้าในขบวนเสด็จตามจักรพรรดิหนิงและฮองเฮาไปยังเขตล่าสัตว์ในเขตชานเมืองด้านตะวันออก นอกป่าเป็นพื้นที่โล่งที่ถูกจัดวางอัฒจันทร์ไว้ หยุนชางจึงเดินไปนั่งลงบนอัฒจันทร์

ฮองเฮามองดูหยุนชางและตรัสด้วยรอยยิ้มว่า "เหล่าบุตรีของข้าราชบริพารหลายคนในเมืองหลวงต่างก็มากันแล้ว ชางเอ๋อร์จะไม่ไปสนทนากับพวกนางหน่อยหรือ?"

หยุนชางจ้องมองเหล่าสตรีที่กระซิบกระซาบกันอยู่ในลานและส่ายหัว "ก่อนหน้านี้ชางเอ๋อร์เคยได้พบกับพวกนางที่งานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาซุ่นชิ่งอ๋อง พวกนางรวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ชางเอ๋อร์ไม่ค่อยออกไปไหนและไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก ดังนั้นพวกนางพูดอะไรชางเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจ นอกจากนี้หากชางเอ๋อร์เข้าไป พวกนางก็มักจะเกรงฐานะของชางเอ๋อร์จึงคุยกันไม่สนุก ชางเอ๋อร์จะไปขัดความสุขของพวกนางได้อย่างไร?

เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะอึ้งไป นางยิ้มและยื่นมือออกมาแตะมือของหยุนชางเบาๆ "เด็กดี แต่หากเจ้าเป็นเช่นนี้ ต่อไปแต่งงานกับจิ้งอ๋องแล้วจะทำอย่างไร? แม้ว่าหลายปีมานี้จวนจิ้งอ๋องจะไม่ได้ไปมาหาสู่กับผู้คนมากมาย แต่ก็เป็นเพราะในจวนไม่มีสตรีคอยกำกับดูแล หากเจ้าแต่งงานกับเขาแล้วเจ้าก็จะเป็นชายาของจิ้งอ๋อง โดยธรรมชาติแล้วเจ้าต้องคอยสร้างสัมพันธ์อันดีกับตระกูลขุนนางอื่นๆ แม้ว่าเหล่าหญิงสาวพวกนี้จะดูไม่สำคัญอะไรในตอนนี้ แต่ภูมิหลังของพวกนางก็ไม่เลวเลย ในอนาคตพวกนางจะแต่งงานเข้าตระกูลดังไปเป็นฮูหยินเอก หากเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกนางอย่างไรก็ไม่เลวเลย อย่าได้ดูถูกผู้หญิง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เพียงลมปากของฮูหยินเอกสองสามคำก็ทำให้เรื่องเปลี่ยนไปได้อย่างเงียบๆ"

ร่างกายของหยุนชางเกร็งขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่ฮองเฮาพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก แต่เพราะมันสมเหตุสมผลเกินไปจึงทำให้หยุนชางรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย หากเป็นเมื่อก่อน ฮองเฮาก็น่าจะหวังว่านางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย หลังจากแต่งงานออกไปกับใครสักคน นางก็จะทำให้จวนวุ่นวายกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ เช่นนั้นย่อมตรงใจนางที่สุด แต่จู่ๆ นางกลับพูดเรื่องเช่นนี้กับตัวเอง

"แต่ชางเอ๋อร์ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกนางกำลังคุยอะไร…" หยุนชางก้มศีรษะลง ท่าทางน้อยอกน้อยใจ

หยวนเจินฮองเฮาหรี่ตาลง สายตาของนางแฝงไปด้วยรอยยิ้ม "เดิมทีข้าอยากให้เจ้าเรียนรู้จากจิ้งเอ๋อร์สักหน่อย แต่เกรงว่าจิ้งเอ๋อร์เองก็รับมือได้ค่อยดีนัก นางทำเรื่องราวเช่นนั้นออกมาก็เป็นเพราะแม่อย่างข้าอบรมสั่งสอนไม่ดีเอง แม้เจ้าจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของข้า แต่เจ้าก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยข้า พี่สาวของเจ้าเป็นอย่างนั้นไปเสียแล้ว แม่หวังว่าเจ้าจะสามารถเป็นพระชายาของจิ้งเอ๋อร์ได้อย่างราบรื่น อีกเดี๋ยวแม่จะส่งมามาสองคนไปอยู่ข้างเจ้าเพื่อสอนเรื่องที่ชายาเอกต้องรู้ก็แล้วกัน แต่แม่จะไม่บังคับเจ้า หากเจ้าคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมีเหตุผลก็จงฟังเถิด แต่ถ้าคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นไม่สมเหตุสมผลเลย เจ้าก็ลืมมันไปเสีย"

หยุนชางได้ยินดังนั้น ในใจของนางจึงตระหนักได้ถึงความจริง ฮองเฮาทำร้ายนางทั้งทางตรงและทางอ้อม นางจึงยังคงรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย เมื่อนางได้ยินอย่างนี้นางจึงค่อยโล่งใจ ยังดีที่เพียงแค่ให้มามาสองคนมาอยู่ข้างกายนางเท่านั้น นอกจากนี้นางก็ต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้จริงๆ คำสอนของท่านตาก่อนหน้านี้ทำให้นางได้เรียนรู้วิชาดนตรี หมากรุก อักษร การวาดภาพ และแม้กระทั่งศิลปะการต่อสู้ มีเพียงเรื่องที่หญิงสาวควรเรียนรู้ที่นางกลับไม่ค่อยเข้าใจนัก

"ถ้าเช่นนั้นก็ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่" หยุนชางยิ้มตาหยี

ฮองเฮาพยักหน้าและพูดอย่างนุ่มนวลว่า "ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าอาจจะยังระแวงข้าอยู่อย่างมาก แต่ก็ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าตอนนี้เจ้าโตแล้ว ย่อมรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาสอนเจ้านั้นมีประโยชน์หรือไม่ เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งงาน พอเจ้าแต่งงานออกไปแล้ว เจ้าก็จะไม่ได้อยู่ในวังอีกและไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อข้า แล้วข้าจะเอาเรื่องเจ้าไปมากมายทำไม?"

หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น ฮองเฮาดีขึ้นมากจริงๆ ทั้งเรื่องร้ายและดีต่างก็พูดออกมาจนหมด แล้วนางจะยังมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมรับอีก? หยุนชางยิ้มแล้วพูดว่า "เสด็จแม่คิดมากไปแล้ว ชางเอ๋อแต่เล็กไม่มีแม่อยู่ข้างกาย เรื่องบางเรื่องข้าก็ความรู้น้อยยิ่งนัก แม้ว่าเสด็จแม่จะไม่ส่งคนมา ผ่านไปไม่นาน เกรงว่าชางเอ๋อร์คงต้องไปขอเสด็จแม่เสียเอง"

ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองหยุนชางและไม่ได้พูดอะไรอีก นางหน้าไปมองจักรพรรดิหนิงที่กำลังสนทนาอยู่กับจิ้งอ๋องในลาน ดวงตาแฝงแววเย้ยหยันจางๆ

จักรพรรดิหนิงก้าวขึ้นมาบนอัฒจันทร์ หลังจากที่ทุกคนทำความเคารพแล้ว เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า "งานวันนี้เป็นการต้อนรับการมาเยือนของทูตแห่งแคว้นเซี่ยและแคว้นเย้หลาง มีการแข่งขันล่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็สามารถเข้าร่วมได้แต่จะแบ่งเป็นกลุ่มชาย-หญิง เหล่าชายหนุ่มล่าสัตว์ หญิงสาวแข่งขันขี่ม้าก็แล้วกัน ผู้ชนะจะได้รับรางวัล ส่วนผู้ที่ไม่เข้าร่วมการแข่งขันก็สามารถให้กำลังใจแก่คนที่ตนเอาใจช่วยได้ แสดงความสามารถก็มีรางวัลเช่นกัน ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์ไปรายงานตัวกับจิ้งอ๋อง ส่วนผู้ที่เข้าร่วมการประชันความสามารถก็ไปหาหัวจิ้งก็แล้วกัน"

ทุกคนรับคำสั่ง บรรยากาศในลานก็คึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นมา ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปลงชื่อเข้าแข่งขัน หยุนชางมองตามแล้วยิ้มจางๆ แต่กลับเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งก้าวออกมายิ้มและพูดว่า "ได้ยินมาว่าฝีมือขี่ม้าของแม่นางชางยางแห่งแคว้นเย้หลางนั้นไร้เทียมทาน เพียงแต่เหล่าสตรีแห่งแคว้นหนิงของเราส่วนใหญ่ชอบการดนตรี เดินหมาก ประดิษฐ์อักษร และการวาดภาพเท่านั้น ลงชื่อร่วมแข่งขันขี่ม้าน้อยมาก หรือว่ารางวัลนี้จะเป็นการมอบให้แม่นางชางยางโดยตรง?"

หยุนชางเงยหน้าขึ้น หางตานางกระตุก จิ่งเหวินซี? คราวที่แล้วที่ฟังนางพูดที่จวนซุ่นชิ่งหวังแล้วดูเหมือนเป็นคุณหนูที่ถูกตามใจจนนิสัยเสีย ทำไมคราวนี้นางจึงแสร้งทำเป็นจริงจังขึ้นมาได้?

"ใครว่าอย่างนั้น? ใครบอกว่าสตรีแคว้นหนิงของเราเพียงรู้แต่การดนตรี เดินหมาก ประดิษฐ์อักษร และการวาดภาพเท่านั้น เพียงแต่เจ้าทำไม่เป็นก็คิดว่าคนอื่นจะไร้ความสามารถหรือไง?" มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น หยุนชางมองไปก็เห็นหญิงสาวสวมชุดสีแดงยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน รูปลักษณ์ของนางเปี่ยมไปด้วยความองอาจ รอยยิ้มมุมปากของนางติดจะเย็นชาเล็กน้อยกลับทำให้คนเกรงกลัวที่จะมองนาง

หยุนชางรู้สึกว่าน่าสนใจเล็กน้อย นางจึงพึมพำกับตัวเองว่า "หรือว่าแม่นางผู้นี้จะสามารถขี่ม้าล่าสัตว์ได้?"

ดูราวกับฮองเฮาจะได้ยินคำพูดของหยุนชางด้วย นางมองไปยังหญิงชุดแดงด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า "ชางเอ๋อร์ไม่เคยพบแม่นางผู้นี้หรือ? ข้ามักเห็นพี่ชายของนางมักจะอยู่กับจิ้งอ๋องและคิดว่าเจ้าจะรู้จักนางเสียอีก? นี่คือบุตรสาวของเจ้ากรมกลาโหม หวังจินเหยียน"

"หือ?" หยุนช้างเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ แล้วพินิจนางอย่างละเอียด เครื่องหน้าของหญิงผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับหวังจิ้นฮวนอยู่บ้าง ในใจจึงเกิดความรู้สึกดีขึ้นมามาก แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่ว่างงานเสเพลอย่างเช่นหวังจิ้นฮวนจะมีน้องสาวเช่นนี้

จิ่งเหวินซีแอบกัดฟันแน่น นางดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหวังจินเหยียนจึงแค่เสียงและพูดว่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่าจิ้งอ๋องทรงโปรดปรานองค์หญิงหยุนชางเป็นอย่างมาก ในเมื่อจิ้งอ๋องเป็นดังเทพสงครามแห่งแคว้นหนิง หญิงสาวที่คว้าใจเขาได้ย่อมไม่ธรรมดาและต้องเก่งในการขี่ม้าล่าสัตว์มาก ไม่สู้ขอให้องค์หญิงหยุนชางมาช่วยทำให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาและคว้ารางวัลนี้กลับมา เป็นอย่างไรเพคะ?"

หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น ที่แท้ก็มาหาเรื่องนางนี่เอง? แต่ว่าน้ำเสียงและคำพูดนั้นกลับคล้ายกับของชางยางอวี้เอ๋อร์ยิ่งนัก ไม่น่าแปลกใจเลย จิ่งเหวินซีก็มีบางอย่างที่เหมือนกันกับชางยางอวี้เอ๋อร์จริงๆ นั่นก็คือพวกนางทั้งคู่ชอบจิ้งอ๋องและไม่น่าแปลกใจที่ตนเองจะกลายเป็นขวากหนามขวางทางของพวกนาง สายตาของหยุนชางจ้องมองไปที่จิ้งอ๋องซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชนและแอบฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ บอกแล้วว่าสาวงามเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจิ้งอ๋องกลับเป็นบ่อหายนะนั้นเสียเอง

หยุนชางยิ้มบางๆ "ชางเอ๋อร์ขี่ม้าไม่เป็น"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด